“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน
“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง
“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูด
แม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ
“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”
แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไปหมด
เช้าวันต่อมา เสี่ยวเหอตื่นมาในช่วงที่ตัวเองอายุสิบสามปี ได้เห็นชิงถิงไปช่วยพวกผู้ใหญ่สร้างรั้วหมู่บ้านใกล้ๆ นางจึงแอบปิ้งเนื้อย่างไปให้เขา แต่จะปิ้งเนื้อในครัวโดยบอกว่าจะเอาไปให้ผู้ชายก็คงไม่สะดวก นางจึงอ้างกับคนอื่นๆ ว่าจะเอาไปให้ท่านพ่อ
ท่านแม่ดีใจมากที่นางมีความกตัญญู ยกเนื้อชิ้นใหญ่ให้นาง ปิ้งเนื้อเสร็จใส่พริกเกลือจนส่งกลิ่นหอมน่ากิน จากนั้นก็แบ่งเป็นสองชิ้น ชิ้นหนึ่งเอาไปให้ท่านพ่อ แต่อีกชิ้นแอบเอาไปให้ชิงถิง
ก่อนกลับบ้าน เสี่ยวเหอรู้สึกว่าไม่อยากจะกลับไปนอนที่บ้านแล้ว นางจึงไปนอนข้างริมธาร ใกล้กับบริเวณที่ชิงถิงจะสร้างห้างต้นไม้ในอนาคต แม้ยามนี้จะยังไม่มีสิ่งใดเลย
เสี่ยวเหอตื่นมาบนเก้าอี้พักมือกลางห้องโถงในจวนหลังใหญ่ของชิงถิง นางจับทรงผมของตัวเองก็เป็นทรงผมของคนที่แต่งงานแล้ว เสี่ยวเหอคิดว่าก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมา ตัวนางอีกคนคงจะนอนหลับกลางวัน นางจึงมาที่นี่ได้
“ท่านรองแม่ทัพอยู่ที่ใด” นางรีบไปถามสาวใช้
“อยู่ที่ค่ายทหารเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ
เสี่ยวเหอไม่เข้าใจว่าเหตุใดตื่นมาแล้วเขาไม่อยู่รอ หรือไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณที่นางตื่น แต่นางไม่สนใจ อยากจะรู้เร็วๆ ว่าเขาทำอย่างไรเพื่อขอตัวเองแต่งงาน นางจึงบอกพ่อบ้านให้เตรียมรถม้า นางจะไปหาท่านรองแม่ทัพ
เสี่ยวเหอนั่งรถม้าไปเกือบหนึ่งชั่วยามก็ถึงค่ายทหาร
“ข้าเตรียมขนมมาให้ท่านรองแม่ทัพชิงถิง ขอเข้าไปพบเขาได้หรือไม่”
“ฮูหยิน..ช่วยรอข้างนอกนี่ก่อนนะขอรับ” ทหารยามบอกและรีบเข้าไปรายงานท่านรองแม่ทัพ
ทหารยามวิ่งเข้าไปรายงานไม่นานก็วิ่งออกมาอีกครั้ง
“ไล่นางกลับบ้านซะ ค่ายทหารไม่ใช่สถานที่ให้สตรีจะมาวุ่นวาย เอ่อ..ท่านรองแม่ทัพพูดเช่นนี้ขอรับ” ทหารยามแทบไม่กล้าสบตาเสี่ยวเหอตอนที่พูดคำพวกนั้นออกไป
‘เขาไม่อยากพบข้าหรือไรกัน เหตุใดเขาต้องเย็นชานัก หรือปกติแล้วเขาก็เย็นชากับภรรยาตัวเองเช่นนี้ เพียงเพราะอีกคนไม่ใช่ข้าหรือ’ เสี่ยวเหอคิด
แม้นางจะดีใจมากแต่ก็แอบเสียใจแทนตัวนางอีกคน
‘ไม่รู้ว่าข้ามาเช่นนี้ จะเป็นการไม่ยุติธรรมกับตัวข้าอีกคนหรือไม่’
เสี่ยวเหอกังวล แต่นางก็ยังดีใจที่ชิงถิงรักนางที่เป็นนางจริงๆ ต่อให้จะเป็นร่างของนางหน้าตาเหมือนนางทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่รัก แม้จะสงสารร่างตัวเอง แต่ความรักครั้งนี้ เสี่ยวเหอตัดสินใจว่าอยากจะเห็นแก่ตัว นางจะไม่สงสารตัวเอง
ขบคิดอยู่หน้าค่ายทหารครู่หนึ่ง เสี่ยวเหอก็ยิ้มกับตัวเองและหากิ่งไม้แห้งแถวนั้นเขียนใส่ใบไม้ว่า ชิงชิง ฝากให้ทหารเฝ้าประตูเอาไปให้ท่านรองแม่ทัพ ส่วนนางรีบขึ้นรถม้ากลับ
นางอยากจะรู้นักว่า หากเขารู้ว่าเป็นนางแล้วไม่ได้พบ เขาจะรู้สึกเช่นไร นางจะรีบกลับไปนอนที่จวน และตื่นไปเวลาอื่นให้เขาเสียดายเล่น
เสี่ยวเหอใช้เวลานั่งอยู่บนรถม้าไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ยังไม่ทันกลับถึงจวนหลังใหญ่ ชิงถิงก็ควบม้าตามมาถึง เขารีบหยุดรถม้าของนางและปีนขึ้นมานั่งในรถม้ากับนาง
สาวใช้ต้องรีบลงไปเดินด้านนอก ดูจากท่าทางแล้วเขาคงรีบตามมาทันทีที่ได้รับใบไม้นั่น ท่าทางร้อนรนของเขาช่างน่ามอง เขายังต่อว่านางทางสายตาด้วย สำหรับนางแล้วช่างน่ารักเสียจริง
เสี่ยวเหอหัวเราะยิ้มร่าเริงแต่ชิงถิงกลับโกรธจัด เขาเริ่มทำโทษนางทันที ดึงนางมาจูบอย่างหนักหน่วง จูบอยู่นานจนเขาพอใจ แต่เสี่ยวเหอก็ยังคงหัวเราะคิกคัก เขาจึงยังคงหน้าบึ้งอยู่
“ข้าเพียงอยากแกล้งเจ้าเท่านั้น เลิกทำหน้าเช่นนั้นเถิด” เสี่ยวเหอเย้า
แต่เขาโกรธมาก เพราะเขาถือว่าไม่ค่อยได้มีเวลาได้อยู่กับนางตัวจริง ยามที่นางตัวจริงมา ชิงถิงจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้นาง แต่นางมาแล้วกลับไม่ไปหาเขา เขาจึงโมโหขุ่นเคือง
“เจ้า..ไม่คิดถึงข้าบ้างเลยหรือ” ชิงถิงถามด้วยความน้อยใจ
“ข้าพบชิงชิงทุกวัน เมื่อวานข้ายังเอาเนื้อไปให้เจ้ากินอยู่เลย เจ้ายังตำหนิข้า บอกว่าอย่าไปหาเจ้าอีก วันนี้ข้าจึงทำตามที่เจ้าบอกอย่างไรเล่า” เสี่ยวเหอยังคงแกล้งเขา
ชิงถิงไม่สบอารมณ์คำตอบนั้นของเสี่ยวเหอ เขาจึงทำโทษนาง ด้วยการกระแทกแรงๆ บนรถม้าเสียเลย จนสาวใช้แทบไม่กล้าเดินไปใกล้รถม้า
แต่เสี่ยวเหอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับโทษแต่อย่างใด นางกลับรู้สึกว่าได้รับรางวัลมากกว่า ก็เขามอบความสุขสมให้นางมากมาย ทั้งยังพร่ำบอกรักนาง นางรับรู้ถึงแต่ความสุข
เสี่ยวเหอค้นพบว่ายามที่เขาอ่อนโยนนั้น ถึงแม้นางจะไปถึงสวรรค์เช่นเดิม แต่ไม่สุขสมเท่ากับยามที่เขาทำอย่างรุนแรงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ตะคอกบอกรักนางและกระแทกกระทั้นความต้องการทั้งหมดใส่นาง
มันช่างสุขสุดยอดมาก มากจนนางแทบจะยืนไม่ไหว ราวกับได้ปลดเปลื้องอารมณ์และความรู้สึกทั้งทางกายทางใจ เสี่ยวเหอจึงชอบให้เขาทำแรงๆ มากกว่าทำอย่างอ่อนโยน
เมื่อรถม้าไปถึงจวนของท่านรองแม่ทัพ ชิงถิงก็ต้องอุ้มเสี่ยวเหอลงจากรถม้าแทน เพราะนางตัวสั่นเทิ้มจนเดินไม่ไหว
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง