เมื่อท่านพ่อท่านแม่และพี่สาวน้องสาวกลับมาครบทุกคนแล้ว แม้จะถูกด่ามาแต่ไกล เสี่ยวเหอก็ยังดีใจอย่างโง่งมวิ่งไปกอดพี่หลันเหมย แต่ไม่ยอมเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น
คืนนั้นเสี่ยวเหอถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืน นางกลัวว่าตัวเองจะหลับและไปโผล่ที่ที่ไม่รู้จักอีก จึงไม่ยอมหลับตานอน กลางดึกพี่สาวแอบเอาข้าวมาให้ นางยังคงดีใจมาก กอดพี่สาวไว้ไม่ยอมปล่อย
หลันเหมยถามหลายเรื่อง ทั้งเรื่องหนีไปที่ใด เหตุใดจึงหนี และเรื่องอื่นๆ แต่น้องสาวไม่ตอบคำถามของหลันเหมย นางกลับถามคำถามเรื่องพี่สาวแทน ถามมากจนพี่สาวสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่ได้สนใจไต่ถามเรื่องของพี่เช่นนี้นานแล้วนะ ตกลงเจ้าไปพบอะไรมา” หลันเหมยสงสัย
“เป็นข้าไม่ดีเอง เป็นข้าที่ไม่ใส่ใจพี่ พี่อย่าโกรธเคืองข้าได้หรือไม่ ให้อภัยคนโง่เขลาเช่นข้าด้วย” เสี่ยวเหอตอบและยิ้มทั้งน้ำตา
“ข้าจะโกรธเจ้าทำไมกัน นี่เจ้าเป็นอะไรกันแน่” พี่สาวเริ่มใจคอไม่ดีที่เห็นน้องสาวร้องไห้
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ข้ามีเรื่องอยากบอกพี่ ..ข้าตั้งใจจะแต่งงานกับชิงถิงในวันข้างหน้าหลังจากที่เขามาสู่ขอตัวข้า ส่วนพี่ก็อย่าได้เขินอายและรู้สึกผิด หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดี พี่สาวของข้าทั้งงดงาม ฉลาดและจิตใจดี ต้องรีบหาคนดีๆ แต่งงาน พี่เข้าใจหรือไม่” เสี่ยวเหอเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“ข้าได้ยินคนข้างนอกเขาเล่าเรื่องพ่อค้าวาณิชที่ชอบหลอกแต่งงานกับเด็กสาวบ้านนอก เพื่อเอาไปขายต่างแคว้น โดยเฉพาะเด็กสาวที่ยังไม่แต่งงาน มักจะถูกหลอกบ่อยๆ
ตัวข้าไม่อยากถูกหลอกแต่งงานไปขายต่างแคว้น พี่เองก็เป็นหญิงงาม อาจจะติดขัดบ้าง แต่ควรโยนทิ้งความถูกผิดไปเสีย และหาคนดีๆ พี่ก็จะได้พบคนที่รักพี่แน่นอน
ส่วนเรื่องคำสาปของท่านแม่นั้น ข้าคิดว่าท่านแม่รักข้าและพี่มาก ไม่มีทางสาปคำแช่งใส่เราสองพี่น้องให้มีชีวิตที่ไม่ดีหรอก..ข้าขอโทษที่ช่วงหลังไม่ค่อยได้เล่นกับพี่
เพราะข้าคิดว่าพี่อายุมากกว่าเล่นด้วยไม่สนุก ทำให้ข้าลืมเลือนไปว่าพี่หลันเหมยของข้าเป็นคนดีเพียงใด รักข้ามากเพียงใด พี่อย่าได้น้อยใจ ข้ายังคงรักและเคารพพี่อยู่เสมอ” เสี่ยวเหอพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้า
ถึงแม้พี่สาวจะสงสัย ไม่เข้าใจและตกใจบ้างกับสิ่งที่น้องสาวบอก แต่ก็คิดว่าบางทีน้องสาวคงไปพบเรื่องอะไรมาถึงทำให้คิดได้เช่นนี้ คืนนั้นพี่สาวนั่งคุยกับเสี่ยวเหอทั้งคืนจนนางเหนื่อยและหลับไป
วันต่อมา เสี่ยวเหอพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องของตัวเอง นางรีบล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปหาคนอื่นๆ พบน้องสาวต่างแม่กำลังมัดผมอยู่ด้านนอก สิ่งแรกที่เสี่ยวเหอเข้าไปถามคือ
“วันนี้ข้าอายุเท่าไร”
น้องสาวที่มัดผมอยู่ก็ตกตะลึงคิดว่าเสี่ยวเหอคงไม่สบาย เหตุใดอยู่ๆ จึงได้ถามเรื่องอายุของตัวเอง
“เจ้าจำอายุตัวเองไม่ได้แล้วหรือ?”
“ข้าอยากทดสอบเจ้า” เสี่ยวเหอแก้ตัว
“ไม่บอกหรอก ชิ” น้องสาวพูดล้อเล่น หัวเราะคิกคักกับนางอย่างมีความสุข
เสี่ยวเหอเล่นกับน้องสาวครู่หนึ่งให้พอหายคิดถึง ไม่รู้ทำไม ทั้งที่นางจากไปเพียงไม่กี่วัน นับตั้งแต่วันที่หนีไปกับชิงถิงก็ไม่เกินหนึ่งเดือน แต่ในใจกลับรู้สึกว่าผ่านมานานแสนนาน ทำให้เสี่ยวเหอคิดถึงทุกคนที่บ้านมาก
ต่อมานางไปถามเรื่องอายุกับแม่เลี้ยง พอท่านแม่บอกว่าปีนี้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว เสี่ยวเหอจึงคิดว่าน่าจะพูดเรื่องงานแต่งของตัวเองได้แล้ว กลัวว่าท่านแม่จะยกตัวเองให้คนอื่นก่อนที่ชิงถิงจะมาสู่ขอนาง
“ท่านแม่ ที่จริงแล้ว..ถึงเรื่องนี้จะเป็นเรื่องน่าอาย แต่ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ต้องคิดมากกับคำพูดของผู้อื่น ข้าจึงคิดว่าคุยกับท่านตรงๆ จะดีที่สุด”
“เจ้ามีสิ่งใดก็ว่ามาเถิด”
“ข้าคิดอยากแต่งงานกับคนผู้หนึ่งเจ้าค่ะ”
“ฮะ!! เจ้าว่าอะไรนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าเจ้า..เจ้า..ไปทำเรื่อง..” แม่เลี้ยงตกใจมาก นึกว่าลูกสาวแอบไปทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกแล้ว
“ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเพียงแต่บอกท่านไว้ก่อน ท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปหาคนมาแต่งงานกับข้า ไม่ต้องไปคุกเข่าขอใครเขา ข้ารู้สึกปวดใจยิ่งนักเวลาที่ต้องเห็นท่านไปอ้อนวอนผู้ใด
ข้าไม่อยากเห็นท่านแม่ต้องเหน็ดเหนื่อยแบกหน้าไปขอคนนั้นคนนี้มาแต่งกับข้า ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องไปคุกเข่าขอใคร ไม่จำเป็นต้องเอาคำนินทาของผู้อื่นมาใส่ใจ เพราะข้ามีคนที่ตั้งใจจะมาสู่ขอแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบอธิบาย
แม่เลี้ยงน้ำตารื้นดีใจที่เสี่ยวเหอเป็นเด็กดีมีความกตัญญูและเห็นอกเห็นใจตัวเองที่เป็นแค่แม่เลี้ยง
“เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ” พูดไปลูบหัวเสี่ยวเหอไปด้วยความเอ็นดู จนลืมถามเรื่องที่บุตรสาวเพิ่งบอกว่ามีคนอยากแต่งงานด้วยแล้ว
ช่วงสายๆ หลังอาหารเช้า เสี่ยวเหอได้ออกไปนอกบ้าน ตั้งใจจะไปช่วยพี่สาวเก็บผักป่ากับสาวใช้ แต่ตัวเองกลับแต่ชักช้าพูดคุยกับคนในบ้านจนพี่สาวและสาวใช้ออกไปก่อนนานแล้ว นางจึงต้องรีบตามไปทีหลัง
ระหว่างทางเสี่ยวเหอได้พบกับชิงถิง แม้นางจะเริ่มสงสัยว่าเหตุใดจึงได้พบกับเขาทุกวัน แต่ก็ยังดีใจที่เห็นเขายังมีชีวิตอยู่
“วันนี้เจ้าไม่อยู่ที่ค่ายทหารหรือ” เสี่ยวเหอถาม
“วันนี้สิ้นเดือน ที่ค่ายให้กลับมาเยี่ยมบ้านได้” ชิงถิงตอบพร้อมสายตาที่มองมาอย่างร้อนแรง
หากเป็นเมื่อก่อนเสี่ยวเหอคงเข้าใจว่าเขาเป็นคนสายตาเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีก นางรู้บ้างแล้วว่าสายตานั่นหมายถึงสิ่งใด นางเอาแต่มองเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางไม่หลบตาทั้งยังมองมาพร้อมรอยยิ้มสดใส หัวใจของชิงถิงจึงสั่นไหว ทำให้ใบหน้าเริ่มแดง
“ข้าไปที่บ้านเจ้าด้วยได้หรือไม่?” หญิงสาวถาม
นางคิดถึงเขา จึงตัดสินใจว่าจะตามเขาไปที่บ้าน แม้จะดูไม่ดีในสายตาผู้อื่นแต่นางไม่คิดจะสนใจ เพราะตัดสินใจไปแล้วว่าชีวิตครั้งใหม่นี้จะแต่งงานกับชิงถิงผู้เดียวเท่านั้น
“มันไม่งามที่จะตามผู้ชายไปที่บ้าน” เขาตำหนิ
ถึงจะพูดเสียงดุๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของเขาแล้วเสี่ยวเหอก็ไม่คิดจะสนใจคำบ่นนั้น นางมองออกว่าเขาดีใจ
หญิงสาวใช้ข้ออ้างว่าเป็นเพื่อนบ้านและเพื่อนตั้งแต่เด็กของชิงถิงเข้าไปพูดคุยสนิทสนมกับคนในบ้านของเขา ทำทุกอย่างเหมือนปกติ จนเกือบบ่ายชิงถิงต้องรีบกลับไปค่ายทหาร นางก็ตามไปส่งเขาอีก
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง