เสี่ยวเหอลืมตาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนที่งดงามมาก เป็นเตียงนอนไม้แกะสลักรูปนกข่งเชวี่ย [1] ผ้าห่มและผ้าปูเป็นผ้าแพรอย่างดี มีม่านสีเขียวสด นางงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ใด ไม่ใช่ว่านางเป็นไข้หรือ
หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องนอนก็มีสาวน้อยหน้าตาน่ารัก รีบวิ่งมาหา
“ฮูหยินตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?” สาวน้อยถาม
เสี่ยวเหอได้แต่กะพริบตางุนงง ยังไม่ทันตอบอะไรสาวน้อยก็วิ่งไปเอาอ่างน้ำมาให้นางล้างหน้าล้างปาก ทั้งยังเตรียมชุดที่งดงามมาก ปักเลื่อมระยิบระยับมาให้นางใส่
“แม่นาง เจ้าเข้าใจผิดแล้วข้าไม่ใช่ฮูหยินของเจ้า” เสี่ยวเหอพยายามบอกว่าตัวเองไม่ใช่ฮูหยินอะไรนั่นและไม่ใส่ชุดนี้ แต่สาวน้อยคนนั้นกลับเรียกสาวใช้อีกเจ็ดแปดคนเข้ามาช่วยนางแต่งตัว นางทัดทานไม่ไหวจึงได้แต่ทำตาม
“นายท่านกำลังรออยู่เจ้าค่ะ” สาวน้อยคนนั้นพูด ทั้งยังเดินนำทางพาเสี่ยวเหอไปหานายท่าน
หญิงสาวสับสนงุนงง ทุกสิ่งแปลกใหม่ นางยอมเดินตามสาวน้อยอย่างว่าง่าย เข้าไปในห้องซึ่งมีหนังสือตำรามากมาย ดูก็รู้ว่าเจ้าของจวนนี้ต้องร่ำรวยมากแน่
‘หรือบางทีระหว่างข้านอนหลับ เพราะนอนนานเกินไป ท่านพ่อท่านแม่จึงขายข้าให้ใครไปแล้ว?’ เสี่ยวเหอนึกสงสัย แม้ในใจไม่ได้หวาดกลัวอะไรมาก
เสี่ยวเหอเห็นชายวัยกลางคนกำลังอ่านตำราอยู่ อายุประมาณสี่สิบกว่าปี แต่ก็ยังอกผายไหล่ผึ่ง ดูแข็งแรง สูงใหญ่ ที่สำคัญสายตาคล้ายชิงถิงอย่างที่สุด นางได้แต่จ้องมองจนลืมทักทาย เพราะรู้สึกคิดถึงสายตาเช่นนั้นเหลือเกิน
‘บางทีคนผู้นี้อาจเป็นญาติของเขา’ หญิงคิด
“นั่งสิ” ชายแก่ผู้นั้นบอก
เสี่ยวเหอนั่งลงบนโต๊ะน้ำชาเล็กๆ สาวน้อยที่พานางมาก็ถอยออกไปอยู่ด้าน ชายแก่นั่งลงฝั่งตรงข้าม นางยังคงไม่อาจละสายตาจากนัยน์ตาของเขา
“เจ้ามองสิ่งใด” ชายแก่ถาม
“ท่านเป็นใคร?” นางไม่ตอบแต่กลับถามคำถามแทน
คราแรกชายชราผู้นั้นก็ขมวดคิ้วสงสัย แต่เพียงครู่เดียวก็คล้ายนึกอะไรได้ ก่อนจะทำตาโตและยิ้มจนเห็นฟันขาวๆ เรียงตัวสวยงาม
‘ช่างเหมือนชิงถิงเหลือเกิน หากเขายังคงมีชีวิตอยู่และได้ใช้ชีวิตจนแก่เฒ่า เขาก็คงจะมีหน้าตาเช่นนี้’ เสี่ยวเหอคิด แต่เมื่อนึกถึงภาพที่คนรักล้มลง ความเศร้าโศกเริ่มทำให้นางรู้สึกหายใจไม่สะดวก นางจึงพยายามพูดคุยกับผู้อาวุโสตรงหน้าแทน
“ท่านเป็นญาติของชิงถิงหรือไม่?” นางถาม
ชายแก่คนนั้นกลับยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะถามว่า
“เจ้าไม่เคยพบข้ามาก่อนหรือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พบข้าใช่หรือไม่” ทั้งรอยยิ้มและแววตาของชายแก่ส่องประกายราวกับพบของล้ำค่า
ถึงหญิงสาวจะรู้สึกประหลาดกับสายตาที่มองมา แต่ก็พยักหน้ารับ
ชายแก่ผู้นั้นรีบลุกขึ้นราวกับจะวิ่งมากอดนาง เสี่ยวเหอตกใจจึงรีบลุกถอยหนีจนติดกำแพง แต่เหมือนชายคนนั้นจะคิดได้และหยุดตัวเองไว้ก่อน
เสี่ยวเหอจ้องมองเขาและเริ่มกลัวชายชรา
‘เคยได้ยินว่า ญาติฝั่งแม่ของชิงถิงร่ำรวยมาก ดูจากเสื้อผ้าและหน้าตาของชายแก่คนนี้คงจะเป็นท่านตาของเขากระมัง ได้ยินว่าเคยประกาศตัดขาดกับท่านแม่ของชิงถิงเพราะนางแต่งงานกับบุรุษยากจน
แต่ไม่คิดว่าจะร่ำรวยมากเช่นนี้ บ้านชิงถิงยากจนมาก ท่านตากลับร่ำรวย ไม่เคยดูดำดูดีชิงถิงและน้องๆ สักครั้ง’ เมื่อเสี่ยวเหอคิดได้เช่นนี้ก็ยิ่งโกรธชายชราตรงหน้า นางเข้าใจผิด สรุปเอาเองว่าชายแก่เป็นท่านตาของชิงถิง
“หิวหรือไม่” ท่านตาของชิงถิงถาม
เสี่ยวเหอส่ายหัว ตั้งใจจะรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะสายตาของท่านตาร้อนแรงมากไป จนนางเริ่มจะรู้สึกหวั่นๆ และไม่ชอบใจ แต่ชายชราคนนั้นก็สั่งให้เตรียมจัดโต๊ะอาหาร ไม่สนใจเสียงปฏิเสธของนาง
ทั้งโต๊ะแต่อาหารที่เสี่ยวเหอชอบ ท่านตาเรียกนางให้กลับไปนั่งที่โต๊ะเพื่อทานข้าวอีกครั้ง นางไม่อยากอยู่ต่อ แต่อย่างไรก็ต้องรักษามารยาทบ้าง จึงได้แต่นั่งลงกินข้าวตามที่ชายแก่ต้องการ
ระหว่างมื้ออาหาร ผู้อาวุโสพยายามจะคีบอาหารให้นางหลายครั้ง ก่อนจะชะงักและนั่งกินต่ออย่างเงียบๆ แต่เสี่ยวเหอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาแอบมองนางบ่อยมาก ส่งสายตาร้อนแรง ราวกับสายตาของชิงถิงที่มองนาง และแทบจะเผาไหม้นางทุกครั้ง
หลังมื้ออาหาร เสี่ยวเหอรีบขอตัวกลับ ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะกลับไปที่ใด และตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็ตาม ชายแก่คนนั้นดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่ได้ทัดทาน ทั้งยังเดินออกมาส่งที่หน้าจวนด้วยตัวเอง
“ให้สาวใช้ไปส่งเจ้าเถิด เอาเงินไปด้วย อยากกินอยากได้ อยากใช้อะไรก็ซื้อเต็มที่ เงินไม่พอก็ให้มาเอาเพิ่มได้” เสียงทุ้มต่ำของผู้อาวุโสกล่าว
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าขอบคุณท่านมาก แต่ข้าต้องกลับแล้ว” นางพยายามปฏิเสธและร่ำลาตามมารยาท
คนผู้นี้ร่ำรวยจนสามารถยกถุงเงินให้นางซึ่งเป็นคนแปลกหน้าได้ง่ายดาย แต่กลับไม่เคยช่วยเหลือบ้านของชิงถิงซึ่งเป็นหลานแท้ๆ เสี่ยวเหอจึงไม่ค่อยชอบใจนัก
“หากไม่ได้ใช้ค่อยเอามาคืน” ชายแก่พูดและยัดเงินใส่มือสาวใช้
เสี่ยวเหอไม่คิดจะใช้เงินนั่น แต่ไม่อยากอยู่นานเพราะสายตาของตาเฒ่านี่แทบจะลวกนางอยู่แล้ว นางอยากไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน ค่อยคิดหาทางให้สาวใช้เอาเงินคืน
หญิงสาวรีบลาและรีบจาก แต่เดินเพียงไม่กี่ก้าว ชายแก่คนนั้นก็วิ่งตามมาขวางทางนางไว้ คล้ายจะทำใจปล่อยนางไปไม่ได้ มองนางด้วยสายตาที่นางอธิบายไม่ถูก รู้สึกเพียงแค่ว่าเหมือนชิงถิงมาก
“ข้าอยากจะบอกเจ้า ข้าชื่อว่าชิงถิง ที่นี่คือบ้านของเจ้า ข้าจะรอเจ้ากลับมา..” เขาเสียงสั่นเครือ คล้ายอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ได้พูด
เสี่ยวเหอแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็คำนับเป็นมารยาทและรีบเดินจากไป ไม่ได้สนใจความหมายในคำพูดนั้น เพราะก็มีหลายคนที่ตั้งชื่อลูกหลานให้คล้ายผู้ใหญ่ในบ้าน
เสี่ยวเหอรู้สึกว่าสายตาของท่านตาผู้นั้นช่างร้อนแรงเกินทน จำเป็นต้องรีบไปให้ไกลๆ
คืนนั้นเสี่ยวเหอเข้าพักที่โรงเตี๊ยมโดยมีสาวใช้ของชายแก่ดูแลจัดการให้ทุกอย่าง นางพยายามคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวเองไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร แต่ก็คิดไม่ออก
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว โชคดีที่ด้ายแดงยังคงอยู่ที่ข้อมือ นางจึงรู้สึกเบาใจ เวลาปวดหัวมากๆ หญิงสาวจะยกข้อมือมากุมด้ายแดงไว้ ทำเช่นนี้แล้วคล้ายว่าจะหายปวดหัวได้บ้าง และนอนหลับไปเช่นนั้น
ในความฝัน เสี่ยวเหอก็ยังคงฝันเห็นชิงถิงถูกแทงจากด้านหลังทะลุมาด้านหน้าตรงอก ซ้ำๆ บางครั้งก็เป็นพี่สาว
[1] นกยูง
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง