เสี่ยวเหอกอดเขาไว้แน่นเนื้อตัวสั่นเกร็งเพราะความสุขสม ปากก็กระซิบบอกรักเขาข้างหู ทั้งยังบอกว่าตัวเองได้รับความสุขมากเพียงใด“ชิงชิง..ข้ารักเจ้าเหลือเกิน รักมาก รักที่สุด เจ้าทำให้ข้ามีความสุขมาก มากเหลือเกิน มากเกินจริงๆ” นางพูดออดอ้อนเขาอย่างน่ารักหัวใจของชิงถิงแทบจะกระดอนออกมานอกอก เขาดีใจจนแทบจะบ้า แต่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ได้แต่กอดนางไว้แน่น และจุมพิตอย่างทะนุถนอมไปทั่วใบหน้า ขอบคุณความรักที่นางมอบให้เขาเสี่ยวเหอสุขสมยิ่ง นางเริ่มรู้สึกว่าการที่เขาทำอย่างอ่อนโยน และน่ารักมากเช่นนี้ก็มีความสุขยิ่ง แม้ร่างกายรู้สึกไม่เต็มอิ่ม แต่ในใจกลับสุขสมเต็มอิ่มยิ่งกว่าถูกกระแทกแรงๆนางกอดคอเขาเอาไว้แน่นเพื่อแบ่งปันความสุขระหว่างกัน ยังไม่ยอมให้เขาถอนเอ็นเนื้อออกจากตัว อยากกอดเขาไว้เช่นนี้นานอีกเล็กน้อย ยกสองขากอดเอวเขาไว้ สอดส่ายสะโพกไปมายั่วยวนชายหนุ่มแต่นางทำเช่นนั้นได้เพียงครู่ กอดไปกอดมาก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
คราแรกชิงถิงคล้ายไม่ยินยอมปล่อย แต่นางผลักแรงขึ้นจึงได้แต่จำใจ แม้จะถอนริมฝีปากออกมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ สองมือรวบนางมานั่งบนตักตัวเองไว้ และกอดราวกับกลัวว่านางจะหนี“ไม่พอใจหรือ” เขาก้มหน้าชนหน้าผากนางไว้ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าสั่นไหว“ไม่พอใจ!”คำตอบของนาง หัวใจของเขาหล่นวูบ“เจ้าไม่ยอมตอบคำถามของข้า กลับใช้วิธีไม่ซื่อเช่นนี้มาเลี่ยงคำถามหรือ” เสี่ยวเหอแสร้งแง่งอน“ที่จริงแล้ว เวลาข้ามองด้วยสายตาแรงกล้า ก็หมายความว่า..เช่นนี้” เขายิ้มโล่งใจ และหาคำตอบทำให้หญิงสาวหายงอน“สายตาเช่นนั้น หมายถึงอยากจุมพิตข้าหรือ” นางเบี่ยงตัวออก เอ่ยถามเขา คิ้วบางขมวดชวนมองเขาพยักหน้าเป็นคำตอบ สายตาจ้องมองปากระเรื่อไม่วางตาเสี่ยวเหอจับแก้มชิงถิงเพื่อมองตาอีกครั้ง หัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ พยายามกลืนน้ำลายไม่ให้นางเห็น แต่ไม่กล้าหลบตานาง บางอย่างใต้เข็มขัดก็แสบร้อนพองตัว“โกหก เหตุใดเจ้าไม่พูดความจริง จูบก็จูบไปแล้วแต่เจ้ายังมองด้วยสายตาเช่นนี้อยู่ไม่ใช่หรือ” นางตั้งข้อสังเกต“ข้า..พูดได้จริงหรือ” เขาลังเล จ้องหน้านางด้วยความไม่แน่ใจ“เจ้ารังเกียจจะพูดความจริงกับข้าหรือ” หญิงสาวคะยั้นคะยอ
วันต่อมาเสี่ยวเหอตื่นมา พบว่าจวนหลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ใหญ่มากแต่ก็ดีกว่าหลังที่เป็นเรือนหอของเขากับนางหลังแรกที่อยู่หลังบ้านพ่อแม่ของเขากลิ่นไม้และกลิ่นกระดาษใหม่ยังหอมฟุ้งไปทั่ว ข้าวของก็ยังจัดได้ไม่เสร็จดี วันนั้นนางจึงต้องช่วยเขาจัดบ้าน เพราะชิงถิงต้องเข้าไปในกองทัพ นางจึงต้องเป็นเจ้าของบ้านจำเป็นและต้องคอยดูแลสาวใช้ที่มาช่วยงานตกเย็นชิงถิงกลับมาเอาของบางอย่างที่ท่านแม่ทัพอยากได้ เสี่ยวเหอเห็นว่าเขายังไม่ได้เป็นรองแม่ทัพแต่เป็นเพียงนายกองเท่านั้นเมื่อชิงถิงรู้ว่านางเป็นเสี่ยวเหอของเขา เขาก็ตัดสินใจอยู่กินข้าวเย็นที่บ้าน และคืนนี้ก็ตั้งใจว่าจะนอนที่บ้านด้วย ยามค่ำคืนชิงถิงก็ยังคง พูดมาก เช่นเดิมแม้เสี่ยวเหอจะคิดถึงช่วงเวลาที่เขาใส่อารมณ์เต็มที่กระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง แต่ยามที่เขานุ่มนวลและบอกรักนางเบาๆ ชิงถิงของนางก็น่ารักมากเช่นกัน ไม่ว่าเป็นชิงถิงที่บ้าคลั่งรุนแรงหรือชิงถิงที่อ่อนโยนน่ารักก็ดีทั้งสิ้นก่อนนอนเขาถามนางว่าไปที่ใดมาแล้วบ้าง เสี่ยวเหอจึงเล่าว่าไปหาเขาที่อายุมากมา เล่าเรื่องเขาและลูกๆ หลานๆ ลูกสะใภ้ และความแก่หง่อมของเขา รวมถึงอาการปวดหลังด้วย“ข้าไม่ค
คืนนั้นเขากับนางใช้เวลาอยู่แต่ในห้อง หลังเสร็จกิจอันเร่าร้อนรุนแรงอย่างที่นางชอบ พวกเขาก็ทานอาหารกันในห้อง และนั่งพูดคุยกัน เสี่ยวเหอจึงได้รู้จากเขาว่ายามนี้ทั้งสองคนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน อายุได้ห้าปีแล้ว นอนอยู่ห้องถัดไป“ข้าอยากจะเห็นหน้าลูก” เสี่ยวเหอบอกเขา แม้จะตกใจอยู่บ้าง“ได้ กินให้อิ่มก่อน เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปดู”หลังมื้อดึก ชิงถิงเลยพานางไปดูหน้าลูก เสี่ยวเหอเห็นหน้าลูกก็รู้สึกแปลกประหลาด เพราะตัวเองยังไม่เคยอุ้มท้องด้วยซ้ำ แต่กลับมีลูกห้าขวบแล้วเด็กชายตื่นมางัวเงียที่เห็นท่านพ่อท่านแม่นั่งมองตัวเองอยู่ จู่ๆ เด็กชายตัวอ้วนกลมก็ลุกขึ้นไปกอดพ่อ เขาถามพ่อจุกจิกจุกจิกเรื่องต่างๆ ทั้งยังชวนพ่อพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติดูแล้วลูกชายเหมือนจะสนิทกับพ่อมาก แต่กับนาง เด็กน้อยกลับไม่ค่อยพูด คอยแอบมองนางบ่อยๆ แต่ไม่พูดด้วยเสี่ยวเหอแอบน้อยใจอยู่บ้าง แต่ก็เห็นใจชิงถิงที่ตัวเองคลอดลูกไว้แล้วทิ้งให้เขาเลี้ยงคนเดียวลำพัง นางกลับต้องเดินทางข้ามเวลาไปมาไม่ได้อยู่กับลูกกับสามีชิงถิงกล่อมลูกจนหลับคาอ้อมกอด และอุ้มลูกน้อยนอนลงในที่นอนเล็กๆ ของเขา ชิงถิงจับมือนางออกมาจากห้องของลูก กลับห้องของพวกเขา“ชิง
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี