ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น
“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”
เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง
“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ
“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน
“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม
“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดี
ชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลา
ระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความประหลาดใจไว้ ตกลงว่าท่านรองแม่ทัพของพวกเขารักฮูหยินจริงหรือไม่ บางวันก็เหมือนรักจนแทบจะคลั่ง บางวันกลับเย็นชาจนคล้ายคนแปลกหน้า
จนบางครั้งฮูหยินต้องหนีไปนอนโรงเตี๊ยมเพราะน้อยใจเขา แต่รองแม่ทัพก็ไม่เคยคิดจะไปตามตัวนางสักครั้ง เขาจะรอจนฮูหยินกลับมา จากนั้นพวกเขาจะรักกันปานจะกลืนกินเช่นนี้เสมอ
หลังจากศึกในรถม้าอันดุเดือด เสี่ยวเหอก็หลับไป นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองนอนคว่ำอยู่ข้างทาง ดูจากทิศทางแล้ว เส้นทางนี้คงเป็นทางที่มุ่งไปสู่เมืองหลวง นางจึงเดินย้อนกลับ เพื่อกลับไปยังจวนของท่านรองแม่ทัพ
เมื่อวาน นางอยู่กับชิงถิงทั้งวัน พวกเขาสู้รบกันบนรถม้า หนทางจึงดูไม่ไกลมาก แต่วันนี้นางต้องเดินเท้ากลับ เดินมานานก็ยังไม่พบบ้านสักหลัง มีเพียงป่าเขาและต้นไม้สูงใหญ่
“ต่อไปข้าจะไม่เชื่อเจ้าแล้ว ชิงชิงคนบ้า” เสี่ยวเหอได้แต่บ่น
ไม่นานนางก็เดินมาไกลจนพบร้านน้ำชาข้างทาง ตามเนื้อตัวนางไม่มีเงินสักอีแปะ แต่บนตัวนางกลับมีเครื่องประดับหลายชิ้นอยู่ เสี่ยวเหอไม่เข้าใจว่าตัวเองในโลกนี้โง่หรือฉลาด เพราะการแต่งตัวเช่นนี้ออกมาเดินกลางป่าลำพังไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
‘เจ้าอาจถูกปล้น หรือถูกทำร้ายได้ เหตุใดถึงได้เดินยังมาเดินในที่เช่นนี้ลำพัง แทบจะไม่มีบ้านคน’ นางตำหนิตัวเองอีกคน
แต่เพราะนางเดินมาไกลและหิวมาก ถึงจะสงสัยเท่าไรก็ควรเติมท้องให้อิ่มเสียก่อน เสี่ยวเหอจึงถอดต่างหูข้างหนึ่งแลกกับน้ำชาและอาหาร มีซาลาเปาไส้หมูหอมๆ ด้วย
นางนั่งกินอาหารลำพัง สำรวจต้นไม้สูงและยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปอย่างใจเย็น นางกินซาลาเปาจนเหลือลูกสุดท้าย จึงสังเกตเห็นว่ามีเด็กน่าสงสารคนหนึ่งเอาแต่มองนางไม่วางตา
เสี่ยวเหอจึงจ้องตอบ และพบว่าที่เด็กคนนั้นมองไม่ใช่นาง แต่เป็นซาลาเปาที่ส่งกิ่นหอมโชยในมือ
“ขอโทษด้วยนายหญิง เด็กนี่เป็นเด็กกำพร้า เพราะคนในบ้านถูกโจรปล้นฆ่าตายหมด เหลือตัวคนเดียว และจะมาคอยขอทานอยู่ที่นี่ทุกวัน ไม่รู้ว่าพักที่ใด
ข้าก็ยากจน ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก ได้แต่เอาเศษอาหารให้นางเท่านั้น ขออภัยที่ทำให้ท่านไม่สบายตา ข้าจะรีบไล่เด็กนี่ไปแล้ว” เสี่ยวเอ้อในร้านรีบมาขอโทษ
“ยังไม่รีบไปอีก” เสี่ยวเอ้อหันไปพูดกับเด็กเบาๆ กลัวว่าจะทำให้นายหญิงที่ท่าทางเหมือนคนมีเงินขุ่นเคือง
“ไม่เป็นไร มานี่สิ” เสี่ยวเหอเรียกเด็กน้อย แต่เด็กน้อยกลับหลบอยู่หลังเสี่ยวเอ้อแทน
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว” เสี่ยวเหอยื่นซาลาเปาให้เด็กน้อย
จู่ๆ ก็มีคนควบม้ามาถึงหน้าร้านน้ำชา เขาใส่ชุดทหาร มีหนวดเครารุงรัง มีริ้วรอยเด่นชัด อายุคงมากแล้ว แต่ยังคงดูแข็งแรงและน่ามอง เสี่ยวเหอต้องดูให้ดีอีกสองสามครั้งจึงจำได้ว่านั่นคือชิงชิงของนาง
“ขึ้นม้า” เขาเข้ามาเรียกนางด้วยน้ำเสียงเย็นชาสามส่วน ไม่พอใจอีกเจ็ดส่วน เสี่ยวเหอจึงได้แต่ทำหน้าสงสัย ไม่แน่ใจว่าเขาโกรธอะไร
“..ข้ากำลังกินข้าว” หญิงสาวพูดเสียงเบา
แต่ชิงถิงอายุมากกลับไม่สนใจ เขาเข้ามาลากนางออกไปนอกร้านทันที ไกลพอที่คนอื่นจะไม่ได้ยินแล้วจึงดุนางเสียงเข้ม คิ้วขมวดด้วยอารมณ์โกรธ
“ตัวข้าไม่ได้อยากรับอนุ แต่ในเมื่อถูกบังคับให้รับแล้ว เจ้าจะเดินทางไปถึงเมืองหลวงก็ไม่ช่วยอะไร และเลิกทำตัวโง่เขลา วิ่งออกมาโดยไม่สนใจผู้อื่นเช่นนี้ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว
ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะรู้สึกเช่นไร แต่ต้องกลับไปอยู่ในจวน” เขาทั้งข่มขู่ทั้งโมโห เขากลัวว่าหากร่างนี้ไปที่อื่น เสี่ยวเหอของเขาอาจจะตื่นมาในจวนของเขาไม่ได้อีก ต่อให้ไม่ได้อยากมาก็ยังต้องรีบออกมาตามหา
เสี่ยวเหอก็ชะงักค้างไปตั้งแต่ที่เขาบอกว่ารับอนุแล้ว
“ชิงชิง เจ้ารับอนุหรือ!!” นางถามเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้า
เมื่อชิงถิงได้ยินนางเรียกเขาว่าชิงชิง เขาก็ตกใจมากไม่แพ้นาง รีบกอดนางไว้อธิบายพัลวัน
“เสี่ยวเหอ..ไม่ใช่ข้า ข้าถูกท่านแม่ทัพบังคับให้รับ แต่เท่าที่สืบมา หญิงผู้นั้นน่าจะเป็นสายลับของฮ่องเต้ ถูกส่งมาเพื่อสืบข่าวของท่านแม่ทัพ อีกไม่นานก็คงถูกฆ่าปิดปาก ตอนนี้แค่ต้องทำตามแผนไปก่อน
เจ้า..อย่าเข้าใจข้าผิดนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของราชสำนัก ข้าเองก็แค่ทำตามแผนการเท่านั้น”
เขาไม่สนใจว่าปกติฮูหยินของเขาคิดอย่างไร ต้องการสิ่งใด ไม่อยากเสียเวลาอธิบาย แต่เพราะนางหนีมา เขาจึงต้องรีบมาตาม กลัวว่าเสี่ยวเหออาจกลับบ้านไม่ได้ แต่พอเป็นเสี่ยวเหอ ชิงถิงถึงกับเปิดเผยความลับของราชสำนักแทบจะทันที
เสี่ยวเหอกะพริบตาปริบๆ เหตุใดชีวิตของนางจึงได้สับสนวุ่นวายนัก ทุกเช้าที่ตื่นนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปตื่นที่ใด ตื่นเวลาไหน หรือตื่นตอนอายุเท่าไรเพียงเท่านี้นางก็สับสนชีวิตมากพอแล้ว
นี่นางต้องมานั่งรับมือว่าชิงชิงของนางอาจมีคนอื่นอีกหรือ เสี่ยวเหอไม่เคยคิดถึงเรื่องที่เขาอาจจะรับอนุเลยสักครั้ง นี่มันเรื่องตลกอันใดกัน! องค์เทพจากสวรรค์กำลังกลั่นแกล้งนางอยู่ใช่หรือไม่
“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหย
“ไม่เป็นไร แค่พี่หลันเหมยมีความสุข พบคนดี ข้าก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยข้าอีกคนก็ได้เข้าร่วมงานแต่งอวยพรให้นาง แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็คงไม่ได้ไปงานแต่งของพี่หลันเหมยใช่หรือไม่ ข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่น เพราะเจ้าคนเดียว ฮึ” เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางย่นปากน่ารักเช่นนั้น“ข้าเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ไม่สามารถลาไปงานแต่งของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องได้ แต่ได้ส่งของไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง” “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นแหละ” “ได้ๆ เพราะข้าเอง” เขายอมให้ ในใจเสี่ยวเหอเมื่อนึกย้อนถึงโลกก่อน พี่สาวตายทั้งที่อยู่ในชุดแดง การแต่งงานเช่นนี้ ช่างเป็นวาสนาที่ดีกับพี่หลันเหมยมาก นางรู้สึกดีใจมากๆ จากใจจริง คืนวันนั้นชิงถิงก็พร่ำพลอดบอกรักกับนางเช่นเคย แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ายามแก่ เพราะกลัวท่านพ่อท่านแม่ข้างบ้านได้ยิน ในขณะที่ยามเป็นรองแม่ทัพไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วแต่เขายามนี้ก็ยังคงกระซิบกระซาบบอกรักมากมาย บอกว่าคิดถึงนางมากเพียงใด เสร็จไปศึกหนึ่ง ก็ต่ออีกศึกหนึ่ง เขาทำเช่นนั้นหลายครั้งจนใกล้จะรุ่งเช้า เสี่ยวเหอง่วงนอนใกล้จะหลับเขาก็ไม่ยอม ชิงถิงพยายามปลุกนางให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้กรำศึกไปพร้
“ไม่ได้!!!” เสี่ยวเหอปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ชิงชิงเป็นของข้าคนเดียว” นางโกรธมากชิงถิงยิ้มมุมปากอย่างไม่อาจควบคุม เขามองเสี่ยวเหออย่างรักใคร่ ตัวเขาคิดเสมอว่าเสี่ยวเหอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ไม่เคยรู้เลยยามนางหึงหวงจะกลายเป็นนางเสือน่ากลัวได้ด้วยทางหนึ่งชิงถิงก็รู้สึกพึงพอใจ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานในการหึงหวงบ้างก็ดี นางจะได้รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หลายปีมันไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์อะไร เขาอยากให้นางหวงแหนเขาจนแทบขาดใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงทดสอบท่านว่าจริงใจหรือไม่ ในเมื่อท่านจริงใจกับข้า ข้าก็จะจริงใจกับท่าน ตัวข้าจะหายไป ขอเวลาไม่นานเกินเดือน” อนุจินยืนขึ้น ด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง“นี่....นี่เจ้า..เจ้าไม่ต้องรับอนุแล้วใช่หรือไม่?” เสี่ยวเหอหันมาถามชิงถิง“นั่นสิ เจ้าคิดว่าอย่างไร ข้ายังต้องรับนางเป็นอนุอีกเดือนหนึ่งหรือไม่นะ แล้วข้าต้องเข้าหอตามธรรมเนียมด้วยหรือไม่ ทำเช่นไรดี” เขายิ้มน้อยๆ ลูบหัวเสี่ยวเหอของเขาอย่างรักใคร่“...” เขาหยอกนางอีกแล้ว เสี่ยวเหอไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเขามักจะชอบทำให้นางสับสน! เท่านี้นางก็หึงหวงเขาจนเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว เขาชอบให้นางทรมานเพราะหึงหวงเขาหร
นางเดินทางข้ามเวลาทุกวันเช่นนี้ จะเอากำลังที่ใดไปสู้รบกับเหล่าอนุที่ฮ่องเต้ประทานให้สามีของนางอย่างไร นางเคยได้ยินว่า สตรีพวกนั้นล้วนงดงามมีความสามารถ พร้อมทำทุกวิธีเพื่อจะปีนขึ้นเตียงของบุรุษ“เจ้าปฏิเสธไม่รับอนุไม่ได้หรือ ให้คนอื่นๆ รับแทนก็ได้ รองแม่ทัพมีเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ” เสี่ยวเหอน้อยใจ“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะติดหนี้บุญคุณของท่านแม่ทัพอยู่ จำเป็นต้องตอบแทนคุณ แต่ข้ารับรอง ข้ามีแค่เจ้า เชื่อข้าได้หรือไม่” เขาแก้ตัว ดึงนางมากอดปลอบ น้ำเสียงฟังคล้ายอ้อนวอนแปดส่วน หวาดหวั่นอีกสองส่วนเสี่ยวเหอเห็นท่าทางร้อนรนของเขา ท่าทางเอาอกเอาใจนาง แม้จะเป็นชิงถิงที่อายุมากแล้ว มีหนวดเคราเต็มหน้า แต่อย่างไรก็ยังน่ารักในสายตานาง นางกอดเขาตอบ ลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยชิงชิง“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่ยอมรับ หากเจ้ารับอนุ ข้าจะรับลูกบุญธรรม!!” นางอยากให้เขาเอาใจ“เจ้ามีลูกของตัวเองแล้วนะ” ชิงถิงผลักนางออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเสี่ยวเหอ ท่าทางตกใจไม่น้อยเสี่ยวเหอยิ่งทำหน้าตกใจไปใหญ่ นางเพิ่งเข้าหอกับเขาไม่กี่ครั้ง ไม่เคยอุ้มท้อง แต่เขากลับบอกว่านางมีลูกกับเขาแล้วเช่นนั้นหรือ!!ชิง
ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดีชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลาระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความ
เสี่ยวเหอตัดสินใจครั้งสำคัญ คิดว่าถูกผิดอย่างไรก็ช่าง เพราะไม่มีทางเลือก ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาคลั่งไคล้นางไม่เลิก ไหนๆ ก็เคยจูบมาแล้วตอนอายุสิบเจ็ด ทำอีกสักครั้งคงไม่เป็นไรไป นางคิดแล้วจึงยกมือเกาะคอเขา“อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีหรือยืดตัวขึ้นเสี่ยวเหอชิงจูบเขาอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ดุนดันลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อควานหาลิ้นนุ่ม เมื่อเขายอมเปิดปากให้นางสำรวจลิ้นของเขา นางก็รีบโลมเลียลิ้นนั้นเล่น ขบกัดปลายลิ้นไม่ต่างจากที่เขาเคยชอบทำชิงถิงแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำอันอุกอาจของหญิงสาวคนรัก แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารัก จึงปล่อยให้นางทำต่อไป ทั้งยังรู้สึกหอมหวานในใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวเหอกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของเขาอยู่นาน เรียวลิ้นพันกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายนางก็แอบขบริมฝีปากของเขาแรงๆ กัดไม่ปล่อยจนนางมั่นใจว่าสามารถสร้างบาดแผลที่ริมฝีปากล่างเขาได้แน่แล้ว จึงยอมถอนจุมพิตในที่สุด“อือ..เจ็บนะ” เขาตำหนิ แต่น้ำเสียงแล้วรู้ว่าพึงพอใจมาก“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไร แต่ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับผู้ใด นอกจากข้าเท่านั้น” เสี่ย