“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย
“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก
“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!
เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ
“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล
“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง
“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”
ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหยวน หรือเขากำลังจะแต่งงานไปกับหญิงอื่นและไม่สนใจตัวนางแล้ว ยามนี้นางคิดได้เพียงแต่เรื่องโง่งม
ทั้งหมดที่นางทุ่มทำ เรื่องน่าอายอย่างการดึงเขามาจูบ ไม่ทำให้เขาคิดถึงแต่นางผู้เดียวหรอกหรือ หรือระหว่างชายและหญิง ความรู้สึกคิดถึงมันต่างกัน สิ่งที่นางทำไปจึงไร้ผล
เสี่ยวเหอกลัวว่าชิงถิงจะไม่รักนางแล้วอย่างสุดใจ
“ขอบคุณ” ชิงถิงเอ่ยขอบคุณระหว่างที่รับขนมจากพี่หลันเหมย จากนั้นก็เดินออกจากหลังบ้านทางเดิม
เสี่ยวเหอวิ่งไปจับแขนเสื้อเขาเอาไว้แต่พูดสิ่งใดไม่ออก ได้แต่จับเอาไว้เช่นนั้น ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องพูดอย่างไร
“อย่าทำอะไรเช่นนี้ เสียมารยาท รีบปล่อยมือเร็วเสี่ยวเหอ” พี่สาวตกใจรีบไปห้าม
ในขณะที่ชิงถิงแทบจะไม่หันมามองเสี่ยวเหอแม้สักเสี้ยว ต่อให้นางจะจับแขนเสื้อเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่หันมามอง
พี่หลันเหมยพยายามจะแกะมือเสี่ยวเหอออก แต่เสี่ยวเหอก็ร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น เหตุใดวันนี้ชิงถิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แสดงว่าวันนี้เป็นวันสิ้นเดือนแล้วสินะเขาจึงกลับมาบ้านได้
แต่จะพูดกับเขาอย่างไรนั้นนางคิดไม่ออกเลยจริงๆ ...
พี่สาวเห็นน้ำตาที่ไหลเต็มสองแก้มของน้องสาวก็ตกใจ นางรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้น้องสาว เสี่ยวเหอจึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังร้องไห้
ชิงถิงยังคงไม่ใส่ใจ เขาสะบัดแขนเสื้อนิดเดียวก็หลุดจากการเกาะกุมของนางแล้ว เขาเดินกลับบ้านไม่แม้แต่จะหันมามองเสี่ยวเหอ ในใจเสี่ยวเหอไม่ยินยอม นางไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น วิ่งไปจับแขนของเขาเอาไว้อีกครั้ง
“ไม่ใช่ข้า..” เสี่ยวเหอพูดได้เพียงเท่านั้น ไม่ยอมปล่อยแขนของเขา
พี่หลันเหมยเห็นอาการของทั้งสองคน นางตกใจเลิ่กลั่กหันไปมองรอบๆ กลัวจะว่ามีใครเห็นอีกหรือไม่ หลันเหมยรู้ดีว่าทั้งสองคนรักกัน ถึงบางครั้งเสี่ยวเหอจะทำเป็นเย็นชาคล้ายไม่สนใจชิงถิง แต่เรื่องที่ชิงถิงรักเสี่ยวเหอนั้นชัดเจนมาก ตอนนี้กลัวก็แต่ว่าจะมีใครมาเห็นกิริยาไม่งามเช่นนี้ กลัวว่าผู้อื่นจะเอานางไปพูดไม่ดี นางจึงได้แต่ทำหน้าที่เป็นคนเฝ้ายามให้กับพวกเขา
“ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า..” เสี่ยวเหอจับมือชายหนุ่มไว้แน่นและพูดซ้ำไปมา ไร้พูดคำอื่นออกจากปากสั่นเท่า
ชิงถิงพยายามแกะมือของเสี่ยวเหอออก
“อย่าทำเช่นนี้ มันไม่ดี ใครมาเห็นจะเข้าใจผิดได้” เขาตำหนิ โดยไม่หันไปมองหญิงสาว
เสี่ยวเหอเห็นท่าทางเย็นชาของเขาแล้วรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ได้แต่ปล่อยแขนปล่อยมือที่กำไว้แน่นอย่างทรมานใจ นางไม่ยินยอม แต่ท่าทางแสนเย็นชาของชิงถิงทำให้นางเจ็บปวดยิ่งกว่าเห็นเขาตายตรงหน้า ร่างกายของเสี่ยวเหอจึงหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ
หลังจากชิงถิงเดินเข้าบ้านไปแล้ว เสี่ยวเหอยังยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน พี่สาวพยายามดึงให้นางกลับเข้าบ้านแม้นางจะไม่รู้ตัวสักนิด ปล่อยให้พี่สาวลากไปได้ทุกที่ เสี่ยวเหอกลัวมากว่าชิงถิงจะไม่รักตัวเองแล้ว
ยิ่งอากัปกิริยาของเขาที่บ่งบอกว่าเกลียดนางจนทนมองไม่ไหว ราวกับเขาได้ใช้ดาบน้ำแข็งแทงไปในหัวใจของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขากำลังทำสิ่งที่นางกลัวมาตลอดในช่วงหลังๆ นี้ คือไม่รักนางแล้ว
หลังอาหารมื้อค่ำและการพูดคุยของผู้หลักผู้ใหญ่ นายหญิงใหญ่ตระกูลหยวนยังมอบของขวัญให้เสี่ยวเหอด้วยก่อนจะลากลับ แต่ทั้งหมดนั้นเสี่ยวเหอจำไม่ได้สักอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในใจนางคิดเพียงว่าจะต้องรีบไปปรับความเข้าใจกับชิงถิงก่อนที่ตัวเองจะหลับและตื่นไปวันอื่นหรือปีอื่น ปีที่เขาไม่รักนางแล้ว เขาอาจแต่งงานกับหญิงสาวคนอื่นไปแล้ว
เสี่ยวเหอไม่กล้าคิด หากเรื่องน่ากลัวเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง นางยังไม่แน่ใจว่าจะต้องทำเช่นไรจึงจะดี ทางที่ดี นางต้องแก้ไขความเข้าใจผิดวันนี้เสีย
หลังจากที่ทุกคนเข้านอนแล้ว เสี่ยวเหอแอบออกจากบ้านคนเดียว เวลานี้น่าจะเลยยามซวี่ [1] ใกล้จะเข้ายามห้าย [2] นางตั้งใจว่าจะไปแอบเรียกชิงถิงข้างนอกห้องของเขา เพื่อให้ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง
แต่เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเขากำลังเดินออกไปที่ไหนสักแห่ง คืนนั้นก็เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง จันทร์สว่างจนมองเห็นต้นหญ้าเป็นต้นๆ แม้เขาจะถือคบเพลิงไปด้วย แต่นางกลับใช้แสงจันทร์เป็นเครื่องนำทางและไล่ตามเขาไป
เสี่ยวเหอเดินตามเขาไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ขึ้นไปยังเนินเขาเตี้ยและกำลังลงไปยังลำธารเล็กๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในป่าลึก สถานที่ที่ซึ่งชิงถิงเรียกว่าที่พลอดรักของพวกเขาทั้งสองคน
ในที่สุดเขาก็ไปถึงห้างที่ล้อมรอบต้นไม้ซึ่งยังคงอยู่ที่เดิม ชิงถิงปักคบเพลิงไว้ด้านข้างและเริ่มลงมือทำลายห้างนั้น!
เสี่ยวเหอตกใจรีบไปห้ามเขาเอาไว้
“เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้ เจ้า..เจ้าห้ามทำ” นางโวยวาย
“ในเมื่อเจ้าจะแต่งงานแล้ว ที่เช่นนี้จะมีไปเพื่ออะไร” เขาพูดเสียงเรียบเฉย เขารู้นานแล้วว่านางแอบตามมา
“มันไม่ใช่ความตั้งใจของข้าที่จะแต่งงาน”
“วันที่ไปเที่ยวดูโคมไฟมังกร ข้าเห็นว่าเจ้าดูมีความสุขดีนี่ กับคุณชายตระกูลหยวนผู้นั้น วันนี้กลับบอกว่าไม่ตั้งใจหรือ”
“ข้าไม่ได้อยากแต่งงาน ข้าพูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าข้ามีความจำเป็น” เสี่ยวเหอพูดอย่างกังวล
“เช่นนั้น เจ้าเลิกเอาข้าไปเป็นข้อกังวลของเจ้าเถิด” ชิงถิงพูดคล้ายกับไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับนางอีกแล้ว
[1] ยามซวี่ คือเวลา 19.00-20.59 นาฬิกา
[2] ยามห้าย คือเวลา 21.00-22.59 นาฬิก
“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหย
“ไม่เป็นไร แค่พี่หลันเหมยมีความสุข พบคนดี ข้าก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยข้าอีกคนก็ได้เข้าร่วมงานแต่งอวยพรให้นาง แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็คงไม่ได้ไปงานแต่งของพี่หลันเหมยใช่หรือไม่ ข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่น เพราะเจ้าคนเดียว ฮึ” เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางย่นปากน่ารักเช่นนั้น“ข้าเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ไม่สามารถลาไปงานแต่งของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องได้ แต่ได้ส่งของไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง” “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นแหละ” “ได้ๆ เพราะข้าเอง” เขายอมให้ ในใจเสี่ยวเหอเมื่อนึกย้อนถึงโลกก่อน พี่สาวตายทั้งที่อยู่ในชุดแดง การแต่งงานเช่นนี้ ช่างเป็นวาสนาที่ดีกับพี่หลันเหมยมาก นางรู้สึกดีใจมากๆ จากใจจริง คืนวันนั้นชิงถิงก็พร่ำพลอดบอกรักกับนางเช่นเคย แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ายามแก่ เพราะกลัวท่านพ่อท่านแม่ข้างบ้านได้ยิน ในขณะที่ยามเป็นรองแม่ทัพไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วแต่เขายามนี้ก็ยังคงกระซิบกระซาบบอกรักมากมาย บอกว่าคิดถึงนางมากเพียงใด เสร็จไปศึกหนึ่ง ก็ต่ออีกศึกหนึ่ง เขาทำเช่นนั้นหลายครั้งจนใกล้จะรุ่งเช้า เสี่ยวเหอง่วงนอนใกล้จะหลับเขาก็ไม่ยอม ชิงถิงพยายามปลุกนางให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้กรำศึกไปพร้
“ไม่ได้!!!” เสี่ยวเหอปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ชิงชิงเป็นของข้าคนเดียว” นางโกรธมากชิงถิงยิ้มมุมปากอย่างไม่อาจควบคุม เขามองเสี่ยวเหออย่างรักใคร่ ตัวเขาคิดเสมอว่าเสี่ยวเหอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ไม่เคยรู้เลยยามนางหึงหวงจะกลายเป็นนางเสือน่ากลัวได้ด้วยทางหนึ่งชิงถิงก็รู้สึกพึงพอใจ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานในการหึงหวงบ้างก็ดี นางจะได้รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หลายปีมันไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์อะไร เขาอยากให้นางหวงแหนเขาจนแทบขาดใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงทดสอบท่านว่าจริงใจหรือไม่ ในเมื่อท่านจริงใจกับข้า ข้าก็จะจริงใจกับท่าน ตัวข้าจะหายไป ขอเวลาไม่นานเกินเดือน” อนุจินยืนขึ้น ด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง“นี่....นี่เจ้า..เจ้าไม่ต้องรับอนุแล้วใช่หรือไม่?” เสี่ยวเหอหันมาถามชิงถิง“นั่นสิ เจ้าคิดว่าอย่างไร ข้ายังต้องรับนางเป็นอนุอีกเดือนหนึ่งหรือไม่นะ แล้วข้าต้องเข้าหอตามธรรมเนียมด้วยหรือไม่ ทำเช่นไรดี” เขายิ้มน้อยๆ ลูบหัวเสี่ยวเหอของเขาอย่างรักใคร่“...” เขาหยอกนางอีกแล้ว เสี่ยวเหอไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเขามักจะชอบทำให้นางสับสน! เท่านี้นางก็หึงหวงเขาจนเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว เขาชอบให้นางทรมานเพราะหึงหวงเขาหร
นางเดินทางข้ามเวลาทุกวันเช่นนี้ จะเอากำลังที่ใดไปสู้รบกับเหล่าอนุที่ฮ่องเต้ประทานให้สามีของนางอย่างไร นางเคยได้ยินว่า สตรีพวกนั้นล้วนงดงามมีความสามารถ พร้อมทำทุกวิธีเพื่อจะปีนขึ้นเตียงของบุรุษ“เจ้าปฏิเสธไม่รับอนุไม่ได้หรือ ให้คนอื่นๆ รับแทนก็ได้ รองแม่ทัพมีเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ” เสี่ยวเหอน้อยใจ“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะติดหนี้บุญคุณของท่านแม่ทัพอยู่ จำเป็นต้องตอบแทนคุณ แต่ข้ารับรอง ข้ามีแค่เจ้า เชื่อข้าได้หรือไม่” เขาแก้ตัว ดึงนางมากอดปลอบ น้ำเสียงฟังคล้ายอ้อนวอนแปดส่วน หวาดหวั่นอีกสองส่วนเสี่ยวเหอเห็นท่าทางร้อนรนของเขา ท่าทางเอาอกเอาใจนาง แม้จะเป็นชิงถิงที่อายุมากแล้ว มีหนวดเคราเต็มหน้า แต่อย่างไรก็ยังน่ารักในสายตานาง นางกอดเขาตอบ ลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยชิงชิง“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่ยอมรับ หากเจ้ารับอนุ ข้าจะรับลูกบุญธรรม!!” นางอยากให้เขาเอาใจ“เจ้ามีลูกของตัวเองแล้วนะ” ชิงถิงผลักนางออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเสี่ยวเหอ ท่าทางตกใจไม่น้อยเสี่ยวเหอยิ่งทำหน้าตกใจไปใหญ่ นางเพิ่งเข้าหอกับเขาไม่กี่ครั้ง ไม่เคยอุ้มท้อง แต่เขากลับบอกว่านางมีลูกกับเขาแล้วเช่นนั้นหรือ!!ชิง
ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดีชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลาระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความ
เสี่ยวเหอตัดสินใจครั้งสำคัญ คิดว่าถูกผิดอย่างไรก็ช่าง เพราะไม่มีทางเลือก ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาคลั่งไคล้นางไม่เลิก ไหนๆ ก็เคยจูบมาแล้วตอนอายุสิบเจ็ด ทำอีกสักครั้งคงไม่เป็นไรไป นางคิดแล้วจึงยกมือเกาะคอเขา“อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีหรือยืดตัวขึ้นเสี่ยวเหอชิงจูบเขาอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ดุนดันลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อควานหาลิ้นนุ่ม เมื่อเขายอมเปิดปากให้นางสำรวจลิ้นของเขา นางก็รีบโลมเลียลิ้นนั้นเล่น ขบกัดปลายลิ้นไม่ต่างจากที่เขาเคยชอบทำชิงถิงแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำอันอุกอาจของหญิงสาวคนรัก แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารัก จึงปล่อยให้นางทำต่อไป ทั้งยังรู้สึกหอมหวานในใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวเหอกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของเขาอยู่นาน เรียวลิ้นพันกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายนางก็แอบขบริมฝีปากของเขาแรงๆ กัดไม่ปล่อยจนนางมั่นใจว่าสามารถสร้างบาดแผลที่ริมฝีปากล่างเขาได้แน่แล้ว จึงยอมถอนจุมพิตในที่สุด“อือ..เจ็บนะ” เขาตำหนิ แต่น้ำเสียงแล้วรู้ว่าพึงพอใจมาก“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไร แต่ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับผู้ใด นอกจากข้าเท่านั้น” เสี่ย