Masukหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว ด้วยความสงสัยเด็กน้อยเลยถามแม่ขึ้นในทันที
"ท่านแม่เจ้าคะ หอยนั่นมันกินได้นะเจ้าคะ" เธอชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่คนกำลังทิ้งหอยเชอร์รี่อยู่ป่าข้างบ้าน "นั่นมันหอยพิษลูก มันกัดข้าวชาวบ้าน" ลี่หลินเอ่ยบอกกับลูกสาว เมื่อเห็นว่าหอยพวกนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำร้ายนาข้าวเสียหายอย่างมาก ที่ตอนนี้แม้แต่ทางการก็ยังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้ "ท่านแม่ไม่เชื่อลูกหรือเจ้าคะ" ฮุ่ยเหมยกะพริบตาปริบๆ ที่มีน้ำตาคลอมองท่านแม่ เมื่อมองไปที่ดวงตากลมโตของเด็กน้อยแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ "มันกินได้จริงหรือ?" เสียงท่านพ่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย และทำสีหน้าหวาดกลัว เจ้าหอยพวกนี้ไม่นิยมนำมารับประทาน ไม่มีใครนำมากินเลยต่างหาก กลัวว่ามันจะกัดกินร่างกายของคนเราเหมือนต้นข้าว!! "จริงเจ้าค่ะ ข้าจะทำให้กิน" ฮุ่ยเหมยบอกด้วยความแน่วแน่ ท่าทางเอาจริงเอาจัง และยืนขึ้นกำหมัดน้อย ๆ "ข้าจะช่วยน้องทำเองขอรับ" หนิงหลงคิดในใจเชื่อว่า ‘น้องสาวต้องมีอาหารอร่อยๆ ให้ตนกินอีกแน่ ฮิ ฮิ ฮิ’ "ท่านแม่เชื่อลูกเถอะนะเจ้าคะ" เธอเขย่าแขนท่านแม่อย่างอ้อนวอน "นะนะๆ ท่านแม่" ลี่หลินทนลูกอ้อนของลูกสาวไม่ไหวก็ยอมตกลงในที่สุด "ตกลง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาแม่จะตีเจ้า" ฟอด ฟอด เด็กน้อยก็หอมแก้มของท่านแม่เป็นรางวัล หลังจากที่ขู่เสร็จท่านแม่และท่านพ่อก็นำสัตว์ป่าที่ล่ามาไว้เก็บเข้าไปในครัวเตรียมนำไปขายที่ตลาดวันพรุ่งนี้ และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของฮุ่ยเหมยนั่นก็คือกระต่ายตัวน้อย ที่ท่านพ่อล่ามาและขอเลี้ยงไว้ 2 ตัว ทั้งสามคนรวมถึง ลี่จูซึ่งยังไม่กลับบ้านตกลงร่วมงานกันทำ และเดินไปเก็บหอย 1 กระบุง มาต้มให้เดือด โดยแบ่งหน้าที่ให้หนิงหลงก่อไฟ นำน้ำใส่หม้อ ข้าและลี่จูนำหอยมาล้างให้สะอาด และต้มใส่หม้อไว้ ประมาณครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง) ยามเว่ย (คือ 13.00 – 14.59 น.) และแล้วฮุ่ยเหมยเริ่มง่วงด้วยวัย 3 หนาว ต้องนอนตอนกลางวัน จึงขอตัวไปนอนกับท่านแม่ที่ห้องโถง “พี่หนิงหลง พี่ลี่จู ข้าง่วงแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ” เด็กน้อยหาวนอน ตาใกล้จะปิดจึงเอ่ยขอตัวกับพี่สาว พี่ชาย และสั่งงานก่อนจะไปอีกด้วย “เมื่อหม้อเดือดแล้วก็ยกหม้อลง รอให้ร้อนแล้วค่อยจิ้มเนื้อหอยออกมา และที่สำคัญเอาตาที่หอยออกด้วยนะเจ้าคะ” “ตาหอยหรือ?” หนิงหลงกล่าว เขาไม่รู้เลยว่าอะไรคือตาหอยที่น้องสาวกล่าวเลยสักนิด “ใช่เจ้าค่ะ เมื่อท่านกินเข้าไปแล้วมันจะทำให้เมาเหมือนกินเห็ดเมาเลยนะ” ทั้งสองคนพยักหน้าเข้าใจ และนั่งเล่นด้วยกันสักพัก ลี่จูจึงขอตัวกลับบ้านด้วยกลัวครอบครัวเป็นห่วง ยามโหย่ว (คือ 17.00 – 18.59 น.) เมื่อเด็กน้อยตื่นขึ้นมาก็ใกล้จะค่ำแล้ว ด้วยความที่ไม่รู้ว่าตาหอยมันอยู่ส่วนไหน หนิงหลงจึงให้น้องสาวอธิบายให้เห็นภาพด้วยความเข้าใจ “เหมยเอ๋อร์ตาหอยมันอยู่ส่วนไหนหรือพี่ไม่กล้าทำกลัวมันผิด” ‘แหมกลัวผิดหรือกลัวหอยกันแน่ ดูสีหน้าแต่ละคนที่ทำหน้าหวาดกลัวยิ่งนัก หึ หึ หึ’ “ทุกท่านข้าจะทำให้ดู นะเจ้าคะ” เด็กน้อยก็ให้ท่านพ่อเหลาไม้เล็ก ๆ สำหรับจิ้มหอย และเอาตาหอยให้ทุกคนดูว่าอยู่ส่วนไหน และทุกคนก็ช่วยกันทำจนเสร็จ “ท่านพ่อ ข้าวานให้ท่านช่วยเหลาไม้ยาวๆ ประมาณ 1 ฉื่อ นะเจ้าคะ เอาสัก 10 อันเจ้าค่ะ” (ประมาณ 1 ฉื่อ เท่ากับ 10 นิ้ว) และหน้าที่ต่อไปให้ท่านแม่ ทำน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน และหนิงหลงคั่วข้าวคั่ว และฮุ่ยเหมยเป็นคนบอกวิธีการทำ “วิธีการทำปิ้งหอยนั้นง่ายมากเจ้าค่ะ นำหอยมาเสียบไม้และย่าง ประมาณ 1 เค่อก็เสร็จ” และเสร็จจากตรงนี้ ท่านพ่อเป็นคนทำ จากนั้นเธอก็วิ่งไปข้างนอกนำปิ้งหอยและน้ำจิ้มไปให้ลี่จูทันที “ขอบคุณนะเหมยเอ๋อร์” เมื่อได้รับมาแล้วลี่จูก็ลองชิมทันที อืมรสชาติแปลกใหม่ยิ่งนักและ ก็วิ่งกลับเข้าบ้านนำปิ้งหอยไปให้ท่านพ่อและท่านแม่ลองชิมทันที ทั้งสองก็บอกว่าอร่อยมาก และก็บอกวิธีการทำให้ท่านฟัง แล้วไม่คิดว่าเจ้าหอยพิษนี้สามารถนำมาทำอาหารได้ และรู้สึกว่าปัญหานาข้าวของตนเอง ตอนนี้มีทางออกแล้ว และทั้งสองท่านก็ยิ้มอย่างมีความสุข “เมนูต่อไปคือก้อยหอยเจ้าค่ะ” หลังจากที่ทุกคนได้กินปิ้งหอยแล้วก็พยักหน้ารอฟังเมนูต่อไปทันที ตอนนี้ทุกคนไม่มี แววตาที่หวาดกลัวต่อหอยอีกต่อไป และคนที่ทำเมนูนี้ก็คือท่านแม่ “ใส่หอยเชอร์รีที่ลวกแล้วลงในชามผสม ตามด้วยข้าวคั่ว พริกป่น น้ำมะนาว เกลือและแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่พริกแดงซอย ต้นหอมซอย ผักชีซอย ผักชีฝรั่งซอย และใบมะกรูดซอยลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จเจ้าค่ะ” เมื่อท่านแม่ทำเสร็จแล้ว ก็ยกมากินที่ห้องโถง อาหารวันนี้มี ข้าวต้มที่ท่านแม่ทำไว้ตอนฮุ่ยเหมยนอนหลับ ผัดผัก ส้มตำใส่หอย ปิ้งหอย และก็ก้อยหอย เมนูหอยเกือบทั้งหมด ทุกคนไม่คิดว่าหอยจะนำมาทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ ต่อไปชาวนาคงไม่กังวลเรื่องหอยเชอร์รี่อีกต่อไปหลังจากรักษาอาการของเยว่เทียนเสร็จแล้ว ฟางหรงก็ทำแผลที่โดนทำร้ายจากการต่อสู้ซึ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อพบว่าเยว่เทียนปลอดภัย จึงออกมาจัดการกับโจรที่ปล้นร้านวันนี้เยว่ฉีอยู่ดูแลพี่ชายที่โรงหมอ เมื่อเดินออกมาจากโรงหมอก็พบกับท่านมือปราบล้มลงนอนอยู่ที่พื้นอาการบาดเจ็บสาหัสและตัวหัวหน้าโจรก็หายไปแล้ว ฟางหรงจึงเข้าไปสอบถามท่านมือปราบว่า“นี่ท่านมือปราบไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”“มีคนมาช่วยมันหนีไปแล้ว แค่ก ๆ”ท่านมือปราบกระอักเลือดออกมาคำโต ที่ตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเหวะหวะจากการต่อสู้ เมื่อฟางหรงพบว่าบาดเจ็บสาหัสจึงเอ่ยขึ้น“งั้นข้าจะพาท่านไปรักษาก่อนนะขอรับ”ฟางหรงก็ช่วยพยุงท่านมือปราบไปที่โรงหมอที่กลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงโรงหมอฟางหรงก็พยุงท่านมือปราบนั่งลงที่เตียง และท่านหมอก็มาทำแผลให้ จากนั้นก็สอบถามได้ความว่ามีคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นพวกโจรทมิฬ มาช่วยมันหนีไปวรยุทธ์ล้ำเลิศยิ่งนักตอนนี้คนของทางการเข้ามาเก็บกวาดศพและมาสอบปากคำครอบครัวหลิน ท่านพ่อจึงเป็นคนไปให้ปากคำที่ศาลกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นว่าลูก ๆ และภรรยายังขวัญเสียอยู่ลี่หลินจึงพาลูก ๆ ไปนอนเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเ
เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันอาบน้ำเข้านอน ฮุ่ยเหมยกับครอบครัวนอนห้องทำงาน ที่เป็นห้องเก็บบัญชีซื้อขายและเก็บเงินที่ขายได้ไว้ในลิ้นชัก สองพี่น้องฝาแฝดนอนห้องอาหารกลางดึกที่เงียบสงัดก็มีเสียงเปิดหน้าต่างและเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาประมาณ 10 คนแอ๊ด~ตึก ตึก ตึก"พวกเจ้าไปค้นที่โต๊ะนั่นดูสิ""ขอรับ"เมื่อหัวหน้าสั่งเสร็จแล้วพวกโจรก็รีบไปรื้อค้นที่โต๊ะรับออเดอร์ อีกกลุ่มก็เดินขึ้นไปชั้นสอง"หัวหน้าไม่เจออะไรเลยขอรับ"สมุนโจรเมื่อค้นหาภายในเหลาอาหารแห่งนี้แล้วไม่พบสิ่งมีค่าอะไรจึงรีบรายงานกับหัวหน้าของตน"งั้นหรือ แล้วมันจะเก็บไว้ที่ใด""ข้าว่าเราลองค้นห้องทุกห้อง""อืม งั้นพวกเจ้าไปค้นหาทุกห้อง" หัวหน้าโจรสั่งการและคิดว่า 'พวกมันเอาเงินไปไว้ที่ใดกัน' และเดินไปค้นทีละห้องปัง~ เสียงเปิดประตูห้องอาหารพิเศษห้องแล้วห้องเล่าก็ยังไม่พบเจอเพียงห้องที่ว่างเปล่า จนเดินไปสุดทางเดินพบว่ามีสองห้องที่ ล็อกประตูเอาไว้"หัวหน้าสองห้องนี้ล็อกจากข้างในขอรับ""หึ หึ พวกมันไม่กลับบ้านสินะ พวกเจ้าพังประตูเข้าไปเลย"ปังงงง!! แอ๊ดเสียงเปิดประตูอย่างแรงทำให้เยว่ฉีค่อยๆ ลืมตาขึ้น ท่ามกลางคว
ยามเซิน (คือ 15.00 - 16.59 น.) ยามนี้ลูกค้าจะไม่เยอะเหมือนยามอู๋หรือตอนเที่ยงทำให้ฮุ่ยเหมยกับลี่จูมีเวลาพักเหนื่อยและปล่อยให้เป็นหน้าที่พนักงานทำต่อไป"เหนื่อยมากเลยฮุ่ยเหมย""ข้าก็ไม่ต่างกัน"เด็กน้อยทั้งสองต่างเมื่อยล้าโดยเฉพาะที่บ่าและหลังที่ปวด กว่าจะล้างมือให้ยางกล้วยออกก็ต้องใช้เวลาไปมากเลยทีเดียวทั้งสองคนจึงเดินมาที่โต๊ะรับออร์เดอร์ที่ท่านพ่อกับลุงหานยังคงทำงานไม่หยุดพัก แม้ว่าตอนนี้จะเลยยามอู๋แล้วก็ยังคงมีคนมาซื้ออาหารอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะกล้วยปิ้งกับกากหมูและปิ้งหอยที่ขายราคาถูก ทำให้มีลูกค้ายืนต่อแถวยาวเหยียด"ท่านพ่อข้ายังไม่เห็นท่านพักกินข้าวเลยเจ้าค่ะ"เสียงฮุ่ยเหมยเอ่ยขึ้นเมื่อยังไม่เห็นท่านพ่อพักทานข้าวเลย"ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ" ลี่จูเอ่ยขึ้นบอกท่านพ่อของตนเช่นกัน"ตอนนี้ยังมีลูกค้าอยู่เลยลูก" ฟางหรงเอ่ยตอบลูกสาว"งั้นให้พวกข้ารับรายการจากลูกค้าเองเจ้าค่ะ" ฮุ่ยเหมยอาสาที่จะทำงานแทนท่านพ่อ"ลูกจะทำได้หรือเหมยเอ๋อร์ ลูกยังเขียนหนังสือไม่ได้เลย""นั่นสิเหมยเอ๋อร์" หนิงหลงเอ่ยขึ้น"งั้นแบ่งกันไปพักทีละคนเถอะเจ้าค่ะ""อืม งั้นเจ้าไปก่อนเถอะฟางหรง ข้าจะอยู่กับเด็ก ๆ เอง"ลุงหาน
ทุกคนต่างช่วยกันขนกล้วยกลับเหลาอาหารจนเต็มสองมือ เมื่อมาถึงที่ร้านก็ยามซื่อ (คือ 09.00 - 10.59 น.) กำหนดเวลาเริ่มทำงานของพนักงานในร้านต่างเริ่มปัดกวาดเช็ดถูพื้น โต๊ะ เก้าอี้ และแม่ครัวก็รีบทำตามออร์เดอร์ที่ได้รับมาจากยอดสั่งจองเมื่อวานนี้ ฟางหรงเมื่อเห็นเด็ก ๆ มากันแล้วและยังถือกล้วยมาอีก"ได้กล้วยมาเยอะแยะพวกเจ้าจะเอาไปทำอะไรกัน?""ท่านพ่อ เหมยเอ๋อร์บอกว่าจะทำอาหารแบบใหม่ให้กินขอรับ""ใช่เจ้าค่ะ ข้าจะดูว่าฮุ่ยเหมยจะเอากล้วยดิบมาทำอะไร"ลี่จูกล่าวกับฟางหรง ทำให้ทุกคนในร้านก็อยากรู้เหมือนกัน"งั้นพวกเรามาช่วยกันทำกันเถอะเจ้าค่ะ"ฮุ่ยเหมยเอ่ยบอกกับทุกคนและบอกให้ทุกคนปอกเปลือกกล้วยทั้งดิบและสุกไว้ใส่จาน จากนั้นทุกคนก็เริ่มช่วยกันทำจนปอกเปลือกเสร็จแล้ว ฮุ่ยเหมยจึงบอกขั้นตอนต่อไปทันที"จากนั้นผ่าครึ่งกล้วยดิบและนำไปปิ้งจนสุกได้ที่ก็กินได้แล้วเจ้าค่ะ""อืม เดี๋ยวพี่จะไปปิ้งให้""คุณชายเดี๋ยวข้าช่วยท่านปิ้งเองขอรับ"เย่วเทียนที่ทำความสะอาดร้านเสร็จก็อาสาช่วยอีกแรง"รายการต่อไปคือแกงกล้วยดิบใส่เนื้อเจ้าค่ะ"เมื่อเด็กน้อยเอ่ยขึ้นทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า'หืม มันนำไปแกงได้ด้วยหรือเนี่ย'
ยามเซิน (15.00-16.59 น.) ในตอนนี้ในร้านยังคงมีลูกค้าที่นั่งทานอยู่เต็มร้าน แต่เนื่องจากตอนนี้วัตถุดิบในการทำอาหารหมดแล้ว มีมะละกอ หอยเชอร์รี่และกุ้งฝอย ที่เริ่มหมดและให้พี่เย่วเทียนไปเก็บจากในป่าท้ายตลาดที่ชาวบ้านสามารถเก็บของมาขายได้และนำมากินได้ดังนั้นจึงต้องให้ลูกค้ารอหรือบางคนก็เลือกทานเมนูอื่นแทน ท่านพ่อที่ช่วยกันรับออร์เดอร์กับลุงหานเมื่อเห็นว่าใกล้ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ที่กำหนดเป็นเวลาปิดร้านจึงตกลงกับลุงหานว่าจะหยุดรับออร์เดอร์สำหรับวันนี้"ข้าคิดว่าจะหยุดรับรายการอาหารวันนี้ไว้ก่อน นี่ใกล้ยามโหย่วแล้ว""อืมได้ ข้าจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ"ลุงหานเอ่ยตอบตกลงจึงให้ลูกค้าที่มาสั่งอาหารทีหลังสั่งจองไว้กินวันพรุ่งนี้ ลูกค้าก็เข้าใจจึงตกลงสั่งจองไว้พรุ่งนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าสามารถสั่งจองได้จึงรีบต่อแถวสั่งจองอาหารไว้แต่ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่ายอดสั่งจองจะมากถึง 45 คิวและแต่ละคนสั่งกัน 8-9 อย่าง ท่านพ่อจึงคิดว่าวัตถุดิบที่นำมาขายในวันพรุ่งนี้ต้องหาให้ได้มากที่สุด"พี่หานข้าวานท่านไปรับซื้อ ปลา หอย ปู กุ้ง จากชาวบ้านในหมู่บ้านให้ด้วยนะ""ได้สิ""ขอบคุณท่านมาก นี่เงิน 500 อีแปะข้าให้ไว้เผ
เมื่อเปิดร้านเสร็จทุกคนก็เริ่มไปประจำที่ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากท่านนายอำเภอแล้วก็มีลูกค้าเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้นตอนนี้ทุกคนล้วนว่างงานโดยเฉพาะไม่ใช่พนักงานที่บริการห้องพิเศษฮุ่ยเหมยอยู่กับท่านแม่ที่โต๊ะรับออร์เดอร์ชั้นสองที่บริการลูกค้าห้องพิเศษ ที่ตอนนี้มีเพียงหนึ่งห้อง เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จก็เหมือนจะไม่มีงานทำ"ท่านแม่ข้าขอไปข้างล่างนะเจ้าค่ะ" เด็กน้อยนั่งเล่นกับท่านแม่ก็รู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดว่าจะไปเรียกลูกค้าให้ท่านแม่เยอะ ๆ ดีกว่า"ได้ ไปเล่นกับพี่ชายเจ้ากับลี่จูอย่าซนกันนักละ""เจ้าค่ะ"ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยเดินลงมาข้างล่างมันเงียบมากจนได้ยินเสียง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นที่ได้ขายไป 7 วันจะขายดีมากแต่เหมือนว่าจะบอกลูกค้าว่ามาขายที่นี่แต่บางทีผู้คนอาจจะไม่รู้จักมากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายค่าแรง ค่าเช่าโรงเตี๊ยมแน่ ๆ“อ้าว เหมยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยู่กับท่านแม่หรือไง?” เสียงหนิงหลงเอ่ยขึ้นถามขณะที่กำลังนั่งหยิบหอยเชอร์รี่เสียบไม้“ข้าจะมาเรียกลูกค้าเข้าร้านนะสิ”ฮุ่ยเหมยเอ่ยตอบและเห็นว่าพี่ชายกับลี่จูช่วยกันเสียบหอยกันอยู่ จึงคิดว่าพวกเขาจะทำปิ







