ไม่ใช่ขอรับ ข้าไม่ได้เป็นคนพาเข้ามา” หนุ่มน้อยชิงถิงเขินอายจนได้แต่ก้มหน้าตอบนายกอง
เสี่ยวเหอฟังและนึกย้อนถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ตั้งแต่ตกน้ำและฝันที่ตัวเองกระโดดข้ามแม่น้ำไล่ตามเขา ตรงหน้าก็เห็นชิงถิงที่ยังเด็ก ยังเป็นเพียงทหารฝึกหัด เขาพยายามอธิบายกับหัวหน้านายกองอย่างจนปัญญา
ชั่วลมหายใจในขณะนั้น เสี่ยวเหอราวกับจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้ว แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เมื่อคิดย้อนถึงท่านตาที่ชื่อชิงถิง เด็กน้อยที่เรียกตัวเองว่าต้าจื่อ ชายวัยกลางคนที่กอดปลอบตัวเองเมื่อวาน ไหนจะเสียงที่ได้ยินเมื่อครั้งนางป่วย
ทุกอย่างทำให้เสี่ยวเหอคิดได้เพียงว่า นางย้อนเวลากลับมายังช่วงเวลาที่ชิงถิงยังไม่ตาย หรือไม่ บางทีที่โลกนี้เขาอาจจะไม่ตาย!! ตัวนางก็ไม่เคยหนีงานแต่ง!! พี่หลันเหมยก็อาจจะยังไม่ตายเช่นกัน!!
ความดีใจถาโถมจนทำอะไรไม่ถูก เสี่ยวเหอก้มลงมองมือตัวเอง สำรวจว่าด้ายแดงที่ดึงนางมาหาชิงถิงยังอยู่ดีหรือไม่ และเห็นเนื้อย่างที่กำลังถืออยู่ เสี่ยวเหอถึงเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังจะกินเนื้อย่าง แต่รีบออกมาจนลืมว่าถือเนื้อย่างติดมือมาด้วย แล้วทุกอย่างก็วุ่นวายจนตอนนี้
“ในเมื่อเจ้ารู้จักนาง เจ้าจะโกหกทำไมว่าไม่ได้เป็นคนพานางเข้ามา นางยังพูดว่าเจ้าเป็นคนพาเข้ามา!”
“ไม่ใช่ข้าขอรับท่านนายกอง ข้าสาบาน ไม่ใช่ข้าจริงๆ”
“แล้วนางเข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” นายกองดุ
“ข้าไม่รู้จริงๆ” ชิงถิงก็งุนงงเช่นกัน
“เลิกปากหนักซะ ข้าจะทำโทษเจ้าที่แอบพาคนรักเข้ามาในค่าย”
“ท่านพูดอะไร!! นาง..นางไม่ใช่คนรักของข้า ทั้งนาง..ยังไม่มีคู่หมาย ท่านพูดเช่นนี้นางจะเสียหายได้นะขอรับ” ชิงถิงพูดพร้อมกับหันมองมาทางเสี่ยวเหอด้วยความเป็นห่วง
เขาเป็นห่วงเรื่องที่นางจะเสื่อมเสียชื่อเสียงมากกว่าเรื่องที่ตัวเขาจะถูกทำโทษ เสี่ยวเหอมองและยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาก็คือชิงถิงของนาง!! หัวใจของหญิงสาวเต้นเร็วแรงพร้อมจะกระโดดออกมาจากอก ดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพราะสิ่งใด นางล้วนดีใจ
“เจ้ายังจะมาโกหกว่าไม่ใช่อีก แม่นางน้อยมาหาเจ้าถึงที่แล้ว”
“ข้า..ไม่ใช่เช่นนั้น..” ชิงถิงอึดอัด
เสี่ยวเหอเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ นางไม่อยากให้ชิงถิงต้องเดือดร้อน จึงตัดสินใจโกหก
“ที่จริงแล้วข้าแอบเข้ามาเองเจ้าค่ะ ท่านอย่าลงโทษเขาเลย เขาไม่รู้เรื่อง ข้าผิดเอง ข้าเป็นห่วงชิงถิงมาก กลัวจะกินไม่อิ่มตอนอยู่ในค่ายทหาร จึงเอาเนื้อย่างที่เขาชอบกินมาฝาก
แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งยังหลงในค่ายทหารเพราะไม่รู้ทิศทาง ข้าขอโทษที่โกหก ขอโทษแทนชิงถิงด้วย ขอร้องอย่าทำโทษเขาเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหอยังคุกเข่าลงไปขอโทษ ยกเนื้อย่างในมือขึ้นมาเป็นหลักฐาน
หัวหน้านายกองและชิงถิงชะงักไปครู่หนึ่ง
“คราวหลังอย่าทำเช่นนี้อีก เห็นแก่ความจริงใจของเจ้า ข้าจะไม่เอาความ ให้ต้าจื่อรีบไปส่งเจ้านอกค่าย จะได้ไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้” นายกองถึงจะหน้าดุ แต่ที่จริงเป็นคนใจดี อะไรที่ไม่หนักหนาเกินไป ก็จะไม่เอาความมาก
ชิงถิงเดินมาส่งเสี่ยวเหอ เหล่าสหายทหารต่างตะโกนล้อเลียนเขากันอย่างสนุก เรื่องคนรักของเขามาหาถึงค่ายกองทัพ ชิงถิงอับอายมาก แต่เสี่ยวเหอกลับเอาแต่มองหน้าเขาและยิ้มอย่างโง่งม
เด็กหนุ่มเห็นสายตาของสาวน้อยที่มองมาเช่นนั้นก็เขินหน้าแดงไปหมด ทั้งอับอายที่สหายล้อเลียน ทั้งเขินอายที่นางเอาแต่จ้องมองเขาแล้วยิ้มมีความสุข
“เจ้าเอาน้ำมาด้วยหรือไม่?” ชิงถิงถาม
เสี่ยวเหอยิ้มส่ายหัว
“เหตุใดโง่เช่นนี้ เดินทางไกลไม่พกน้ำได้อย่างไร” เขาตำหนิเบาๆ
“ข้าอยากรีบเอาเนื้อย่างมาส่ง จึงไม่ได้คิดเรื่องนั้น” เสี่ยวเหอตอบพร้อมรอยยิ้ม
ชิงถิงยิ่งเขินอายจนหน้าแดง ยกถุงใส่น้ำของตัวเองให้นางไป
“รีบกลับบ้าน อย่าไปเถลไถลที่ใด เข้าใจหรือไม่” เขากำชับ
“อืม” นางพยักหน้ารับ ยังยิ้มอย่างโง่งม
‘เพิ่งรู้ว่ายามเขาเขินอายหน้าแดง น่ามองไม่น้อย’ หญิงสาวบอกกับตัวเอง เมื่อก่อนยามพบเขา นางมักจะคิดว่าเขาคงตากแดดทำงานหนักจึงทำให้หน้าแดง แต่ตอนนี้ไม่มีแดดชิงถิงก็ยังหน้าแดง ที่จริงแล้วคงเพราะเขินอายนี่เอง
“ข้าคิดถึงเจ้ามาก และฝันถึงทุกวัน” เสี่ยวเหอพูดในสิ่งที่คิดและเกิดขึ้นช่วงนี้
แต่เขากลับยิ่งขัดเขินจนทำอะไรไม่ถูก
“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าพูดสิ่งใดออกมา!” เขาดุนางเสียงเบา
อาการเช่นนั้นของเขา เสี่ยวเหอรู้สึกว่าน่ามองยิ่ง จึงเอาแต่ยิ้มให้เขา
“สายแล้ว ป่านนี้คนที่บ้านคงเป็นห่วงเจ้ามาก รีบกลับบ้านเถิด” เด็กหนุ่มเฉไฉพูดเรื่องอื่นแทน
พูดถึงคนที่บ้าน เสี่ยวเหอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่โลกเดิม หรือไม่ก็ย้อนเวลามาในอดีตแล้ว นางคิดถึงพี่สาว อยากรีบกลับไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเอง จึงบอกลาชิงถิง ยัดเนื้อย่างเย็นชืดใส่มือเขาและรีบเดินทางกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน เสี่ยวเหอคิดถึงความเดือดร้อนวุ่นวายที่ตัวเองพบในค่ายทหาร แล้วย้อนนึกถึงตอนที่พี่หลันเหมยต้องไปขอความช่วยเหลือจากชิงถิงตอนกลางคืนในค่ายทหาร พี่สาวคงจะได้รับความลำบากมากมาย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด
นางกลับถึงบ้านเกือบจะเลยยามอู่ [1] ไปแล้ว ไม่พบใครอยู่บ้านนอกจากพ่อบ้าน พ่อบ้านบอกว่าพวกน้องชายออกไปเรียนที่สำนักศึกษาส่วนท่านพ่อท่านแม่และพี่สาวน้องสาวก็ออกไปตามหานาง
เสี่ยวเหอดีใจมากที่เรื่องการหนีไปกับชิงถิงยังไม่เคยเกิดขึ้น
“ตอนนี้ข้าอายุเท่าไรหรือลุงเจา” นางถามเพื่อให้แน่ใจบางอย่าง
“ตอนนี้คุณหนูอายุสิบสี่ปีขอรับ” ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลุงเจาพ่อบ้านก็ตอบคำถาม
สาวน้อยเสี่ยวเหอยิ้มดีใจ มองไปรอบๆ บริเวณจวนหลังใหญ่ของท่านพ่อ น้ำตาเริ่มไหลเป็นทาง
‘เรื่องเลวร้ายไม่เคยเกิดขึ้น หรือยังไม่ได้เกิดขึ้น ดีนัก ช่างดียิ่งนัก’ นางตื่นเต้นจนมือสั่น
“รบกวนลุงเจาช่วยไปบอกทุกคนว่าข้ากลับมาแล้ว ข้ารู้แล้วว่าทำผิดไป จะไปสำนึกผิดในห้องเก็บฟืนเจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านพ่อจะทำโทษเช่นไร ข้ายินดีรับโทษทุกอย่างด้วยความเต็มใจ”
พ่อบ้านแม้จะตกใจบ้างแต่ก็รู้ว่านางเป็นเด็กดี คงรู้ความผิดของตัวเองและสำนึกเสียใจจริงๆ
[1] ยามอู่ คือ เวลา 11.00-12.59 นาฬิกา
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง