Beranda / รักโบราณ / กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ / ตอนที่9 บาดแผลอยู่ที่แผ่นหลัง ทว่ากลับเจ็บที่หัวใจ

Share

ตอนที่9 บาดแผลอยู่ที่แผ่นหลัง ทว่ากลับเจ็บที่หัวใจ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-05 00:17:59

เมื่อเห็นว่าอาการของธิดาสุดที่รักดีขึ้นจริง ๆ ตามคำรายงาน จ้าวอ๋องก็กล่าวขอบคุณสวรรค์ เขารีบรุดมานั่งลงที่ขอบเตียง จดจ้องใบหน้าของจ้าวกุ้ยอินพลางยกยิ้ม แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความห่วงใย “อินเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บมากหรือไม่”

“ยังเจ็บแผลอยู่บ้างเจ้าค่ะ นอกนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงจะลุกขึ้นมาร่ายรำให้ท่านพ่อชมได้” นางตอบบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ดี... ดียิ่ง” จ้าวอ๋องหัวเราะเบา ๆ แล้วยื่นมือไปลูบศีรษะของธิดาอย่างทะนุถนอม

แต่แล้วรอยยิ้มของจ้าวอ๋องมีอันต้องจืดจาง เมื่อจ้าวกุ้ยอินไต่ถามถึงฉินอ๋อง แม้ไม่ต้องการให้ธิดาของตนเองเสียใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ไม่แน่ว่าสตรีที่โง่งมในรักตรงหน้าจะหูตาสว่างแล้วยอมรับความจริง

“อินเอ๋อร์ ในระหว่างที่เจ้าบาดเจ็บสาหัส มู่เลี่ยงหรงก็ตบแต่งกับบุตรสาวไคกั๋วกงไปเรียบร้อยแล้ว”

“เรื่องนั้นลูกเข้าใจ แม้ต้องแต่งเข้าไปเป็นชายารองก่อนก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ไว้ลูกมีบุตรชายให้เขาเมื่อไหร่ ด้วยศักดิ์ฐานะย่อมต้องได้เลื่อนขั้นเป็นผิงซี[1]”

“อินเอ๋อร์ พ่อรู้ว่าเจ้าอดทนได้ แต่เจ้าควรได้เป็นชายาเอก” จ้าวอ๋องเห็นอากัปกิริยาเหล่านั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ว่าแต่...เมื่อไหร่ญาติผู้พี่ถึงจะส่งเกี้ยวมารับลูกเข้าจวนฉินอ๋องเล่าเจ้าค่ะ” จ้าวกุ้ยอินยังคงเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น ดวงตาพราวระยับเต็มไปด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น

สีหน้าของจ้าวอ๋องดำทะมึนขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกความจริงออกมา

“เจ้าเด็กมู่เลี่ยงหรงนั่นประกาศกับไทเฮาว่าจะไม่รับเจ้าเข้าจวนเด็ดขาด เพราะสงสัยว่าทั้งหมดคือแผนทุกข์กาย”

“แผนทุกข์กาย?” จ้าวกุ้ยอินเบิกตากว้าง ภายในอกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก จริงอยู่ที่นางมีใจให้มู่เลี่ยงหรง และเฝ้าคอยวันวิวาห์มาอย่างยาวนาน แต่นั่นเป็นเพราะตนเองคือคู่หมายตั้งแต่วัยเยาว์ หนำซ้ำครานี้ยังช่วยชีวิตของเขาเอาไว้อีกด้วย มิใช่สตรีไร้ยางอายที่ใช้แผนสกปรกเพื่อจับบุรุษเสียหน่อย

นี่มันดูถูกกันชัด ๆ !

“อินเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนเช่นไรไยพ่อจะไม่รู้ หากผู้อื่นอยากตรวจสอบก็ให้ทำไปเถิด เพราะผลลัพธ์ย่อมออกมาเป็นลูกสาวของพ่อคือผู้บริสุทธิ์อย่างแน่แท้ ถึงเวลานั้นพ่อค่อยต่อว่าแล้วทวงความยุติธรรมให้เจ้าก็ได้”

“ท่านพ่อ ลูก... ลูกมีอันใดสู้เยี่ยนเยว่ฉีกับถางซือเซียนมิได้หรือ ญาติผู้พี่ถึงได้...” ยามนี้จ้าวกุ้ยอินทั้งโกรธทั้งอาย แต่ที่มากมายกว่าอะไรทั้งหมดคือความคับข้องใจ

“หึ! เป็นฉินอ๋องต่างหากที่ตาไร้แวว มองไม่เห็นความดีงามของเจ้า อินเอ๋อร์ ล้วนเป็นเขาต่างหากที่ไม่คู่ควรกับลูกสาวของพ่อ ดังนั้นเจ้าเลิกคิดถึงเรื่องแต่งเข้าจวนฉินเถอะ” น้ำเสียงแข็งกร้าวเจือไปด้วยโทสะ ยามนี้จ้าวอ๋องอยากจะชกหน้าหล่อ ๆ ของมู่เลี่ยงหรงยิ่งนัก

“ท่านพ่อกล่าวเช่นนี้หมายความว่า...”

“...” จ้าวอ๋องหลุบตาลง แล้วพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบว่าธิดาของเขาเข้าใจถูกแล้ว

“ไม่นะเจ้าค่ะ ลูกไม่ยอม” จ้าวกุ้ยอินรู้สึกรับมือไม่ทัน ได้แต่ร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม

เจ้าอ๋องรู้ว่าธิดาของเขาปักใจต่อมู่เลี่ยงหรงมากเพียงใด ทว่ายามนี้ในใจโกรธเคืองฉินอ๋องยิ่งนัก ไม่คิดอยากได้บุรุษเช่นนั้นมาเป็นบุตรเขยอีกแล้ว

แต่หากตนเองบังคับให้จ้าวกุ้ยอินแต่งงานกับผู้อื่น เกรงว่าสุดท้ายธิดาผู้ดื้อดึงคงไม่พ้นวิ่งไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย คงมีแต่ต้องใช้ไม้นวมเท่านั้น ให้นางค่อย ๆ ยอมรับความจริง และแต่งกับบุรุษที่คู่ควรสักคน

“อินเอ๋อร์ พ่อไม่คิดบังคับใจเจ้าดอก หากไม่อยากแต่งงานกับผู้อื่นจริง ๆ พ่อกับเหลยเอ๋อร์ย่อมยินดีดูแลเจ้าให้อยู่อย่างสบายไปชั่วชีวิต” จ้าวอ๋องปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน นัยน์ตาไม่มีแววบังขับขู่เข็ญแม้แต่น้อย “แต่พ่ออยากให้เจ้าคิดให้จงหนัก ว่าอยากจะอุทิศตนสวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธองค์ไปจวบจนสิ้นชีวิตจริง ๆ หรือจะยอมแต่งงานแล้วใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขกับใครสักคนที่มีใจรักถนอมเจ้า พ่อไม่เชื่อว่าในแคว้นหานจะมีแต่บุรุษโง่เขลาอย่างฉินอ๋อง”

“ละ...แล้วไทเฮาเล่า ไหนพระนาง...” เสียงสั่นเครือขาดห่วง นัยน์ตาพร่างพราวคละคลุ้งด้วยไอหมอก สุดท้ายก็กลั่นตัวลงมาเป็นหยดน้ำ ริมฝีปากขาดสีเลือดสั่นระริกยากที่จะควบคุมให้เปล่งเสียงออกมาได้อีก

“เรื่องนั้นเจ้าคงกระจ่างใจตั้งแต่แรกแล้วกระมัง” จ้าวอ๋องตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

จ้าวกุ้ยอินไม่ใช่คนไม่รู้ความ ในเมื่อการเอาชีวิตเข้าปกป้องมู่เลี่ยงหรงของนางถูกมองว่าเป็นแผนร้าย ไทเฮาย่อมไม่อาจกดดันฉินอ๋อง หรือแทรกแซงอันใดได้อีก เท่ากับยามนี้นางไร้กำลังสนับสนุนจากวังหลังแล้ว

เห็นจ้าวกุ้ยอินนั่งร้องไห้เงียบ ๆ หัวใจของจ้าวอ๋องก็เจ็บปวดไม่น้อย หวังเพียงให้เวลาเยียวยาหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าวของนาง ส่วนเขาในฐานะบิดาก็ต้องคิดหาทางให้ธิดาสุดที่รักแต่งออกไปยังตระกูลสูงศักดิ์ที่คู่ควรให้ได้ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงนางอีกแล้ว

จ้าวอ๋องขยับเข้าไปใกล้จ้าวกุ้ยอินที่กำลังสะอึกสะอื้น จากนั้นจึงค่อย ๆ รั้งร่างบอบบางสู่อ้อมอก แล้วใช้ฝ่ามืออันอบอุ่นลูบไปบนเส้นผมของนางอย่างเบามือ หวังว่าสัมผัสนี้จะช่วยปลอบประโลมหัวใจที่กำลังเจ็บช้ำของบุตรสาวให้ดีขึ้นมาบ้าง

จ้าวกุ้ยอินซุกกายราวนกน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ นางค่อย ๆ ซึมซับความรักและความอบอุ่นจากบิดา แม้ระหว่างนั้นจ้าวอ๋องจะไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดออกมาเลยก็ตาม แต่ผู้เป็นบุตรสาวสามารถรับรู้ถึงความห่วงหาอาทรผ่านอ้อมกอดนั้นได้อย่างชัดเจน   

ครั้นเสียงร้องไห้และอาการสั่นสะท้านเบาบางลงแล้ว จ้าวอ๋องก็ค่อย ๆ ผละออกจากบุตรสาว แต่ก็มิวายใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำที่หางตานางอย่างห่วงใย

“พักผ่อนให้มาก ๆ เล่า เอาไว้พรุ่งนี้พ่อจะมาเยี่ยมเจ้าใหม่”

[1] ผิงซี คือ อนุภรรยาที่มีฐานะเทียบเท่าภรรยาเอก มักใช้แต่งตั้งให้อนุภรรยาที่ศักดิ์ฐานะสูงส่ง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่104 จบ

    ก่อนจะถึงวันครบรอบแต่งงาน เยี่ยนหยางจงก็หว่านล้อมจ้าวกุ้ยอินให้ออกมามาล่องเรือเล่นกับเขาได้สำเร็จทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเมืองหลวง รอบ ๆ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานา ทำให้ทัศนียภาพแปลเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูเนื่องจากยามนี้เป็นปลายฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงเย็นสบายกำลังดีจ้าวกุ้ยอินนั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ สองสายตามองตรงไปยังท้องน้ำที่เปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ แม้จะฉากหลังจะงดงามราวภาพวาด ทว่าดวงหน้างามปานล่มเมืองกลับหม่นเศร้า แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวดังนางม้าป่าดูซึมเซาจนเยี่ยนหยางจงสะท้อนใจโดยปกติ สำหรับผู้สูงศักดิ์ บ่าวไพร่มีค่าไม่ต่างจากมดปลวก เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองพรากชิวสุยไปจากจ้าวกุ้ยอิน จะสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้นางขนาดนี้ตั้งแต่ออกจากจวนจนถึงตอนนี้ จ้าวกุ้ยอินพูดกับเขานับคำได้ หากตนเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าหยางจงน้อยคงจะไม่ได้เกิดเป็นแน่ครั้นแล้วเยี่ยนหยางจงก็ออกแรงพายเรือให้เร็วขึ้นอีก จนกระทั่งพวกเขาออกมาไกลจากเรือลำอื่น ๆจ้าวกุ้ยอินเหม่อมองเบื้องหน้าอย่างคิดไม่ตก นางเองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่ส่วนลึกไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เพราะถ้าชิวสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่103 ตอนพิเศษ เรื่องค้างคาใจของจ้าวกุ้ยอิน

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านพ้น เยี่ยนจิ้นหลิงก็ไปบอกกับมารดาว่าจ้าวกุ้ยอินสุขภาพสมบูรณ์ดีแล้ว ขอเพียงเยี่ยนหยางจงขยันหว่านเมล็ดพันธุ์ นางจะต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ไป๋หลันได้ยินดังนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง ถึงกับยกเลิกการคารวะยามเช้า และส่งของบำรุงทั้งหลายแหล่มาให้ ยามนี้จ้าวกุ้ยอินจึงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าที่เคยเนื่องจากสถานการณ์สงบแล้ว จ้าวกุ้ยอินจึงมีใจอยากออกไปพบปะผู้คนบ้าง เยี่ยนหยางจงมิได้มีปัญหา แต่ยังรู้สึกไม่วางใจ จึงสั่งให้ฟางหรู หนิงเหอ จิวซิน และอวิ้นเซียนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงของจวนใด ภาพที่ผู้อื่นคุ้นชินคือขบวนของฮูหยินซื่อจื่อไคกั๋วกง ยิ่งเห็นจ้าวกุ้ยอินปฏิบัติกับเหล่าอนุอย่างดี อีกทั้งสายตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบยิ่ง ทำให้ชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างของจ้าวกุ้ยอินระบือไกล โดยหารู้ไม่ว่าสตรีทั้งสี่เป็นเพียงอนุแค่ในนาม แท้จริงแล้วพวกนางสี่คนคือองครักษ์หญิงที่เยี่ยนหยางจงกับจ้าวอ๋องจัดหามาให้ และทุกครั้งที่เขาไปหาพวกนาง ก็เป็นเพียงฉากบังหน้า แต่แท้ที่จริงลอบออกไปทำภารกิจลับยามราตรีต่างหากสตรีผู้เดียวที่เยี่ยนหยางจงร่วมเรียงเคียงหมอนก็คือจ้า

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่102 อย่าทำหน้าแบบนั้น

    “นั่นเพราะสวรรค์สร้างให้พี่ชายข้าเกิดมาเป็นคนพิเศษอย่างไรเล่า” เยี่ยนหยางจงเคยได้รับบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียงจุดนี้มาก่อน ทำให้รู้ว่าหัวใจของพี่ชายอยู่ทางอกด้านขวา ดังนั้นยามเห็นปิ่นปักอยู่ทางอกซ้ายจึงยังใจเย็นอยู่ได้“หากเจ้ารู้อาการดีก็ควรรีบบอก แกล้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เช่นนี้ไม่ได้มีเพียงแต่กุ้ยอินที่ใจเสีย พวกข้าเองก็ไม่ต่างกัน” จ้าวเฟิงเหล่ยถอนใจเบา ๆ“จวิ้นอ๋อง อย่าทำหน้าแบบนั้น นางสิผิดที่ไม่ฟังอะไรเลย จู่ ๆ ก็มาตีโพยตีพายใส่พวกเราโดยไม่นึกถึงความผิดตัวเองสักนิด อย่างไรก็ปล่อยให้ข้าได้ล้างแค้นเสียหน่อยเถิด” เยี่ยนจิ้นหลิงหาเหตุผลให้การกระทำของตนเองได้สำเร็จภายในห้อง“อาจง อาจง” จ้าวกุ้ยอิงนั่งอยู่ข้างเตียงที่มีเยี่ยนหยางจงนอนเหยียดยาวอยู่ ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ นางพึมพำเสียงเครือขณะที่ลูบใบหน้าคร้ามคมที่ดูเผือดเซียวเล็กน้อย “ท่านเจ็บมากหรือไม่ ขอโทษนะที่ข้า...”“อินเอ๋อร์... พอเถิด ร้องไห้จนตาแดงช้ำไปหมดแล้ว” เยี่ยนหยางจงว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ “แต่ก็ เพราะเสียงด่าเสียงร้องไห้ของเจ้า ทำให้ยมทูตต่างยอมล่าถอย ไม่ยอมมารับดวงวิญญาณของข้าไป

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่101 น้ำเกลือราดรดลงบนแผล

    เยี่ยนจิ้นหลิงสูดลมหายใจลึก รู้ว่าประโยคต่อจากนี้ไม่ต่างจากเอาน้ำเกลือราดรดลงบนแผล แต่ก็ตัดสินใจพูดไป “ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเป็นเพราะท่านที่รนหาที่ พี่ใหญ่จึงต้องบาดเจ็บเช่นนี้”จ้าวกุ้ยอินเมื่อได้ยินเช่นนั้นประหนึ่งถูกน้ำเย็นราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายเอนซวนซบเข้ากับเสาอย่างหาที่พึ่งพิง “รนหาที่หรือ? ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าภาพของอู๋หมิงกงจื่อที่นำมาประมูล เป็นภาพเดียวกันกับที่ข้าพบในห้องหนังสือของเขาหรือไม่เท่านั้น... เพียงเท่านั้น”“อู๋หมิงกงจื่อ... อู๋หมิงกงจื่อ ถ้าท่านพอใจในผลงาน ไฉนจึงไม่ขอกับพี่ใหญ่เล่า เขาใช้เวลาไม่นานก็วาดให้ท่านได้ จะเอากี่สิบกี่ร้อยภาพก็ตามแต่ใจท่าน... สวรรค์... ท่านกลับทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เองหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย” เยี่ยนจิ้นหลิงได้ยินเช่นนั้นพลันส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเดินมาใกล้กับจ้าวกุ้ยอิน มองใบหน้างดงามที่เผือดซีดราวกระดาษวาดภาพ“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน” จ้าวกุ้ยอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้องเขยของตน ดวงตากลมโตวาววับดังเนื้อทรายนั้นระคนด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง “พี่สะใภ้ ดูท่าพี่ใหญ่คงไม

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่100 ชั่วยามนี้

    “อะไรนะ จ้าวกุ้ยอิน เจ้า... เจ้ากล้าหลอกเปิ่นหวาง” เส้นเลือดตรงขมับของมู่เฟยหรงเต้นตุบ ๆ ยามนี้เขารู้สึกเหมือนมีคำว่าโง่ บรมโง่ ติดอยู่กลางหน้าผาก ถ้าไม่เพราะกลัวหนอนกู่จะกัดกินร่าง เขาคงหลบหนีได้ทัน“นี่พวกเจ้าจะยืนเฉยอีกนานไหม ถ้ายังมัวชักช้า อาจง... อาจงอาจจะตายก็ได้นะ” จ้าวกุ้ยอินไม่สนใจท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมู่เฟยหรง แต่หันไปมองมู่เลี่ยงหรงกับเยี่ยนจิ้นหลิงแทน“ขออภัย เปิ่นหวางนึกว่าเขาตายแล้ว” ตอนมู่เลี่ยงหรงเข้ามา เห็นปิ่นเงินปักอยู่ตรงอกด้านซ้ายของเยี่ยนหยางจง ก็คิดว่าเขาไม่น่าจะรอดแล้ว จึงละเลยพี่ภรรยาไป แต่พอรู้ว่าเขายังไม่ตาย ก็บังเกิดความละอายใจเล็กน้อยบรรพบุรุษเจ้าสิตาย! จ้าวกุ้ยอินมองมู่เลี่ยงหรงด้วยดวงตาแดงก่ำ สาปแช่งบรรพบุรุษตระกูลมู่ในใจไม่หยุด “เขายังไม่ตายสักหน่อย”“เด็ก ๆ พาแม่ทัพไป๋หู่กลับจวนไคกั๋วกง” สิ้นคำสั่งของฉินอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็จัดการนำร่างของเยี่ยนหยางจงออกไปจากที่นั่น โดยมีจ้าวกุ้ยอินร้องไห้วิ่งตามไปบทส่งท้าย ชั่วยามนี้ จวนไคกั๋วกงเต็มไปด้วยความร้อนรนอลหม่าน หลังจากซื่อจื่อของจวนกลับมาพร้อมกับฮูหยินน้อยที่หายตัวไปในสภาพที่มีแผลฉกรรจ์ตรงหน้าอก อาการเ

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่99 เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร

    “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” มู่เฟยหรงไม่เข้าใจว่าเยี่ยนจิ้นหลิงตามมาถูกได้อย่างไร ความจริงพวกเขาควรจะตามไปจัดการกับเอี้ยนอ๋องที่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงสิ ทำไมถึงมาที่นี่ หรือว่าแผนการทั้งหมดล้มเหลว“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ จิ้นหลิงเพิ่งรู้ว่าเครื่องประดับมากมายเหล่านั้นก็มีประโยชน์อย่างอื่นด้วย” ระหว่างตามรอยเยี่ยนหยางจง เยี่ยนจิ้นหลิงพบจิงจิงวิ่งอยู่บนพื้นหิมะ จึงได้รับสารขอความช่วยเหลือ“เจ้าพบจิงจิงสินะ” จ้าวกุ้ยอินเข้าใจในทันที“พี่สะใภ้เข้าใจเล่นคำ ‘ตามจิงจิง(อัญมณีแวววาว)มา’ หากเป็นผู้อื่นคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กระรอกนำทาง แต่บังเอิญเป็นจิ้นหลิงที่ได้รับสารจึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่” ภาพอัญมณีสะท้อนแสงคบไฟในความมืดเป็นระยะผุดขึ้นในความทรงจำ ยามนี้เขายอมรับแล้วว่าพี่สะใภ้มิใช่ที่มีดีแค่ความเป็นหญิงงาม สติปัญญาของนางยังอยู่ในระดับใช้ได้อีกด้วย“ไว้ชมกันทีหลัง รีบพาอาจงไปรักษาเร็วเข้า” จ้าวกุ้ยอินเร่งเร้า“ย่อมได้” เยี่ยนจิ้นหลิงรับคำ แล้วหันไปหามู่เฟยหรง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “หานอ๋อง ท่านหนีไม่รอดแล้วล่ะ ยอมกลับวังหลวงดี ๆ เถิด จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บอีก จิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status