เช้าวันต่อมา นางตื่นขึ้นที่โรงเตี๊ยม แต่เมื่อลงมาด้านล่างก็พบว่าบรรยากาศของโรงเตี๊ยมไม่เหมือนเดิม ผู้คนคล้ายจะน้อยลง โรงเตี๊ยมดูเก่าและเหมือนจะเล็กกว่าเมื่อวานมาก สาวใช้ที่ตามมาก็ไม่อยู่แล้ว
‘หรืออาจจะยังเช้าอยู่ ผู้คนจึงยังออกมาไม่มาก สาวใช้ก็ตัดใจไม่ติดตามข้าแล้ว’ เสี่ยวเหอคิดอย่างดีใจ นางรีบสั่งขนมและหมั่นโถวจากโรงเตี๊ยมแล้วรีบหนี ก่อนที่สาวใช้จะตามหานางอีก
หญิงสาวเดินออกไปด้านนอกก็ต้องประหลาดใจ ที่นี่เป็นเพียงโรงเตี๊ยมข้างทางเล็กๆ อยู่นอกเมือง ทั้งที่เมื่อวานนางเห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่ใหญ่มาก อยู่ท่ามกลางชุมชน
เสี่ยวเหองุนงงจึงรีบออกเดินทาง แต่ยิ่งเดินออกห่างโรงเตี๊ยมก็ยิ่งเปลี่ยว จากเมื่อวานที่สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้กลับไม่มีบ้านสักหลัง นางกลัวมากได้แต่รีบวิ่งออกไป
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’ เสี่ยวเหอคิด
เดินทางสักพัก หญิงสาวเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับเส้นทาง นี่คือเส้นทางกลับหมู่บ้านของนาง จึงไม่ได้กลัวมากเท่าไรแล้ว แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองหนีงานแต่ง นางก็ไม่กล้ากลับบ้าน ได้แต่ยืนนิ่งข้างทาง
ความรู้สึกผิดต่อท่านพ่อท่านแม่รุมเร้า จู่ๆ เสี่ยวเหอก็อยากร้องไห้ ยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้จะทำเช่นไร น้ำตาเริ่มไหลริน
“เจ้าหลงทางหรือ” เสียงเด็กน้อยถามจากด้านหลัง
เสี่ยวเหอหันไปพบเด็กชายอายุแปดเก้าขวบ หน้าตาอ้วนกลม สองแก้มแดงก่ำราวกับหมั่นโถวลูกท้อ ที่หลังแบกตะกร้าสานไม้ไผ่เต็มไปด้วยผักป่าและสมุนไพร
นางชะงักเพราะหน้าตาของเด็กน้อยคล้ายชิงถิงตอนเด็กมาก แต่ก็รีบทิ้งความคิดนั้น นางกลัวตัวเองจะแค่คิดถึงเขามากจนคิดไปเองคนเดียว เด็กบ้านนอกที่ไหนก็หน้าตาคล้ายๆ กัน
“เจ้าพูดไม่ได้หรือ?” เด็กชายถามอีก
เสี่ยวเหอส่ายหัว ก่อนจะเช็ดน้ำตา และคิดว่าพบเด็กก็ดีกว่าเดินคนเดียว จึงขอร่วมทางไปด้วย ชวนเด็กชายพูดคุยต่างๆ นานา แม้ส่วนใหญ่จะเป็นเสี่ยวเหอที่พูดมากฝ่ายเดียว เด็กชายเพียงตอบที่นางถาม และพยักหน้ารับเป็นครั้งคราว
พวกเขาเดินด้วยกันสักพัก หญิงสาวก็ได้ยินเสียงท้องของเด็กชายร้องดังมาก นางแบ่งขนมกับหมั่นโถวให้ แม้เขาจะพยายามปฏิเสธ แต่นางก็ยัดใส่มือเล็ก บังคับให้เขากิน สองคนแบ่งกันกิน เดินไปกินไปด้วยกัน
“เหตุใดเจ้าโง่เช่นนี้ ออกมาข้างนอก เตรียมทั้งขนมและอาหารแต่ไม่ได้เตรียมน้ำ” เด็กชายก็ตำหนิ เสี่ยวเหอได้แต่หัวเราะแห้งๆ เด็กชายจึงแบ่งน้ำของเขาให้นางดื่ม
เด็กชายพาเสี่ยวเหอเดินเข้าใกล้หมู่บ้านของนางเรื่อยๆ นางไม่มีทางเลือก จำต้องขอแยกทาง เพราะไม่กล้ากลับบ้าน
“เจ้าเอาอันนี้ไปสิ หรือให้ข้าไปส่งบ้านดีหรือไม่?” เด็กชายยื่นกระบอกน้ำให้พร้อมอาสาไปส่งนาง
“ไม่เป็นไร ข้ากลับเองได้ ขอบใจเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้า ข้าคงกลัวมากขอบใจนะ” เสี่ยวเหอกล่าวอย่างจริงใจ
“เพราะข้าสงสารคนโง่อย่างเจ้าต่างหาก” เด็กชายพูด
“...” นางได้แต่อ้าปากค้าง รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ ปากร้ายเสียจริง
“จะ..ให้ไปส่งหรือไม่เล่า” เด็กชายถามย้ำ
“ไม่ต้อง เท่านี้ก็พอ..เจ้าชื่ออะไรหรือ วันหลังข้าจะได้เอาขนมไปขอบคุณที่บ้านเจ้าได้”
“นี่เจ้า...ลืมข้าแล้วหรือ?” เด็กชายจกใจ
“...” เสี่ยวเหอเอียงหัวไม่เข้าใจ
“ข้าชื่อชิงถิงไง คนส่วนใหญ่เรียกข้าว่าต้าจื่อ” เด็กชายตอบ
!!!!!
แม้เด็กชายจะเดินจากไปไกลแล้ว แต่เสี่ยวเหอยังคงยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
‘มันบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร พบเด็กหน้าตาคล้ายชิงถิงตอนเด็กมาก ชื่อก็ยังเหมือนกันอีก’ นางยิ่งคิดยิ่งปวดหัว หัวใจก็เต้นแรง แต่ก็คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวได้แต่นั่งลงข้างทางและคิดทบทวนเรื่องราวอีกครั้ง
วันนั้นนางตกลงไปในน้ำ หัวกระแทก มีคนช่วยเอาไว้ นอนซมหลายวัน น่าจะเกือบเดือนได้ และไปโผล่ที่บ้านท่านตาของชิงถิง แล้วจู่ๆ ก็มาโผล่ที่นอกหมู่บ้านได้อย่างไร เสี่ยวเหอเคยได้ยินว่าบ้านทางฝั่งแม่ของชิงถิงอยู่คนละอำเภอ ทั้งยังอยู่ไกลจากอำเภอนี้มาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เสี่ยวเหอจึงพิงต้นไม้แถวนั้นกำด้ายแดงที่ข้อมือ และค่อยๆ หลับไป โดยไม่ทันสนใจว่าที่นี่เป็นป่าท้ายหมู่บ้านที่ผู้คนสัญจรไปมาตลอด ลืมไปว่าตัวเองเป็นหญิงสาวคนเดียว นอนตรงนี้อาจเกิดอันตรายได้
เสี่ยวเหอนอนหลับไปและฝัน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ฝันถึงพี่สาวและชิงถิงที่ถูกแทง นางฝันถึงตอนตัวเองตกลงในน้ำ ถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดนางไปทางนั้นทางนี้
คราแรกยังหายใจไม่ค่อยได้ แต่ผ่านไปสักพักก็ดีขึ้น นางว่ายน้ำได้อย่างเชี่ยวชาญ จู่ๆ นางก็เห็นสายน้ำอีกสายสวนทางกับสายน้ำที่ตัวเองว่ายอยู่ สายหนึ่งไหลขึ้น สายหนึ่งไหลลง และเริ่มแตกแยกเป็นหลายสาย
ถึงสายน้ำจะเชี่ยวกราก อีกทั้งเสี่ยวเหอยังปวดหัวมาก แต่ก็มองเห็นชัดเจนว่าร่างของชิงถิงถูกพัดไปในสายน้ำอีกทาง นางทั้งตะโกนทั้งเรียกเขาก็ไม่ได้ยิน
หญิงสาวตะเกียกตะกายว่ายน้ำไล่ตามเขา ด้ายแดงที่ผูกข้อมือของทั้งสองคน ราวกับค่อยๆ เชื่อมต่อกัน และนางก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเบาขึ้น สามารถกระโดดไปมาระหว่างสายน้ำเชี่ยวหลายสายได้
เสี่ยวเหอรีบกระโดดไปตามผิวน้ำ ไล่ตามร่างของคนรักซึ่งไหลไปตามสายน้ำที่ไหลขึ้น เมื่อกระโดดไปยังสายน้ำนั้น นางหันกลับไปมองยังสายน้ำเส้นเดิมที่กำลังไหลลงไปยังหุบเขา
เสี่ยวเหอเห็นร่างของตัวเองตกลงไปพร้อมกับน้ำเชี่ยว!!
แม้จะตกใจมาก แต่ไม่อาจทิ้งชิงถิงได้ นางมองร่างของเขาที่กำลังถูกพัดขึ้นไปไกลทุกขณะ นางไม่เสียเวลาคิด ได้แต่รีบกระโดดตามร่างของเขาไป ทิ้งความน่ากลัวและแปลกประหลาดไว้ด้านหลัง
“ฮูหยิน ๆ ตื่นเถิด” เสี่ยวเหอสะดุ้งตื่นเพราะมีมือมาเขย่าเรียก
นางลืมตาเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวสิบสี่สิบห้าปี มัดผมและใส่เสื้อผ้าเช่นเดียวกับสาวใช้ในจวนท่านตาของชิงถิง ทั้งยังเรียกนางว่าฮูหยินเช่นเดิมอีกแล้ว ถึงจะไม่ใช่สาวใช้คนเดิม แต่เสี่ยวเหอก็ตกใจมาก นึกว่าหนีพ้นแล้วยังตามมาถึงที่นี่อีก!
“ฮูหยิน รีบเดินทางต่อเถิดเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะมืดเสียก่อน จู่ๆ ท่านก็เวียนหัวล้มลงไป ข้าตกใจแทบแย่ ท่านดีขึ้นหรือยังเจ้าค่ะ หากท่านรู้สึกดีขึ้นแล้วเรารีบเดินทางต่อเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้เอาแต่เร่งว่าให้รีบเดินทาง
“...” เสี่ยวเหอไม่อยากไป จึงเอาแต่เงียบ คิดทบทวนสิ่งที่สาวใช้พูดว่านางล้มลง เหตุใดนางจำไม่ได้ว่าเป็นเช่นนั้น นางปวดหัวและหลับไปไม่ใช่หรือ
“เราต้องรีบไปที่ค่ายกองทัพได้แล้วนะเจ้าคะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้ากำลังจะไปที่ใด?” สาวใช้พูดว่ากำลังไปที่กองทัพ ไม่ใช่จวนตาแก่นั่น!
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง