Share

ปิ้งหอย

last update Last Updated: 2025-07-24 10:56:39

หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว ด้วยความสงสัยเด็กน้อยเลยถามแม่ขึ้นในทันที

"ท่านแม่เจ้าคะ หอยนั่นมันกินได้นะเจ้าคะ"

เธอชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่คนกำลังทิ้งหอยเชอร์รี่อยู่ป่าข้างบ้าน

"นั่นมันหอยพิษลูก มันกัดข้าวชาวบ้าน"

ลี่หลินเอ่ยบอกกับลูกสาว เมื่อเห็นว่าหอยพวกนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำร้ายนาข้าวเสียหายอย่างมาก ที่ตอนนี้แม้แต่ทางการก็ยังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้

"ท่านแม่ไม่เชื่อลูกหรือเจ้าคะ"

ฮุ่ยเหมยกะพริบตาปริบๆ ที่มีน้ำตาคลอมองท่านแม่ เมื่อมองไปที่ดวงตากลมโตของเด็กน้อยแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้

"มันกินได้จริงหรือ?"

เสียงท่านพ่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย และทำสีหน้าหวาดกลัว เจ้าหอยพวกนี้ไม่นิยมนำมารับประทาน ไม่มีใครนำมากินเลยต่างหาก กลัวว่ามันจะกัดกินร่างกายของคนเราเหมือนต้นข้าว!!

"จริงเจ้าค่ะ ข้าจะทำให้กิน"

ฮุ่ยเหมยบอกด้วยความแน่วแน่ ท่าทางเอาจริงเอาจัง และยืนขึ้นกำหมัดน้อย ๆ

"ข้าจะช่วยน้องทำเองขอรับ"

หนิงหลงคิดในใจเชื่อว่า ‘น้องสาวต้องมีอาหารอร่อยๆ ให้ตนกินอีกแน่ ฮิ ฮิ ฮิ’

"ท่านแม่เชื่อลูกเถอะนะเจ้าคะ" เธอเขย่าแขนท่านแม่อย่างอ้อนวอน

"นะนะๆ ท่านแม่"

ลี่หลินทนลูกอ้อนของลูกสาวไม่ไหวก็ยอมตกลงในที่สุด

"ตกลง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาแม่จะตีเจ้า"

ฟอด ฟอด เด็กน้อยก็หอมแก้มของท่านแม่เป็นรางวัล

หลังจากที่ขู่เสร็จท่านแม่และท่านพ่อก็นำสัตว์ป่าที่ล่ามาไว้เก็บเข้าไปในครัวเตรียมนำไปขายที่ตลาดวันพรุ่งนี้ และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของฮุ่ยเหมยนั่นก็คือกระต่ายตัวน้อย ที่ท่านพ่อล่ามาและขอเลี้ยงไว้ 2 ตัว

ทั้งสามคนรวมถึง ลี่จูซึ่งยังไม่กลับบ้านตกลงร่วมงานกันทำ และเดินไปเก็บหอย 1 กระบุง มาต้มให้เดือด โดยแบ่งหน้าที่ให้หนิงหลงก่อไฟ นำน้ำใส่หม้อ ข้าและลี่จูนำหอยมาล้างให้สะอาด และต้มใส่หม้อไว้ ประมาณครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง)

ยามเว่ย (คือ 13.00 – 14.59 น.) และแล้วฮุ่ยเหมยเริ่มง่วงด้วยวัย 3 หนาว ต้องนอนตอนกลางวัน จึงขอตัวไปนอนกับท่านแม่ที่ห้องโถง

“พี่หนิงหลง พี่ลี่จู ข้าง่วงแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ”

เด็กน้อยหาวนอน ตาใกล้จะปิดจึงเอ่ยขอตัวกับพี่สาว พี่ชาย และสั่งงานก่อนจะไปอีกด้วย

“เมื่อหม้อเดือดแล้วก็ยกหม้อลง รอให้ร้อนแล้วค่อยจิ้มเนื้อหอยออกมา และที่สำคัญเอาตาที่หอยออกด้วยนะเจ้าคะ”

“ตาหอยหรือ?” หนิงหลงกล่าว เขาไม่รู้เลยว่าอะไรคือตาหอยที่น้องสาวกล่าวเลยสักนิด

“ใช่เจ้าค่ะ เมื่อท่านกินเข้าไปแล้วมันจะทำให้เมาเหมือนกินเห็ดเมาเลยนะ”

ทั้งสองคนพยักหน้าเข้าใจ และนั่งเล่นด้วยกันสักพัก ลี่จูจึงขอตัวกลับบ้านด้วยกลัวครอบครัวเป็นห่วง

ยามโหย่ว (คือ 17.00 – 18.59 น.) เมื่อเด็กน้อยตื่นขึ้นมาก็ใกล้จะค่ำแล้ว ด้วยความที่ไม่รู้ว่าตาหอยมันอยู่ส่วนไหน หนิงหลงจึงให้น้องสาวอธิบายให้เห็นภาพด้วยความเข้าใจ

“เหมยเอ๋อร์ตาหอยมันอยู่ส่วนไหนหรือพี่ไม่กล้าทำกลัวมันผิด”

‘แหมกลัวผิดหรือกลัวหอยกันแน่ ดูสีหน้าแต่ละคนที่ทำหน้าหวาดกลัวยิ่งนัก หึ หึ หึ’

“ทุกท่านข้าจะทำให้ดู นะเจ้าคะ”

เด็กน้อยก็ให้ท่านพ่อเหลาไม้เล็ก ๆ สำหรับจิ้มหอย และเอาตาหอยให้ทุกคนดูว่าอยู่ส่วนไหน และทุกคนก็ช่วยกันทำจนเสร็จ

“ท่านพ่อ ข้าวานให้ท่านช่วยเหลาไม้ยาวๆ ประมาณ 1 ฉื่อ นะเจ้าคะ เอาสัก 10 อันเจ้าค่ะ”

(ประมาณ 1 ฉื่อ เท่ากับ 10 นิ้ว)

และหน้าที่ต่อไปให้ท่านแม่ ทำน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน และหนิงหลงคั่วข้าวคั่ว และฮุ่ยเหมยเป็นคนบอกวิธีการทำ

“วิธีการทำปิ้งหอยนั้นง่ายมากเจ้าค่ะ นำหอยมาเสียบไม้และย่าง ประมาณ 1 เค่อก็เสร็จ”

และเสร็จจากตรงนี้ ท่านพ่อเป็นคนทำ จากนั้นเธอก็วิ่งไปข้างนอกนำปิ้งหอยและน้ำจิ้มไปให้ลี่จูทันที

“ขอบคุณนะเหมยเอ๋อร์”

เมื่อได้รับมาแล้วลี่จูก็ลองชิมทันที อืมรสชาติแปลกใหม่ยิ่งนักและ ก็วิ่งกลับเข้าบ้านนำปิ้งหอยไปให้ท่านพ่อและท่านแม่ลองชิมทันที ทั้งสองก็บอกว่าอร่อยมาก

และก็บอกวิธีการทำให้ท่านฟัง แล้วไม่คิดว่าเจ้าหอยพิษนี้สามารถนำมาทำอาหารได้ และรู้สึกว่าปัญหานาข้าวของตนเอง ตอนนี้มีทางออกแล้ว และทั้งสองท่านก็ยิ้มอย่างมีความสุข

“เมนูต่อไปคือก้อยหอยเจ้าค่ะ”

หลังจากที่ทุกคนได้กินปิ้งหอยแล้วก็พยักหน้ารอฟังเมนูต่อไปทันที ตอนนี้ทุกคนไม่มี แววตาที่หวาดกลัวต่อหอยอีกต่อไป และคนที่ทำเมนูนี้ก็คือท่านแม่

“ใส่หอยเชอร์รีที่ลวกแล้วลงในชามผสม ตามด้วยข้าวคั่ว พริกป่น น้ำมะนาว เกลือและแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน

ใส่พริกแดงซอย ต้นหอมซอย ผักชีซอย ผักชีฝรั่งซอย และใบมะกรูดซอยลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จเจ้าค่ะ”

เมื่อท่านแม่ทำเสร็จแล้ว ก็ยกมากินที่ห้องโถง อาหารวันนี้มี ข้าวต้มที่ท่านแม่ทำไว้ตอนฮุ่ยเหมยนอนหลับ ผัดผัก ส้มตำใส่หอย ปิ้งหอย และก็ก้อยหอย เมนูหอยเกือบทั้งหมด ทุกคนไม่คิดว่าหอยจะนำมาทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ ต่อไปชาวนาคงไม่กังวลเรื่องหอยเชอร์รี่อีกต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เปิดร้านวันแรก

    เมื่อเปิดร้านเสร็จทุกคนก็เริ่มไปประจำที่ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากท่านนายอำเภอแล้วก็มีลูกค้าเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้นตอนนี้ทุกคนล้วนว่างงานโดยเฉพาะไม่ใช่พนักงานที่บริการห้องพิเศษฮุ่ยเหมยอยู่กับท่านแม่ที่โต๊ะรับออร์เดอร์ชั้นสองที่บริการลูกค้าห้องพิเศษ ที่ตอนนี้มีเพียงหนึ่งห้อง เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จก็เหมือนจะไม่มีงานทำ"ท่านแม่ข้าขอไปข้างล่างนะเจ้าค่ะ" เด็กน้อยนั่งเล่นกับท่านแม่ก็รู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดว่าจะไปเรียกลูกค้าให้ท่านแม่เยอะ ๆ ดีกว่า"ได้ ไปเล่นกับพี่ชายเจ้ากับลี่จูอย่าซนกันนักละ""เจ้าค่ะ"ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยเดินลงมาข้างล่างมันเงียบมากจนได้ยินเสียง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นที่ได้ขายไป 7 วันจะขายดีมากแต่เหมือนว่าจะบอกลูกค้าว่ามาขายที่นี่แต่บางทีผู้คนอาจจะไม่รู้จักมากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายค่าแรง ค่าเช่าโรงเตี๊ยมแน่ ๆ“อ้าว เหมยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยู่กับท่านแม่หรือไง?” เสียงหนิงหลงเอ่ยขึ้นถามขณะที่กำลังนั่งหยิบหอยเชอร์รี่เสียบไม้“ข้าจะมาเรียกลูกค้าเข้าร้านนะสิ”ฮุ่ยเหมยเอ่ยตอบและเห็นว่าพี่ชายกับลี่จูช่วยกันเสียบหอยกันอยู่ จึงคิดว่าพวกเขาจะทำปิ

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เปิดร้านอาหาร

    เมื่อฟางหรงแนะนำอาหารและพูดคุยกับท่านลุงนายอำเภอและท่านหลงจู๊ได้สักพักก็ขอตัวออกมาทานข้าวกับครอบครัวอีกห้องหนึ่ง และแนะนำน้ำอ้อยกับชามะนาวให้กับทั้งสามท่านก่อนมารับอาหารเที่ยงกับครอบครัว"อ้อ ข้าขอแนะนำน้ำอ้อยกับชามะนาวให้แก่ท่านทั้งสามด้วยนะขอรับ""อืม อันนี้รสชาติหวานมาก นี่มีรสเปรี้ยวหวาน อืมชุ่มคอแปลกใหม่น้ำทั้งสองอย่างนี้ อร่อยรสชาติดีทีเดียว" เสียงท่านลุงอู๋เจ๋อเอ่ยขึ้นเมื่อลองชิมครั้งแรก"อืม โอ้ ข้าไม่เคยกินน้ำอะไรอร่อยเช่นนี้มาก่อน"ท่านหลงจู๊เอยชิมครั้งแรกและอุทานขึ้นมาด้วยสายตาเป็นประกายและเอ่ยถามขึ้นว่า"น้ำชามะนาวกับน้ำอ้อยนี่ท่านนำมาขายด้วยหรือไม่""ข้านำมาให้ลูกค้าดื่มเฉพาะในร้านเท่านั้นขอรับ""อ้อ ดี ๆ ข้าจะมาซื้ออาหารทุกวันเลย""ขอบพระคุณทุกท่านมากขอรับ งั้นข้าขอตัวก่อนเชิญทุกท่านกินให้เต็มที่ขอรับ""ได้ ๆ เชิญ ๆ"ฟางหรงก็เดินมารับประทานอาหารกับครอบครัว ฮุ่ยเหมยจึงรีบแนะนำ ส้มตำปูปลาร้า ที่ยังไม่เคยใส่ปูดองให้ท่านพ่อชิม"ท่านพ่อลองทานส้มตำปูปลาร้าดูเจ้าค่ะ""รสชาติอร่อยมากเหมยเอ๋อร์"แล้วทุกคนก็เริ่มทานอาหารกัน ทุกคนที่ได้ชิมล้วนชื่นชอบส้มตำปูปลาร้ากันมาก พนักงานที่จ้

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เตรียมตัวเปิดร้านอาหาร

    ฮุ่ยเหมยนั่งเล่นอยู่ดี ๆ รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาไต่ที่ขาของตน พอมองไปก็พบว่าเป็นปูนา 'เฮ้ยยุคนี้มีปูนาด้วย' เมื่อพบเข้ากับปูนาหลายตัวก็คิดเมนูอาหารที่จะกินเย็นนี้ ปูนาสามารถนำมาดองใส่ส้มตำได้และใส่ยำมะม่วงได้ ใช่เลยนี้มันของอร่อยเลยล่ะ "ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ามีของอร่อยมานำเสนอเจ้าค่ะ" เมื่อท่านพ่อรู้ว่ามีของอร่อยมาให้กินก็รีบเดินมาหาลูกสาวอย่างรวดเร็ว "อะไรหรือเหมยเอ๋อร์?" ท่านพ่อเอ่ยขึ้นด้วยตาเป็นประกายที่ตนจะได้กินของอร่อย และเด็กน้อยก็หยิบปูให้พ่อของตนดู "นี่เจ้าค่ะ ปูนา" "นี่ นี่ นี่!!! ตัวประหลาดเช่นนี้มันกินได้รึ" เมื่อท่านพ่อได้เห็นก็ถึงกับผงะไปเลยทีเดียว เมื่อตั้งสติได้ท่านพ่อก็เอ่ยถามลูกสาวใหม่เพื่อความแน่ใจ "เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ เหมยเอ๋อร์!!!" "มันกินได้และนำไปใส่ส้มตำอร่อยมากเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินว่านำไปใส่ส้มตำได้ท่านพ่อก็ยอมตกลงที่จะจับมาให้ลูกสาว เมื่อได้ยินเสียงท่านพ่อร้องตกใจทุกคนจึงเดินมารวมตัวกันที่นี่ "มีอะไรกันท่านพ่อ" หนิงหลงเป็นคนเอ่ยถามขึ้น "เหมยเอ๋อร์นะสิ บอกว่าเจ้านี่มันกินได้" "จริงหรือเหมยเอ๋อร์" "ใช่เจ้าค่ะ มันนำไปทำอาหารได้ ใส่ส้มตำอร่อยมากด้วยนะ

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   เหลาอาหารฮว๋าฮง

    เมื่อตกลงว่าจะเช่าที่ข้างโรงหมอแล้ว และเขียนสัญญากันเรียบร้อย ทุกคนจึงเดินตลาดหาซื้อของเข้าร้าน ฮุ่ยเหมยกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรดี มีข้าวเหนียว เสื้อผ้าใหม่ตัดให้พนักงาน มีผ้ากันเปื้อน ผ้าโพกผม และกระดาษสำหรับจดรายการอาหาร และต้องจ้างคนอีกหลายคน"ท่านพ่อท่านแม่ซื้อของไปเก็บไว้ที่โรงเตี๊ยมก่อนไหมเจ้าคะ จะได้ไม่ต้องขนมาจากบ้านอีกทีเจ้าค่ะ""อืมเป็นความคิดที่ดี เหมยเอ๋อร์ลูกพ่อ ช่างคิดรอบคอบจริง ๆ"ท่านพ่อมองลูกสาวตัวน้อยของตนที่มีความคิดที่โตกว่าอายุมาก และลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูและทั้ง 6 คนก็เดินหาซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ ท่านพ่อเป็นคนจูงลูกสาว ท่านแม่จูงพี่ชายเพราะคนค่อนข้างเยอะ กลัวลูกน้อยของตนจะพลัดหลงกัน ท่านพ่อคิดว่าอย่างแรกที่จำเป็นคือข้าวเหนียว ที่ทุกคนเริ่มชื่นชอบที่จะกินข้าวเหนียว จึงเดินไปยังร้านขายข้าวสารทันที"สวัสดีนายท่านต้องการซื้อข้าวสารแบบใดเชิญแจ้งมาเลยขอรับ" พนักงานในร้านเข้ามาต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้นและแนะนำข้าวสารให้แก่ลูกค้าด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว"เอาข้าวเหนียว 20 ชั่ง ข้าวสารธรรมดา 20 ชั่ง"ท่านพ่อเอ่ยสั่งข้าวสารกับพนักงานและนับเงินจ่ายให้กับหลงจู๊ และบอกว่าให

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   ความวุ่นวาย

    หลังจากครอบครัวหลินทำการค้าขายไปแล้ว 7 วัน วันนี้ครอบครัวขอปิดร้าน 2 วัน พบปัญหาว่าจำนวนลูกค้ามากขึ้นทุกวันจึงตัดสินใจไปหาโรงเตี๊ยมที่เปิดให้เช่า ความจริงซื้อเป็นของตัวเองจะดีกว่า เนื่องจากตอนนี้เงินที่หามายังไม่เพียงพอที่จะซื้อโรงเตี๊ยมได้ยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.) ฮุ่ยเหมยและครอบครัวเข้าเมืองไปหาเช่าโรงเตี๊ยม โดยนั่งเกวียนลุงหานเข้าเมืองเช่นเดิม เมื่อมาถึงตลาดในเมืองผู้คนต่างก็พากันมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันเนืองแน่นเช่นเคย"ท่านแม่ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ ข้าอยากกินบะหมี่ร้านนั้นเจ้าค่ะ"เสียงฮุ่ยเหมยเอ่ยขึ้นและชี้ไปที่ร้านของบะหมี่ที่อยู่ข้างทาง คนในร้านแน่นมาก น่าจะอร่อยเพราะคนเข้าร้านเยอะ เมื่อได้ยินเสียงเด็กน้อยเอ่ยขึ้นจึงตัดสินใจเดินตรงไปร้านบะหมี่ทันที"เถ้าแก่ข้าเอาบะหมี่ 4 ชามขอรับ" ท่านพ่อเอ่ยสั่งกับเถ้าแก่ร้านขายบะหมี่"เชิญนั่ง ๆ รอสักครู่นะขอรับ"เสียงเด็กชายวัย 8 หนาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกค้าทั้งสี่เดินเข้าร้านของตน น่าจะเป็นลูกชายของเถ้าแก่เจ้าของร้านเพราะหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเขากำลังนำบะหมี่ในร้านเสิร์ฟลูกค้าที่แน่นจนเต็มร้านอยู่ในขณะนี้อย่างขยันขันแข็งครอบคร

  • ขอเกิดใหม่มาร่ำรวย   ไม่พอขาย

    3 วันผ่านไป กับการเตรียมพร้อมขายของครั้งแรกของครอบครัวหลิน ทุกคนต่างตื่นเต้นกันอย่างมาก ท่านพ่อได้เข้าเมืองติดต่อเช่าร้านค้าเล็ก ๆ ราคา 10 อีแปะต่อวัน ตกลงขาย ยามอู๋ถึงยามโหย่ว (12.00-17.00 น.) การเตรียมตัวมีอะไรบ้าง คือมะละกอดิบ 3 ตะกร้าใหญ่ และเครื่องปรุงรส อาทิเช่น พริก กระเทียม มะนาว เกลือ น้ำตาล กุ้งแห้ง หอยเชอรี่ ผักบุ้งป่าไว้กินกับส้มตำ และข้าวคั่ว ครอบครัวหลินหุงข้าวเหนียวให้ลูกค้าทดลองชิมกับส้มตำไปด้วยขายราคา 5 อีแปะ กุ้งฝอยสด ๆ ไปด้วย 3 ตะกร้าใหญ่ ปลา 50 ตัวนำไปทดลองขายก่อน ถ้าขายดีวันหน้าก็จะไปจับมาเพิ่ม แบ่งหน้าในการทำแต่ละอย่างมีดังนี้ ท่านแม่ตำส้มตำ ท่านพ่อย่างปลาเผา และพี่ชายทำยำกุ้งเต้น ส่วนเธอเป็นหน่วยสนับสนุน นั่นคือเรียกลูกค้าและเก็บเงินนั่นเอง ครอบครัวหลินไปติดต่อขอให้ ท่านลุงหานไปส่งในตัวเมืองโดยเฉพาะ คิดราคาแค่ 5 อีแปะ ใกล้ถึงยามซื่อ (09.00-10.00 น.) ก็ออกเดินทาง ไปถึงก็ยามอู๋พอดี ยามซื่อ ลุงหานขับรถวัวเทียมเกวียนมารับที่บ้านครอบครัวหลิน ทุกคนช่วยกันยกของขึ้นเกวียน เมื่อขนจนหมดแล้วก็ออกเดินทางได้ เสียง กุบกับ กุบกับ ของรถวัวเทียมเกวียนตลอดระยะเวลา 1 ชั่วยา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status