เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก
‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’
เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้
เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อย
เสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา
“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่
เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว
“ข้ามีเรื่องสำคัญมากๆ จะคุยกับเจ้า ยังนอนไม่ได้”
เขาจุมพิตหน้าผากเสี่ยวเหออย่างรักใคร่
“เรายังมีเวลาอีกมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่าให้ข้าฟัง วันนี้เจ้า..เหนื่อยมากแล้ว” เขาเสียงอ่อน คล้ายจะรู้ว่าที่นางแทบขยับตัวไม่ได้ เป็นเพราะใคร
“พรุ่งนี้อาจไม่ใช่ข้าอีกแล้ว..”
“..เจ้า..หมายความว่าอย่างไร” ชายหนุ่มไม่เข้าใจ
เสี่ยวเหอเริ่มเล่าความจริงให้เขาฟัง นางไม่ต้องการให้เขาเข้าใจผิดอีก
“ข้าไม่รู้ว่าตัวเองจะตื่นไปที่ใดหรือเวลาใด ครั้งนี้ข้าคิดว่าต้องพูดความจริงให้ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเข้าใจผิดไปตลอด และเราสองคนอาจจะไม่ได้แต่งงานกัน อาจต้องคลาดจากกันชั่วนิรันดร์” เพราะนางทำหน้าจริงจังมาก เขาจึงได้แต่พยักหน้า
เสี่ยวเหอแกะด้ายแดงผูกรักทุกชาติภพจากข้อมือของตัวเอง แบ่งออกเป็น 2 เส้น ผูกใส่ข้อมือของเขาหนึ่งเส้น อีกเส้นยื่นให้เขาผูกให้ตัวเอง เสร็จแล้วนางก็กอดคอเขา หอมแก้มเขาไปอีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะเริ่มเล่าความจริง
“นี่เป็นของหมั้น เจ้าจะต้องรีบหาทางไปขอข้าแต่งงาน เข้าใจหรือไม่?”
“ข้าพอจะหาทางเพื่อขอเจ้าแต่งงานได้ เจ้าไม่ต้องกังวล จะรีบไปสู่ขอก่อนที่คุณชายตระกูลหยวนจะมาตัดหน้า” ชิงถิงยิ้มดีใจ นัยน์ตามีความสุขที่สุด
เสี่ยวเหอพยักหน้าพอใจ
“ที่จริงแล้ว ข้ามาจากอีกภพหนึ่ง หรืออีกช่วงเวลาหนึ่ง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรเรียกว่าอย่างไรดี แต่ข้าก็มาที่นี่แล้ว มาเพื่อตามหาเจ้า” นางส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
เสี่ยวเหอได้เล่าตั้งแต่พ่อค้าวาณิชมาสู่ขอ ไปจนถึงช่วงที่เขาถูกฆ่า เล่าไปก็ยังร้องไห้เสียงสั่น แต่ก็พยายามเล่า นางบอกว่าตกน้ำและมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว เล่าถึงความกลัวตอนที่เห็นเขาถูกแม่น้ำพัดในความฝัน
เล่าถึงเรื่องตลกที่ไปพบเขาช่วงอายุมากแล้ว แต่กลับคิดว่าเป็นคุณตาของเขาเสียอย่างนั้น เล่าเรื่องเขาตอนเด็ก ทั้งน่ารักน่าชัง และเรื่องที่พบเขาในค่ายทหารครั้งแรก เล่าถึงความดีใจที่ได้รู้ว่าเขายังไม่ตาย
กว่านางจะรู้ว่าตัวเองเดินทางข้ามเวลาไปมา ก็ใช้เวลาไปหลายวัน ทั้งหวาดกลัวและสับสน นางยังเล่าเรื่องที่ช่วงแรกนางกลัวการไปตื่นในที่แปลกๆ มาก จนต่อมาเขาเป็นฝ่ายให้สัญญาว่าจะอยู่ทุกที่ที่นางตื่นและเขาก็รักษาสัญญาเช่นนั้นได้จริงๆ
“เพราะเป็นเช่นนี้ บางครั้งข้าจึงทำเหมือนเรื่องระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น เพราะคนผู้นั้นต่อให้จะหน้าตาคล้ายข้าแต่ก็ไม่ใช่ข้า จะบอกว่าคนผู้นั้นมีร่างกายของข้า ข้าเพียงเข้าไปอาศัยร่างของนาง แต่ก็คล้ายว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เพราะว่ากำไลที่เจ้าให้ข้า ก็อยู่ที่ข้าเท่านั้น เชือกด้ายแดงที่ข้าใส่มาตั้งแต่ภพก่อนก็ติดอยู่ที่ข้าตลอดเวลา ข้าก็ไม่เข้าใจว่าข้าเดินทางข้ามเวลาอย่างไร และไม่เข้าใจว่าเวลาที่ข้าไปโผล่ที่นั่น ไม่รู้ว่าตัวข้าอีกคนไปไหน”
นางเล่าไปเขาก็ตกตะลึงไป แต่ก็นิ่งเงียบตั้งใจฟัง และเริ่มเข้าใจเรื่องราวที่ได้พบเจอ
“เจ้า..เชื่อข้าหรือไม่” เสี่ยวเหอถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะเรื่องราวน่าเหลือเชื่อเกินไป
“อือ..เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเกินไปจนไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่หากบอกว่าเรื่องราวเป็นเช่นที่เจ้าเล่ามา ทุกอย่าง ทุกเรื่องราวแปลกๆ และเรื่องที่บางครั้งเจ้าทำเหมือนไม่รู้สิ่งใดเลย หรือบางครั้งที่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ใช่คนเดิมนั้น ทุกอย่างก็จะลงตัวพอดี
บางครั้ง..ข้ายังเผลอคิดว่าเจ้าอาจจะมีสองคน” ชิงถิงอยากจะเชื่อเช่นนี้ ต่อให้นางปั้นแต่งเรื่องมาหลอกเขา เขาก็ยินดีให้นางหลอก ยามนั้นเขาคิดเท่านั้นจริงๆ แม้ในภายภาคหน้าเขาจะประสบพบเจอเรื่องเช่นที่นางเล่าก็ตาม
เมื่อเสี่ยวเหอปรับความเข้าใจกับชิงถิงแล้ว ก็ตกลงว่าให้เขาอุ้มนางกลับบ้านคืนนี้ดีกว่า พรุ่งนี้ตื่นมาตัวนางอีกคนจะได้ไม่ตกใจและเขาจะต้องรีบหาทางมาขอนางแต่งงานให้เร็วที่สุด
ชิงถิงอุ้มเสี่ยวเหอพานางไปส่งบ้าน หญิงสาวพยายามไม่หลับระหว่างอยู่บนหลังของเขา จนกว่าตัวเองจะได้เข้าไปนอนในห้อง
ระหว่างที่กำลังปีนขึ้นหน้าต่างเข้าห้อง เสี่ยวเหอก็ได้พบท่านแม่นั่งรออยู่ในห้อง นางไม่ต้องพูดอะไร เพียงท่านแม่เห็นนางใส่ชุดทหารของต้าจื่อก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หนุ่มสาวสองคนคงจะทำเรื่องผิดประเพณีเสียแล้ว!!
ชิงถิงไม่รู้ว่าท่านแม่รออยู่ในห้อง เขาส่งนางขึ้นห้องเสร็จก็รีบกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง ในขณะที่เสี่ยวเหอเห็นท่านแม่นั่งอยู่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ยืนรอคอยการทำโทษ
แม่เลี้ยงหวั่นใจ ว่าเด็กสองคนนี้อาจจะรักกัน แต่ไม่กล้าคิดว่าจะไปไกลถึงขั้นนั้น เพราะลูกสาวคนรองผู้นี้ ปกติจะรู้ความ เป็นเด็กดี ไม่กล้าทำผิดศีลธรรม ถึงแม้สายตาของต้าจื่อนั้นจะชัดเจนมากว่ารัก ส่วนลูกสาวของนางยังมีบ้างบางวันที่ทำคล้ายไม่ได้รัก แต่บางวันแทบจะตามหาเขาตลอดทั้งวัน
“เจ้ารักต้าจื่อหรือไม่”
“ข้ารักเขาผู้เดียว ชาตินี้จะแต่งให้เขาเท่านั้นเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหอตอบตามที่คิด
ท่านแม่ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังต้องสั่งสอนเรื่องที่นางแอบไปทำเรื่องเช่นนั้น สั่งสอนเสร็จก็พูดเรื่องสำคัญ
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง