ข้าวฟ่าง....
ฉันตบหน้าฮันเตอร์ไปทีนึงแล้วก็ด่าเขาด้วยความโกรธที่เขามาจูบฉันโดยที่ฉันไม่ได้เต็มใจฉันก็รีบพาตัวเองออกมาจากห้องนั้นทันที ตอนนี้ใจฉันตัวฉันมันสั่นไปหมดสั่นด้วยความโกรธด้วยความน้อยใจด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่มันรู้สึกไม่ดีฉันคิดว่าเขาจะสำนึกผิดที่เคยทำกับฉันแล้วอาจจะอยากขอโทษแต่เปล่าเลยเขายังเป็นเขาเป็นผู้ชายใจร้ายคนเดิมที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีเตอร์ก็ยังเป็นเตอร์ที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของฉัน
"ฟ่างเป็นไงบ้าง"
"ฟิว!! " ฉันตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอฟิวที่ดูเหมือนเขามาจะยืนดักรอฉันอยู่ตรงทางเดินไปลานกิจกรรม
"เธอโดนไอ้รุ่นพีี่นั่นทำอะไรหรือเปล่า" ฟิวพูดพร้อมกับสำรวจร่างกายฉันเหมือนจะหาความผิดปกติ
"ทำไมนายถึงคิดแบบนั้น"
"ก็เพราะฉันรู้จักนิสัยมันดียังไงล่ะ"
"รู้จักดี..หมายความว่าไงนายรู้จักเตอร์เหรอ"
"เตอร์?? ..ทำไมเธอเรียกชื่อมันเหมือนรู้จักสนิทสนมกับมันล่ะ"
"ก็..คือฉันกับเขาเคย..เอ่ออเคยรู้จักกันน่ะเราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน"
"โรงเรียนเดียวกันห้องเดียวกัน?? หมายความว่าไงเธออยู่ปีหนึ่งส่วนมันอยู่ปีสี่นะจะเรียนห้องเดียวกันได้ไง"
"ตอนฉันจบมอหกฉันหยุดเรียนไปสามปีน่ะเพิ่งจะได้กลับมาเรียนต่อ"
"งั้นก็แปลว่าเธอายุมากกว่าฉันแล้วก็อายุเท่าไอ้เตอร์"
"อื้มม"
"งั้นฉันต้องเรียกเธอว่าพี่หรือเปล่า"
"ก็แล้วแต่นายเลยจะเรียกยังไงก็ได้"
"ฉันไม่ขอเรียกเธอว่าพี่นะฉันไม่อยากเป็นเด็ก"
"ทำไมเหรอเป็นเด็กแล้วมันไม่ดีตรงไหน"
"ก็ฉัน..เอ่อ..ช่างมันเหอะ ว่าแต่เธอหิวหรือยัง"
"ก็เริ่มหิวแล้วล่ะ"
"งั้นออกไปหาอะไรกินกันดีกว่ามื้อนี้ฉันจะเลี้ยงเธอเองเพราะเธอคือเพื่อนคนแรกของฉัน"
"แล้วเราจะไม่กลับเข้าไปร่วมกิจกรรมที่ลานกิจกรรมเหรอ"
"ช่างมันเถอะกิจกรรมไร้สาระไม่เข้าก็ใช่ว่าจะเรียนไม่จบ ป่ะ" พูดจบฟิวก็ดึงแขนฉันไปที่ลานจอดรถฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินตามเขาไป
ฟิวพาฉันมาถึงลานจอดรถวีไอพีแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงรถซุปเปอร์คาร์สีขาวที่ดูๆ แล้วน่าจะไม่ต่ำกว่าสิบล้าน
"นี่รถนายเหรอสวยจัง"
"อืมป๊าซื้อให้ตอนสอบเข้าที่นี่ได้น่ะ"
"รวยใช่ย่อยเลยนะนายน่ะ"
"ฉันไม่รวยหรอกป๊ากับแม่โน่นที่รวย" พูดจบเขาก็เปิดประตูให้ฉันขึ้นไปนั่งก่อนจะดินอ้อมไปตรงฝั่งคนขับพอขึ้นมานั่งบนรถเขาก็หันมาถามฉันว่าอยากกินอะไร
"เธออยากกินอะไร อาหารญี่ปุ่นมั้ยชอบหรือเปล่า"
"ได้หมดแล่ะ"
"โอเคงั้นฉันจะพาไปกินร้านประจำของฉัน"
จากนั้นเขาก็พาฉันขับออกมาระหว่างทางฉันก็เกิดความสงสัยเรื่องที่เขาพูดกับฉันก่อนหน้านี้เรื่องฮันเตอร์เขาพูดเหมือนเขารู้จักกับฉันเตอร์
"ฟิวฉันมีอะไรจะถามนายหน่อยน่ะ"
"มีอะไรจะถาม"
"คือนายรู้จักกับฮันเตอร์ได้ยังไง"
"ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันรุ้จักกับไอ้เตอร์"
"ก็ดูจากคำพูดของนายไงเหมือนตอนนี้ที่นายเรียกเขาว่าไอ้"
"หึ ฉันกับมันเป็นพี่น้องกันแต่คนละแม่" ฉันถึงกับอึ้งที่ได้รู้ว่าคนที่ฉันนั่งรถมาด้วยเขาเป็นพี่น้องกับฮันเตอร์แล้วแบบนี้ฉันจะไว้ใจเขาได้ไหม พี่น้องกันจะนิสัยเหมือนกันหรือเปล่า
"นาย...เป็นน้องของเตอร์จริงๆ เหรอ"
"ก็ไม่ได้อยากจะเป็นหรอก มีพี่ชายแบบไอ้เลวนั่นสู้ไม่มีพี่ไม่มีน้องยังดีกว่าอีก"
"นายพูดเมือนนายไม่ชอบหน้าพี่ชายของนาย"
"ใครจะชอบ นิสัยเหี้ยขนาดนั้น"
"นี่นายไม่ใช่แค่ไม่ชอบนะนายเข้าขั้นเกลียดเขาเลยรู้ตัวหรือเปล่า"
"อืมใช่ฉันเกลียดมัน" ฉันอยากจะถามนะว่าเพราะอะไรแต่ฉันก็ไม่อยากละลาบละล้วงเพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขาฉันเป็นคนนอกคงเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้แต่ถามว่าอยากรู้ไหมก็อยากรู้นะ
"เธออยากรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไรฉันถึงเกลียดมัน"
"เอ่อออ..."
"อยากรู้ก็บอกอยากรู้ไม่ต้องเอ่อต้องอ่าหรอก" ฉันยิ้มแห้งกลับไปเพราะดูเหมือนฟิวจะรู้ความคิดของฉันว่าอยากรู้ขนาดไหน
"เรื่องมันก็มีอยู่ว่าตอนนั้นฉันอายุได้ประมาณเจ็ดขวบป๊าพาฉันกับแม่ย้ายออกมาจากบ้านเช่าแล้วพาเข้ามาในบ้านของท่านพอมาถึงฉันก็เจอกับไอ้เตอร์ที่ตอนนั้นมันอายุได้สิบขวบมั้งถ้าจำไม่ผิดนะมันยืนจ้องหน้าฉันกับแม่ด้วยสายตาเกลียดชัง"
12ปีก่อน
"เตอร์สวัสดีน้าเฟื่องสิลูกน้าเฟื่องจะมาเป็นแม่ของเตอร์นะส่วนนี่น้องชายเตอร์ชื่อกาฟิวนะลูกน้องอายุอ่อนกว่าเตอร์สามปี"
"สวัสดีครับพี่เตอร์" เด็กชายกาฟิวในวัยเจ็ดขวบยกมือไหว้พี่ชายต่างแม่ที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกด้วยความดีใจเพราะเขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีพี่ชาย
"ใครพี่มึง กูไม่มีน้อง"
"เตอร์ทำไมพูดแบบนี้ห๊ะ ใครสั่งใครสอน"
"แล้วป๊าทำไมทำแบบนี้ ป๊าพาผู้หญิงคนนี้เขาแทนที่แม่ของผมทำไม"
"แม่เราตายไปนานแล้วนะป๊าก็อยากมีคนมาดูแล"
"มาดูแลหรือมาเพราะอยากได้สมบัติของป๊ากันแน่"
"เตอร์!!! "
"ทำไมครับรับไม่ได้เหรอที่ผมพูดเรื่องจริง"
"เตอร์จ๊ะ น้าไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยนะน้ารักป๊าของเตอร์จริงๆ "
"รักป๊าหรือรักเงินป๊ากันแน่"
"เตอร์หยุดพูดจาดูถูกน้าเฟื่องแล้วขอโทษน้าเฟื่องซะ"
"ไม่มีทาง ผมไม่มีทางขอโทษคนที่จะมาแทนที่แม่ของผมเป็นอันขาดผมเกลียดป๊าผมเกลียดมันสองคนแม่ลูก" ฮันเตอร์พูดออกมาด้วยความโกรธก่อนจะวิ่งเข้าห้องแล้วเก็บเสื้อผ้าข้าวของเพื่อย้ายออกไปจากบ้าน
"เตอร์จะไปไหนลูก"
"ใครลูกเธอ ฉันไม่มีแม่อย่างเธอแม่ฉันตายไปแล้ว"
"พี่เตอร์ครับ"
"อย่ามาเรียกกูว่าพี่เพราะกูไม่มีน้องกูเป็นลูกคนเดียวมึงจำใส่หัวเอาไว้ว่ากูไม่ใช่พี่มึง"
"เตอร์ เก็บเสื้อผ้าจะไปไหน"
"ผมจะไปอยู่บ้านปู่กับย่า"
"อย่าไปเลยนะถ้าเตอร์ไปป๊าป๊าขอร้อง " คนเป็นพ่อเดินมาหาลูกชายคนโตแล้วกอดด้วยความรักแต่เด็กชายฮันเตอร์กลับไม่รับรู้ความรักที่พ่อมีให้เขาสะบัดตัวออกก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้แล้วเดินออกไป
"จากวันนั้นจนถึงวันนี้ไอ้เตอร์มันก็ไม่เคยกลับไปอยู่ที่บ้านอีกเลยมันไปอยู่กับปู่กับย่าพอมันขึ้นมอปลายมันก็ขอปู่กับย่าย้ายไปอยู่คอนโด มันจะกลับมาบ้านก็ต่อเมื่อป๊าจะขอร้องให้มันมาเท่านั้นซึ่งทุกครั้งที่มันมามันจะพกเอาคำพูดเจ็บแสบมาฝากฉันกับแม่เสมอ มันเรียกแม่ของฉันว่าเมียน้อยแล้วเรียกฉันว่าลูกเมียน้อย"
"แล้วป๊านายว่ายังไงบ้าง"
"ป๊าก็ไม่ว่าอะไรแม่ก่็เหมือนกันท่านบอกว่าไม่ต้องไปโกรธไอ้เตอร์ เธอคิดดูเป็นเธอจะโกรธไหมที่โดนเรียกแบบนั้น ฉันแม่งโคตรเกลียดมันเลย" นี่คือสิ่งที่ฉันเพิ่งรับรู้ว่าเตอร์เขามีปัญหาทางบ้านตอนที่ฉันกับเขาคบกันฉันไม่เคยเห็นเขาพูดถึงที่บ้านเลยและไม่เคยพาฉันไปบ้านด้วยนอกจากพาไปที่คอนโดซึ่งฉันก็ไม่เคยถามด้วยแล่ะ เพราะตอนนั้นฉันโฟกัสแค่เขาคนเดียวโลกทั้งใบของฉันมีแค่เขาโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีแค่ฉันที่คิดแบบนั้นส่วนเขาน่ะเหรอ...หึพูดไปมันก็เจ็บเปล่าๆ
วันต่อมา...ข้าวฟ่าง...วันนี้ฉันกับเตอร์เราตื่นกันแต่เช้าเพราะเตอร์จะพาฉันไปหาหมอที่โรงพยาบาลคือพักนี้ฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้มันรู้สึกหดหู่เศร้าๆ แปลกๆ และมักจะเป็นช่วงค่ำๆ ด้วยนะ พอพระอาทิตย์ตกดินปุ๊บฉันจะเริ่มมีอาการทันทีมันเป็นเองโดยอัตโนมัติจนฉันกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าเพราะคิดถึงลูกตอนนี้เราพาเด็กๆ มาที่บ้านของเตอร์เพราะตอนนี้เราสองคนได้จ้างใบบัวให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กๆ ซึ่งใบบัวก็ทำได้ดีมากเธอเลี้ยงเด็กเก่งมากจนฉันแปลกใจถ้าบอกว่าเคยมีลูกมาก่อนฉันก็เชื่อนะแต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะใบบัวยังไม่เคยมีแฟนจะมีลูกได้ยังไงแถมเธอก็อยู่ที่นี่มาหลายปีฉันไม่เห็นเธอท้องเลยแล้วเธอจะไปมีลูกตอนไหนฉันคงคิดมากไปเอง"บัวไปไหนปกติเวลานี้ต้องมารอรับเด็กๆ แล้วนะ" เตอร์พูดพร้อมกับมองไปรอบๆ บ้านเพราะปกติเวลานี้ใบบัวจะมารอเด็กๆ อยู่หน้าบ้านแต่วันนี้ไม่เห็นเธอออกมาเลยหรือเธอจะไม่สบาย"หรือว่าบัวไม่สบาย""อืมอาจจะเป็นไปได้ งั้นเอาไงดี เตอร์ไม่อยากพาเด็กๆ ไปโรงพยาบาลเลยอ่ะเชื้อโรคมันเยอะ""ถ้างั้นฝากฟิวก็ได้นะแต่ไม่รู้จะตื่นหรือยัง" เพราะเด็กๆ ทั้งสองคนจะสนิทกับฟิวเหมือนกันฉันเลยคิดว่าถ้าใบบัวไม่สบายจริงๆ คนที
ฮันเตอร์..."ขอพ่อกอดแม่หน่อยไม่ได้เหรอค๊าบลูกพ่อก็คิดถึงแม่ฟ่างเหมือนกันนะ>ลูกชายจอมแสบทั้งสองคนที่หวงแม่ยิ่งกว่าอะไรทุกวันนี้ผมกับฟ่างแทบไม่มีเวลาได้จู๋จี๋กันเลยเพราะเจ้าตัวแสบทั้งสองไม่ยอมแยกไปนอนห้องตัวเองผมกับฟ่างก็เลยต้องซื้อเตียงมาไว้ในห้องนอนของเราเพื่อให้เด็กๆ ได้นอนด้วยกัน แต่รู้มั้ยว่าใครที่ต้องไปนอน ผมเองครับเพราะเจ้าตัวแสบจะงอแงไม่ยอมนอนที่นอนของตัวเองบอกอยากนอนกอดแม่ผมก็เลยต้องเนรเทศตัวเองไปนอนเตียงลูกแทน อยากจะบอกว่าตั้งแต่เด็กๆ รู้ความ พูดเป็นพูดได้ก็พูดจ้อไม่หยุดพูดจนลิงหลับส่วนเรื่องความแสบความซนไม่ต้องห่วง ทั้งดื้อทั้งแสบจนผมอยากจะจับไปปล่อยสวนสัตว์วันละหลายร้อยรอบแต่ผมก็มีวิธีกำราบของผมเพราะผมเลี้ยงมาเองกับมือทำไมผมจะไม่รู้ว่าเด็กๆ นิสัยเป็นยังไงชอบอะไรไม่ชอบอะไร และตั้งแต่เจ้าตัวแสบโตโอกาสที่ผมจะได้นอนกอดเมียหรือทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับเมียมันช่างเป็นอะไรที่ยากเย็นสุดๆ ทุกวันนี้นะถ้าไม่แอบอุ้มเมียออกมานอนห้
ฮันเตอร์..."ทำไมเตอร์มองไม่เห็นอะไรเลยฟ่าง" พอผมพูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิดที่ผมโกหกว่าตัวเองมองไม่เห็นแต่อันที่จริงแล้วผมมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนโดยเฉพาะผู้หญิงตรงหน้าที่ผมเรียกว่าเมีย"........" ใบหน้าของฟ่างซีดลงทันทีจนผมอดสงสารไม่ได้ ในตอนแรกที่ผมค่อยๆ ลืมตาผมเห็นแววตาของเธอสดใสและมีความหวังแต่พอผมบอกว่ามองไม่เห็นแววตาของเธอก็เปลี่ยนไปในทันทีมันบ่งบอกได้ว่าเธอเศร้าและเสียใจมากแค่ไหนที่ผมบอกว่ามองไม่เห็น"คุณเตอร์...มองไม่เห็นอะไรเลยเหรอครับ" คุณหมอทำท่าทางแปลกใจก่อนจะถามผมซึ่งผมก็บอกไปตามความจริงว่า"ใช่ครับคุณหมอทำไมผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลย....นอกจากความสวยของเมีย^~^" ผมพยายามยิ้มเพื่อให้ฟ่างรู้สึกดีแต่เปล่าเลยครับ"0-0" แม่"??? " ป๊า"ว่าไงนะ!!! " ไอ้ฟิว".........." ฟ่าง"ทำไมทุกคนทำหน้าแบบนั้นกันล่ะครับ ผมก็แค่พูดว่าผมมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเมียของผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมเห็นแค่เธอคนเดียว คนสวยของผม^^" พอผมพูดจบประโยคมือเล็กๆ ของฟ่างก็เงื้อสูงขึ้นทันทีพร้อมอารมณ์โกรธผมรู้เลยว่าเธอกำลังจะทำอะไรเธอไม่ได้จะตบยุงแต่เธอจะตบผม มือผมไวกว่าเลยรีบคว้ามือของเธอไว้ได้ทัน
ฮันเตอร์....ตอนนี้ตาของผมยังถูกปิดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เนื่องจากเพิ่งผ่าตัดตามาแต่ก็ดีใจที่พอผมตื่นขึ้นมาแล้วมีฟ่างอยู่ข้างๆ เธออยู่กับผมไม่ไปไหนมันทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาก"ฟ่าง" ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่เพราะเธอเงียบมาก หรือเธอจะหลับ"หื้มมม" เสียงเหมือนงัวเงีย"ทำอะไรอยู่ หลับอยู่หรือเปล่า""อื้ม""ขอโทษนะที่ปลุกถ้าง่วงก็หลับต่อเถอะ" ผมรู้สึกผิดที่เรียกหาเธอทั้งที่เธอกำลังหลับอยู่"ไม่ง่วงแล้วล่ะ ว่าแต่เตอร์เป็นอะไรปวดตาเหรอ""เปล่าหรอกแค่อยากกอดฟ่างอยากอยู่ใกล้ๆ ""ก็เพิ่งกอดไปเมื่อกี๊เองนะจะกอดอีกแล้วเหรอ""กอดทั้งชีวิตก็กอดได้""รู้สึกจะปากหวานขึ้นนะตั้งแต่ผ่าตัดมาเนี๊ยะ""ก็อยากพูดจาเพราะๆ กับเมียบ้างไม่ได้เหรอ"หมับ!! เสียงกอด"อ่ะกอดแล้วพอใจยังคะ" ฟ่างเดินมากอดผมผมก็เลยเอื้อมมือไปโอบเอวฟ่างเอาไว้ในท่าที่ตัวเองยังนอนอยู่ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของผมก็ซบลงที่หน้าท้องของฟ่างพอดีครืดดดด ครืดดดด"หืมมม?? เสียงอะไร" ผมพูดออกมาเพราะจู่ๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงหน้าท้องของฟ่างที่มีเสียงครืดๆ และไม่รู้ว่าผมหูแว่วหรือคิดไปเองหรือเปล่าว่าท้องของเธอมันเหมือนมีอะไรเคลื่นไหวอยู่ข้างใน"ฟ่าง ฟ่า
ข้าวฟ่าง...."เตอร์....ฟ่างมีข่าวดีจะบอกกับเตอร์ด้วยนะ" ฉันลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วจับมือของเขามาวางไว้ที่หน้าท้องของฉันแล้วจับมือเขาลูบเบาๆ ตรงบริเวณหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย"ฟ่างท้องได้สามเดือนแล้วนะเตอร์เตอร์ดีใจมั้ยเรากำลังจะมีลูกด้วยกันอีกแล้วนะ" ฉันบอกข่าวดีให้เขารู้เผื่อว่าถ้าเขาได้ยินเขาจะรีบฟื้นขึ้นมา ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองท้องเมื่อไม่กี่วันนี่เองหลังจากที่ฉันกับฟิวพาเตอร์มาส่งโรงพยาบาลเนื่องจากว่าวันนั้นเตอร์บ่นปวดหัวมาตลอดทั้งวันแม้เขาจะบอกว่าเขาไหวไม่เป็นไรแต่ฉันไม่เชื่อฉันก็เลยแอบโทรไปหาฟิวขอให้ฟิวมาหาที่คอนโดเพื่อที่จะพาเตอร์ส่งโรงพยาบาล โชคดีที่วันนั้นเด็กๆ ไปนอนที่บ้านป๊าเพราะไมงั้นเด็กๆ อาจจะตกใจจนร้องไห้ที่เห็นพ่อไม่สบาย ซึ่งตอนนั้นฟิวกับทุกคนยังไม่รู้ว่าเขาป่วยเพราะเขากลัวว่าทุกคนจะเป็นห่วงเขา พอฟิวมาถึงเขาก็ถามว่าเตอร์เป็นอะไรกันแน่ฉันจึงต้องยอมบอกความจริงกับฟิว รู้ไหมว่าพอฟิวรู้ฟิวด่าเตอร์ไปชุดใหญ่ ส่วนเตอร์ก็เถียงอะไรไม่ออกเพราะตัวเองก็ลุกไม่ไหว หลังจากนั้นฟิวก็ขับรถพาฉันกับเตอร์มาที่โรงพยาบาลคุณหมอเจ้าของไข้ของเตอร์รีบพาเขาเข้าห้องตรวจทันทีฉันกับฟิวนั่งรออยู่หน้าห้อ
ข้าวฟ่าง.....ตอนนี้เตอร์กำลังขับรถมาส่งฉันที่มหาลัยหลังจากที่เราพาเด็กๆ ไปฝากไว้กับแม่เฟื่องที่บ้านเพราะที่โรงเรียนของเด็กๆ ปิดเทอม ฉันก้มมองดูแหวนที่นิ้วตลอดทางดูไปก็ยิ้มไปมันบรรยายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนมันฝันไป เตอร์ขอฉันแต่งงานจริงๆ แหวนที่นิ้วคือหลักฐานยืนยันได้ว่ามันคือเรื่องจริงมันคือความจริง"ชอบใช่มั้ย" เตอร์หันมาถามฉัน"ชอบสิชอบมากเลยขอบคุณนะ^^" ฉันตอบเขาพร้อมกับส่งยิ้มไปให้อย่างอารมณ์ดี"ดีใจนะที่ฟ่างชอบถ้าไม่ชอบเตอร์จะได้พาไปดูวงใหม่" หืมมมพ่อสายเปย์ ฉันคิดคนเดียวในใจ แต่เอาจริงๆ นะต่อให้แหวนที่เขาขอฉันแต่งงานมันจะไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลยฉันก็พร้อมที่จะแต่งงานกับเขาอยู่ดีเพราะฉันรักเขา"ไม่ต้องหรอกเพราะแหวนวงนี้คือแหวนที่เตอร์เลือกให้แล้วก็เป็นแหวนขอแต่งงานต่อให้มันเป็นแค่แหวนวงละร้อยเก้าสิบเก้าฟ่างก็ชอบมันอยู่ดี""ใครจะไปซื้อแหวนร้อยเก้าเก้ามาขอเมียแต่งงานบ้าป่าวฟ่าง ระดับเตอร์ต้องไม่ต่ำกว่าล้าน""จ้าาาพ่อสายเปย์ พ่อคนรวย""ก็เปย์ให้แค่ลูกกับเมียเท่านั้นแล่ะค๊าบบบบบ""ก็ลองให้ผู้หญิงอื่นดูสิ""ใครจะกล้า ตอนนี้เตอร์มีแค่ฟ่างคนเดียว""แค่ตอนนี้เหรอ""ตลอดไปสิ นับจากวันนี้เป