Share

บทที่ 10

Author: ซุปเม็ดบัวน้ำตาลกรวด
“ดินแดนหิมะขาวแห่งทะเลทรายเหนือนี่ช่างหนาวเหลือเกิน” เยว่เจี้ยนเวยสูดปากด้วยความหนาวเหน็บ กระชับเสื้อคลุมเล็ก ๆ ที่ตอนนี้เป็นของตนเองแน่น ถูมือพลางพูดว่า “หนาวจะตายอยู่แล้ว”

เยว่สือ “...”

ทำเป็นองอาจได้ไม่เกินสามลมหายใจจริง ๆ

บนป้อมกำแพงเมือง เหล่าทหารที่ไม่เคยคิดเลยว่าหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งจะถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งจัดการอย่างง่ายดาย ต่างพร้อมใจกันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีคนถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “ยอดฝีมือเมื่อครู่ เป็นคนที่ท่านเจ้าเมืองหามาหรือ?”

ผีเสื้อสีนิลบินกลับมาอยู่ข้างกายโม่ชางหลาน มีตัวหนึ่งหยุดเกาะบนเข่าของเขา

ผู้อาวุโสจื่อชวนก็มองมาที่โม่ชางหลานด้วยความสงสัยเช่นกัน กล่าวว่า “ข้าไม่เคยได้ยินท่านเจ้าเมืองบอกว่าจะหาผู้ใดมาช่วย และข้าก็ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อนด้วย”

โม่ชางหลานหลับตาไม่พูดอะไร ผีเสื้อสีนิลที่เกาะอยู่บนนิ้วมือใช้ปีกของมันแตะนิ้วมือของเขาอย่างสนิทสนม

โม่ชางหลานยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนกล่าว “ทั้งสองคนนั้นเลือกมาดินแดนหิมะขาวในเวลาที่อันตรายที่สุด ถ้าไม่ใช่หนีตายมาที่นี่ ก็ต้องมาเยี่ยมญาติ หรือไม่ก็ต้องการออกไปนอกกำแพงด้วยความไม่กลัวตาย นับว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย”

ผู้อาวุโสจื่อชวน “...”

แม้ว่าปีศาจน้ำแข็งเหล่านั้นจะถูกจัดการเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังมีปีศาจน้ำแข็งดื้อรั้นบางตัววนเวียนอยู่ใกล้เคียง รอโอกาสซุ่มโจมตีชนิดที่ยอมตายไม่ยอมแพ้ ดังนั้น แม้ทั้งสองคนจะขี่อาชามาถึงใต้ประตูเมืองแล้ว ก็ยังไม่เห็นคนข้างบนเปิดประตูให้เสียที

เยว่สือมองประตูใหญ่ที่ปิดสนิทพลางถอนหายใจ รู้สึกว่านี่เป็นการข่มขวัญโดยไม่ต้องใช้คำพูด วันข้างหน้าเกรงว่าชีวิตคงไม่ง่ายนัก

เขาเพียงสะกิดปลายเท้าแผ่วเบา ก็อุ้มเยว่เจี้ยนเวยปีนขึ้นไปบนป้อมกำแพงสูงสิบจั้งโดยตรง วิชาย่างก้าวล่องนภาเช่นนี้ การเคลื่อนไหวสง่างามเป็นธรรมชาติ พลิ้วไหวดังสายน้ำ ทำให้ผู้คนอดชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้

สามารถกระโดดขึ้นที่สูงนับสิบจั้งโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์สูงส่ง คนธรรมดาย่อมไม่อาจเทียบเคียง

ค่ายกลป้องกันเมืองได้ถูกสลายไปแล้ว เยว่สือและเยว่เจี้ยนเวยจึงทิ้งตัวลงยืนบนกำแพงเมืองได้อย่างไร้อุปสรรค

เมื่อเยว่เจี้ยนเวยลงถึงพื้น ก็รีบโยนเสื้อคลุมคืนให้เยว่สือทันที พร้อมกล่าว “ท่านใส่เถอะ”

เยว่สือรับเสื้อคลุม พูดด้วยความซึ้งใจ “นายน้อย ข้างบนนี้ลมแรงหิมะหนาว ท่านสวมไว้เถิด ข้าไม่กลัวหนาว”

เยว่เจี้ยนเวยตัดบทด้วยความเฉียบขาด “ไม่เอา เสื้อคลุมท่านน่าเกลียดเกินไป ประเดี๋ยวจะส่งผลต่อความประทับใจแรกพบของเขาที่มีต่อข้าได้”

เยว่สือ “...”

เยว่เจี้ยนเวยคงยังรู้สึกว่าทิ่มแทงใจไม่พอ จึงพึมพำว่า “พบกันครั้งแรกทั้งที ต้องทำตัวให้ดูดีที่สุด”

เยว่สือคล้ายเลือดในตัวเหือดแห้ง รู้สึกอึดอัดขัดใจไม่ไหว

ผู้อาวุโสจื่อชวนและทหารน้อยอีกหลายคนได้เข้าล้อมวีรบุรุษทั้งสองผู้ฝ่าวงล้อมปีศาจ และแก้ไขวิกฤตการณ์ทางตะวันตกของเมืองร้างอย่างง่ายดายพลางจ้องมองด้วยสายตาที่ทั้งระแวดระวังและชื่นชม

ผู้อาวุโสจื่อชวนสำรวจมองเด็กหนุ่มที่สังหารหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งด้วยตัวคนเดียวโดยละเอียด

เยว่เจี้ยนเวยยืนอยู่ข้างเยว่สือ ลักษณะคล้ายคนขี้ขลาดเขินอาย ถึงกับต้องจับแขนเสื้อของเยว่สือแน่น หลบอย่างขลาดกลัวอยู่หลังแขนของเยว่สือ โผล่ใบหน้าครึ่งหนึ่งมองพวกเขา ท่าทางนั้นไม่มีความดุร้ายเกรี้ยวกราดเช่นตอนที่ตัดศีรษะใหญ่ยักษ์อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วเมื่อครู่เลย

เดิมทีผู้อาวุโสจื่อชวนยังคิดจะข่มขวัญคนทั้งสอง แต่เมื่อเห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งอันงดงามหวานหยดของเด็กหนุ่มที่แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงผู้นี้ รวมไปถึงเห็นสีหน้าอันน่าเวทนาบนใบหน้านั้น คำพูดทั้งหมดก็พลันติดค้างอยู่ในลำคอ

ผู้อาวุโสจื่อชวนทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าสายลมหนาวเย็นขึ้นเล็กน้อย หิมะตกหนักขึ้น จึงกระแอมไอหนึ่งครั้งเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด แล้วกล่าวว่า “ขอถามท่านยอดฝีมือ ไม่ทราบท่านมาจากที่ใด และกำลังจะไปที่ใดหรือ?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 84

    อย่างไรก็ตาม หลังถูกเยว่เจี้ยนเวยแทรกเช่นนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็มัวแต่โกรธจนไม่อยากร้องไห้ต่อแล้วเยว่เจี้ยนเวยและโม่อวิ๋นเจ๋อจึงอยู่ในศาลบรรพบุรุษอย่างเงียบงัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบเป็นเวลาหลายชั่วยามจากนั้น เยว่เจี้ยนเวยก็ทนไม่ไหว กล่าวว่า “ไหนเจ้าบอกมาสิ เหตุใดจึงต้องคอยหาเรื่องข้าด้วย มันก็แค่เตาปรุงยาเก่า ๆ ที่ไม่มีใครใช้แล้ว ขอยืมสักหน่อยจะเป็นไรไป? ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเจ้า ทำไมต้องมาทำให้ข้าตกใจด้วย เวลานี้ดีแล้ว พวกเราต่างถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่ เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”โม่อวิ๋นเจ๋อถ่มน้ำลาย “ถุย” ทีหนึ่ง พลางกลอกตากล่าวว่า “ข้าย่อมยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นเจ้าสมความปรารถนา”เยว่เจี้ยนเวยจึงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะจนโม่อวิ๋นเจ๋อขนลุกซู่ ซ้ำยังขยับเข้าไปใกล้โม่อวิ๋นเจ๋อมากขึ้นอีกหลังจากนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็เห็นว่า เยว่เจี้ยนเวยค่อย ๆ หยิบเตาปรุงยาอีกใบหนึ่งออกมาจากกำไลสรรพภพของตนเอง“ข้าลืมบอกท่านไป ข้าขโมยเตาปรุงยามาสองใบ ถูกยึดไปหนึ่งใบ ก็ยังเหลืออีกหนึ่งใบ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”โม่อวิ๋นเจ๋อ “...”ย๊ากกกกกก!โม่อวิ๋นเจ๋อแทบคลั่ง ตนเองเพิ่งหยุดร้องไห้ได้

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 83

    โม่ชางหลานเลิกคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “พลังวิญญาณของเขา แข็งแกร่งถึงระดับนั้นเชียวหรือ?”ผู้อาวุโสซางตอบ “เป็นไปได้สูง แต่ยังต้องสังเกตการณ์ต่อไปสักระยะ คุณชายใหญ่ หากพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้จริง อีกทั้งยังเป็นพลังวิญญาณสองธาตุทั้งไฟและไม้ นั่นก็หมายความว่าเขาคือยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งนัก”ต้องรู้ไว้ว่า แม้แต่ระดับตบะของผู้อาวุโสซางเซวียนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถทำให้ศิลาทดสอบพลังระเบิดได้เลยโม่ชางหลานนึกถึงภาพที่เยว่เจี้ยนเวยถือยาวิเศษลงจากเขาไปขาย ก็รู้อยู่แล้วว่าเยว่เจี้ยนเวยต้องมีความลับบางอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขั้นน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้โม่ชางหลานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เรื่องนี้รบกวนผู้อาวุโสซางอย่าเพิ่งเปิดเผยต่อผู้ใด”ผู้อาวุโสซางพยักหน้า กล่าวว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”ยามนี้ ศาสตร์การหลอมโอสถทั่วทั้งทวีปชางหมางมีแต่เสื่อมถอย หากปรากฏอัจฉริยะผู้มีพลังวิญญาณด้านการปรุงยาขึ้นที่ใด ก็จะดึงดูดสายตาผู้คนให้แอบจับตามองนับไม่ถ้วนในอดีตเคยมีปรมาจารย์นักปรุงยาอัจฉริยะผู้โด่งดังเพียงชั่วครู่ ถูกผู้อื่นแอบขโมยพลังวิญญาณด้านก

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 82

    โม่อวิ๋นเจ๋อเบิกตากว้างทันที ร้องเสียงหลงว่า “ไม่ได้นะพี่ใหญ่ เตาปรุงยาพวกนั้น คงทำให้ข้าไม่มีเบี้ยเลี้ยงไปอีกเป็นสิบปีเลยนะ!”โม่ชางหลานกล่าว “สิบปีไหนเลยจะพอ ต้องร้อยปีถึงจะครบถ้วนต่างหาก”โม่อวิ๋นเจ๋อพลันชะงักกึกเยว่เจี้ยนเวยหัวเราะร่าอยู่ในใจ พลางคิดว่าเหตุใดไม่ทำตัวโอหังแล้วล่ะ? ให้ตายเถอะ คิดจะถอดเสื้อผ้าข้าใช่หรือไม่ คิดจะเปิดโปงข้าใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชางหลานของข้าช่างเด็ดขาดและยุติธรรมโดยแท้!ใบหน้าของโม่อวิ๋นเจ๋อแทบจะร้องไห้ออกมา แต่เขาคิดว่าถ้าตนเองร้องไห้ตอนนี้ นอกจากพี่ใหญ่จะไม่สนใจความรู้สึกแล้วคงต้องดุด่าเขาอีกชุดใหญ่เป็นแน่ จึงอดทนอดกลั้นเอาไว้ขณะที่เยว่เจี้ยนเวยกำลังแสร้งทำตัวน่าสงสารอย่างสุดความสามารถ ก็ได้ยินโม่ชางหลานกล่าวว่า “เยว่เจี้ยนเวย เหตุการณ์วันนี้ เจ้าก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน”เยว่เจี้ยนเวยเงยหน้าขึ้น ตอบรับอย่างว่าง่าย “พี่ชางหลาน ข้ารู้ตัวแล้วว่าทำผิด ข้าไม่ควรขโมยของ รอให้ข้าหาเงินได้ในภายหลัง ย่อมชดใช้ให้แก่ผู้อาวุโสซางแน่นอน และต่อไปก็จะไม่ทะเลาะกับพี่อวิ๋นเจ๋ออีกแล้วขอรับ”โม่อวิ๋นเจ๋อเกร็งคอตะเบ็งเสียงว่า “ผู้ใดเป็นพี่เจ้ากัน? เจ้าอย่

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 81

    เยว่เจี้ยนเวยรีบกระชับอาภรณ์ของตน พร้อมกับร้องตะโกนว่า “มีคนลวนลาม! ช่วยด้วย คุณชายรองตระกูลโม่รังแกเด็กหนุ่มบริสุทธิ์แล้ว!”“หุบปากเดี๋ยวนี้! อย่าส่งเสียงโวยวายไปทั่ว!”“ข้าไม่หุบปาก เจ้าช่างไร้ยางอาย กล้าคิดถอดเสื้อผ้าข้ากลางวันแสก ๆ !”“ถ้าเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะต่อยเจ้าเดี๋ยวนี้!”“ต่อยเลยสิ ดูว่าผู้ใดต้องเป็นฝ่ายกลัวกันแน่!”“...”..................ครึ่งชั่วยามต่อมา ในเรือนชมธาราเมื่อโม่ชางหลานมองเด็กหนุ่มสองคนที่เสื้อผ้าและทรงผมยุ่งเหยิง กำลังนั่งคุกเข่าแผ่นหลังเหยียดตรงพร้อมเพียงกันอยู่บนพื้น ก็ให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีด้านข้าง ยังมีผู้อาวุโสซางเซวียนที่เพิ่งรับประทานโอสถบำรุงหัวใจไปหลายเม็ดยืนอยู่ด้วย“ข้าแค่ลงไปหยิบของครู่เดียว กลับขึ้นมา ทั้งห้องก็อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาทั้งสองคนกอดกันกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เฮ้อ หัวใจข้าแทบจะระเบิดเสียให้ได้”ผู้อาวุโสซางเซวียนถอนหายใจไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก กล่าวว่า “เตาปรุงยาที่ข้าสะสมมาด้วยความยากลำบากหลายปี เสียหายไปสี่เตา หนึ่งในนั้นยังเป็นถึงวัตถุเวทมนตร์... ซึ่งก็คือเตาที่ดูสวยงามแต่ใช้งานจริงไม่ได้เตานั้นเอง”โ

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 80

    ผู้อาวุโสซางแปลกใจจนเคราแทบร่วง พร้อมกับกล่าวว่า “เหลวไหล หินก้อนนี้ใช้งานมาหลายร้อยปีไม่เคยมีปัญหาอะไร ข้าว่า เป็นเพราะพลังวิญญาณในร่างกายเจ้ามากไปต่างหากที่ทำให้มันรับไม่ไหวจนระเบิดเช่นนี้”เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกว่าเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ ถึงแม้ในตอนที่เขาปรุงยาจะไม่ได้รู้สึกสัมผัสถึงว่าพลังวิญญาณจะมีความมหาศาลอะไร แต่นอกจากเหตุผลนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้วเยว่เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ท่านอาวุโสซาง หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้าคืออัจฉริยะด้านการปรุงยาเพียงหนึ่งเดียวในโลก? เอาตรง ๆ ช่วงนี้เวลาข้านอนหลับข้าก็รู้สึกอยู่ว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอบอวลอยู่ในร่างกายข้าจนแทบจะระเบิด ณ เวลานั้นข้าอยากจะลุกขึ้นมาหยิบเตาปรุงยามาฝึกจนใจจะขาด วันนี้ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของก้อนหิน งั้นก็คงเป็นข้าเองที่เก่งกล้าเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”ผู้อาวุโสซาง “…”เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองถึงแม้ว่าผู้อาวุโสซางจะพอเดาพรสวรรค์ของเยว่เจี้ยนเวยได้อยู่ แต่พอได้ยินเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้ากล่าวโอ้อวดตนอย่างไม่เขินอาย ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกปากอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 79

    ผู้อาวุโสซางเซวียน “...”ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา โม่อวิ๋นเจ๋อยังมาหาเขาพร้อมกับสาบานอย่างคับแค้นใจด้วยความโกรธว่าจะหักเงินจากค่าขนมของเยว่เจี้ยนเวยในแต่ละเดือนเพื่อมาชดใช้ค่ายาที่แสนแพงชิ้นนี้และแน่นอน ในเมื่อเยว่เจี้ยนเวยเอ่ยชมเชยโม่อวิ๋นเจ๋อขนาดนี้ ผู้อาวุโสซางจึงเล็งเห็นว่าการปกป้องภาพลักษณ์อันเฉลียวฉลาดและเก่งกล้าสามารถของคุณชายรองนั้นสำคัญกว่า จึงพนักหน้าพร้อมกับกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว คุณชายรองเป็นคนเช่นนี้แหละ เจ้าโชคดีจริง ๆ ”เมื่อผู้อาวุโสซางสอนวิชาเสร็จ จึงเดินมาดูเยว่เจี้ยนเวยและกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าตั้งใจจะศึกษาเคล็ดโอสถวิเศษ”เยว่เจี้ยนพยักหน้าพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ ข้าสนใจเคล็ดโอสถวิเศษอย่างมาก”ผู้อาวุโสซางกล่าวต่อว่า “เคล็ดโอสถวิเศษค่อนข้างน่าเบื่อ ในระหว่างการฝึกฝนต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เจ้ายังเด็ก กำลังอยู่ในวัยชอบเล่นสนุก เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลาสิบชั่วโมง หรือเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีได้สักเท่าไร?”เยว่เจี้ยนเวยฉีกยิ้มที่ดูนอบน้อมและน่ารัก รอยยิ้มที่กว้างจนเผยให้เห็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มของเขา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status