“นั่นไม่ใช่ข้า เจ้าเชื่อข้าได้หรือไม่” เสี่ยวเหอทั้งอ้อนวอน ทั้งขอร้อง นางรู้สึกหนักอึ้งในอกจนเจ็บปวด
ชิงถิงโมโห เขาหันกลับไปจ้องมองหญิงสาวที่ปลุกปั่นหัวใจของเล่นราวกับของไร้ค่า
“เจ้าเห็นข้าโง่มากใช่หรือไม่ เจ้าเดินไปเที่ยวกับชายอื่น แต่ก็รับของแทนใจของข้าไป ทั้งยังมาโกหกข้าหลายต่อหลายครั้งว่าชอบข้า ปั่นหัวข้าด้วยจุมพิตโง่ๆ
โกหกข้าว่า ทำ ไม่ได้ แต่เจ้าเป็นคนให้ข้า ทำ เอง..ข้าได้ ทำ ไปแล้ว เจ้าก็ยังหาคนอื่นๆ มาแต่งงานด้วย หรือเพราะข้าฐานะยากจนเกินไป เจ้าจึงเห็นข้าเป็นเพียงของเล่นฆ่าเวลา ไม่ได้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเจ้าด้วยซ้ำ”
เขาพูดความในใจออกมาเป็นชุด ทั้งเจ็บปวดทั้งโกรธเคือง นี่เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่เขายอมมองหน้าเสี่ยวเหอและพูดกันตรงๆ
“นั่นไม่ใช่ข้า” บางอย่างจุกที่คอจนเสี่ยวเหอ นางพูดได้แต่คำเดิมๆ
“เจ้า..ไม่มีคำแก้ตัวอื่นแล้วหรือ หากมีเท่านี้ก็เลิกมาขวางทางข้าสักที ข้าจะได้ตัดใจและไปแต่งงานกับคนอื่น ส่วนเจ้าก็เลิกแกล้งโง่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้
ในเมื่อข้าไม่มีเงินทองมากมายเท่ากับคุณชายตระกูลหยวน เจ้าอยากจะไปแต่งงานกับเขาก็ไม่ต้องเสแสร้งเป็นคนดี เพียงบอกข้าตรงๆ ว่าเจ้าอยากแต่งงานกับเขา ข้าโง่งมเพียงนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่ยินดีปล่อยให้เจ้าไปแต่งงาน”
คำที่ชิงถิงพูดว่าจะตัดใจและจะไปแต่งงานกับคนอื่น ทำให้เสี่ยวเหอรู้สึกเปรี้ยวฝาดที่หัวใจ หึงหวงมากและยังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจนโมโหขึ้นมา นางเองก็อยากประชดกลับไปบ้าง แม้หัวใจของนางจะรู้สึกราวกับถูกเขาเหยียบย่ำ ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาไม่ยอมเชื่อใจ ไม่ฟังที่นางพยายามอธิบาย
“ที่จริงเจ้าคงอยากจะไปรักหญิงอื่นนานแล้วกระมัง แต่ข้าพยายามรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าคงจะเห็นว่าข้าเป็นภาระมาก เป็นตัวขวางทางของเจ้าและยังโง่มากอีกด้วยสินะ
เรื่องรวยจนหรือฐานะทางครอบครัวเป็นเพียงข้ออ้าง ข้ารู้ดีว่าหากเจ้าอยากจะมาขอข้าแต่งงาน เจ้าย่อมต้องหาหนทางได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอจนอายุสิบเก้าเกือบจะยี่สิบปีเช่นนี้
ข้ารู้ดีว่าเจ้าเก่งกาจ ขอเพียงเจ้ายินดี ข้าไหนเลยจะต้องรอจนแก่ ตลอดมาข้ารักเจ้าผู้เดียว ตั้งแต่ภพก่อนยันภพนี้ ข้าไม่เคยชายตามองผู้ใด ทุกวันเฝ้าคิดถึงแต่เจ้าผู้เดียว
ข้าเฝ้ารอวันที่เจ้าจะมาสู่ขอ แต่รอแล้วรอเล่าเจ้าก็ไม่มา เจ้ากลับกล่าวหาข้า โยนหม้อดำ [1] ให้ข้ารับผู้เดียว” พูดถึงตรงนี้เสี่ยวเหอก็เริ่มน้ำตาไหลนองเต็มสองแก้ม เสียงสั่นเครือจนพูดออกมาไม่ได้อีก
คำด่าทอของเขาช่างเชือดเฉือนจนนางแทบสิ้นใจ แต่ละคำที่เขาพูดทั้งดูถูกดูแคลนนาง ตัดสัมพันธ์ได้อย่างเลือดเย็น แต่เหตุใดพอเป็นคำด่าของนาง กลับกลายเป็นคำบอกรัก คำชื่นชมเขาเสียเช่นนั้น
นางช่างโง่เขลากระทั่งคำด่าก็ยังทำได้ไม่ดี เสี่ยวเหอได้แต่ต่อว่าตัวเองในใจ เพราะร้องไห้จนพูดอะไรไม่ไหว
ชิงถิงหัวใจเริ่มสั่นคลอนอีกครั้ง แม้จะเฝ้าย้ำเตือนตัวเองว่าอย่าปล่อยให้นางมาชักจูงได้ง่ายดาย แต่คำที่นางด่าเขา ฟังอย่างไรก็เหมือนรักเขา ชื่นชมเขา เฝ้ารอให้เขาไปขอนางแต่งงาน
ชิงถิงเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่จะให้ขอโทษนาง เขาก็ไม่ยินยอมและไม่ยินดี เพียงแต่เขากลับสรรหาคำมาต่อว่านางอีกไม่ได้ รู้สึกสงสารนางก็สงสาร แต่โกรธก็ยังคงโกรธ
วันนั้นนางทิ้งเขาไว้พร้อมกับรอยจูบและรอยกัดที่นางจงใจทำเพื่อให้เขาคิดถึงนางแทบคลั่ง เขาเฝ้าดูนาง คอยขจัดอันตรายให้นาง รักนาง ดูแลนางราวไข่ในหิน
แต่ผ่านไปไม่นานนางกลับไปเดินเล่นส่งสายตากับเจ้านั่นในเทศกาลซีซี นางบอกว่านางมีความจำเป็น เขาก็เชื่อใจนาง รอให้นางมาอธิบายกับเขา แต่วันแล้ววันเล่า เขาทุกข์ใจจนแทบคลั่ง วันนี้นางกลับจะดูตัว ถึงขั้นอีกฝ่ายส่งผู้ใหญ่มาแล้ว
นางหลอกลวงเขาไม่เลิก ยังไม่ทันแต่ง นางก็คิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาแล้ว นางเองก็คงใช้วิธีเดียวกันทำให้ชายผู้นั้นคลั่งนางแทบบ้าเช่นเดียวกันกับเขา แล้วตอนนี้ นางจะมาแสดงว่าเสียใจมากเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน
เสี่ยวเหอร้องไห้สะอึกสะอื้น ชิงถิงกลับนิ่งเงียบมองนางอย่างเย็นชา สุดท้ายยังคงเป็นนางที่ต้องรวบรวมความกล้า พยายามหยุดร้องไห้เพื่อจะได้พูดคุยให้รู้เรื่อง
หากยังร้องไห้เช่นนี้ เขาคงไม่อยากอยู่ฟังนางเล่าความจริงแล้ว แม้ตอนนี้เขาจะเย็นชากับนาง แต่อย่างไรเขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้สะบัดนางทิ้ง ไม่ได้เดินหนี
“เจ้า ฟังข้าก่อน ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”
“เหตุใดข้าต้องฟังเจ้า”
“ข้าต้องเล่าความจริง” เสี่ยวเหอพยายามอ้อนวอน
“ข้าไม่ต้องการฟังคำโกหกของเจ้าแล้ว” ชิงถิงยังคงขุ่นเคือง
“ฟังข้าก่อนได้หรือไม่”
“เสียเวลาข้ามากแล้ว ข้ากลัวจะหาเจ้าสาวคนใหม่ไม่ทันใช้ ข้าไม่ต้องการฟังคำของสตรีที่ทำตัวเป็นกิ่งดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง [2] ” เขาอยากให้นางร้อนรน ทุกข์ทรมานบ้าง
“อะ..เจ้า..ชิงชิง..เจ้าใจร้ายนัก” น้ำตาของเสี่ยวเหอคลอเต็มเบ้าอีกครั้ง ชิงถิงด่านางเป็นดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง นางยังไม่เสียใจเท่าที่เขาพูดว่าจะหาเจ้าสาวคนใหม่
“ได้..ในเมื่อเจ้าต้องการขอคนอื่นแต่งงาน จะไปรักคนอื่นแล้ว หม้อดำนี้ข้าจะรับไว้เอง แต่งงานหรือ ใช่สิ ข้ามันสารเลวเอง ข้าจะแต่งซักสามีสักสิบคนยังได้เลย ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครอยากแต่งกับข้า
หรือหากไม่มีใครอยากแต่ง ข้าจะไปแต่งกับต้าหลี่คนผ่าฟืนท้ายหมู่บ้านก็ได้ ได้ยินว่าวันก่อนต้าหลี่กำลังอยากได้เมียพอดี ถึงเจ้าจะไม่ชอบข้าแล้ว แต่ข้าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ต้าหลี่คงไม่รังเกียจแน่”
เสี่ยวเหออยากจะพูดดีๆ แต่กลายเป็นยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจ ยิ่งพูดก็ยิ่งประชดประชัน เพียงนางคิดว่าเขาจะแต่งกับคนอื่น นางก็อยากจะอุ้มไหน้ำส้มไปทุ่มใส่คนผู้นั้น
เสี่ยวเหอพูดเช่นนั้นไป แต่คนที่ไหน้ำส้มแตกหนักกว่ากลับเป็นชายหนุ่มเสียเอง อาการหึงหวงรุนแรงของเขาคล้ายจะทำให้ชิงถิงหน้ามืดตามัวอีกครั้ง จับนางพาดขึ้นไหล่ อุ้มเสี่ยวเหอเดินขึ้นไปบนห้าง
“ปล่อย! ปล่อยข้านะ ปล่อย” แม้นางจะดิ้นรนต่อว่าเขาก็ไม่สนใจ
[1] โยนหม้อดำ เป็นสำนวน หมายถึง โยนความผิดให้
[2] กิ่งดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง หมายถึง นอกใจ
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง