"แก! อย่าทำแบบนี้กับฉันนะ" ฮันนี่พยายามจะบิดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม แม้แต่อาร์ตที่พลาดพลั้งจนคนตัวเล็กหลุดมือก็ยังพยายามจะเข้ายื้อ หากไม่ติดที่ว่าอาชาเข้าขวาง
วัตถุกระบอกสีดำวาววับที่ถูกล้วงออกมาให้เห็นพอผ่านตาส่งผลให้นักธุรกิจหนุ่มชะงักไปทันที "ฮันนี่! กลับมาหาพี่เดี๋ยวนี้นะ ถ้าเธอไปกับมันอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน" "ถ้าคุณไม่หยุดหุบปาก อย่าหาว่าผมไม่เตือนเหมือนกัน!" อาชาเปิดทางให้ผู้เป็นนายพาผู้หญิงที่เขาอุตส่าห์มานั่งคอยกลับไปที่รถยนต์ที่จอดคอยอยู่ "ฮันนี่!" "อย่าเสี่ยงดีกว่านะครับ ชีวิตผมไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย ผมพร้อมถวายหัวให้คนเป็นเจ้านาย คำสั่งเด็ดขาดจากเขาคือสิ่งที่ผมต้องทำ" "ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ครั้งนี้กูจำหน้าพวกมึงได้แม่น จำไว้ว่าเราจะได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน!" คนสนิทของมาเฟียไม่ได้มีสีหน้าหวาดกลัวแต่อย่างใด อาชาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า รีบสั่งการให้คนลบภาพจากกล้องวงจรปิดจากบริเวณนี้ รับรองได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่มีทางเล็ดลอดออกไปได้อย่างแน่นอน "...เธอพลาดไปนะ" "พลาด? พลาดอะไรไม่ทราบ" "พลาดที่เลือกคบคนผิดไง การรู้ตัวช้าเกินไปมันทำให้เธอเสียเวลาไปค่อนข้างนาน" ฮันนี่ไม่เข้าใจสิ่งที่ออสตินพูด สายตาของใครต่อใครที่มองมาด้วยความสนใจ ทำให้เธอไม่อาจหลบหลีกจากคนตัวโต แล้วไปเผชิญกับสายตาของคนพวกนั้นได้เลย "ทำไมคุณพูดไม่รู้เรื่องอ่ะ สิ่งที่ฉันพยายามบอกคุณเคยคิดที่จะรับฟังไหม คิดว่าหล่อแล้วฉันจะสนใจเหรอ มุขตื้นๆ เรื่องคนหน้าเหมือน อย่าคิดว่าฉันจะยอมคนอย่างพวกแก!" "เกรี้ยวกราดจังเลยนะ จำไว้ว่ายิ่งเธอดื้อ เธอจะได้เจอคนที่ดื้อกว่า ถ้าเธอพยายามต่อต้าน ก็จะมีคนพยายามต่อต้านเธอเหมือนกัน" "โรคจิต ฉันไม่เคยพบเห็นใครที่โรคจิตแบบคุณมาก่อนเลย" "เรียบร้อยครับ" อาชาตามหลังมาติดๆ แว๊บหนึ่งที่ปรายตามองผู้หญิงของเจ้านาย ไม่ลืมที่จะรายงานในสิ่งที่เขาคิดว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ออกไป "ผู้ชายคนนั้นหัวเสียอยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะว่าคุณฮันนี่ต่อต้าน ผมว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้นะครับ" หัวใจคนฟังกระตุกวูบ หากเธอตัวคนเดียวเธอคงไม่ได้กลัวผู้ชายคนนั้นสักเท่าไหร่ แต่การที่ชีวิตของเธอยังมีใครอีกคนที่อยู่เบื้องหลัง เธออดห่วงผู้เป็นแม่ไม่ได้จริงๆ "อย่าบอกนะว่าคุณยังเชื่อว่าฉันเป็นผู้หญิงคนนั้น" มาเฟียหนุ่มตวัดขายาวขึ้นไขว้ห้าง ความเงียบของเขามันทำให้คนที่ชีวิตกำลังยุ่งยากเดือดดาลขึ้นมา "ถ้าฉันเคยเป็นเมียคนอื่นมาก่อนแล้วคุณจะยังไง ถ้าผู้หญิงคนนั้นเคยยั่วคุณเพราะอยากได้คุณ เมื่อวานคุณก็คงเห็นแล้วว่าฉันไม่ได้เต็มใจ" "ฉันรู้" "รู้? รู้แต่ยังมาวุ่นวายกับฉันนี่นะ ฉันไม่เคยยุ่งกับพวกคุณนะเว้ย" "ฉันรู้ หมายถึงรู้ว่าฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ" "เข้าได้แค่นั้นอย่ามาเสร่อ!" ฮันนี่เอ่ยเสียงลอดไรฟัน ขณะที่ออสตินเค้นเสียงหัวเราะออกมาทันทีเช่นกัน "อย่าให้ฉันมีโอกาสได้กระแทกเธอก็แล้วกัน จมเตียงขึ้นมาอย่าหาว่าฉันไม่เตือน" ฮันนี่กำหมัดแน่น บนรถไม่ได้มีแค่เธอและเขาที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่คนของเขายังทำหน้าที่เป็นพลขับ หน้าด้านเกินทนที่กล้าพูดแบบนั้นออกมา! "...คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม" ฮันนี่กวาดสายตามองออกไปรอบๆร้านอาหารหรูอย่างไม่เข้าใจ ตลอดระยะเวลาของการเดินทางเธอไม่เห็นว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอเลยสักอย่าง สุดท้ายรถเลื่อนเข้ามาจอดที่ร้านอาหาร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะลากเธอมาที่นี่ทำไม "คุณ ฉันถามได้ยินไหม" "ฉันหิวข้าว" "ห๊ะ! นั่นมันเรื่องของคุณไหม ฉันมีอะไรให้ต้องทำตั้งหลายอย่าง ไม่ได้มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระไปกับคุณนะเว้ย" "ไมเคิลให้เธอทำงานที่คลับสี่ชั่วโมงจ่ายสองหมื่น อยู่กับฉันฉันให้เธอชั่วโมงละหมื่น" ฮันนี่ชะงักกึก เธอไม่ได้อยากอะไรกับคำพูดของคนอย่างเขาด้วยซ้ำ เพราะอะไรเขาต้องทำแบบนี้ ไม่เห็นจะมีเหตุผลและเธอก็ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ขณะที่กำลังสับสนและเตรียมจะอ้าปากคัดค้าน เสียงแจ้งเตือนบนโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงของออสตินที่เฉลยทุกอย่างออกมา "เงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้วนะ ฉันไม่เคยโกงใคร" ฮันนี่รีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าทันทีที่มีการปลดล็อกหน้าจอ การแจ้งเตือนของเงินที่เคลื่อนไหวว่าผ่านเข้าบัญชีก็ปรากฏแก่สายตา "คุณเอาเลขที่บัญชีของฉันมาจากที่ไหน คุณชักจะล้ำเส้นฉันเกินไปแล้วนะ" มาเฟียหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในร้านอาหาร ส่วนอีกคนที่อยู่เฉยๆ ก็มีเงินวิ่งเข้าบัญชีมาแบบหน้าด้านๆ ก็จำต้องเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปอย่างจำใจ หุ่นที่พอดิบพอดีที่อยู่ในชุดนักศึกษาเข้ากับใบหน้าสะสวยที่ลงตัวจนหาที่ติไม่ได้ ไม่ได้ทำให้สายตาหลายๆ คู่ที่มองมาเกิดความสงสัยว่าทำไมเธอกับออสตินถึงมาที่นี่ด้วยกันได้ คนที่ดูดีทุกระเบียบนิ้วอย่างเขา สูทบนลำตัวก็มาจากแบรนด์ดัง แม้แต่นาฬิกาข้อมือเรือนเดียวบนข้อมือหนามูลค่าของมันก็คงไม่ต่ำกว่าแปดหลัก หากเขาจะมีผู้หญิงวิ่งตาม มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร ฮันนี่เจ็บใจอยู่ไม่น้อย เธอไม่ได้อยากถูกมองว่าเป็นแบบนี้เลย "นั่งลงแล้วจะได้ตกลงกัน" คนฟังเม้มปากแน่น สุดท้ายก็ต้องจำใจหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงกันข้าม สิ่งที่เขาทำกับเธอมันไม่ได้ทำให้เธออยากเจอกับเขาอีกต่อไป "เหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะแฟนเก่าตามรังควานนะ" "นั่นมันเรื่องของฉัน คุณไม่ต้องยุ่ง" "แต่เหมือนว่าการยุ่งของฉันมันจะเป็นการช่วยเหลือเธอนะ เหตุการณ์วันนี้ก็ยืนยันชัดเจนอยู่แล้ว" "ฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ฉันสามารถเอาตัวรอดด้วยตัวเองได้" "ผู้หญิงตัวคนเดียวที่อดีตแฟนรอจังหวะขย้ำ ซ้ำยังเอาแม่ของเธอมาขู่เข็ญอีก เธอไม่ผิดหรอกนะที่อยากให้แม่ได้อยู่ในที่ที่ดีๆ จนยอมเป็นหนี้ผู้ชายคนนั้น เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในการจัดแจงที่อยู่อาศัย..." "...ฉันช่วยเธอได้ ฉันมีข้อเสนอจะให้เธอ" "เลิกยุ่งกับฉันซะ" "มาเป็นผู้หญิงของฉัน" "นี่คุณ!" "แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ บ้าน รถ หรือแม้แต่ความปลอดภัย หากเธอรับข้อเสนอของฉันเอาไว้ ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีวันเข้ามายุ่งกับเธอได้อย่างแน่นอน แม้แต่ปลายตีนมันก็จะไม่มีสิทธิ์ได้แตะต้องเธอ" ----- ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ@หนึ่งเดือนต่อมา “ยัยดี!” ทับทิมโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนสาวที่โดดเด่นตั้งแต่ตอนก้าวขาเข้ามาในร้านนั่งชิลที่ทับทิมเป็นคนนัดหมาย สายตาหลายต่อหลายคู่หันมามองที่ซีดีด้วยความสนใจ แม้สถานที่จะไม่ใช่ผับที่คนจะเยอะมาก แต่ด้วยความที่ร้านมีดีเรื่องอาหารอร่อย บรรยากาศได้ แม้จะเป็นแค่ร้านนั่งชิลคนก็เยอะไม่ต่างกัน “ไม่ได้เจอกันในรอบเดือน เพื่อนฉันสวยขึ้นมากจ้า” ทับทิมจีบปากจีบคอชมเพื่อน ถึงจะไม่ได้เจอกันแต่เธอกับซีดีพูดคุยกันตลอด รู้ข่าวคราวของเพื่อนรักตลอด รู้ว่าตอนนี้ซีดีมีรักที่ดี เป็นรักที่สวยงามที่ควรค่าแก่การรักษาเป็นที่สุดเลย “แกก็ว่าเกินไป ฉันก็เหมือนเดิมไหม” นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมไปทัดที่ใบหูเล็กก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนที่นั่งตรงข้ามกัน “ดื่มอะไรดี วันนี้ผัวแกมีงานนี่?” “อือ เห็นว่าสองสามวันนี้งานจะยุ่งหน่อย ทำงานให้เจ้านายน่ะ” “แล้วมาเที่ยวกับฉันนี่คือบอกผัวปะ?” “บอกว่ามากินข้าวกัน แล้วฉันก็จะสั่งข้าวจริงๆ” ซีดีหันไปโบกมือเรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ สั่งเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆ ทำคนที่ชวนเพื่อนเพราะความเหงามองตามตาเป็นประกาย“มาร้านนั่งชิลคือแกจะมาทานข้าว?”“อือ แกเอาด้วยไหมล่ะ”“
“เวลาแบบนี้คือมันต้องมืดมากแล้วนะคะ แต่ทำไมในความมืดมันถึงมีความสว่างอยู่ล่ะ” ซีดีกวาดสายตามองออกไปรอบๆ ตัวเองที่ถูกปกคลุมด้วยเสียงธรรมชาติ มีลมพัดเบาๆ ในขณะที่แสงจันทร์บนฟ้าทำหน้าที่ให้ความสว่างแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม “นานเหมือนกันที่ฉันไม่ได้อยู่กับบรรยากาศแบบนี้ อยู่ที่กรุงเทพนานเกินไป” “สรุปอยากกลับมาอยู่ที่นี่แบบจริงจังแล้วใช่ไหมคะ” “ก็อยากนะ อยากใช้เวลาชีวิตบ้าง อยากมีความรักมีความสุขแบบที่คนอื่นเขามี” “ไม่นึกเลยค่ะว่าจะเห็นคุณในมุมแบบนี้” แว๊บหนึ่งที่ซีดีลอบมองเสี้ยวใบหน้าคม แม้จะเห็นไม่ชัดมากแต่ตลอดเวลาที่คุยกันก็สัมผัสได้ถึงความสุขผ่านน้ำเสียงจริงๆ “ขอโทษนะ…” ตากลมสวยที่กวาดมองออกไปรอบๆ และจมูกเชิดรั้นที่สูดรับอากาศบริสุทธิ์หยุดชะงักก่อนจะตวัดสายตาไปหาอาชาทันที “ขอโทษเรื่องอะไรคะ” “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดหักห้ามใจตัวเอง พยายามที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ ไหนจะใช้คำพูดแบบไม่แคร์เธออีก ทุกอย่างมันก็เป็นเพราะฉันหากฉันไม่คิดและทำแบบนั้นเรื่องระหว่างเรามันอาจจะเดินเร็วกว่านี้ก็ได้” “แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เรายอมรับหัวใจตัวเองไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยการที่คุณทำแบบนั้น มันก็ทำ
“ให้ฉันได้ดูแลเธอนะ ซีดี” คนถูกขอน้ำตาคลอเบ้า ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เธอเข้าใจที่ฉันพูด รับรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการอธิบายใช่ไหม” คนที่เม้มริมฝีปากกดใบหน้ารับ ไม่กลัวแล้วไม่ว่าจะอุปสรรคหรือใครหน้าไหนที่เคยคิดร้ายกับเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นไม่มีเหลือ แค่มีเขาเธอก็รู้สึกปลอดภัย “พ่อกับแม่ไม่มีปัญหาและไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว ลูกชายมีความรับผิดชอบชาวบ้านเขาก็จะว่าพ่อแม่สอนมาดี แต่อย่าลืมสิ ว่าบ้านเรามันยังมีประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนะ” “ประเพณีเหรอครับ?” อาชาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ผู้เป็นแม่เองก็ชักสงสัยไม่ต่างกัน“ประเพณีอะไรเหรอพ่อ” “ก็ประเพณีที่ลูกสะใภ้ต้องบอกความรู้สึกและความในใจที่มีต่อลูกชายเราไง จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่แม่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านพ่อ แม่ก็เคยผ่านประเพณีนี้มาเหมือนกัน” หางคิ้วของอาชากระตุกตอบรับ ประเพนงประเพณีอะไรไม่เคยได้ยินทั้งนั้น แต่สถานการณ์มันกำลังบ่งบอกว่าพ่อกำลังช่วยลูกชัดๆ พ่อคงเห็นว่าลูกชายรักเขามาก รักจนพร้อมยกทุกอย่างให้เขานั่นแหละ ถึงยอมออกแรงช่วยขึ้นมา “แม่ ยังไม่แก่เท่าไหร่เลยมาทำเป็นหลงเป็นลืมดูทำเข้
“ครับ เมีย!” เสียงตอบรับที่ชัดถ้อยชัดคำส่งผลให้คนเป็นพ่อแม่หันมองหน้ากันแทบจะทันที เรื่องนี้มันอาจจะเป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ แต่มันแปลกตรงที่เด็กคนนี้พิเศษแบบไหนถึงทำให้ลูกชายของพวกเขาหลงรักได้ “อึ้งกันเลยเหรอครับ ลูกสะใภ้ของพ่อน่ารักไหมครับ” “เรื่องน่ารักมันก็น่ารัก แต่ไปรักกันตอนไหนก่อน”“ตอนไหนไม่สำคัญ แต่ตอนนี้รักกันแล้วโอเคไหมครับ” ไม่ว่าเปล่า อาชาตวัดแขนขึ้นโอบบ่าของคนตัวเล็กประกอบคำพูด ใบหน้าคมคายผุดรอยยิ้มจางๆ ถึงจะเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาแต่ว่าคนเป็นพ่อแม่ค่อนข้างถูกใจ “หน้าบ้านยุงเยอะ พ่อว่าเราเข้าบ้านกันดีไหม” “ไปๆ เข้าบ้านกันลูก” ผู้เป็นแม่ยิ้มหวานให้คนรักของบุตรชาย จากนั้นก็ปล่อยให้พวกผู้ชายลากกระเป๋าเข้าบ้าน คนเป็นแม่ทำหน้าที่จูงมือสะใภ้สาวเข้าบ้านพร้อมกัน “บ้านพ่อกับแม่เก่าหน่อยนะ เราอยู่กันแบบบ้านๆ ไม่ค่อยจะเหมือนคนกรุงเทพหรอก หนูอยู่ที่กรุงเทพใช่ไหมลูก” “ใช่ค่ะ” ซีดียิ้มรับก่อนจะกวาดสายตามองออกไปรอบๆ บ้าน ยอมรับว่าทุกมุมภายในบ้านแตกต่างจากคอนโดมิเนียมของอาชามาก แต่ทุกมุมบ้านกลับสะอาดสะอ้านเช่นกัน “นั่งก่อนลูก มุมนี้พ่อกับแม่ชอบใช้นั่งๆ นอนๆ ดูทีวีจ้ะ” คนเป็นแม่ดึง
“ไม่มีวันเลิกอยู่แล้ว” “ตอนนี้คุณก็พูดได้สิ คำตอบของเขามันไม่ใช่อุปสรรคนี่คะ” “เราไม่ควรมานั่งโกรธกันนะ ที่ฉันไปดูเพราะอยากรู้เผื่อมีสิ่งที่ต้องแก้ไข ทำขนาดนี้แล้วคงรู้ใช่ไหมว่าฉันรักมากแค่ไหน” มือหนาเลื่อนเข้ามาประคองแก้มนิ่ม ส่วนคนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ได้แต่ปัดมือนั้นออกห่างทันที “หนูอยากกลับแล้วค่ะ” “แต่ฉันยังมีอีกที่ที่อยากพาเธอไป” “จะพาหนูไปดูดวงที่สำนักไหนอีกหนูไม่อยากไปแล้ว หนูเหนื่อยมาก อยากนอน อยาก…” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน” คำตอบที่ดังแทรกขึ้นทั้งที่ซีดียังไม่ทันจบประโยคส่งผลให้เธอชะงัก ตากลมสวยกระพริบถี่ๆ ถึงมันจะตรงต่อใจแต่เธอก็ผิดหวังไปแล้วเช่นกัน“อะไรนะคะ” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน ไปรู้จักกับพ่อแม่ของฉันให้เป็นเรื่องเป็นราว” เสียงยืนยันกระตุ้นให้ซีดีลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก มือเรียวยกขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆ ถึงกับไปไม่เป็นเลย“พ่อแม่ของฉันมีลูกแค่คนเดียว เดี๋ยวพาเธอไปฝากเป็นลูกสาวอีกคนดีไหม” “ไม่ได้จะพาไปเพราะหนูกำลังโกรธคุณใช่ไหม”“ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้ว ถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านด้วยเลย” “แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ ต้องนั่งรถไกลไหม ต้องเตรียมตั
“นี่มันวิสัยของคนแก่มีเมียเด็กค่ะ” “แก่แล้วไง มีหัวใจเหมือนกัน” ซีดีคลี่ยิ้มตอบรับคนที่หาเรื่องเถียงแบบข้างๆ คูๆ “เอาเป็นว่าหนูตามใจคุณก็ได้ค่ะ ท้องตอนไหนก็ตอนนั้นโอเคนะคะ” อาชาเคาะปลายนิ้วกับหน้าขาของตัวเองอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด แว๊บหนึ่งที่อยู่ดีๆ หนึ่งเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประเดประดังเข้ามาในหัว เอาวะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา ไอ้อาชาสู้ตาย! “อิ่มมาก หนูบอกแล้วว่าขนมจีนร้านนี้อร่อยและได้เยอะมาก ไว้วันหลังเรามาทานกันอีกนะคะ” “สั่งห่อกลับบ้านขนาดนี้ฉันคิดว่าเธอจะอิ่มอีกหลายวันเลยนะ เพิ่งกินมาหมาดๆ ความอยากไม่หายเลย?” “แฮ่ๆ ของชอบนี่คะ” ซีดียิ้มกว้างอวดลักยิ้มเล็กๆ บนแก้ม ตาเป็นประกายเมื่อเห็นขนมจีนน้ำยาอีกชุดที่อยู่ในมือ “เธออยากไปที่ไหนต่อหรือเปล่า” “หนูไม่มีธุระที่ไหนต่อแล้วค่ะ คุณมีงานเหรอคะ” “ไม่เชิงกับว่ามีงาน เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ไปที่ไหนต่อฉันมีที่ที่หนึ่งที่อยากพาเธอไป” “ที่ไหนคะ” ตากลมสวยตวัดมองคนรักด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้คุยกันเรื่องทายาทสืบสกุล อย่าบอกนะว่าเขาจะพาเธอไปเจอคนที่บ้าน พ่อเขาแม่เขา ญาติพ