แชร์

บทที่ 9 ทำลายชื่อเสียง

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-21 13:07:43

นายท่านหยางจ้องมองหลินเหม่ยเหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ คำพูดที่ว่าหากนางไม่ยั้งมือป่านนี้บุตรสาวของเขาคงจะตายไปแล้วทำให้เขารู้สึกโกรธเคือง เขาจึงได้เอ่ยต่อว่าหลินเหม่ยเหยาออกมาตามตรง

“คุณหนูใหญ่สกุลหลินคำพูดคำจาช่างโอหังเสียจริง ท่านรองหัวหน้าแพทย์หลวงหลินท่านดูบุตรสาวของท่านสิ ไร้มารยาทเช่นนี้วันหน้าจะมีสกุลใดอยากจะแต่งนางเข้าสกุลกัน” นายท่านหยางเอ่ยออกมาพลางจ้องมองหลินเหม่ยเหยาด้วยสายตาไม่ชอบใจ แต่หลินเหม่ยเหยากลับไม่ได้เกรงกลัวและไม่ได้ทำตัวเสียมารยาทนางย่อกายคารวะขออภัยด้วยท่วงท่าอันงดงามแล้วจึงได้เอ่ยตอบคำพูดของเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อม

“ต้องขออภัยที่ล่วงเกินท่านหัวหน้าราชบัณฑิตหยางนะเจ้าคะ เพียงแต่คำพูดของข้าไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่หรือว่าแสดงความโอหัง แต่ข้าพูดตามความเป็นจริง ในยามปกติหากถูกทำร้ายข้าแค่โปรยยาพิษหรือไม่ก็ยาสลบก็สามารถเอาตัวรอดได้แล้ว แต่กับคุณหนูสามที่เคยเป็นสหาย ข้าลงมือทำร้ายนางไม่ลงหรอกเจ้าค่ะ แต่หากไม่ลงมือคนที่ถูกตบหน้าคงจะต้องเป็นข้าแน่ ถึงอย่างไรโทสะที่ถูกคุณหนูสามหมิ่นแคลนวงศ์สกุลก็ยังคงอยู่จึงได้ไม่คิดจะออมแรงที่ฝ่ามือเจ้าค่ะ” คำพูดของหลินเหม่ยเหยาทำให้นายท่านหยางพลันขมวดคิ้ว

“ดูหมิ่นวงศ์สกุลหรือ คุณหนูใหญ่หลินนี่เจ้ากำลังจะบอกว่าลูกสาวของข้าพูดจาล่วงเกินสกุลหลินของเจ้าเช่นนั้นหรือ เจ้ารู้ไหมว่าคำพูดประโยคนี้ของเจ้าถือว่าเป็นการให้ร้ายบุตรสาวของข้าอย่างรุนแรงเลยนะ” คำพูดของนายท่านหยางทำให้หลินเหม่ยเหยาพยักหน้า

“นางเอ่ยวาจาล่วงเกินข้าและสกุลหลินจริงๆ เจ้าค่ะ นางบอกว่าสาเหตุที่ข้าไม่สนใจคุณชายสกุลซ่งเป็นเพราะข้าและผู้อาวุโสในสกุลคิดรังเกียจที่นายท่านใหญ่สกุลซ่งยังเป็นแค่เพียงแพทย์หลวงธรรมดา ท่านหัวหน้าสำนักราชบัณฑิตเจ้าคะ ข้าเป็นแค่สตรีที่อยู่ในห้องหอจะกล้าไปติดตามสอบถามความเคลื่อนไหวของบุรุษผู้หนึ่งเฉกเช่นที่นางทำได้อย่างไร คุณหนูสามไม่เพียงรู้ว่ายามนี้คุณชายใหญ่ซ่งกลับเข้าเมืองหลวงมาแล้วยังรู้ด้วยว่านายท่านใหญ่ผู้เป็นบิดาของเขามีตำแหน่งใดอยู่ในสำนักแพทย์หลวงอีกด้วย ข้าที่พอจะคุ้นเคยกับคนในบ้านสกุลซ่งมาตั้งแต่เด็กยังไม่รู้เลยว่ายามนี้นายท่านใหญ่ซ่งดำรงตำแหน่งใดอยู่ในสำนักแพทย์หลวง” คำพูดของหลินเหม่ยเหยาทำให้หยางสุ่ยเซียนพลันตวาดออกมาในทันที

“หลินเหม่ยเหยา นี่เจ้ากล้าใส่ความข้าหรือ” คำพูดของหยางสุ่ยเซียนทำให้หลินเหม่ยเหยาเอ่ยออกมาในทันที

“เช่นนั้นเจ้าก็สาบานมาสิว่าเจ้าไม่ได้พูดกับข้าเช่นนี้ ไม่ได้พูดว่าคุณชายใหญ่สกุลซ่งกลับเข้าเมืองมาแล้ว เจ้ายังพูดอีกว่า ยามนี้ท่านพ่อของข้าได้เป็นถึงรองหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงแล้ว รอเพียงการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากสำนักราชวัง ท่านพ่อของข้าก็จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงอย่างเป็นทางการแล้ว ในขณะที่นายท่านใหญ่สกุลซ่งกลับยังเป็นแค่เพียงแพทย์หลวงตำแหน่งธรรมดาสามัญทั่วไป ก็ไม่น่าประหลาดใจที่จวนสกุลหลินและข้าจะรังเกียจการหมั้นหมายในครั้งนี้” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยพลางจ้องมองหยางสุ่ยเซียนด้วยสายตาท้าทาย สตรีผู้นี้มีความเชื่อเรื่องการบนบานศาลกล่าวย่อมไม่กล้าจะผิดคำสาบานแน่ แล้วก็เป็นอย่างที่นางคิดหยางสุ่ยเซียนมีสีหน้าอึดอัดและพลันส่ายหน้าปฏิเสธในทันที

“เซียนเอ๋อเจ้าก็รีบสาบานเลยสิว่าไม่ได้เอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา” เฉินอี๋เหนียงเอ่ยพลางพยายามหยิกหลังมือของบุตรสาว แต่หยางสุ่ยเซียนกลับส่ายหน้าให้มารดา ท่าทีเช่นนี้ของนางสามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าหลินเหม่ยเหยาพูดความจริง

“หยางสุ่ยเซียนคุกเข่าเดี๋ยวนี้” นายท่านหยางตวาดออกมา สายตาที่ใช้จ้องมองบุตรสาวคนที่สามเต็มไปด้วยความดุดัน

“น่าขายหน้านัก หยางสุ่ยเซียนเสียทีที่เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าไม่เพียงทำตัวผิดจรรยาสตรีแถมยังกล้าทำให้ข้าต้องเสียหน้าต่อผู้อื่นด้วย” คำพูดของนายท่านหยางทำให้หยางสุ่ยเซียนต้องรีบคุกเข่าในทันที

“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว” เด็กสาวอายุแค่เพียงสิบสี่ปีต่อให้มีความร้ายกาจมากเพียงใดแต่เมื่อถูกบิดาดุด่าเช่นนี้ย่อมไม่กล้าเสแสร้งและแสดงตนว่าเป็นผู้ถูกกระทำได้อีกต่อไป ท่าทียอมแพ้เช่นนี้ของบุตรสาวทำให้เฉินอี๋เหนียงเม้มปากแน่น แล้วรีบคุกเข่าลงข้างกายบุตรสาวของตนเองในทันที

“นายท่าน เซียนเอ๋อยังเด็ก...” เฉินอี๋เหนียงยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคก็ถูกคำว่า “หุบปาก” ของนายท่านหยางทำให้เฉินอี๋เหนียงไม่กล้าเอ่ยวาจาออกมาได้อีก นางเม้มปากแน่นแล้วรีบก้มหน้าลงเพื่อปิดบังความไม่พอใจในแววตาของตนเองในทันที

“ท่านรองหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงเป็นข้าที่ผิดต่อท่านและบุตรสาวของท่าน เชิญท่านนั่งก่อนเถิด” น้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเดียวของนายท่านหยางทำให้หลินเจวี๋ยพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา แต่ถึงอย่างไรตนและบุตรสาวก็ยังอยู่ภายในจวนของผู้อื่น อีกทั้งผู้อื่นยังมีบุตรสาวดำรงตำแหน่งกุ้ยเฟยในรัชกาลปัจจุบันอีกมีหรือที่เขาจะกล้าแตกหักกับอีกฝ่าย

“ไม่ต้องรู้สึกผิดอันใดหรอก ข้าก็แค่พาบุตรสาวมาแก้ต่างที่จวนแห่งนี้ด้วยตนเอง ยามนี้ในเมื่อท่านเห็นแล้วว่าเป็นผู้ใดที่เป็นคนทำผิด ข้ากับบุตรสาวก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ หวังเพียงว่าต่อไปท่านก็อย่าให้บุตรสาวของท่านไปที่จวนของข้าอีกเลย ข้าทนให้เด็กสาวที่ไม่รู้จักรักษาจรรยาและมารยาทผู้นี้เข้าจวนสกุลหลินไม่ได้จริงๆ หวังว่าท่านหัวหน้าสำนักราชบัณฑิตจะเข้าใจข้านะ” คำพูดของหลินเจวี๋ยทำให้สีหน้าของนายท่านหยางพลันซีดเผือด ส่วนสีหน้าของหยางสุ่ยเซียนและเฉินอี๋เหนียงยามนี้ไร้สีเลือดไปแล้ว ถ้อยคำตำหนิเช่นนี้ของหลินเจวี๋ยหากแพร่พลายออกไปด้านนอกหยางสุ่ยเซียนก็ยากที่จะได้หมั้นหมายและได้แต่งเข้าจวนสกุลขุนนางในเมืองหลวงแล้ว

“ท่านหัวหน้าสำนักราชบัณฑิต หยางฮูหยิน ข้ากับลูกสาวคงต้องขอตัวแล้ว” หลินเจวี๋ยเอ่ยออกมาอีกครั้งแล้วจึงได้คารวะอำลาโดยมีหลินเหม่ยเหยาและคนของนางที่ติดตามมาด้วยคารวะอำลาอยู่ทางด้านหลัง

“ต้องขออภัยต่อท่านด้วย บุตรสาวของข้ายังเด็กจึงได้ทำเรื่องไร้หัวคิดเช่นนี้ ข้าขอรับรองว่าวันหน้าจะไม่ปล่อยให้นางไปรบกวนพวกท่านอีก” เมื่อนายท่านหยางเอ่ยเช่นนี้หลินเจวี๋ยก็พลันยิ้มออกมาแล้วจึงได้พาบุตรสาวออกจากจวนสกุลหยางไปโดยไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาอีก ทิ้งให้นายท่านหยางหันไปจ้องมองบุตรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง

“ฮูหยิน ในเมื่อพวกนางสองแม่ลูกไม่รู้จักดีชั่ว เจ้าก็จงส่งพวกนางไปรอรับโทษที่หอลงทัณฑ์ก็แล้วกันอีกทั้งอย่าลืมหาตำราสอนจรรยาและจริยธรรมให้พวกนางคัดคนละห้าสิบจบ เมื่อครบถ้วนเมื่อไหร่จึงค่อยปล่อยพวกนางออกมา” คำสั่งของนายท่านหยางทำให้สวีเยียนรีบรับคำในทันที

“ท่านพี่โปรดวางใจ ข้าจะดูแลพวกนางอย่างดีเลยทีเดียว” คำพูดของสวีเยียนเต็มไปด้วยความสาแก่ใจทำให้สองแม่ลูกจากเรือนทิศตะวันออกพลันเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นในทันที

เรื่องที่เกิดขึ้นในโถงกลางของจวนสกุลหยางถูกนำไปถ่ายทอดให้หยางเจี้ยนได้ฟังอย่างไม่มีตกหล่นเลยสักคำ ทำให้เขาที่กำลังจ้องมองขวดยาของหลินเหม่ยเหยาพลันยิ้มออกมาในทันที แล้วจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสนใจ

“ไม่เลว! มารดาเลี้ยงของข้าต่อกรกับพวกนางสองแม่ลูกมาตั้งนานหลายปี หากข้ากับน้องหญิงไม่ออกหน้าช่วยก็ไม่มีเลยสักครั้งที่นางจะเป็นฝ่ายชนะ แต่หลินเหม่ยเหยาผู้นี้กลับไม่ใช่แค่เพียงทำให้เฉินอี๋เหนียงและน้องสามถูกลงโทษได้ แต่ยังทำให้ชื่อเสียงของน้องสามต้องมัวหมองไปตลอดชีวิตอีกด้วย เด็กสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย” หยางเจี้ยนเอ่ยชื่นชมหลินเหม่ยเหยาออกมาพลางจ้องมองขวดยาสลบที่ได้รับจากหลินเหม่ยเหยาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 81 ตอนพิเศษที่สอง ความในใจสวีหย่วน

    คุณหนูสกุลฉางกำลังจะแต่งงาน ข่าวนี้ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงต่างพากันแตกตื่นและก็พากันสงสัยว่าใครกันที่จะเป็นเจ้าบ่าวผู้โชคร้ายคนนั้น ที่น่าประหลาดใจก็คือใกล้จะถึงวันมงคลอยู่แล้วแต่จวนสกุลฉางกลับไม่ได้จัดเตรียมงานมงคล แต่จวนที่จัดเตรียมงานมงคลกลับเป็นจวนสกุลหยาง จึงมีหลายคนต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าสาวอย่างฉางเจียกำลังจะแต่งออกจากจวนสกุลหยาง“เป็นเรื่องที่บ้าไปแล้ว ก่อนหน้านี้นางทำตัวหน้าไม่อายไปขอพักอาศัยที่จวนสกุลหยางก็เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่กล้าทำอยู่แล้ว แต่ยามนี้นางยังกล้าจัดงานพิธีส่งตัวขึ้นเกี้ยวที่จวนสกุลหยางอีกช่างเป็นสตรีที่ไร้ความเกรงอกเกรงใจเสียจริง” เสียงติฉินนินทาทำให้สวีหย่วนขมวดคิ้ว ในใจของเขารู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้วที่ได้รู้ว่าฉางเจียกำลังจะแต่งงานกับผู้อื่น และยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้รู้ว่านางแต่งออกไปอย่างไม่ปกติ ในฐานะบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพฉาง แม้ว่าจะสิ้นไร้บิดาไปแล้วแต่นางก็ยังมีหน้ามีตามากเพียงพอที่จะแต่งออกจากจวนสกุลฉางโดยไม่อายผู้ใด แต่การที่นางแต่งออกจากสกุลหยางเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่ปกติเท่าใดนัก“ญาติผู้พี่ช่ว

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 80 ตอนพิเศษที่หนึ่ง ฉางเจีย

    ‘ข้าเคยพูดว่าเขาเป็นคนหน้าตาธรรมดาหรือ ข้าเคยพูดตอนไหนกันนะ’ นี่คือความคิดของฉางเจียหลังจากที่นางมอบถุงผ้าปักของตนเองให้สวีหย่วนเพื่อเป็นของแทนใจแต่กลับถูกเขาส่งคืนมาให้แถมยังบอกกับนางว่า“คุณหนูเคยเอ่ยกับข้าว่าข้าเป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดา ดังนั้นคนที่มีหน้าตาธรรมดาเช่นข้าจึงไม่คู่ควรที่คุณหนูฉางจะมาชื่นชอบหรอก” คำตอบของเขาพร้อมกับถุงผ้าปักที่ถูกส่งคืนทำให้ฉางเจียยื่นนิ่งอยู่กับที่ด้วยความสับสนวุ่นวายใจ“คุณหนูพวกเรารีบกลับจวนกันเถิด หากมัวชักช้าจะมืดค่ำเอาได้นะเจ้าคะ” คำพูดของสาวใช้ทำให้ฉางเจียตื่นจากภวังค์ความคิดในที่สุด นางหันไปมองสวีหย่วนอีกครั้งด้วยความปวดใจแล้วจึงได้เดินทางกลับจวนของตนเองด้วยความเหม่อลอยสวีหย่วนคือชายหนุ่มที่มีอนาคตไกล มีอายุแค่เพียงยี่สิบต้นๆ เขาก็ได้เป็นเจ้ากรมอาญาแล้ว ส่วนนางเป็นสตรีที่กำลังจะพ้นวัยออกเรือนแล้ว เดิมทีนางไม่คิดว่าตนเองจะถูกใจบุรุษคนใดนอกจากญาติผู้พี่ของตนเองอีกแล้ว จวบจนนางได้เห็นเขาตอนที่กำลังแสดงฝีมือจับกุมคนร้ายนางจึงได้รู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนที่มีความห้าวหาญไม่แตกต่างไปจากญาติผู้พี่ของนางเลย สายตาเย็นชาที่เขาใช้จ้องมองนางทำให้นางรู้สึกได้ว่า

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 79 บทสรุปของชีวิต

    ซ่งเสวี่ยหรงและกัวไป๋จิ้งถูกตัดสินประหารชีวิตในวันเดียวกัน คนสกุลกัวทั้งสกุลพลอยติดร่างไปด้วย ส่วนคนอื่นๆ ในสกุลซ่งได้รับการอภัยโทษและถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนตลอดชีวิต หวังจื่อเถียนทนรับความลำบากไม่ไหวแขวนคอตนเองตายไปในที่สุด หลินเหม่ยเหยารับฟังเรื่องราวเหล่านี้ด้วยจิตใจอันว่างเปล่า บุญคุณความแค้นในชาติที่แล้วยามนี้นางสามารถปล่อยวางลงได้แล้ว ยามนี้สิ่งเดียวที่สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้ก็มีแค่เพียงลูกในท้องที่กำลังจะเกิดมาเพียงเท่านั้นปราบปรามกบฏและสยบเหตุการณ์ก่อจลาจลได้สำเร็จ หยางเจี้ยนก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไหวกั๋วกงสามารถเข้าเฝ้าได้โดยไม่ต้องคุกเข่าอีกทั้งยังสามารถพกอาวุธเข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นในได้อีกด้วย หลินเหม่ยเหยาจึงพลอยได้เป็นไหวกั๋วกงฮูหยินไปด้วย นางได้รับความริษยาจากบรรดาสตรีทั่วทั้งเมืองหลวง ไม่เพียงมีวาสนาที่ดีแต่ยังได้รับความรักจากสามีอย่างล้นเหลือจนทำให้ผู้อื่นอดริษยาไม่ได้ไหวกั๋วกงไม่เพียงกว้านซื้อกิจการร้านค้าให้นางอย่างใจกว้าง แต่ยังประกาศต่อหน้าธารกำนัลว่าชาตินี้จะไม่รับสตรีอื่นเข้าจวนอีก ดังนั้นหากผู้ใดกล้ายัดเยียดอิสตรีมาให้เขาก็จงเตรียมตัวรอรับการลงทัณฑ์จาก

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 78 กำจัดเศษขยะชิ้นสุดท้าย

    ยามที่หยางเจี้ยนขี่ม้าไปถึงจวนก็เห็นว่าคนของกรมอาญามาอยู่ที่จวนอย่างผิดปกติ เขารีบเดินไปลากคอของกัวไป๋จิ้งให้ลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วในทันที โดยที่เขาไม่สนใจว่ากัวไป๋จิ้งตั้งหลักได้หรือไม่ ดังนั้นภาพที่ทุกคนเห็นก็คือแม่ทัพใหญ่หยางกำลังลากคุณชายกัวในสภาพเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือดเข้าไปในจวนสกุลหยาง“เหยาเหยา” เมื่อเข้าไปในจวนได้เขาก็ตะโกนเรียกชื่อของภรรยาในทันที ทำให้หลินเหม่ยเหยาที่กำลังมอบยาถอนพิษให้กับข้ารับใช้ภายในจวนต้องรีบเดินออกมาหาเขา“ท่านกลับมาแล้ว” หลินเหม่ยเหยาส่งเสียงทักทายเขาออกมาด้วยความยินดี เมื่อเขาเห็นนางก็เหวี่ยงกัวไป๋จิ้งให้สวีหย่วนที่กำลังยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่แล้วก็รีบวิ่งไปดึงร่างของนางมาโอบกอดเอาไว้“เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของเขาทำให้หลินเหม่ยเหยารีบพยักหน้าแล้วเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงปลอบโยนเพื่อให้เขาสบายใจในทันที“ท่านวางใจได้ข้าไม่ได้เป็นอันใด บ่อน้ำที่ใช้ภายในจวนล้วนต้องผ่านการตรวจสอบจากคนของข้าที่นำมาจากร้านฝูโซ่วก่อน มีเพียงข้ารับใช้แค่เพียงไม่กี่คนเพียงเท่านั้นที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งดื่มน้ำในบ่อก่อนตรวจสอบ ก็เลยทำให้พวกเขาไ

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 77 จุดจบของจางซิงซิน

    ทางฝั่งของหยางเจี้ยนยามนี้เขากำลังไล่ล่ากวาดล้างคนของฉินอ๋องที่ซุกซ่อนอยู่ในต่างเมือง ความวุ่นวายในเมืองหลวงมีคนของกรมอาญาและจิ่นหรงคอยดูแลความสงบเรียบร้อย ส่วนเขานำกองกำลังอีกส่วนหนึ่งคอยติดตามจับกุมกัวไป๋จิ้งและจางซิงซิน“จางซิงซินหากเจ้ายินยอมมอบตัวแต่โดยดี ข้าก็ยินดีที่จะไว้ชีวิตบุตรชายที่พึ่งจะคลอดออกมาของเจ้า” หยางเจี้ยนที่ในยามนี้นำกองกำลังส่วนหนึ่งล้อมรอบบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง“หากเจ้าไม่ยินดีจะมอบตัววันนี้ข้าคงทำได้แค่เพียงต้องจบชีวิตของพวกเจ้าสองแม่ลูกในกองเพลิงเพียงเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้จางซิงซินค่อยๆ อุ้มห่อผ้าออกมาจากบ้านหลังนั้น สภาพเนื้อตัวของนางไม่หลงเหลือเค้าความงามอีกต่อไปแล้ว เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและเก่าคร่ำคร่า ร่างกายที่พึ่งจะคลอดบุตรได้ไม่นานแต่กลับไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างที่ควรจะเป็นทรุดโทรมจนแทบจะเดินไม่ไหว นางไม่มีทางเลือกมากนักเพราะคนที่หลบอยู่ในบ้านหลังนั้นสั่งให้นางอุ้มลูกออกมามอบตัว ไม่เช่นนั้นพวกนางสองแม่ลูกก็จะถูกพวกเขาฆ่าทิ้งเช่นเดียวกัน นางจึงทำได้แค่เพียงอุ้มทารกน้อยออกมามอบตัวด้วยสภาพสิ้นไร้หนทาง“ท่านแม่ทัพได้โปรด

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 76 ตั้งครรภ์

    ฉางเจียไม่สนใจคำครหาของผู้คน นางเข้ามาอยู่ในจวนสกุลหยางราวกับที่นี่เป็นจวนของตนเอง ที่สำคัญนางเฝ้าติดตามหลินเหม่ยเหยาราวกับเงา แต่หลินเหม่ยเหยากลับไม่ได้รังเกียจนางอีกทั้งยังอยู่ร่วมกับฉางเจียราวกับว่านางคือพี่สาวน้องสาวคนหนึ่ง ซ่งเสวี่ยหรงทนได้รับการสอบสวนจากกรมอาญาไม่ไหวยอมรับสารภาพออกมาว่าเขาได้รับการติดต่อจากกัวไป๋จิ้งให้หาวิธีเข้าไปวางยาพิษเสวียนหมิงหลงฮ่องเต้ แต่เพราะช่วงนี้เขาถูกขับออกจากสำนักแพทย์หลวงทำให้เขาต้องยื่นข้อต่อรองขอให้กัวไป๋จิ้งหาวิธีให้เขาได้กลับเข้าไปทำงานในสำนักแพทย์หลวงอีกครั้งกัวไป๋จิ้งจึงสั่งให้เขาสังหารอนุจากสกุลหยางของตนเองก่อนเพื่อที่จะได้เอาอกเอาใจคนสกุลหวัง แล้วหลังจากนั้นกัวไป๋จิ้งจะไปช่วยพูดกับคนสกุลหวังเพื่อช่วยเขา ช่วงนี้กัวไป๋จูกำลังตั้งครรภ์อยู่แม้ว่านางจะมีฐานะแค่เพียงอนุ แต่ทารกที่อยู่ในครรภ์ของนางถือเป็นหลานคนแรกของท่านเสนาบดีหวัง กัวไป๋จิ้งจึงตั้งใจจะใช้การตั้งครรภ์ของน้องสาวเป็นสะพานให้ตนเองตีสนิทกับสกุลหวังและตั้งใจว่าจะเข้าไปช่วยพูดกับท่านเสนาบดีหาวิธีผลักดันซ่งเสวี่ยหรงด้วย ซ่งเสวี่ยหรงเกรงว่ากัวไป๋จิ้งจะเปลี่ยนใจ เขาจึงได้เก็บจดหมายที่ใช้ต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status