รถส่วนตัวของออสตินเลื่อนเข้ามาจอดที่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในช่วงบ่ายของวันใหม่
นิ้วยาวคลึงเข้าที่กลางหว่างคิ้ว พยายามขับไล่ความรู้สึกบางอย่างที่รบกวนเขามาตลอดทั้งวัน สุดท้ายมาเฟียหนุ่มก็ต้องตัดปัญหาทุกอย่างด้วยการสั่งให้ลูกน้องคนสนิทพามาหยุดที่หน้ามหา'ลัย หลังจากที่สะสางงานทุกอย่าง แม้จะไม่ได้เสร็จสิ้นแบบเต็มร้อยก็ตาม ครืด~ ครืด~ ความเงียบถูกทำลายเมื่อโทรศัพท์ของอาชามีสายเรียกเข้า ลูกน้องคนสนิทของมาเฟียล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับเพ่งดูรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ "...ครับ" อาชาปรายตาจดจ้องที่กระจกมองหลังขณะที่รับสายไมเคิล เป็นไปได้ว่าฝั่งนั้นคงโทรกลับหาเขาตามความต้องการของออสติน [ ผมอยากคุยกับคุณออสตินเรื่องฮันนี่ เจ้านายของคุณอยู่ตรงไหนหรือเปล่า ] แว๊บหนึ่งที่อาชาละโทรศัพท์ออกจากหู และหมุนตัวกลับไปรายงานสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการกับผู้เป็นนาย "คุณไมเคิลครับ อยากคุยเรื่องคุณฮันนี่" มาเฟียหนุ่มหมุนนาฬิกาข้อมือพลางกดสายตาเพื่อจับจ้องเวลา จากนั้นก็เลือกที่จะรับโทรศัพท์จากลูกน้องคนสนิทขึ้นมารับสาย "ฉันหวังว่าฉันจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ" [ เอ่อ...ฮันนี่ทำอะไรให้คุณออสตินไม่พอใจ หรือคุณออสติน...พอใจเธอเหรอครับ ] เจ้าของคลับเอ่ยถามด้วยน้ำหนักเสียงที่ไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก การที่ฮันนี่รับงานที่คลับของเขา แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเขาเองก็ได้รับผลประโยชน์ ไมเคิลค่อนข้างรู้อยู่บ้างว่าจริงๆ แล้วฮันนี่เป็นเด็กดี ที่เธอพยายามดิ้นรนหรือรับงานกลางคืนมันไม่ได้เป็นเพราะเธอใจแตก แต่เธอแค่พยายามดิ้นรนเพื่อให้การเป็นอยู่ของชีวิตดีขึ้นก็แค่นั้นเอง คนระดับออสตินเป็นตัวเลือกที่ไมเคิลค่อนข้างหลีกเลี่ยงได้ยาก หากคนที่ติดต่อเข้ามาถามถึงเรื่องเด็กในร้าน ยอมรับว่าเขาค่อนข้างรู้จุดประสงค์เป็นอย่างดี แต่ไมเคิลก็จำเป็นต้องออกตัว เพราะฮันนี่ไม่เคยเต็มใจหรือยินยอมที่จะให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้ามาบงการหรือวุ่นวายกับชีวิตเธอ หน้าตาระดับนั้น หากเธอหวังที่จะรวยทางลัด การหาคนที่เพียบพร้อมทั้งวัตถุและรูปร่างหน้าตาก็หาไม่ยาก เพียงแต่เธอไม่เคยทำแบบนั้นแค่นั้นเอง "ฉันมั่นใจว่าคนของฉันบอกสิ่งที่ฉันต้องการไปแล้ว" [ ครับ ฮันนี่คบอยู่กับคุณอาร์ต อัจฉรายุที่เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาฯ รายใหญ่ของภาคครับ ผมเคยได้ยินมาว่าสองคนนี้รู้จักกันเพราะเรียนมหา'ลัย เดียวกัน คุณอาร์ตเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ตามจีบฮันนี่อยู่พักใหญ่ๆ สุดท้ายฮันนี่ใจอ่อน สองคนนั้นคบหาเป็นแฟนกันมาปีกว่า ตอนนี้กำลังมีปัญหากันเพราะฝ่ายชายมีคนอื่นครับ ] "ยัยนั่นทำงานที่คลับเป็นประจำ?" [ เปล่าครับ จริงๆ ฮันนี่ไม่เคยรับงานที่คลับ และเหตุผลที่เธอยอมรับงานนี้เป็นเพราะเธอต้องการชดใช้หนี้ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรให้กับแฟนเก่า เพื่อที่จะได้ตัดขาดกันแค่นั้นครับ ] "เอาเป็นว่าถ้าคุณไมเคิลติดขัดหรือขาดเหลืออะไร ติดต่อมาที่อาชาได้ตลอดเวลา" มาเฟียหนุ่มตัดบทสนทนาอย่างเรียบง่าย คำพูดประโยคนี้เป็นคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนว่าสิ่งที่ได้จากปากของไมเคิลค่อนข้างมีประโยชน์มากทีเดียว ไม่เกลียดเธอแล้วเหรอ? อาชาตั้งคำถามเงียบๆ ในหัว ทว่ากลับพลั้งปากถามในสิ่งที่มากกว่านั้นออกไป "รอยเลือดบนเตียง เป็นคำตอบที่ชัดเจนใช่ไหมครับ" "มึงเห็น?" "ผมเห็น แต่มันคงดีกว่าการที่ผมหันไปมองเจ้าของรอยเลือดในตอนนั้น" อาชาตรงไปตรงมาเสมอ ตอนนั้นเจ้านายของเขาโป๊ ฝ่ายหญิงก็คงไม่ต่างกัน เขาเลยเลือกที่จะมองไปยังเตียง สายตาดันเห็นสิ่งนั้นพอดิบพอดี! "นายชอบเหรอครับ" "ยังไม่มีคำตอบชี้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้กับเมียเก่าซานย์เป็นคนละคนกัน" "แล้วถ้าผลสรุปออกมาว่าเป็นคนละคนกัน?" "ทำทุกวิถีทางให้ยัยนั่นยอมเป็นผู้หญิงของกู" "...ฮันนี่!" นักธุรกิจหนุ่มเดินเข้ามากระชากแขนเรียวทันทีที่พบว่าร่างบอบบางในชุดนักศึกษาเดินออกมาจากคณะ ประกายตาดุดันที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดอย่างดีส่งผลให้หัวใจของฮันนี่กระตุกวูบ "ปล่อย" "เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน" "ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย ปล่อยฉันนะ" ฝ่ามือใหญ่ตะปบที่ข้อมือเล็กแน่น ออกแรงกระชากเล็กน้อยร่างแบบบางก็ปลิวตามแรงดึง "ปล่อยนะพี่อาร์ต เราควรตกลงกันดีๆ พี่ปล่อยฮันนี่แล้วเลิกยุ่งกับฮันนี่ซะ" "เธอมีคนอื่นนอกจากพี่! เธอปล่อยให้ไอ้เวรนั้นกระทืบพี่ต่อหน้าต่อตา แน่ใจนะว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน" "ใครกันแน่ที่นอกใจกัน พอเถอะ ถ้าไม่ได้มีความซื่อสัตย์ก็ช่วยต่างคนต่างอยู่เถอะ เราเลิกกัน อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย" "พี่ไม่เลิก เมื่อวานพี่ฝากคำพูดไว้กับแม่ของเธอว่าให้เธอติดต่อกลับมา ที่พี่ไม่ยอมไล่เธอและแม่ออกจากที่นั่นเหมือนหมูเหมือนหมา เป็นเพราะว่าพี่ยังให้โอกาสเธอนะฮันนี่ แต่ถ้าเธอยังพยศและเลือกที่จะต่อต้านอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกัน" สายตาหลายต่อหลายคู่หันกลับมามองที่เธอด้วยความสนใจ เป็นอะไรที่โคตรโชคร้ายเมื่อโมจิดันไปเข้าห้องน้ำ ในสถานการณ์ที่เธอกำลังมีปัญหา แต่ก่อนที่อาร์ตจะลากเธอกลับไปที่รถส่วนตัวของเขาได้ ร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดสูทสีดำกลับเลือกที่จะปรากฏตัว "ฉันมารับเธอช้าเกินไปรึเปล่า" ทั้งอาร์ตและฮันนี่หันกลับไปมองที่ต้นเสียงในเวลาพร้อมกัน ประกายตาของอาร์ตดุดันขึ้น ขณะที่ฮันนี่ขาทั้งสองข้างแทบอ่อนแรง "มึง!" "เอามือสกปรกออกไปจากตัวของฮันนี่ซะ" "มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกูวะ แล้วที่กล้าปรากฏตัวแบบนี้ จะแสดงตัวว่าเป็นชู้กับเมียกูสินะ" "หยุดนะพี่อาร์ต พี่ไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้นะ" ความโกรธถาโถมเข้าใส่อย่างจัง เป็นอะไรที่ไม่ชอบเอาซะเลย เมื่อเธอต้องโดนแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น "ผิดคนหรือเปล่า คำว่าชู้..." "...ควรเป็นกูที่ใช้พูดกับมึง!" ประกายตาของอาร์ตแข็งกร้าว ในขณะที่บนมุมปากของมาเฟียหนุ่มปรากฏรอยยิ้มอย่างเย้ยหยัน "เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดให้เรียบร้อย กูจะพาฮันนี่ออกไปจากที่นี่ อย่าทำให้ผู้หญิงของกูต้องเสียหาย เข้าใจไหมอาชา" "ครับนาย" ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งที่ดวงหน้างดงาม วินาทีต่อมา ออสตินก็รั้งท่อนแขนเรียว แย่งคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมกอดของเขาทันที ------ 1 comment = 1 ล้านกำลังใจขอคนละ 1 comment เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะคะ@หนึ่งเดือนต่อมา “ยัยดี!” ทับทิมโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนสาวที่โดดเด่นตั้งแต่ตอนก้าวขาเข้ามาในร้านนั่งชิลที่ทับทิมเป็นคนนัดหมาย สายตาหลายต่อหลายคู่หันมามองที่ซีดีด้วยความสนใจ แม้สถานที่จะไม่ใช่ผับที่คนจะเยอะมาก แต่ด้วยความที่ร้านมีดีเรื่องอาหารอร่อย บรรยากาศได้ แม้จะเป็นแค่ร้านนั่งชิลคนก็เยอะไม่ต่างกัน “ไม่ได้เจอกันในรอบเดือน เพื่อนฉันสวยขึ้นมากจ้า” ทับทิมจีบปากจีบคอชมเพื่อน ถึงจะไม่ได้เจอกันแต่เธอกับซีดีพูดคุยกันตลอด รู้ข่าวคราวของเพื่อนรักตลอด รู้ว่าตอนนี้ซีดีมีรักที่ดี เป็นรักที่สวยงามที่ควรค่าแก่การรักษาเป็นที่สุดเลย “แกก็ว่าเกินไป ฉันก็เหมือนเดิมไหม” นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมไปทัดที่ใบหูเล็กก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนที่นั่งตรงข้ามกัน “ดื่มอะไรดี วันนี้ผัวแกมีงานนี่?” “อือ เห็นว่าสองสามวันนี้งานจะยุ่งหน่อย ทำงานให้เจ้านายน่ะ” “แล้วมาเที่ยวกับฉันนี่คือบอกผัวปะ?” “บอกว่ามากินข้าวกัน แล้วฉันก็จะสั่งข้าวจริงๆ” ซีดีหันไปโบกมือเรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ สั่งเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆ ทำคนที่ชวนเพื่อนเพราะความเหงามองตามตาเป็นประกาย“มาร้านนั่งชิลคือแกจะมาทานข้าว?”“อือ แกเอาด้วยไหมล่ะ”“
“เวลาแบบนี้คือมันต้องมืดมากแล้วนะคะ แต่ทำไมในความมืดมันถึงมีความสว่างอยู่ล่ะ” ซีดีกวาดสายตามองออกไปรอบๆ ตัวเองที่ถูกปกคลุมด้วยเสียงธรรมชาติ มีลมพัดเบาๆ ในขณะที่แสงจันทร์บนฟ้าทำหน้าที่ให้ความสว่างแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม “นานเหมือนกันที่ฉันไม่ได้อยู่กับบรรยากาศแบบนี้ อยู่ที่กรุงเทพนานเกินไป” “สรุปอยากกลับมาอยู่ที่นี่แบบจริงจังแล้วใช่ไหมคะ” “ก็อยากนะ อยากใช้เวลาชีวิตบ้าง อยากมีความรักมีความสุขแบบที่คนอื่นเขามี” “ไม่นึกเลยค่ะว่าจะเห็นคุณในมุมแบบนี้” แว๊บหนึ่งที่ซีดีลอบมองเสี้ยวใบหน้าคม แม้จะเห็นไม่ชัดมากแต่ตลอดเวลาที่คุยกันก็สัมผัสได้ถึงความสุขผ่านน้ำเสียงจริงๆ “ขอโทษนะ…” ตากลมสวยที่กวาดมองออกไปรอบๆ และจมูกเชิดรั้นที่สูดรับอากาศบริสุทธิ์หยุดชะงักก่อนจะตวัดสายตาไปหาอาชาทันที “ขอโทษเรื่องอะไรคะ” “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดหักห้ามใจตัวเอง พยายามที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ ไหนจะใช้คำพูดแบบไม่แคร์เธออีก ทุกอย่างมันก็เป็นเพราะฉันหากฉันไม่คิดและทำแบบนั้นเรื่องระหว่างเรามันอาจจะเดินเร็วกว่านี้ก็ได้” “แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เรายอมรับหัวใจตัวเองไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยการที่คุณทำแบบนั้น มันก็ทำ
“ให้ฉันได้ดูแลเธอนะ ซีดี” คนถูกขอน้ำตาคลอเบ้า ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เธอเข้าใจที่ฉันพูด รับรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการอธิบายใช่ไหม” คนที่เม้มริมฝีปากกดใบหน้ารับ ไม่กลัวแล้วไม่ว่าจะอุปสรรคหรือใครหน้าไหนที่เคยคิดร้ายกับเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นไม่มีเหลือ แค่มีเขาเธอก็รู้สึกปลอดภัย “พ่อกับแม่ไม่มีปัญหาและไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว ลูกชายมีความรับผิดชอบชาวบ้านเขาก็จะว่าพ่อแม่สอนมาดี แต่อย่าลืมสิ ว่าบ้านเรามันยังมีประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนะ” “ประเพณีเหรอครับ?” อาชาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ผู้เป็นแม่เองก็ชักสงสัยไม่ต่างกัน“ประเพณีอะไรเหรอพ่อ” “ก็ประเพณีที่ลูกสะใภ้ต้องบอกความรู้สึกและความในใจที่มีต่อลูกชายเราไง จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่แม่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านพ่อ แม่ก็เคยผ่านประเพณีนี้มาเหมือนกัน” หางคิ้วของอาชากระตุกตอบรับ ประเพนงประเพณีอะไรไม่เคยได้ยินทั้งนั้น แต่สถานการณ์มันกำลังบ่งบอกว่าพ่อกำลังช่วยลูกชัดๆ พ่อคงเห็นว่าลูกชายรักเขามาก รักจนพร้อมยกทุกอย่างให้เขานั่นแหละ ถึงยอมออกแรงช่วยขึ้นมา “แม่ ยังไม่แก่เท่าไหร่เลยมาทำเป็นหลงเป็นลืมดูทำเข้
“ครับ เมีย!” เสียงตอบรับที่ชัดถ้อยชัดคำส่งผลให้คนเป็นพ่อแม่หันมองหน้ากันแทบจะทันที เรื่องนี้มันอาจจะเป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ แต่มันแปลกตรงที่เด็กคนนี้พิเศษแบบไหนถึงทำให้ลูกชายของพวกเขาหลงรักได้ “อึ้งกันเลยเหรอครับ ลูกสะใภ้ของพ่อน่ารักไหมครับ” “เรื่องน่ารักมันก็น่ารัก แต่ไปรักกันตอนไหนก่อน”“ตอนไหนไม่สำคัญ แต่ตอนนี้รักกันแล้วโอเคไหมครับ” ไม่ว่าเปล่า อาชาตวัดแขนขึ้นโอบบ่าของคนตัวเล็กประกอบคำพูด ใบหน้าคมคายผุดรอยยิ้มจางๆ ถึงจะเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาแต่ว่าคนเป็นพ่อแม่ค่อนข้างถูกใจ “หน้าบ้านยุงเยอะ พ่อว่าเราเข้าบ้านกันดีไหม” “ไปๆ เข้าบ้านกันลูก” ผู้เป็นแม่ยิ้มหวานให้คนรักของบุตรชาย จากนั้นก็ปล่อยให้พวกผู้ชายลากกระเป๋าเข้าบ้าน คนเป็นแม่ทำหน้าที่จูงมือสะใภ้สาวเข้าบ้านพร้อมกัน “บ้านพ่อกับแม่เก่าหน่อยนะ เราอยู่กันแบบบ้านๆ ไม่ค่อยจะเหมือนคนกรุงเทพหรอก หนูอยู่ที่กรุงเทพใช่ไหมลูก” “ใช่ค่ะ” ซีดียิ้มรับก่อนจะกวาดสายตามองออกไปรอบๆ บ้าน ยอมรับว่าทุกมุมภายในบ้านแตกต่างจากคอนโดมิเนียมของอาชามาก แต่ทุกมุมบ้านกลับสะอาดสะอ้านเช่นกัน “นั่งก่อนลูก มุมนี้พ่อกับแม่ชอบใช้นั่งๆ นอนๆ ดูทีวีจ้ะ” คนเป็นแม่ดึง
“ไม่มีวันเลิกอยู่แล้ว” “ตอนนี้คุณก็พูดได้สิ คำตอบของเขามันไม่ใช่อุปสรรคนี่คะ” “เราไม่ควรมานั่งโกรธกันนะ ที่ฉันไปดูเพราะอยากรู้เผื่อมีสิ่งที่ต้องแก้ไข ทำขนาดนี้แล้วคงรู้ใช่ไหมว่าฉันรักมากแค่ไหน” มือหนาเลื่อนเข้ามาประคองแก้มนิ่ม ส่วนคนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ได้แต่ปัดมือนั้นออกห่างทันที “หนูอยากกลับแล้วค่ะ” “แต่ฉันยังมีอีกที่ที่อยากพาเธอไป” “จะพาหนูไปดูดวงที่สำนักไหนอีกหนูไม่อยากไปแล้ว หนูเหนื่อยมาก อยากนอน อยาก…” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน” คำตอบที่ดังแทรกขึ้นทั้งที่ซีดียังไม่ทันจบประโยคส่งผลให้เธอชะงัก ตากลมสวยกระพริบถี่ๆ ถึงมันจะตรงต่อใจแต่เธอก็ผิดหวังไปแล้วเช่นกัน“อะไรนะคะ” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน ไปรู้จักกับพ่อแม่ของฉันให้เป็นเรื่องเป็นราว” เสียงยืนยันกระตุ้นให้ซีดีลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก มือเรียวยกขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆ ถึงกับไปไม่เป็นเลย“พ่อแม่ของฉันมีลูกแค่คนเดียว เดี๋ยวพาเธอไปฝากเป็นลูกสาวอีกคนดีไหม” “ไม่ได้จะพาไปเพราะหนูกำลังโกรธคุณใช่ไหม”“ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้ว ถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านด้วยเลย” “แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ ต้องนั่งรถไกลไหม ต้องเตรียมตั
“นี่มันวิสัยของคนแก่มีเมียเด็กค่ะ” “แก่แล้วไง มีหัวใจเหมือนกัน” ซีดีคลี่ยิ้มตอบรับคนที่หาเรื่องเถียงแบบข้างๆ คูๆ “เอาเป็นว่าหนูตามใจคุณก็ได้ค่ะ ท้องตอนไหนก็ตอนนั้นโอเคนะคะ” อาชาเคาะปลายนิ้วกับหน้าขาของตัวเองอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด แว๊บหนึ่งที่อยู่ดีๆ หนึ่งเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประเดประดังเข้ามาในหัว เอาวะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา ไอ้อาชาสู้ตาย! “อิ่มมาก หนูบอกแล้วว่าขนมจีนร้านนี้อร่อยและได้เยอะมาก ไว้วันหลังเรามาทานกันอีกนะคะ” “สั่งห่อกลับบ้านขนาดนี้ฉันคิดว่าเธอจะอิ่มอีกหลายวันเลยนะ เพิ่งกินมาหมาดๆ ความอยากไม่หายเลย?” “แฮ่ๆ ของชอบนี่คะ” ซีดียิ้มกว้างอวดลักยิ้มเล็กๆ บนแก้ม ตาเป็นประกายเมื่อเห็นขนมจีนน้ำยาอีกชุดที่อยู่ในมือ “เธออยากไปที่ไหนต่อหรือเปล่า” “หนูไม่มีธุระที่ไหนต่อแล้วค่ะ คุณมีงานเหรอคะ” “ไม่เชิงกับว่ามีงาน เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ไปที่ไหนต่อฉันมีที่ที่หนึ่งที่อยากพาเธอไป” “ที่ไหนคะ” ตากลมสวยตวัดมองคนรักด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้คุยกันเรื่องทายาทสืบสกุล อย่าบอกนะว่าเขาจะพาเธอไปเจอคนที่บ้าน พ่อเขาแม่เขา ญาติพ