แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: ซุปเม็ดบัวน้ำตาลกรวด
พอเอ่ยชื่อเยว่กูหยิ่งออกมา โม่ชางหลานก็พอจะเข้าใจที่มาที่ไปของเยว่เจี้ยนเวยได้บ้าง เขานั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นิ้วมือลูบไล้เตาผิงทองแดงขนาดเล็กที่ส่งไอร้อนออกมา และกล่าวว่า “ถ้าพวกเจ้ามาหาบิดาของข้า เกรงว่าจะมาเสียเที่ยวแล้ว เพราะบิดาไม่ได้กลับมาที่ดินแดนหิมะขาวแห่งนี้มาหลายปีแล้ว”

เยว่สือตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้ เขาคิดไว้แล้วว่าสภาพแวดล้อมที่นี่จะเลวร้ายถึงที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่า เยว่ชิงหงซึ่งเป็นคนเดียวที่เขากับเยว่เจี้ยนเวยจะพึ่งพาได้ กลับไม่อยู่ในดินแดนหิมะขาวแห่งนี้เสียแล้ว

คราวนี้ซวยแน่แล้ว เยว่สือเริ่มคิดที่จะพาเยว่เจี้ยนเวยหนีไปพึ่งตระกูลเยว่โดยตรง ก่อนที่โม่ยี่หานจะกลับมา

เยว่เจี้ยนเวยเม้มปาก ใบหน้าแสดงความตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อรวมกับใบหน้าเล็ก ๆ ที่เลอะฝุ่นแล้ว ก็ยิ่งดูน่าสงสาร น่าเอ็นดู จนคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร

ทว่าในใจเขากลับคิดว่า เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ เยว่ชิงหงไม่ได้กลับมาที่ตระกูลโม่แห่งดินแดนหิมะขาวมานานหลายปีแล้ว ด้วยเหตุผลบางอย่าง และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเวลานั้นพอดี

โชคดีที่เขาได้เตรียมการไว้แล้ว เยว่เจี้ยนเวยมองไปที่โม่ชางหลาน พร้อมเดินไปข้างหน้าสองก้าว มือซ้ายจับมือขวา ก่อนจะกล่าวอย่างประหม่าและไม่สบายใจเล็กน้อยว่า “งั้น งั้นข้าขอพบท่านเจ้าเมืองโม่ได้หรือไม่? บิดาข้าบอกว่า หากได้พบท่านเจ้าเมืองโม่ก็เหมือนกับได้พบกับท่านอาของข้า เพราะพวกเขาทั้งสองเป็นคู่รักที่ฝึกตนที่แต่งงานกัน และเป็นบิดาบุญธรรมของข้า”

ผีเสื้อสีนิลบนมือของโม่ชางหลานเริ่มไม่สงบอีกครั้ง ผีเสื้อหลายตัวบินอยู่รอบ ๆ ตัวเยว่เจี้ยนเวย บินขึ้นลงไม่หยุด

โม่ชางหลานกล่าวว่า “สภาพของดินแดนหิมะขาวพวกเจ้าก็เห็นแล้ว บิดาข้าก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ หากเจ้ามีเรื่องสำคัญ บอกข้าก็เหมือนกัน”

เยว่สือเห็นสายตาของเยว่เจี้ยนเวยแทบจะติดอยู่กับใบหน้าของโม่ชางหลาน ก็ได้แต่ถอนหายใจในใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านเจ้าเมืองน้อย พวกเรามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจริง ๆ การมาครั้งนี้ ข้าและคุณชายมาเพื่อพึ่งพาท่านเจ้าเมืองโม่”

ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ทุกคนในห้องก็แสดงสีหน้าแตกต่างกันไป

ผู้อาวุโสจื่อชวนเป็นคนตรงไปตรงมา กล่าวว่า “ได้ยินมาว่าอดีตซื่อจื่อแห่งตระกูลเยว่ได้เข้าสู่ทวีปเซียนจื่อเจ๋อเมื่อหลายร้อยปีก่อน มีตบะสูงส่งและมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้ง หากคุณชายของเจ้าเป็นบุตรของเยว่กูหยิ่ง เหตุใดถึงมาพึ่งพาดินแดนหิมะขาวของเรา?”

เยว่เจี้ยนเวยเบะปาก จับมือเยว่สือพลางส่ายหน้าและพูดว่า “บิดาข้าบอกว่าเรื่องนี้บอกได้แค่ท่านพ่อยี่หานกับบิดาบุญธรรมเท่านั้น”

“ท่านพ่อยี่หาน? ข้าจำไม่ได้ว่าเคยมีลูกอย่างเจ้า” เสียงเย็นเยียบที่มีกลิ่นอายของหิมะดังมาจากหน้าประตู เมื่อเยว่เจี้ยนเวยหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและมีสีหน้าเย็นชาในชุดเครื่องแบบทหารเรียบ ๆ ถือหอกปลายพู่สีแดงก้าวเท้าเดินเข้ามา พร้อมกับมีเกล็ดหิมะบางส่วนพัดเข้ามากับตัวเขา

และข้างกายเขามีเด็กหนุ่มที่ดูองอาจผมยาวมัดรวบไว้สูง ใบหน้ายังคงมีเค้าความอ่อนเยาว์อยู่เล็กน้อย สูงกว่าเยว่เจี้ยนเวยหนึ่งช่วงศีรษะ และรูปร่างก็ดูกำยำกว่าพอสมควร

เด็กหนุ่มคนนี้มีใบหน้าคล้ายกับโม่ชางหลานอยู่บ้าง แต่ดวงตากลมกว่า จมูกเล็ก ๆ ดูน่ารักและฉลาดหลักแหลม

“พวกเจ้าเป็นใคร?” โม่อวิ๋นเจ๋อ คุณชายรองแห่งจวนเจ้าเมืองจ้องมองไปที่เยว่เจี้ยนเวย เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินคำพูดเมื่อครู่ด้วย เขายักคิ้วขึ้นและพูดว่า “เหตุใดเจ้าถึงเรียกบิดาข้าว่าท่านพ่อ? ข้าไม่รู้จักเจ้า”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 84

    อย่างไรก็ตาม หลังถูกเยว่เจี้ยนเวยแทรกเช่นนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็มัวแต่โกรธจนไม่อยากร้องไห้ต่อแล้วเยว่เจี้ยนเวยและโม่อวิ๋นเจ๋อจึงอยู่ในศาลบรรพบุรุษอย่างเงียบงัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบเป็นเวลาหลายชั่วยามจากนั้น เยว่เจี้ยนเวยก็ทนไม่ไหว กล่าวว่า “ไหนเจ้าบอกมาสิ เหตุใดจึงต้องคอยหาเรื่องข้าด้วย มันก็แค่เตาปรุงยาเก่า ๆ ที่ไม่มีใครใช้แล้ว ขอยืมสักหน่อยจะเป็นไรไป? ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเจ้า ทำไมต้องมาทำให้ข้าตกใจด้วย เวลานี้ดีแล้ว พวกเราต่างถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่ เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”โม่อวิ๋นเจ๋อถ่มน้ำลาย “ถุย” ทีหนึ่ง พลางกลอกตากล่าวว่า “ข้าย่อมยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นเจ้าสมความปรารถนา”เยว่เจี้ยนเวยจึงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะจนโม่อวิ๋นเจ๋อขนลุกซู่ ซ้ำยังขยับเข้าไปใกล้โม่อวิ๋นเจ๋อมากขึ้นอีกหลังจากนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็เห็นว่า เยว่เจี้ยนเวยค่อย ๆ หยิบเตาปรุงยาอีกใบหนึ่งออกมาจากกำไลสรรพภพของตนเอง“ข้าลืมบอกท่านไป ข้าขโมยเตาปรุงยามาสองใบ ถูกยึดไปหนึ่งใบ ก็ยังเหลืออีกหนึ่งใบ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”โม่อวิ๋นเจ๋อ “...”ย๊ากกกกกก!โม่อวิ๋นเจ๋อแทบคลั่ง ตนเองเพิ่งหยุดร้องไห้ได้

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 83

    โม่ชางหลานเลิกคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “พลังวิญญาณของเขา แข็งแกร่งถึงระดับนั้นเชียวหรือ?”ผู้อาวุโสซางตอบ “เป็นไปได้สูง แต่ยังต้องสังเกตการณ์ต่อไปสักระยะ คุณชายใหญ่ หากพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้จริง อีกทั้งยังเป็นพลังวิญญาณสองธาตุทั้งไฟและไม้ นั่นก็หมายความว่าเขาคือยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งนัก”ต้องรู้ไว้ว่า แม้แต่ระดับตบะของผู้อาวุโสซางเซวียนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถทำให้ศิลาทดสอบพลังระเบิดได้เลยโม่ชางหลานนึกถึงภาพที่เยว่เจี้ยนเวยถือยาวิเศษลงจากเขาไปขาย ก็รู้อยู่แล้วว่าเยว่เจี้ยนเวยต้องมีความลับบางอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขั้นน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้โม่ชางหลานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เรื่องนี้รบกวนผู้อาวุโสซางอย่าเพิ่งเปิดเผยต่อผู้ใด”ผู้อาวุโสซางพยักหน้า กล่าวว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”ยามนี้ ศาสตร์การหลอมโอสถทั่วทั้งทวีปชางหมางมีแต่เสื่อมถอย หากปรากฏอัจฉริยะผู้มีพลังวิญญาณด้านการปรุงยาขึ้นที่ใด ก็จะดึงดูดสายตาผู้คนให้แอบจับตามองนับไม่ถ้วนในอดีตเคยมีปรมาจารย์นักปรุงยาอัจฉริยะผู้โด่งดังเพียงชั่วครู่ ถูกผู้อื่นแอบขโมยพลังวิญญาณด้านก

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 82

    โม่อวิ๋นเจ๋อเบิกตากว้างทันที ร้องเสียงหลงว่า “ไม่ได้นะพี่ใหญ่ เตาปรุงยาพวกนั้น คงทำให้ข้าไม่มีเบี้ยเลี้ยงไปอีกเป็นสิบปีเลยนะ!”โม่ชางหลานกล่าว “สิบปีไหนเลยจะพอ ต้องร้อยปีถึงจะครบถ้วนต่างหาก”โม่อวิ๋นเจ๋อพลันชะงักกึกเยว่เจี้ยนเวยหัวเราะร่าอยู่ในใจ พลางคิดว่าเหตุใดไม่ทำตัวโอหังแล้วล่ะ? ให้ตายเถอะ คิดจะถอดเสื้อผ้าข้าใช่หรือไม่ คิดจะเปิดโปงข้าใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชางหลานของข้าช่างเด็ดขาดและยุติธรรมโดยแท้!ใบหน้าของโม่อวิ๋นเจ๋อแทบจะร้องไห้ออกมา แต่เขาคิดว่าถ้าตนเองร้องไห้ตอนนี้ นอกจากพี่ใหญ่จะไม่สนใจความรู้สึกแล้วคงต้องดุด่าเขาอีกชุดใหญ่เป็นแน่ จึงอดทนอดกลั้นเอาไว้ขณะที่เยว่เจี้ยนเวยกำลังแสร้งทำตัวน่าสงสารอย่างสุดความสามารถ ก็ได้ยินโม่ชางหลานกล่าวว่า “เยว่เจี้ยนเวย เหตุการณ์วันนี้ เจ้าก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน”เยว่เจี้ยนเวยเงยหน้าขึ้น ตอบรับอย่างว่าง่าย “พี่ชางหลาน ข้ารู้ตัวแล้วว่าทำผิด ข้าไม่ควรขโมยของ รอให้ข้าหาเงินได้ในภายหลัง ย่อมชดใช้ให้แก่ผู้อาวุโสซางแน่นอน และต่อไปก็จะไม่ทะเลาะกับพี่อวิ๋นเจ๋ออีกแล้วขอรับ”โม่อวิ๋นเจ๋อเกร็งคอตะเบ็งเสียงว่า “ผู้ใดเป็นพี่เจ้ากัน? เจ้าอย่

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 81

    เยว่เจี้ยนเวยรีบกระชับอาภรณ์ของตน พร้อมกับร้องตะโกนว่า “มีคนลวนลาม! ช่วยด้วย คุณชายรองตระกูลโม่รังแกเด็กหนุ่มบริสุทธิ์แล้ว!”“หุบปากเดี๋ยวนี้! อย่าส่งเสียงโวยวายไปทั่ว!”“ข้าไม่หุบปาก เจ้าช่างไร้ยางอาย กล้าคิดถอดเสื้อผ้าข้ากลางวันแสก ๆ !”“ถ้าเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะต่อยเจ้าเดี๋ยวนี้!”“ต่อยเลยสิ ดูว่าผู้ใดต้องเป็นฝ่ายกลัวกันแน่!”“...”..................ครึ่งชั่วยามต่อมา ในเรือนชมธาราเมื่อโม่ชางหลานมองเด็กหนุ่มสองคนที่เสื้อผ้าและทรงผมยุ่งเหยิง กำลังนั่งคุกเข่าแผ่นหลังเหยียดตรงพร้อมเพียงกันอยู่บนพื้น ก็ให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีด้านข้าง ยังมีผู้อาวุโสซางเซวียนที่เพิ่งรับประทานโอสถบำรุงหัวใจไปหลายเม็ดยืนอยู่ด้วย“ข้าแค่ลงไปหยิบของครู่เดียว กลับขึ้นมา ทั้งห้องก็อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาทั้งสองคนกอดกันกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เฮ้อ หัวใจข้าแทบจะระเบิดเสียให้ได้”ผู้อาวุโสซางเซวียนถอนหายใจไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก กล่าวว่า “เตาปรุงยาที่ข้าสะสมมาด้วยความยากลำบากหลายปี เสียหายไปสี่เตา หนึ่งในนั้นยังเป็นถึงวัตถุเวทมนตร์... ซึ่งก็คือเตาที่ดูสวยงามแต่ใช้งานจริงไม่ได้เตานั้นเอง”โ

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 80

    ผู้อาวุโสซางแปลกใจจนเคราแทบร่วง พร้อมกับกล่าวว่า “เหลวไหล หินก้อนนี้ใช้งานมาหลายร้อยปีไม่เคยมีปัญหาอะไร ข้าว่า เป็นเพราะพลังวิญญาณในร่างกายเจ้ามากไปต่างหากที่ทำให้มันรับไม่ไหวจนระเบิดเช่นนี้”เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกว่าเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ ถึงแม้ในตอนที่เขาปรุงยาจะไม่ได้รู้สึกสัมผัสถึงว่าพลังวิญญาณจะมีความมหาศาลอะไร แต่นอกจากเหตุผลนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้วเยว่เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ท่านอาวุโสซาง หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้าคืออัจฉริยะด้านการปรุงยาเพียงหนึ่งเดียวในโลก? เอาตรง ๆ ช่วงนี้เวลาข้านอนหลับข้าก็รู้สึกอยู่ว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอบอวลอยู่ในร่างกายข้าจนแทบจะระเบิด ณ เวลานั้นข้าอยากจะลุกขึ้นมาหยิบเตาปรุงยามาฝึกจนใจจะขาด วันนี้ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของก้อนหิน งั้นก็คงเป็นข้าเองที่เก่งกล้าเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”ผู้อาวุโสซาง “…”เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองถึงแม้ว่าผู้อาวุโสซางจะพอเดาพรสวรรค์ของเยว่เจี้ยนเวยได้อยู่ แต่พอได้ยินเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้ากล่าวโอ้อวดตนอย่างไม่เขินอาย ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกปากอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 79

    ผู้อาวุโสซางเซวียน “...”ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา โม่อวิ๋นเจ๋อยังมาหาเขาพร้อมกับสาบานอย่างคับแค้นใจด้วยความโกรธว่าจะหักเงินจากค่าขนมของเยว่เจี้ยนเวยในแต่ละเดือนเพื่อมาชดใช้ค่ายาที่แสนแพงชิ้นนี้และแน่นอน ในเมื่อเยว่เจี้ยนเวยเอ่ยชมเชยโม่อวิ๋นเจ๋อขนาดนี้ ผู้อาวุโสซางจึงเล็งเห็นว่าการปกป้องภาพลักษณ์อันเฉลียวฉลาดและเก่งกล้าสามารถของคุณชายรองนั้นสำคัญกว่า จึงพนักหน้าพร้อมกับกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว คุณชายรองเป็นคนเช่นนี้แหละ เจ้าโชคดีจริง ๆ ”เมื่อผู้อาวุโสซางสอนวิชาเสร็จ จึงเดินมาดูเยว่เจี้ยนเวยและกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าตั้งใจจะศึกษาเคล็ดโอสถวิเศษ”เยว่เจี้ยนพยักหน้าพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ ข้าสนใจเคล็ดโอสถวิเศษอย่างมาก”ผู้อาวุโสซางกล่าวต่อว่า “เคล็ดโอสถวิเศษค่อนข้างน่าเบื่อ ในระหว่างการฝึกฝนต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เจ้ายังเด็ก กำลังอยู่ในวัยชอบเล่นสนุก เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลาสิบชั่วโมง หรือเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีได้สักเท่าไร?”เยว่เจี้ยนเวยฉีกยิ้มที่ดูนอบน้อมและน่ารัก รอยยิ้มที่กว้างจนเผยให้เห็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มของเขา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status