ตามหาคนหาย
05.00 น.
ตอนนี้ยังและครอบครัวรวมถึงภิสิงห์และหว่าหวากำลังรอขึ้นเครื่อง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ฉันนั่งเหม่อลอยลอบหายใจเบา ๆ ด้วยจิตใจที่ค่อนข้างว้าวุ่น มือพลางลูบไปที่หน้าท้องตัวเอง
"เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ" 'เขา'ที่ฉันพึมพำถึงนั่นก็คือ 'เทมโป' พ่อของลูกในท้องของฉัน ถึงแม้ว่าตัดสินใจที่จะหายจากเขาไปอย่างเงียบ ๆ แต่ทว่าในหัวใจดวงน้อยก็ยังคงมีแต่เขาที่ยังรักอยู่ตลอด
หลายวันที่ผ่านมาช่วงเวลาที่ไปทำงานที่ผับของเขา ฉันพยายามนิ่ง และไม่ใส่ใจถึงแม้ว่าภายในใจจะรู้สึกสั่นวูบ น้อยใจ เสียใจ ที่เขามักจะพาหญิงสาวเขามาทำเรื่องอนาจารต่อหน้า ฉันไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อยากให้ฉันเจ็บ? ในเมื่อยังมีเวลาก็ทำให้ฉันเจ็บจนเขาพอใจล่ะกัน
พอรู้ว่าฉันจะไม่ได้เจอกับเขาอีกก็รู้สึกห่อเหี่ยวหัวใจ ความรู้สึกสับสนไปหมด หรืออาจจะเป็นเพราะฉันพาลูกในท้องซึ่งเกิดจากเขามาด้วย
"ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูก" ฉันก้มลงพูดเบา ๆ แล้วเอามือลูบอย่างทนุถนอม
จุดหมายที่เราจะไปกันนั้นคือประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่ฉันกับหว่าหวาคิดจะมาเรียนต่อกันที่นี่ด้วย และประเทศแห่งนี้ก็ยังมีบ้านของครอบครัวภิสิงห์ที่ซื้อเอาไว้สำหรับมาเที่ยวพักผ่อน
ภิสิงห์จึงให้ครอบครัวของฉันได้เข้ามาอยู่ก่อนที่พวกเราจะหาทางขยับขยายต่อไป
"เราต้องเดินทางอีกหลายชั่วโมง แกนไหวใช่ไหม"ภิสิงห์เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง.
"ไหวค่ะ"ภิสิงห์ร่วมเดินทางมากับพวกเราด้วยเพราะอยากจะมาส่งให้ถึงที่
"ขอบคุณทุก ๆ อย่างนะคะ"ฉันกล่าวแล้วคลี่ยิ้มให้กับรุ่นพี่ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา สุภาพ
"...."เขาไม่พูดอะไรได้แต่คลี่ยิ้มกลับมา
มิลาน - อิตาลี
"เย้..ถึงสักที"นั่นเป็นเสียงสดใสของหว่าหวาที่มีสีหน้าดีใจ ฉีกยิ้มกว้าง
ภิสิงห์ติดต่อคนขับรถมารับพวกเราที่สนามบินไปยังบ้านพัก ระหว่างทางอากาศที่นี่ค่อนข้างดี ฉันรู้สึกชอบมาก รวมถึงพ่อกับแม่ฉันก็ดูโอเคเป็นอย่างมา ท่านยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่มีความสุข หลังจากที่ไม่ได้ยิ้มแบบนี้มาเป็นอาทิตย์ และฉันก็รู้เหตุผลนั้นดี
"พ่อยื่นใบลาออกให้คุณทอยไปแล้วล่ะ"พ่อพูดจบแล้วลอบหายใจเบา ๆ
"แล้วพ่อบอกเหตุผลที่ลาออกว่ายังไงคะ"
"อยากพักผ่อน"ท่านตอบกลับสั้น
"เอ่อ...พ่อไม่ได้บอกใช่ไหมว่าพวกเรา..."
"ไม่ได้บอก" ก่อนหน้าพ่อกับแม่ปรึกษากันแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องเทมโป และจะไม่บอกเรื่องที่เขาทำฉันท้องกับครอบครัวทางนั้น เพราะไม่อยากให้มึปัญหา อย่างน้อยเทมโปก็เป็นคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของเรา จนลืมตาอ้าปากได้
คนขับเลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง ตัวบ้านใหญ่โตมาก พอจอดรถสนิทก็มีคนออกมาจากบ้านจัดแจงช่วยยกกระเป๋าของพวกเราเข้าไป
"หว่าหวา พาแกนไปพักก่อน"ภิสิงห์เอ่ยบอกลูกพี่ลูกน้องสาวที่เดินเคียงคู่มากับฉัน
"ค่ะพี่สิงห์....."เธอขานรับแล้วหันมายิ้มหวานให้ก่อนจะพูดขึ้น
"...ไปแกน หว่าหวาจะพาแกนไปที่ห้อง"ว่าแล้วก็คว้ามือฉันเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง ในขณะที่พ่อกับแม่ และภิสิงห์ต่างพากันพูดคุยปรึกษาหารือธุรกิจที่พ่อตั้งใจที่จะทำ แต่อาจจะเป็นแค่ธุรกิจเล็ก ๆ
TemPo
"โธ่เว้ย.."ชายหนุ่มสบถใส่ไปในสายที่พูดคุยอยู่กับพี่ชายต่างมารดาอย่างไม่สบอารมณ์
"...แล้วพี่ทำไมไม่ถามหะ?"
(ไอ้เทมโป!)คนเป็นพี่สบถเอ็ดคนเป็นน้องที่มีนิสัยเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก ตอนนี้โตแล้วก็ยังไม่หายสักที
"แล้วพี่พอจะรู้ไหมว่า..พวกเขาย้ายไปอยู่กันที่ไหน"เทมโปรู้สึกร้อนรนใจมาก ที่อยู่ ๆ เพื่อนสาวที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งก็หายตัวไป
(ฉันไม่รู้...แล้วแกจะมาอยากรู้ไปทำไม..)ทอย รองประธานบริษัทที่ดูสุขุมเอ่ยถามน้องชายแล้วยกยิ้มมุมปากสีหน้าดูสะใจ
(...ก็แค่เพื่อนไม่ใช่เหรอ ออร์แกนจะไปไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับแกหนิ)แล้วพูดประชดประชันน้องชายในสายที่หัวร้อนสุด ๆ
"มันก็ไม่กี่ยวอะไรกับผมหรอก จะไปไหนก็ไป!"ว่าจบ เทมโปก็กดวางสายทันที ในขณะที่คนเป็นพี่จ้องไปที่หน้าจอแล้วกลั้วหัวเราะออกมา
"หึหึ"แล้วส่ายหัวอย่างเอือมระอาน้องชายที่ไม่รู้ใจตัวเองสักที จนหญิงสาวได้หายจากเขาไป
หลังจากวางสายจากพี่ชายแล้ว เทมโปก็กดเบอร์หาใครอีกคน
'เลขหมายปลายทาง...'
"พากันหายหัวไปไหนว่ะ"เขากดวางสายแล้วพึมพำด้วยความโกรธที่ไม่สามารถติดต่อหว่าหวาที่เป็นเพื่อนดูจะสนิทกับออร์แกนมากที่สุดในตอนนี้
"ไอ้ภิสิงห์!"เทมโปสบถชื่อชายหนุ่มที่ไม่ชอบหน้าขึ้นพร้อมกับกัดฟันกรอด ๆ ก่อนจะขึ้นรถขับไปยังบริษัทของชายหนุ่มรุ่นพี่ทันที
"คุณภิสิงห์ไม่อยู่ครับ"พอมาถึงชายหนุ่มผมสีทองก็ลงจากรถแล้วเดินปรี่เข้าไปถาม ร.ป.ภ ที่ประตูเข้าออก
"แล้วรู้ไหมว่ามันอยู่ไหน"ชายกลางคนจ้องมองชายหนุ่มรุ่นหลานอย่างไม่ชอบใจ ที่เรียกสรรพนามเจ้านายของเขาแบบนั้น
"คุณภิสิงห์ ไปไหน แล้วจะมาเมื่อไหร่"เขาเห็นสีหน้าชายหนุ่มวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบ ร.ป.ภ จึงรีบเปลี่ยนคำถามให้ดูดีขึ้น
"เห็นว่าท่านไปต่างประเทศ กลับอาทิตย์หน้าครับ"
"ไปต่างประเทศ?..รู้ไหมว่าประเทศอะไร"เทมโปถามต่อทันทีด้วยความอยากรู้
"ประเทศ..."ร.ป.ภ ยกมือเกาหัวราวคิดอะไรบางอย่าง
"...ประเทศอังกฤษครับ"เทมโปย่นคิ้วหน้าแล้วพูดขึ้น
"พอจะรู้ไหมว่า หว่าหวาน้องสาวภิสิงห์ไปเรียนต่อที่ไหน"
"เรื่องนั้นผมไม่รู้เลยครับ"ได้ฟังแบบนั้นชายหนุ่มผมสีทองก็ทำสีหน้าไปพอใจ
"ขอบใจ"เขากล่าวน้ำเสียงห้วน ๆ ก่อนที่จะเดินไปที่รถ แล้วขับออกไป
เทมโปขับรถกลับมาที่ผับแล้วรีบขึ้นไปบนออฟฟิศ เปิดคอมพิวเตอร์ค้นหาข้อมูลของภิสิงห์ทันที
"มันเรียนจบที่อังกฤษ...."เขาอ่านเจอประวัติคร่าว ๆ ของภิสิงห์
"...เป็นไปได้ที่มันจะไปอังกฤษแต่มันไปทำอะไร"เจ้าของใบหน้าหล่อยกมือกุมขมับราวกับใช้ความคิด
ครอบครัวออร์แกนเป็นคนกรุงเทพ ไม่มีบ้านพักอยู่ต่างจังหวัดเลย แล้วครอบครัวย้ายไปอยู่ไหนกัน เขานั่งวนเวียนคิดถึงแต่ออร์แกนทั้งคืนจนเช้า
แอ๊ดดดดด เสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้เทมโปค่อย ๆ หันไปด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว เพราะคนที่เข้ามานั่นคือพี่ชายต่างมารดาของเขาเอง
"มาทำไม"เขาพูดขึ้นน้ำเสียงห้วน ๆ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
"อยู่ที่นี่ทั้งคืน?"คนเป็นพี่เอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินมาที่โต๊ะทำงานน้องชายแล้วมองไปที่จอคอมที่เปิดอยู่
"ตามหาคนหาย"ใช่ น้องชายของเขาประกาศตามหาคนหายในทางโซเซียล โดยที่ใครพบเจอเขาจะมีรางวัลให้ในจำนวนไม่น้อยเลย
"ถึงขั้นประกาศตามหา หึหึ...."ทอยเอามือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วตบที่บ่าน้องชายเบา ๆ
"...ไหนบอกไม่ต้องการออร์แกนไง"พี่ชายต่างมารดานึกถึงคำพูดที่น้องชายเคยพูดไว้ แล้วเอ่ยออกมาล้อเลียน
"อย่ามายุ่งได้ไหม"คนเป็นน้องพูดใส่พี่อย่างไม่สบอารมณ์ ด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนล้า
"อุตส่าห์จะมาบอกว่ามีคนเห็นออร์แกน..."
"ที่ไหน"เทมโปแทรกพูดขึ้นด้วยใบหน้ามีความหวัง.
"สนามบิน"สิ้นเสียง เทมโปก็นึกอะไรขึ้นมาบางอย่าง.
"พี่ทอย ผมจะไปอังกฤษ"ทอยขมวดคิ้วเข้มจ้องมองไปยังน้องชายต่างมารดา
"แกจะไปทำไม"
"ผมคิดว่าไอ้ภิสิงห์ต้องพาออร์แกนและครอบครัวไปที่นั่นแน่"
"หึ.."คนเป็นพี่แค่นหัวเราะในลำคอแล้วส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น
"...แล้วไงจะไปตามกลับมา?"
"...."ชายหนุ่มผมสีทองมีสีหน้าที่สลดลง ดูสิ้นหวัง ในหัวสับสน ปั่นป่วนไปหมด
"มึงจะไปตามเธอกลับมาในฐานะอะไร"สิ้นเสียง น้องชายเงยหน้ามองคนพี่ด้วยดวงตาแดงก่ำ
"ผะ ผมไม่รู้..."เขาเอ่ยน้ำเสียงสั่น หัวใจแกร่งวูบไหวไปหมด
"...พี่ทอยทำไมผมรู้สึกเจ็บปวดจังว่ะ"ทอยตบที่บ่าน้องชายแล้วเอ่ยขึ้น
"ก็เพราะมึงรักออร์แกนไง"เทมโปฟุ่บนั่งลงที่พื้นราวคนไร้เรียวแรง
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา