สายไปแล้ว
"ผะ ผมรักออร์แกนงั้นเหรอ"เทมโปเงยหน้ามองพี่ชายต่างมารดาด้วยดวงตาแดงก่ำ ในขณะที่คนเป็นพี่จับไหล่น้องชายให้ลุกขึ้น
"เฮ้อ..."แล้วตบที่บ่าเทมโปก่อนจะพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่
"...จะรักหรือไม่ได้รักแกก็เอาออร์แกนกลับมาไม่ได้แล้วล่ะ"พูดจบ ทอยรองประธานหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป ในขณะที่น้องชายยืนจ้องแผ่นหลังพี่ชายต่างมารดาที่สีหน้าเศร้าดวงตาเห่อร้อน ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีมีดมากรีด
เทมโปฟุ่บนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งเขาก้มหน้าพร้อมกับยกมือกุมขมับตัวเอง ภาพใบหน้าออร์แกนก็ลอยเข้ามา
'เราเป็นเพื่อนกันนะ' ใบหน้าสวยเปื้อนรอยยิ้มที่แสนหวานมันทำให้เขาใจสั่นอยู่ตลอด
ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ทุกช่วงเวลาที่เขาได้ใกล้ชิดกับออร์แกนก็วนเวียนเช้ามาในหัวอยู่ตลอด จนกระทั่งวันที่เธอบอกรักเขา
'เทมโป..แกนรักเทมโป' ยอมรับว่าพอได้ยินคำนี้เขารู้สึกใจเต้นขึ้นมา แต่ทว่าณ. ตอนนั้นเขาไม่พร้อมที่จะรักใคร แต่ก็ไม่ได้อยากให้หญิงสาวหายไปไหน จึงเอาเรื่องบุญคุณ ที่เทมโปช่วยครอบครัวออร์แกนมาอ้าง เพื่อจะเก็บเธอไว้ข้างกาย
"ฉันขอโทษ..ออร์แกน" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดจองตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษทันที เมื่อจองเสร็จเรียบร้อยเขาก็กดวางสายแล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
"ไม่ว่ายังไง..ฉันก็จะพาเธอกลับมาให้ได้"
เทมโปเดินทางไปอังกฤษอย่างไร้จุดหมาย เขาพยายามตามหาออร์แกนและครอบครัวของเธอแทบทุกรัฐ แต่ทว่าก็ไม่มีใครพบเห็นครอบครัวออร์แกนเลย เขาอยู่ที่อังกฤษร่วมสองเดือน โดยไม่ได้ติดต่อที่บ้านและไม่ได้บอกด้วยว่าเขาไปไหน
จนกระทั่งเทมโปตัดสินใจกลับมาที่ไทย เพื่อมาเริ่มต้นตามหาออร์แกนอีกครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง! เสียงราวกับคนพังประตูดังลั่นไปทั่วห้อง ทำให้ชายหนุ่มผมสีทองที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเพลียและเหนื่อยล้าจนลุกขึ้น แล้วถอดถอนลมหายใจออกมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง
เมื่อประตูเปิดเข้ามาก็พบร่างชายหนุ่มทั้งสอง คนหนึ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของเขา ด้วยสีหน้าดีใจแฝงความโกรธ
"ไอ้เทมโป" รณ พี่ชายคนรองกระชากคอเสื้อน้องชายแล้วสบถด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำสีหน้าเข้มดุ
"ใจเย็น ๆ รณ" คนเป็นพี่คนโตเดินเข้ามาทีหลังแล้วเอ่ยถามน้องชายคนรอง แล้วตวัดสายตาไปที่น้องชายคนเล็กด้วยสายตาดุดัน สีหน้าไม่สบอารมณ์
"แกไปไหนมา..." ทอยเอ่ยถามแล้วท้าวเอวหลวมก่อนที่จะลอบหายใจเบา ๆ เพื่อระงับอารมณ์ตัวเอง เพราะเขาทั้งโกรธและเป็นห่วงน้องชายคนเล็กมาก ที่อยู่ ๆ ก็หายไปเป็นเดือนโดยไม่บอกกล่าว เขากับรณ ต่างพาตามหาให้วุ่น
"...รู้ไหมว่าน้าเรอาเป็นห่วงมากแต่ไหน"
"ไอ้น้องเวร! ไปไหนก็ไม่บอก" รณสบถด่าน้องชายอย่างอารมณ์เสีย
ตอนนี้พี่ชายทั้งสองสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง เมื่อเห็นหน้าน้องชายใบหน้าที่ดูเศร้า และอ่อนล้า ร่างกายผอมโซ
"ตกลงมึงหายไปไหนมา" เป็นรณที่เอ่ยถามน้องชายที่นั่งก้มขมับที่บนโซฟา
"ไปตามหาออร์แกน" ทอยขยับมานั่งใกล้น้องชายแล้วพูดขึ้น
"ครับ...ผมไปอังกฤษมา" พอสิ้นเสียง รณและทอยต่างมองหน้ากันแล้วลอบหายใจ
"แกไปอังกฤษมาสองเดือน?"
"ผมขอโทษที่ไม่ได้บอก...."เทมโปบอกกับพี่ชายคนโต ก่อนจะหันไปที่รณพี่ชายคนรอง
"...ฝากขอโทษแม่ด้วยนะพี่" คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที ก่อนที่จะพูดขึ้น
"ทำไมไม่ไปบอกเอง"
"ผมคิดว่า ผมจะออกตามหาออร์แกนต่อ"พูดจบ ชายหนุ่มผมสีทองก็ก้มหน้าลง ในหัวเขาคิดแต่เรื่องตามหาออร์แกนเพียงเรื่องเดียว
"หึ" รณแค่นหัวเราะในลำคอแล้วส่ายหน้า
"ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแล้ว"พูดจบ น้องชายคนเล็กก็หันไปที่คนพูด
"พี่ทอย อย่าห้ามผมเลย..ยังไงผมก็ต้องตามหาออร์แกนให้เจอ แล้วจะบอกเธอว่า.."
"มันสายไปแล้วเทมโป" ทอยแทรกพูดแล้วพ่นลมหายใจอย่างหนัก แม้ภายในใจก็รู้สึกสงสารคนเป็นน้องไม่น้อย
"ทีตอนเขาอยู่ไม่รักษา ทีตอนเขาไป...เฮ้อ!" พี่ชายคนรองเอ่ยแล้วก็ต้องพ่นลมหายใจ ถึงแม้จะสงสารน้องไม่ต่างจากพี่ชายคนโต
"ตอนนี้แกรู้หรือยังว่า...แกกำลังได้รับผลกรรมที่ทำกับออร์แกนไว้"เทมโปก้มหน้างุดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
"แกทำร้ายทั้งกายและทั้งใจเธอมาตลอดไม่ใช่เหรอ...." พอทอยพูดจบ รณก็มองพี่ชายสลับกับน้องชายใบหน้าที่ดูสงสัย ซึ่งเขาไม่รู้อะไรลึกซึ้งระหว่างน้องชายกับเพื่อนสนิทสาวของน้องมากนัก
"...ตอนนี้ชีวิตแกกำลังจะพังเพราะออร์แกนทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรแกเลย"
"แต่เป็นตัวมึง ที่ทำร้ายหัวใจของมึงเอง" รณเสริมแล้วยกมือตบที่บ่าน้องชายเบา ๆ
"เข้าไปหาแม่ด้วย ท่านเป็นห่วง" สิ้นเสียง พี่ชายคนรองก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วยกแขนดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง.
"ได้เวลาไปรับเจ้าเติร์ดแล้ว...ไปก่อนนะ" ประโยคแรกเขาพึมพำกับตัวเอง แล้วหันไปพูดกับพี่ชายและน้องชายก่อนจะเดินไป
น้องเติร์ดเป็นหลานคนโตลูกชายของรณ กับ นับตังค์ตอนนี้ได้เข้าเรียนอนุบาลแล้ว ซึ่งเป็นรณที่คอยไปรับ ไปส่ง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเอง.
"เลิกตามหาออร์แกนซะ.."เทมโปหันไปมองพี่ชายคนโตด้วยดวงตาแดงก่ำ
"...ก่อนที่ชีวิตแกจะพังมากไปกว่านี้"ว่าจบ ทอยก็ลุกขึ้นจากโซฟา
"ฉันก็ต้องไปแล้ว..ต้องให้ฉันไปรับเจ้าเตที่บ้านพ่อ" น้องเต ก็คือลูกชายของพี่ชายคนโต ตอนนี้กำลังน่ารัก พ่อของต้องรักมักจะมารับหลานไปเลี้ยงที่บ้าน ช่วงเย็นก็จะให้ทอย หรือไม่ก็ ต้องรักไปรับกลับมา
หลังจากพี่ชายทั้งสองกลับไป ชายหนุ่มผมทองก็พาตัวเองเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว แล้วล้มตัวลงนอนยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก อยู่ ๆ คำพูดของ ออร์แกน ก็ผุดขึ้นมา
'นายคิดอยากจะมีครอบครัวบ้างไหม'
'นายคิดอยากจะมีลูกบ้างหรือเปล่า'
อยู่ ๆ น้ำตาลูกชายก็ไหลออกมา
"อยากสิ ฉันอยากมีครอบครัว มีลูกกับเธอ ออร์แกน" เขาพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ด้วยน้ำตาที่นองหน้า มือหนาก็คอยเช็ดมันออกอย่างลวก ๆ
Organ
"แกน! จะทำอะไร" ฉันสะดุ้งโหย่งเลยเมื่อได้ยินเสียงหวานดังเข้ามาด้วยน้ำเสียงตกใจ
"แกนจะไปเอาน้ำมาดื่ม" หว่าหวารับเดินเข้ามาแล้วประคองฉันที่ตอนนี้ท้องฉันใหญ่ขึ้นมา เพียงแค่สิบอาทิตย์เท่านั้น
"นั่งเลย ๆ เดี๋ยวหว่าหวาไปหยิบให้..." เธอให้ฉันนั่งลงบนโซฟานุ่มแล้ว ยืนท้าวเอวหลวม ๆ มองมาที่ฉันด้วยสายตาดุ ๆ
"...ทีหน้าทีหลังจะเอาอะไรเรียกหว่าหวาได้เลย รู้ไหมว่าแกนไม่ใช่ตัวคนเดียว แกนยังมีเจ้าตัวน้อยในท้องตั้งสองคนด้วย" เธอมองไปที่ท้องโต ๆ ของฉันแล้วพูดประโยคสุดท้าย ก่อนจะยื่นมือมาลูบอย่างทนุถนอม
"..." ฉันคลี่ยิ้มหวานให้อย่างมีความสุข ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้ฉันตั้งครรภ์ลูกแฝดชาย
"เดี๋ยวหว่าหวาไปหยิบน้ำ แถมผลไม้ให้ด้วย" ว่าจบ หว่าหวาก็เดินไปที่ครัว
ฉันรู้สึกมีความสุข และสบายใจดี แม้ว่าจะยังคงคิดถึงพ่อของลูกแฝดในท้องอยู่ พยายามลืมแค่ไหน แต่ใจเจ้ากรรมก็จะมักจะฉายใบหน้าเขาขึ้นมาให้คิดถึงอยู่ตลอด ป่านนี้ฉันคงหวังว่าเขาคงจะมีความสุขดี บางทีเขาอาจจะเจอคนที่อยากใช้ชีวิตด้วยไปแล้วก็ได้
ตอนนี้พ่อได้เปิดธุรกิจเล็ก ๆ โดยภิสิงห์เป็นคนแนะนำให้คำปรึกษาอย่างดี จึงทำให้พ่อได้มีธุรกิจเป็นของตัวเองอีกครั้ง
หลังจากที่หว่าหวาหายไปในครัวสักพัก เธอก็ออกมาพร้อมกับพี่แม่บ้านที่ถือถาดน้ำและผลไม้มาเต็มมือ
"ทำไมเยอะจัง" ฉันเอ่ยทักทันทีที่พี่แม่บ้านวางลงที่โต๊ะกระจก
"หว่าหวาไม่ได้ให้แกนกินสักหน่อย หว่าหวาเอามาให้เจ้าแฝดกินต่างหากล่ะ"พอพูด ฉันก็เบือนหน้าหนีแล้วเบ้ปาก เพราะสุดท้ายก็เป็นฉันที่ต้องกิน
ในขณะที่ฉันกับหว่าหวานั่งดื่ม น้ำและผลไม้ ก็มีเสียงรถขับเข้ามา
"พี่สิงห์แน่ ๆ เลย"หว่าหวาหันมาที่ฉันแล้วยิ้มหวาน ภิสิงห์มาที่นี่บ่อยมาก ราวกับไทยกับอิตาลีแค่ปากซอย ไม่นานนักเสียงฝีเท้าหนักก็เดินยิ้มเข้ามา
ภิสิงห์เดินมานั่งที่โซฟาข้าง ๆ ฉัน แล้ววิสาสะเอามือลูบที่ท้องโต ๆ ของฉัน เป็นปกติ
"เป็นไงบ้างเจ้าแฝด"แล้วก้มหน้าเอ่ยทักทายลูกในท้องของฉัน
"พี่สิงห์ไปหาชื่อน้องแฝดมาได้หรือยัง"หว่าหวาเป็นคนพูดทวงชื่อลูกชายแฝดของฉัน เพราะก่อนหน้าเขาอาสาจะเป็นคนเอาฤกษ์วันเดือนเกิด ลูกชายแฝดฉันไปให้พระสงฆ์ที่เคารพตั้งชื่อ ไม่คิดเลยว่าภิสิงห์จะเชื่ออะไรแบบนี้ด้วยทั้ง ๆ ที่เรียนจบนอก นึกถึงแล้วก็ขำ
"ท่านยังไม่กลับมาเลย..ท่านไปอินเดีย" ภิสิงห์ตอบกลับน้องสาว แล้วมองมาที่ฉันสีหน้าราวกับมีเรื่องจะพูด แต่ก็ดูลังเล
"พี่สิงห์มีอะไรหรือเปล่า" ฉันจึงเลือกที่จะถามทันที
"เอ่อ...พี่ได้ข่าวมาว่าเทมโปไปอังกฤษมาสองเดือน.."ภิสิงห์มองหน้าฉันนิ่งก่อนจะพูดต่อ
"...ไปตามหาแกน"
"ตามหาแกน?" ฉันชี้ตัวเองด้วยความมึนงง
"คิกคิก..."ทั้งฉันและภิสิงห์หันไปที่หว่าหวาด้วยความสงสัย
"...สมน้ำหน้า"เธอปิดปากหัวเราะด้วยสีหน้าดูสะใจ
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา