“ที่จริงแล้ว วันนี้ข้าไปตามหาเจ้ามาแล้วทุกแห่ง ในป่า ข้าก็ไปมา แต่ก็ยังไม่พบเจ้า คราแรกข้ายังนึกว่าวันนี้จะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าแล้ว เมื่อครู่ข้ารีบร้อนเกินไป จึงไม่ได้คิดไว้ เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ นะ นะ” หญิงสาวพูดขอโทษไป เขย่ามือเขาเบาๆ ไปด้วย ทำท่าทางออดอ้อนน่ารักจนเขาใจอ่อน
“เจ้าไปหาข้าทำไมกัน ข้าก็ต้องอยู่ในค่ายทหาร เจ้าไม่รู้หรือ ออกไปเช่นนั้นมันอันตรายนะ” เขาตำหนิ ทั้งที่ในใจอ่อนยวบ
“ใช่ๆ ข้าผิดเอง ข้าแค่คิดถึงเจ้ามาก” นางตอบยิ้มแย้มเอาใจเขา คำว่าคิดถึงของนางทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นทันตา
“แล้วเจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าหรือ” เขาถาม
“ข้าอยากไปเที่ยวคืนนี้ เพราะข้าอาจไม่มีเวลาต่อจากนี้แล้ว เจ้าพอจะมีเวลาหรือไม่ เราไปดูเทศกาลโคมกันเถิด”
ชิงถิงดึงกำไลที่นางถืออยู่ ใส่คืนให้นางดังเดิม
“ข้าไม่มีเวลา ใครจะว่างตามหาคนทั้งวันเช่นเจ้ากัน” ถึงจะพูดเสียงดุ แต่สีหน้าของเขาก็แสดงออกชัดว่าดีใจ มีรอยยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย
แม้เสี่ยวเหอจะดีใจที่เขาหายโกรธแล้ว แต่ยังคงกังวลใจ หากไม่ใช่คืนนี้ ก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรนางถึงจะมีโอกาสตื่นมาพอดีกับวันเทศกาลเช่นนี้อีก
“เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นข้ายอมตัดใจก็ได้” นางก้มหน้าเสียใจ
ชิงถิงเห็นท่าทางนั้นแล้วชวนให้รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ เขาใช้สองมือหยิกแก้มนางและนวดไปมา นวดอยู่ครู่หนึ่งจนเขาพอใจ หยิกยืดแก้มของนางราวกับขนมแป้งนึ่งก่อนจะยอมปล่อยมือ
“เจ็บนะ” เสี่ยวเหอได้แต่ต่อว่า
“เจ้ากลับไปเตรียมตัว อีดครู่ข้าจะไปรับ” เขาพูดเช่นนั้น และเข้าบ้านไปทันที ไม่สนใจหญิงสาวที่ดีใจจนตากลมโต
เสี่ยวเหอกลับมาเตรียมตัวทั้งที่ยังสับสนไม่แน่ใจว่าเขาให้นางเตรียมเช่นไร นางลองคำนวณดูแล้ว หากขี่ม้าไปก็ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วยาม นั่งเกวียนเทียมวัวคงใช้เวลานานกว่ามาก
ทั้งยังต้องรอคนในบ้านหลับหมดแล้วค่อยแอบออกไป เมื่อเดินทางไปถึงตัวอำเภอ ตอนนั้นงานอาจเลิกไปแล้ว กว่าจะกลับมาถึงบ้านคงสว่าง ผู้คนคงได้รู้กันหมด เขาจะใช้วิธีใดกัน เหตุใดจึงดูมั่นใจนัก หญิงสาวได้แต่กังวล
แต่..ท้องฟ้าไม่ทันมืดดี เสี่ยวเหอยังไม่ทันได้กินข้าวเย็น ชิงถิงก็มารับแล้ว เขาเข้ามาในบ้าน เอ่ยขอกับท่านพ่อท่านแม่ของนางตรงๆ
“ข้าจะพาน้องๆ ไปเที่ยว ท่านพ่อให้ข้ามาถามท่านอาว่า อยากให้ลูกๆ ไปด้วยกันหรือไม่ขอรับ” เขาถึงขั้นใส่ชุดทหารเต็มยศมาเรียกความเชื่อมั่นด้วย
“ข้าจะมีเวลาเพียงวันนี้กับพรุ่งนี้เท่านั้น หากผ่านช่วงนี้ไปแล้วอาจไม่มีเวลามาช่วยดูแลความปลอดภัยแล้วขอรับ” เขาเพิ่มข้ออ้างลงไปอีก
เสี่ยวเหอได้แต่ยิ้มชื่นชม นางไม่ทันนึกว่ามีวิธีนี้ด้วย
ทั้งท่านพ่อท่านแม่ของเสี่ยวเหอเห็นว่าเป็นโอกาสดี มีคนมีฝีมือและไว้ใจได้เช่นต้าจื่อไปด้วยก็วางใจ จึงตกลงยอมให้บุตรชายบุตรสาวไปเที่ยวกับต้าจื่อ พร้อมออกเงินค่าที่พักในโรงเตี๊ยมให้ทุกคนด้วย เด็กๆ จะได้ไม่ต้องกลับบ้านตอนดึก มีเวลาเที่ยวสนุกทั้งคืน
วันนั้นเสี่ยวเหอกับชิงถิงเดินเที่ยวงานเทศกาลกับพร้อมคนอื่นๆ คล้ายพี่น้องทั่วไป แต่ตลอดทางก็แอบมองกันไปมา น้องๆ ของเขาและของนางไม่มีใครระแคะระคายความสัมพันธ์ของพวกเขา
ในขณะที่พี่หลันเหมยได้แต่คิดในใจว่าไม่ต้องสังเกตก็ยังเห็นตำตา ชัดเจนเช่นนี้มีแต่คนโง่ที่ไม่เห็น แต่พี่สาวกลับทำตัวเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใด
เสี่ยวเหอรู้สึกมีความสุขมาก ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลง หลังจากคนอื่นเข้านอนกันแล้ว นางจึงแอบออกไปเที่ยวกับเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ชิงถิงพานางไปดูหิ่งห้อยนอกเมืองแทน เขาอยากอยู่กับนางลำพัง
หญิงสาวเห็นหิ่งห้อยทำให้นึกถึงครั้งที่อยู่ในโลกก่อน ยามที่ต้องไปเดินเที่ยวกับพ่อค้าวาณิชและชิงถิงแอบพาตัวเองหนีมา ตอนนั้นนางช่างโง่เขลานัก ครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก
คืนนั้นเสี่ยวเหอมีความสุขมาก เขาเอาใจราวกับนางเป็นองค์หญิง นางหยอกล้อเขาจนพอใจ จับมือเกี้ยวพาชายหนุ่มจนเขานั่งไม่ติดแต่ยังคงยอมทนนั่งเป็นเพื่อนนาง สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านนาน เขาจึงพานางกลับ ไม่อยากให้มีใครสงสัยว่าพวกเขาหายไป
ระหว่างเดินทางกลับโรงเตี๊ยม เสี่ยวเหอไม่อยากให้ช่วงเวลามีความสุขนี้จบลง นางพยายามคิดหาวิธี แต่ภายใต้ความมืด หญิงสาวกลับพบความจริงอื่นที่น่าหวั่นใจกว่ามาก ถ้าพรุ่งนี้นางไม่ตื่น จะมีใครตื่นมาแทนนาง หรือไม่
หากไม่ใช่นาง เสี่ยวเหอได้แต่คาดว่าคงเป็นใครอีกคนที่หน้าตาคล้ายนาง แต่ไม่เคยรู้เรื่องที่นางกับเขาแอบพบกัน แอบรักกัน!! หญิงสาวบีบมือคนรักด้วยความสงสาร เขาต้องใช้ชีวิตเช่นไรกัน
“หากพรุ่งนี้ตื่นมาแล้ว ข้าไม่ยอมคุยด้วย ไม่เหมือนเดิม ก็ขอให้เจ้ารู้ไว้ว่าข้ายังคงคิดถึงเจ้าเสมอ แต่มีเหตุจำเป็นให้สนิทสนมด้วยไม่ได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่” เสี่ยวเหอพูดอ้อนวอน
“...” ชิงถิงชะงักฝีเท้า แต่ไม่ยอมตอบ
“ชิงชิง..” เสี่ยวเหอได้แต่กังวลใจ
“รวมถึงเรื่องที่เจ้าไปงานรวมตัวของพวกคุณหนูเพื่อดูตัวด้วยหรือไม่”
“อะไรนะ!” นางไม่เคยรู้ว่าตัวเองไปงานดูตัวมาแล้ว เสี่ยวเหอได้แต่ตกใจรู้สึกผิด ใครกันเป็นคนไปดูตัวแทนนาง
“...” ส่วนเขาก็เงียบงันจนน่าหวาดหวั่น ไม้เอ่ยถามคำถามใด ยังคงเดินทางต่อคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ทั้งที่ในใจโกรธหญิงสาวจนหัวใจแทบมอดไหม้
ในหัวของเสี่ยวเหอสับสนวุ่นวาย สิ่งที่เขาพูดยืนยันว่ามีนางอีกคน ตัวนางที่เป็นคนของโลกนี้ หญิงสาวแทบไม่กล้าพูดอะไรอีก นางไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเองก็คล้ายจะอารมณ์ขุ่นมัว
คู่รักที่ต่างมีเรื่องในใจ เดินทางกลับมาใกล้จะถึงโรงเตี๊ยม เสี่ยวเหอแม้สับสนวุ่นวาย แต่นางไม่ยินยอมให้ชิงถิงหยุดสนใจตัวเอง นางรู้สึกว่าเขากำลังปันใจออกห่าง
เพราะเขาเอาเงียบงันไม่ถามไม่พูด เหมือนตอนอายุสิบเจ็ดที่เขาทำตัวเย็นชาใส่นาง แม้จะรู้ว่าเป็นเพราะตัวนางอีกคนทำให้เขาเข้าใจผิด แต่เสี่ยวเหอไม่มีทางเลือก นางรู้ว่าเขารักนาง คลั่งไคล้นาง
หญิงสาวจึงวางแผนจะทำให้เขาหยุดคิดถึงนางไม่ได้ นางต้องการให้เขาคิดถึงแต่นางผู้เดียวดังเช่นที่นางรู้สึก โดยใช้แผนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำมาแล้วในโลกก่อน
เพราะเข้าใกล้โรงเตี๊ยมแล้ว แสงไฟที่เคยมืดมิด ยามนี้สว่างไสวจนมองหน้าอีกฝ่ายชัดเจน เสี่ยวเหอมองดูชิงถิงตัวสูงใหญ่ นางคิดว่าตัวเองคงดึงเขาลงมาจูบไม่ได้ จึงวางแผนอย่างอื่นแทน
นางจึงกวักมือเรียกเขา
“ข้ามีเรื่องจะบอก แต่ที่นี่ ใกล้ถึงโรงเตี๊ยมแล้ว ข้ากลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน เจ้าช่วยก้มลงมาหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะกระซิบให้ฟัง” เสี่ยวเหอทำหน้าตาให้จริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาทำหน้าไม่เชื่อ แอบยิ้มมุมปาก ไม่รู้นางจะทำสิ่งใดอีก แต่ก็อยากรู้ จึงก้มลงไปใกล้ๆ หน้านาง
“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหย
“ไม่เป็นไร แค่พี่หลันเหมยมีความสุข พบคนดี ข้าก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยข้าอีกคนก็ได้เข้าร่วมงานแต่งอวยพรให้นาง แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็คงไม่ได้ไปงานแต่งของพี่หลันเหมยใช่หรือไม่ ข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่น เพราะเจ้าคนเดียว ฮึ” เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางย่นปากน่ารักเช่นนั้น“ข้าเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ไม่สามารถลาไปงานแต่งของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องได้ แต่ได้ส่งของไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง” “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นแหละ” “ได้ๆ เพราะข้าเอง” เขายอมให้ ในใจเสี่ยวเหอเมื่อนึกย้อนถึงโลกก่อน พี่สาวตายทั้งที่อยู่ในชุดแดง การแต่งงานเช่นนี้ ช่างเป็นวาสนาที่ดีกับพี่หลันเหมยมาก นางรู้สึกดีใจมากๆ จากใจจริง คืนวันนั้นชิงถิงก็พร่ำพลอดบอกรักกับนางเช่นเคย แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ายามแก่ เพราะกลัวท่านพ่อท่านแม่ข้างบ้านได้ยิน ในขณะที่ยามเป็นรองแม่ทัพไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วแต่เขายามนี้ก็ยังคงกระซิบกระซาบบอกรักมากมาย บอกว่าคิดถึงนางมากเพียงใด เสร็จไปศึกหนึ่ง ก็ต่ออีกศึกหนึ่ง เขาทำเช่นนั้นหลายครั้งจนใกล้จะรุ่งเช้า เสี่ยวเหอง่วงนอนใกล้จะหลับเขาก็ไม่ยอม ชิงถิงพยายามปลุกนางให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้กรำศึกไปพร้
“ไม่ได้!!!” เสี่ยวเหอปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ชิงชิงเป็นของข้าคนเดียว” นางโกรธมากชิงถิงยิ้มมุมปากอย่างไม่อาจควบคุม เขามองเสี่ยวเหออย่างรักใคร่ ตัวเขาคิดเสมอว่าเสี่ยวเหอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ไม่เคยรู้เลยยามนางหึงหวงจะกลายเป็นนางเสือน่ากลัวได้ด้วยทางหนึ่งชิงถิงก็รู้สึกพึงพอใจ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานในการหึงหวงบ้างก็ดี นางจะได้รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หลายปีมันไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์อะไร เขาอยากให้นางหวงแหนเขาจนแทบขาดใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงทดสอบท่านว่าจริงใจหรือไม่ ในเมื่อท่านจริงใจกับข้า ข้าก็จะจริงใจกับท่าน ตัวข้าจะหายไป ขอเวลาไม่นานเกินเดือน” อนุจินยืนขึ้น ด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง“นี่....นี่เจ้า..เจ้าไม่ต้องรับอนุแล้วใช่หรือไม่?” เสี่ยวเหอหันมาถามชิงถิง“นั่นสิ เจ้าคิดว่าอย่างไร ข้ายังต้องรับนางเป็นอนุอีกเดือนหนึ่งหรือไม่นะ แล้วข้าต้องเข้าหอตามธรรมเนียมด้วยหรือไม่ ทำเช่นไรดี” เขายิ้มน้อยๆ ลูบหัวเสี่ยวเหอของเขาอย่างรักใคร่“...” เขาหยอกนางอีกแล้ว เสี่ยวเหอไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเขามักจะชอบทำให้นางสับสน! เท่านี้นางก็หึงหวงเขาจนเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว เขาชอบให้นางทรมานเพราะหึงหวงเขาหร
นางเดินทางข้ามเวลาทุกวันเช่นนี้ จะเอากำลังที่ใดไปสู้รบกับเหล่าอนุที่ฮ่องเต้ประทานให้สามีของนางอย่างไร นางเคยได้ยินว่า สตรีพวกนั้นล้วนงดงามมีความสามารถ พร้อมทำทุกวิธีเพื่อจะปีนขึ้นเตียงของบุรุษ“เจ้าปฏิเสธไม่รับอนุไม่ได้หรือ ให้คนอื่นๆ รับแทนก็ได้ รองแม่ทัพมีเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ” เสี่ยวเหอน้อยใจ“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะติดหนี้บุญคุณของท่านแม่ทัพอยู่ จำเป็นต้องตอบแทนคุณ แต่ข้ารับรอง ข้ามีแค่เจ้า เชื่อข้าได้หรือไม่” เขาแก้ตัว ดึงนางมากอดปลอบ น้ำเสียงฟังคล้ายอ้อนวอนแปดส่วน หวาดหวั่นอีกสองส่วนเสี่ยวเหอเห็นท่าทางร้อนรนของเขา ท่าทางเอาอกเอาใจนาง แม้จะเป็นชิงถิงที่อายุมากแล้ว มีหนวดเคราเต็มหน้า แต่อย่างไรก็ยังน่ารักในสายตานาง นางกอดเขาตอบ ลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยชิงชิง“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่ยอมรับ หากเจ้ารับอนุ ข้าจะรับลูกบุญธรรม!!” นางอยากให้เขาเอาใจ“เจ้ามีลูกของตัวเองแล้วนะ” ชิงถิงผลักนางออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเสี่ยวเหอ ท่าทางตกใจไม่น้อยเสี่ยวเหอยิ่งทำหน้าตกใจไปใหญ่ นางเพิ่งเข้าหอกับเขาไม่กี่ครั้ง ไม่เคยอุ้มท้อง แต่เขากลับบอกว่านางมีลูกกับเขาแล้วเช่นนั้นหรือ!!ชิง
ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดีชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลาระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความ
เสี่ยวเหอตัดสินใจครั้งสำคัญ คิดว่าถูกผิดอย่างไรก็ช่าง เพราะไม่มีทางเลือก ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาคลั่งไคล้นางไม่เลิก ไหนๆ ก็เคยจูบมาแล้วตอนอายุสิบเจ็ด ทำอีกสักครั้งคงไม่เป็นไรไป นางคิดแล้วจึงยกมือเกาะคอเขา“อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีหรือยืดตัวขึ้นเสี่ยวเหอชิงจูบเขาอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ดุนดันลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อควานหาลิ้นนุ่ม เมื่อเขายอมเปิดปากให้นางสำรวจลิ้นของเขา นางก็รีบโลมเลียลิ้นนั้นเล่น ขบกัดปลายลิ้นไม่ต่างจากที่เขาเคยชอบทำชิงถิงแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำอันอุกอาจของหญิงสาวคนรัก แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารัก จึงปล่อยให้นางทำต่อไป ทั้งยังรู้สึกหอมหวานในใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวเหอกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของเขาอยู่นาน เรียวลิ้นพันกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายนางก็แอบขบริมฝีปากของเขาแรงๆ กัดไม่ปล่อยจนนางมั่นใจว่าสามารถสร้างบาดแผลที่ริมฝีปากล่างเขาได้แน่แล้ว จึงยอมถอนจุมพิตในที่สุด“อือ..เจ็บนะ” เขาตำหนิ แต่น้ำเสียงแล้วรู้ว่าพึงพอใจมาก“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไร แต่ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับผู้ใด นอกจากข้าเท่านั้น” เสี่ย