Share

บทที่ 6 น้ำตาแม่

last update Last Updated: 2025-11-20 11:54:22

บทที่ 6 น้ำตาแม่

ไท่หวงไท่โฮว่นั่งนิ่งงัน ท่ามกลางแสงตะวันเช้าสีอ่อนที่ลอดผ่านบานหน้าต่าง ซึ่งเปิดออกเพียงเล็กน้อยเพื่อรับลมอ่อน ๆ กลิ่นดอกเหมยแผ่วปลายลม แต่กลับไม่อาจกลบกลิ่นความตึงเครียดที่ลอยคลุ้งอยู่ในตำหนักได้

เสียงฝีเท้าขันทีค่อย ๆ ก้าวเข้ามา ก่อนจะหมอบลงกับพื้น หยุดอยู่ในระยะที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตา

ลมเช้านั้นพัดพาเอาข่าวลือเข้ามาในวังหลังเร็วยิ่งกว่าใบบัญชาใด ๆ

“ไท่หวงไท่โฮว่เกรงกลัวอดีตซูเฟย จึงลอบปลงพระชนม์…”

“เจิ้งซูเฟยเกือบสิ้นใจ แต่ฮ่องเต้มาถึงทันเวลา…”

“หรือแท้จริง ฮ่องเต้เล็งเห็นว่ามารดาผู้ให้กำเนิดควรมีที่ในราชสำนัก…” แผนการของใครบางคนที่นางนึกสงสัย เป็นแผนการของหลานรักของตนนี่เอง

ไท่หวงไท่โฮว่เพียงหลับพระเนตร แย้มพระโอษฐ์น้อย ๆ คล้ายหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นบางเบา แต่กลับทำให้ขันทีรู้สึกเหมือนมีคมมีดบางเฉือนผ่านต้นคอ

“พวกเขาคิดว่าข้าเป็นใครกัน… แม่เลี้ยงที่ทำเพื่อบัลลังก์มาตลอดงั้นหรือ” พระสุรเสียงเย็นเรียบแต่แฝงรอยเย้ยหยัน

ขันทีคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าไม่กล้าส่งเสียงตอบ เพียงก้มศีรษะต่ำจนหน้าผากเกือบติดพื้น เพราะในวังนี้ไม่มีผู้ใดกล้าคิดว่านางคือ มารดาผู้ให้กำเนิด ของฮ่องเต้ หากเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่มีวันทำทุกอย่างเพื่ออำนาจของตนอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้

นับตั้งแต่โอรสลืมตาดูโลก นางได้ขีดเส้นทางชีวิตเขาด้วยมือของตนเอง บัญชาการบ้านเมืองจากหลังม่านตั้งแต่รัชศกก่อน เพราะฮ่องเต้พระองค์นั้นขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงห้าพรรษา ตลอดหลายสิบปี นางไม่เคยปล่อยมือจากบังเหียนแห่งอำนาจ แม้เมื่อถึงเวลาต้องยกตำแหน่งให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ตาม

แต่ทันทีที่โอรสแต่งตั้งฮองเฮา และเริ่มโอนอำนาจกลับไปยังตำหนักหน้า วังหลังซึ่งเคยอยู่ในกำมือของนางก็เริ่มสั่นคลอน วุ่นวายมาตั้งแต่วันนั้น…

นางลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายพระเนตรนิ่งเหมือนสายน้ำ แต่แฝงประกายบางอย่างที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตานานเกินหนึ่งลมหายใจ

“เตรียมตำหนัก อย่าให้มีแม้แต่รอยฝุ่น ข้าจะเชิญคนของข้ามา”

ขันทีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “เชิญ…เพื่อตรัสสั่งการหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ใช่สั่งการ…ไม่ใช่กล่าวโทษให้พวกเขาสำนึกและจำว่า…ใครคือนาย” รอยยิ้มของนางอ่อนโยนราวมารดาที่กำลังเอ็นดูบุตร

“ให้ทุกคนรู้…ว่าจะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ต่อให้เจิ้งซูเฟยกลับมา”

เมื่อขุนนางที่ใกล้ชิดถูกเชิญเข้ามาในตำหนัก บรรยากาศที่ครอบงำก็เป็นทั้งความเกรงขามและความอึดอัด ไท่หวงไท่โฮว่นั่งบนบัลลังก์รอง พระพักตร์สงบ แต่ทุกถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับเหมือนคมดาบที่ตัดทางเลือกของคนฟัง

“แม้นางจะเป็นมารดาโดยสายเลือด…แต่ข้าคือผู้เลี้ยงดูเขามาด้วยมือของข้าเอง” เสียงนางไม่ดังมาก แต่ชัดเจนพอให้ทุกคนในห้องได้ยิน

“ข้าไม่เคยคิดแย่งบัลลังก์ ไม่เคยอาฆาตนางที่หมายจะสังหารโอรสของข้า เรื่องในอดีตข้าวางทิ้งไปหมดแล้ว…ข้าเพียงหวั่นใจว่า สิ่งที่ดีแล้ว จะกลับกลายเป็นไฟเผาราชสำนัก”

ถ้อยคำนั้นถูกกล่าวพร้อมเสียงสะอื้นแผ่วเบา มือเรียวยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา เสียงหยดน้ำตาตกกระทบเนื้อผ้าดังแผ่ว แต่กลับชัดเจนในความรู้สึกของผู้ฟังมากกว่าสิ่งใด

จิ่นกั๋วกงก้มศีรษะกลับออกไปพร้อมความลังเล อ๋องตงหลี่ที่ปกติช่างวาจากลับเงียบไปทั้งวัน แม้แต่แม่ทัพใหญ่ก็เอ่ยกับบุตรชายอย่างครุ่นคิด

“หากพระมารดาที่แท้จริงกลับมา แต่ทำให้แผ่นดินไม่สงบ…เจ้าจะเลือกสิ่งใด”

ฝั่งเจิ้งซูเฟย แม้ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ แต่ข่าวลือในวังเดินเร็วกว่าลมเหนือ หญิงรับใช้คนหนึ่งเอ่ยกระซิบระหว่างเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง

“ไท่หวงไท่โฮว่ถึงกับทรุดป่วยนอนไม่ลุก…ตรัสเพียงว่าคิดถึงฝ่าบาท ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”

เจิ้งซูเฟยเพียงยิ้มเยียบ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย

“เมื่อศัตรูไม่ยกดาบ…ก็ยิ่งยากรับมือกว่าเดิม”

สตรีคนสนิทของนางขมวดคิ้ว “ท่านจะรับมือเช่นไรเพคะ”

“บนกระดานหมาก…นางเดินหมากเป็นน้ำตา” ซูเฟยเอ่ยพลางหยิบหมากตัวหนึ่งขึ้นหมุนระหว่างปลายนิ้ว “แต่บนแผ่นดินจริง…เลือดยังไหลไม่หยุด” นางวางหมากลงช้า ๆ แววตาสงบนิ่งแต่ลึกลงไปกลับเป็นประกายแข็งกร้าว

“หากการสะดุดครั้งนี้หมายถึงความพินาศของไท่หวงไท่โฮว่…ข้าจะยอมสะดุดเสียเอง”

หญิงคนสนิทลังเล “แต่วังหลังนี้มิใช่ที่ของคนพ่ายแพ้ หากท่านก้าวพลาด”

“ข้ารู้” ซูเฟยขัดขึ้นอย่างหนักแน่น “แต่ในหมากรุก…บางครั้งการยอมเสียตัวหมากหนึ่ง อาจเป็นหนทางสู่ชัยชนะ”

นางเหยียดยิ้มอีกครั้ง “อย่าลืม…ข้าไม่เคยเล่นเพื่อรักษาเพียงตัวหมาก ข้าเล่น…เพื่อชนะทั้งกระดาน แม้แต่ชีวิตข้า ข้ายังเคยเดิมพันกับมันไปแล้วหนหนึ่ง”

เสียงลมภายนอกพัดแรงขึ้น บานหน้าต่างสั่นน้อย ๆ ราวกับเตือนว่า ในวังหลังนี้ พายุลูกใหญ่กำลังก่อตัว และครั้งนี้…ไม่มีใครรู้แน่ว่าใครจะเป็นฝ่ายล้มก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 17 พิษในร่มเงา

    บทที่ 17 พิษในร่มเงามีดที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้ม อันตรายยิ่งกว่าหอกทิ่มตรงหน้า และบางครั้ง การไว้ใจผิดคน…ก็เท่ากับเชิญภัยมาถึงตำหนักหลังการพิจารณาคดีในท้องพระโรง เจิ้งซูเฟยกลับตำหนักอย่างสงบ แต่ภายในวังยังมีแรงสั่นสะเทือนอยู่เงียบ ๆเพียงหนึ่งวันหลังจากนั้นขันทีผู้ดูแลตำหนักไท่ฮวา เอ่ยต่อไท่เฟยด้วยความนอบน้อม“เสี่ยวหลิง ลูกสาวมัวมัวเก่าผู้จงรักภักดี…ได้สมัครเข้ารับใช้ในตำหนักไท่เฟยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไท่หวงไท่โฮว่เพียงพยักหน้า แต่สายพระเนตรเย็นดุจน้ำแข็ง“บอกนางว่า…ข้าต้องการความจริง ไม่ใช่ความภักดี”เสี่ยวหลิง นางอายุเพียงสิบหกปี ใบหน้ากลมขาว ผูกเปียเล็กหลังศีรษะ พูดจาเรียบร้อย ไม่สอดรู้ ไม่เสนอตัวเกินงามวันแรกที่เข้าตำหนัก เจิ้งซูเฟยมองอย่างเรียบเฉย“เจ้าชื่ออะไร”“เสี่ยวหลิงเพคะ มารดาเคยทำงานในวังสมัยก่อน”“ข้าไม่ถามเรื่องมารดา ข้าถามว่าเจ้าตั้งใจจะรับใช้อย่างไร”คำตอบที่เสี่ยวหลิงตอบ คือการก้มกราบลงอย่างเงียบงันหลายวันผ่านไปเสี่ยวหลิงดูเป็นเด็กขยัน ซื่อสัตย์ ไม่เคยซุบซิบ แต่นางมักอยู่ใกล้เอกสาร โต๊ะเขียนหนังสือ หรือห้องเก็บของสำคัญ และทุกค่ำคืน จะกลับห้องช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อยเสมอคนส

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 16 หรงชิง บุรุษผู้หวนคืนจากความตาย

    บทที่ 16 หรงชิง บุรุษผู้หวนคืนจากความตายบางคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว บางคนภาวนาให้เขาตายเสียที แต่เขากลับก้าวเข้าสู่ประตูวัง…ด้วยเท้าที่มั่นคง และหัวใจที่ยังภักดีต่อความจริงต้นฤดูใบไม้ร่วง ลมแล้งพัดแรงจากชายแดนเหนือ คาราวานหนึ่งจากแดนเถื่อนเคลื่อนเข้าสู่พระนครอย่างไร้ผู้เหลียวแลทว่าในหมู่ผู้เดินทางนั้น…มีชายสวมผ้าหยาบซีด ไม่เผยใบหน้า“นั่น…หน้าคล้ายอัครเสนาบดีหรงชิง!”“เป็นไปไม่ได้! เขาถูกประหารไปแล้วเมื่อสิบปีก่อน!”ข่าวลือแพร่กระจายดุจไฟลามหญ้าในวังหลวงขุนนางชราหน้าซีดเผือด ขุนนางรุ่นใหม่เริ่มตั้งคำถามราชสำนัก…เคยฆ่าคนผิดหรือไม่ในตำหนักลับของขุนนางผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ชายในชุดหยาบเผยโฉมอย่างชัดเจนต่อหน้าฮ่องเต้“หม่อมฉัน…หรงชิง ขอกลับมาสู่แผ่นดินภายใต้พระบารมีอีกครั้งสิบปีที่ผ่านมา…หม่อมฉันมิได้ตาย แต่ถูกขับให้ลี้ภัย รอวันที่ความจริงจะได้เป็นธรรม”เขาคลี่ผ้าผืนหนึ่งออกในนั้นคือจดหมายของเจิ้งซูเฟยจากสิบปีก่อนหมึก ตราประทับ และลายมือ…ตรงกับต้นฉบับทุกประการเนื้อความในจดหมายนั้น…มิใช่ถ้อยคำแห่งความรักแต่คือถ้อยคำแห่งความกล้า“…แม้ข้าจะไร้อำนาจ แต่หากท่านยังมีเมตตา ขอท่านอย่าปล่

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 15 อ้อมกอดที่แสนคนึงหา

    บทที่ 15 อ้อมกอดที่แสนคนึงหาใต้เงามืดในวังหลังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินลัดเลาะตามเงาที่ถอดยาว เมื่อถึงตำหนักของเจิ้งซูเฟย หนึ่งในชายชุดดำก็แยกตัวออกมาและเล้นกายเข้าไปภายในประตูไม้เปิดออกช้า ๆเงาร่างสูงสง่าในชุดคลุมไหมเข้มก้าวเข้ามาเงียบ ๆ ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์เมื่อเห็นเจิ้งซูเฟยที่กำลังนั่งให้คนสนิทพันผ้าพันแผลให้อยู่ ร่างสูงก็ยืนนิ่งราวกลับถูกแช่แข็งไว้ สนิทของเจิ้งซูเฟยเห็นผู้บุกลุกก็รีบลุกแล้วออกไปด้านนอกในทันทีชายในชุดดำทรุกกายลงนั่งแทนที มือหนาพันแผลที่ยังค้างเอาไว้ต่ออย่างเบามือเขาเงยหน้าสบตาคนตรงหน้าที่มีดวงตาเช่นเขา“มาสาย”“เสด็จแม่ไม่เห็นต้อง…ทำเช่นนี้”“นางจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมเจ้าให้ตำแหน่งแม่ง่ายดาย”“แต่แขนของท่าน หากข้าไปช้าอีกนิด ไม่รู้ว่า” เขาตอบเสียงแผ่ว “เสด็จย่าจะทำเช่นไรกับท่านต่อ ในตำหนักนั่นมีแต่คนของนาง”เจิ้งซูเฟยยกยิ้มบาง ดวงหน้าอ่อนโยนอย่างที่ไม่มีใครในวังเคยเห็น“แต่เจ้าก็ไปทันมิใช่นหรือ เจ้าโตแล้วจริง ๆ เจ้า…โตพอจะปกป้องแม่แทนแล้ว”“อย่าทำเช่นนี้อีก หากข้าเห็นท่านต้องบาดเจ็บตรงหน้า ไม่รู้ว่าทนเปิดบังความรักที่ข้ามีต่อท่านได้แค่ไหน”“มากกว่า

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 14 บาดแผล

    บทที่ 14 บาดแผลไท่หวงไท่โฮ่วทรงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพระเนตรวาวขึ้นเหมือนประกายเหล็กกระทบกัน พระสุรเสียงแผ่วต่ำแต่ทิ่มแทงราวคมดาบ“สามหาว… เจ้าอย่าคิดว่าเพียงเพราะหวงเชิงมอบตำแหน่งให้ เจ้าจะมีสิทธิ์เอื้อนเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ต่อหน้า ข้า ได้”สุรเสียงแผ่วต่ำแต่แฝงแรงกดดันจนลมหายใจในตำหนักหนักอึ้ง “แม้ตอนนี้ข้าจะไม่ได้บัญชาหลังม่าน แต่วังหลังแห่งนี้… ข้าต่างหากคือผู้เป็นใหญ่ที่สุด”เจิ้งซูเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงนั้นเบาราวจะกลืนหายไปในอากาศ แต่กลับบาดลึกกว่าเสียงตวาดใด ๆ“เพียงแค่ ตอนนี้ เท่านั้น… เสด็จแม่”คำเรียกขานนั้นทำให้วังเวงทั้งตำหนักราวหยุดนิ่ง เวลานับสิบปีไม่เคยได้ยินคำนี้จากปากนาง แต่ครานี้กลับถูกเอ่ยออกมาอย่างจงใจ ราวใบมีดที่ทิ่มลึกลงในอดีตแววตาของไท่หวงไท่โฮ่วฉายประกายเย็นยะเยือกปนเดือดดาล ความเยือกนั้นเหมือนน้ำแข็งในฤดูหนาว ขณะความเดือดดาลเหมือนเพลิงที่กำลังบีบอัดอยู่ในม่านหมอก จนไม่อาจคาดได้ว่าพายุนี้จะระเบิดเมื่อใดพระพักตร์ที่ปกติสุขุม กลับค่อย ๆ คล้ำลงทีละส่วน ขอบพระโอษฐ์กระตุกขึ้นเล็กน้อยคล้ายรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เย็นชาจนเส้นเลือดเย็นเฉียบในความเงียบที่กดทับ เสียงเคร

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 13 ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด สายที่มองต่ำยังคงเดิม

    บทที่ 13 ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด สายที่มองต่ำยังคงเดิมนางหยอบกายลงอย่างงดงาม ศีรษะต่ำแต่แววตากลับคมกริบ“ไม่คิดว่าไท่หวงไท่โฮ่วจะทรงมีรับสั่งเรียกพบหม่อมฉันเช่นนี้”ภายในตำหนัก กลิ่นกำยานอวลอบอวล ราวกับถูกจงใจจุดให้คลุ้งขับความคิดของผู้มาเยือนให้พร่าเลือนไท่หวงไท่โฮ่ววางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา พระหัตถ์เรียวยังคงงดงามแม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแววตาของนางเรียบสนิทเหมือนผิวน้ำในยามไร้ลม แต่ลึกลงไปกลับมีคลื่นกระเพื่อมที่อ่านไม่ออก“ข้าก็ไม่คิด…ว่าหลังจากอยู่เงียบ ๆ บนเขาเทียนจี่เกือบสิบห้าปี เจ้าจะเลือกวันเช่นนี้ลงจากเขา”เสียงนั้นอ่อนโยนราวกับกำลังสนทนากับสหายเก่า แต่ทุกคำกลับหนักราวค้อนเหล็กที่ค่อย ๆ ทุบลงบนหินเจิ้งซูเฟยเพียงยิ้มจาง ไม่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“บางครั้ง การกลับมาของผู้ที่ถูกไม่ได้รับความยุติธรรม…ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล”“ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลงั้นหรือ” ไท่หวงไท่โฮ่วแค่นหัวเราะเบา “ในวังนี้ ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล และทุกเหตุผลล้วนมีราคา”พระเนตรของนางจ้องลึกเข้ามาราวจะชำแหละหัวใจผู้ตรงข้าม “ข้ากลัวเพียงว่า…ราคาที่ท่านจ่าย จะเป็นสิ่งที่แม้กระทั่งเจ้าเองก็ไม่อาจแบกรับ”เจิ้งซูเฟยเล

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 12 ลายมือจากอดีต

    บทที่ 12 ลายมือจากอดีตคืนหนึ่งหลังการสอบสวนขันทีเฒ่าเสร็จสิ้น หลิวกงกงผู้ซื่อสัตย์ได้นำหีบไม้เก่าใบหนึ่งมาเฝ้าพระพักตร์ เป็นหีบที่ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บตำราเก่า ณ หอพระราชนิพนธ์ด้านใน ซึ่งไม่มีผู้ใดแตะต้องมากว่าสิบห้าปี“ฝ่าบาท… หม่อมฉันพบสิ่งนี้ระหว่างจัดระเบียบเอกสารเก่า พระองค์โปรดทอดพระเนตรเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ภายในหีบมีสมุดฉบับเล็กเย็บมือ บนปกไม่มีชื่อ แต่เมื่อเปิดออก กลับเป็น ลายมือของเจิ้งซูเฟย ในยามถูกจองจำที่ตำหนักเย็นใจระหว่างการตัดสินโทษข้อความที่เปลี่ยนทุกอย่าง‘…แม้ข้าต้องยอมสละเกียรติ ยอมเป็นหญิงบ้าในสายตาโลก หากเพียงเขา…ลูกของข้า…จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าก็ยินดี’‘ข้าถูกล่อลวงให้ถือถ้วยชาที่มีพิษ’พระเนตรฮ่องเต้แข็งค้างไปนานแม้กระดาษจะเก่า แม้หมึกจะเลือนลางแต่ลายมือนั้น…ทรงจำได้ดีเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่พระองค์ทรงเห็นลายมือที่ซ่อนในสมุดเล่มนั้นกลายเป็น คำให้การที่ไม่มีใครสามารถลบได้“ลายมือเช่นนี้…คล้ายกับบทกลอนที่วางไว้ข้างพระแท่นบรรทมเมื่อหลายคืนก่อนท่านแม่…เขียนถึงข้าทั้งที่รู้ว่าจะไม่มีวันได้พบอีก ”ฮ่องเต้เริ่มเชื่อว่าเจิ้งซูเฟยไม่ได้ทอดทิ้งพระองค์อย่างที่ถูกเล่าทรงระลึกถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status