ยามเซิน (15.00-16.59 น.) ในตอนนี้ในร้านยังคงมีลูกค้าที่นั่งทานอยู่เต็มร้าน แต่เนื่องจากตอนนี้วัตถุดิบในการทำอาหารหมดแล้ว มีมะละกอ หอยเชอร์รี่และกุ้งฝอย ที่เริ่มหมดและให้พี่เย่วเทียนไปเก็บจากในป่าท้ายตลาดที่ชาวบ้านสามารถเก็บของมาขายได้และนำมากินได้
ดังนั้นจึงต้องให้ลูกค้ารอหรือบางคนก็เลือกทานเมนูอื่นแทน ท่านพ่อที่ช่วยกันรับออร์เดอร์กับลุงหาน เมื่อเห็นว่าใกล้ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ที่กำหนดเป็นเวลาปิดร้านจึงตกลงกับลุงหานว่าจะหยุดรับออร์เดอร์สำหรับวันนี้ "ข้าคิดว่าจะหยุดรับรายการอาหารวันนี้ไว้ก่อน นี่ใกล้ยามโหย่วแล้ว" "อืมได้ ข้าจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ" ลุงหานเอ่ยตอบตกลงจึงให้ลูกค้าที่มาสั่งอาหารทีหลังสั่งจองไว้กินวันพรุ่งนี้ ลูกค้าก็เข้าใจจึงตกลงสั่งจองไว้พรุ่งนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าสามารถสั่งจองได้จึงรีบต่อแถวสั่งจองอาหารไว้ แต่ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่ายอดสั่งจองจะมากถึง 45 คิวและแต่ละคนสั่งกัน 8-9 อย่าง ท่านพ่อจึงคิดว่าวัตถุดิบที่นำมาขายในวันพรุ่งนี้ต้องหาให้ได้มากที่สุด "พี่หานข้าวานท่านไปรับซื้อ ปลา หอย ปู กุ้ง จากชาวบ้านในหมู่บ้านให้ด้วยนะ" "ได้สิ" "ขอบคุณท่านมาก นี่เงิน 500 อีแปะข้าให้ไว้เผื่อ" ท่านพ่อหยิบเงินในลิ้นชักใต้โต๊ะให้กับลุงหาน ลุงหานก็ขมวดคิ้ว ตาโต อ้าปากเหวอเนื่องจากไม่เคยจับเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า "นี่ นี่มันเยอะเกินไปแล้ว ข้าคงรับไว้ไม่ได้" “ข้าให้ไว้เผื่อมีคนนำมาขายเยอะไง ท่านรับไว้เถอะ” เมื่อเห็นท่าทีคะยั้นคะยอของฟางหรงจึงตกลงหยิบเงินเข้าไปในเสื้อ ทางด้านเด็กน้อยทั้งสามที่พากันขายปิ้งหอยกำลังนั่งนับเงินกันอยู่เมื่อหอยเชอร์รี่ขายหมดแล้ว หนิงหลงหยิบเงินอีแปะมานับที่เต็มกระเป๋าผ้ากันเปื้อน เมื่อห้าขวบท่านแม่กับท่านพ่อสอนการนับเลขกับอ่านหนังสือให้ทำให้พอรู้หนังสืออยู่บ้างเล็กน้อยและลี่จูที่พอนับเลขได้บ้างจึงช่วยกันนับเงินที่หามาได้ฮุ่ยเหมยทำทีเป็นว่านับเลขไม่ได้จึงให้หนิงหลงสอน จึงสอนให้น้องสาวนับถึงสิบก่อน และจากนั้นฮุ่ยเหมยจึงนับเป็นกองไว้ 10 อีแปะ "อี เอ้อร์ ซาน ซื่อ …. " เสียงนับเงินของเด็กน้อยทั้งสามคนที่นับเงินอยู่โต๊ะด้านหน้าเหลาอาหารเมื่อขายของเสร็จ ผ่านไป 1 เค่อทั้งสามคนก็นับเสร็จขายได้ทั้งหมด 1825 อีแปะ "หนิงหลงพวกเราขายได้เยอะมาก นี่ได้ตั้ง 1 ตำลึงเงินเกือบ 2 ตำลึงเลย" ลี่จูเอ่ยขึ้นเมื่อนับเสร็จไม่คิดว่าเด็กน้อยอย่างพวกเขาหาเงินได้เยอะขนาดนี้ "เดี๋ยวพวกเราแบ่งกันเป็น 3 ส่วน" "ข้าไม่เอาหรอกหนิงหลง นี่มันของของพวกเจ้าที่ซื้อมาขาย" "พี่ลี่จูงั้นพวกข้าหักต้นทุนแล้วที่เหลือก็แบ่งให้คนละ 3 ส่วนดีหรือไม่" "ใช่ ๆ ลี่จูเจ้าช่วยพวกเราทำจนมือพองหมดแล้ว ถ้าเจ้าไม่รับพวกข้าเสียใจแย่" "ใช่พี่ลี่จู" "อืมได้" เมื่อลี่จูตกลงหนิงหลงจึงไปให้ท่านแม่ใช้ลูกคิดคำนวณเงินค่าแรงให้ "ท่านแม่นี่คือเงินที่เข้ากับน้องและลี่จูได้ทั้งหมด 1 ตำลึงเงิน 825 อีแปะขอรับ ข้าจะให้ท่านคิดให้แบ่งเป็น 3 ส่วนขอรับท่านแม่" "ได้เดี๋ยวแม่คิดให้" ลี่หลินตอบตกลงและหยิบลูกคิดคิดเงินให้กับลูกชายได้คนละ 608 อีแปะ "ได้คนละ 608 อีแปะจ้ะ" "ขอรับท่านแม่ลูกขอตัวไปแบ่งเงินกันก่อนนะขอรับ" หนิงหลงก็เดินมาที่ข้างล่างที่ตอนนี้ฮุ่ยเหมยกับลี่จูกำลังช่วยกันเก็บจาน เช็ดโต๊ะ เก้าอี้ ที่ตอนนี้ลูกค้าเริ่มทยอยออกจากร้านเพราะว่าตอนนี้ไม่รับออร์เดอร์จากลูกค้าและพนักงานทุกคนกำลังช่วยกัน ล้างจานทำความสะอาดโรงเตี๊ยมเตรียมตัวจะปิดร้าน "นี่ลี่จูเงินที่ช่วยกันขายของวันนี้" "ทำไมเหมือนมันเยอะอย่างนี้ล่ะ" เมื่อลี่จูรับเงินจากหนิงหลงนำมาให้รู้สึกว่ามันเยอะเกินไป ปกติจะให้เงินไม่เกิน 10 อีแปะแค่นั้น "นี่เงินอะไรนะลี่จู" "ท่านแม่หนิงหลงให้ข้าเจ้าค่ะ วันนี้ข้าไปช่วยปิ้งหอยขายเจ้าค่ะ" ซิงเยียนเดินเข้ามาหาลูกสาวเพราะว่างานในครัวไม่มีอะไรทำแล้ว เมื่อเห็นว่าพวกเด็ก ๆ ให้เงินกันจึงเดินเข้ามาถาม และหยิบเงินมาดูพบว่าเป็นเงินจำนวนมากกว่าค่าแรงตนเองอีก "หนิงหลงนี่มันมากเกินไปนะ แม้ว่าลี่จูจะช่วยทำก็เถอะงั้นข้าจะรับไว้เพียงค่าแรง 50 อีแปะเท่านั้น" "ใช่หนิงหลง ข้าขอรับไว้ตามที่ท่านแม่บอก ที่เหลือเจ้าเก็บไว้เถอะ" "อืมได้ตกลง" เมื่อตกลงกันได้แล้วหนิงหลงก็นำเงินที่ได้จากการขายปิ้งหอยไปเก็บไว้ที่ท่านพ่อแล้วท่านพ่อก็จะเก็บไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะรับออร์เดอร์ "ท่านพ่อวันนี้ข้านำเงินที่ขายได้มาให้ท่านเก็บไว้ขอรับ" "เก่งมากลูกพ่อ วันนี้ยุ่งมากพ่อไม่ได้ไปช่วยดูลูก ๆ เลย ได้เท่าไหร่ล่ะ" "ข้าขายได้ทั้งหมด 1 ตำลึงเงิน 825 อีแปะ ให้ค่าแรงลี่จู อีก 50 อีแปะขอรับ" "ได้เยอะมากเลยลูกพ่อ" เมื่อฟางหรงรู้ว่าลูกของเขาขายได้เยอะก็รู้สึกภูมิใจในตัวลูกของตัวเองมาก ที่รู้จักหาเงินช่วยครอบครัว และก็หยิบเงินจำนวน 100 อีแปะไว้ให้ลูกชายซื้อของที่อยากได้ "หลงเอ๋อร์นี่เงิน 100 อีแปะพ่อให้เจ้าไว้ใช้" "ขอบคุณขอรับท่านพ่อ" หนิงหลงรับเงินจากท่านพ่อเก็บไว้ในเสื้อ และนำแบ่งให้กับน้องสาวคนละครึ่ง “เหมยเอ๋อร์ นี่คนละ 50 อีแปะเอาไว้ซื้อขนมดีรึไม่” หนิงหลงหยิบเงินให้น้องสาว 50 อีแปะ “งั้นพรุ่งนี้พี่พาข้าไปเดินเล่นตลาดนะ” เมื่อได้รับเงินจากพี่ชาย ฮุ่ยเหมยจึงคิดว่าอยากเดินเที่ยวตลาด และซื้อของที่อยากได้เมื่อมีเงินเอาไว้ใช้ด้วยตัวเองแล้ว “ได้สิ” “ข้าไปด้วย” ลี่จูเอ่ยขอไปด้วยเมื่อได้รู้ว่าทั้งสองพี่น้องจะไปเที่ยวตลาด เมื่อท่านแม่ของตนให้เก็บเงินค่าแรงไว้ด้วยตัวเอง “ได้ไปด้วยกันพรุ่งนี้ เราสามคน” หนิงหลงเป็นคนเอ่ยกับเด็กหญิงทั้งสองคน “ตกลง” “ตกลง” ทั้งสองคนตอบตกลงพร้อมกันและลี่จูก็ขอตัวกลับบ้านเมื่อร้านทำความสะอาดเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว “พวกเจ้าข้ากลับก่อนนะพรุ่งนี้ไปเดินเล่นที่ตลาดด้วยกันนะ” ลี่จูเอ่ยขึ้นบอกกับเพื่อนต่างวัยทั้งสองที่นัดหมายว่าจะไปตลาดด้วยกันและทั้งสามคนก็โบกมือลากันกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นท่านพ่อและลุงหานตื่นแต่เช้าไปรับซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารมาบางอย่างที่สามารถเก็บได้ก็ไปหามาก่อนที่จะถึงเวลาเปิดร้าน และไปรับสมัครคนงานมาเพิ่มด้วยเนื่องจากเมื่อวานคนเยอะมาก และคิดว่าจะหาคนมาย่างหอยแทนลูกชายตัวเองด้วย "ท่านแม่วันนี้ข้าขอไปเดินตลาดนะเจ้าค่ะ" "ได้สิ จะไปตอนไหนหรือเหมยเอ๋อร์" "ก่อนเปิดร้านก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปกับพี่ลี่จูด้วยนะเจ้าคะ" "มีเงินแล้วหรือยัง ถ้าไม่มีเดี๋ยวแม่ให้เจ้า" "ข้าได้มาแล้วเจ้าค่ะ 50 อีแปะ ท่านพ่อให้พี่หนิงหลง 100 อีแปะแบ่งกันคนละครึ่งเจ้าค่ะท่านแม่" "พอหรือไม่ถ้าไม่พอมาขอแม่เพิ่มนะลูก" "พอเจ้าค่ะ ท่านแม่ตกลงแล้วนะเจ้าค่ะ" "จ้า ลูกสาวของแม่" เมื่อท่านพ่อกลับมาจากหาวัตถุดิบกับคนงานทั้ง 10 คน เป็นชาย 5 หญิง 5 คนจึงรีบขึ้นเกวียนไปโรงเตี๊ยมทันที เมื่อถึงโรงเตี๊ยมท่านพ่อจึงแบ่งหน้าที่ให้อีกสองคนมาก่อไฟปิ้งหอยให้กับลูกค้า ทำให้เด็กน้อยทั้งสามคนไม่ได้ทำงาน เมื่อรับอาหารเช้าเสร็จแล้วทั้งสามคนจึงขอท่านแม่ของแต่ละคนมาเดินตลาด และมีเยว่ฉีคอยติดตามมาด้วย เมื่อได้มาเดินตลาดก็ซื้อขนมจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด และแวะซื้อเสื้อผ้าใหม่มาด้วย เมื่อเดินมาถึงซอยท้ายตลาดที่เป็นป่ากล้วยก็เจอกับชาวบ้านที่มาตัดใบตอง นำกล้วยสุกไปกินบ้าง เมื่อฮุ่ยเหมยเห็นชาวบ้านไม่กินกล้วยดิบจึงถามพี่ชายว่า "พี่หนิงหลง ชาวบ้านที่นี่ไม่กินกล้วยดิบกันหรือเจ้าคะ?" "ใช่เขาไม่กินกันหรอกนะเหมยเอ๋อร์" "ใช่ฮุ่ยเหมยมันฝาดมาก ๆ เลยล่ะ" เมื่อลี่จูเห็นฮุ่ยเหมยมองด้วยสายตาเป็นประกายก็เอ่ยขึ้นว่า "นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าจะนำมันไปกินนะ" "ใช่แล้ว" "ไอ้หยา นี่น้องเจ้าวิปลาสแน่ ๆ หนิงหลง" "มันกินได้จริง ๆ นะทุกคนถ้าไม่เชื่อข้าจะทำให้ทุกท่านเห็นว่ามันกินได้" "ก็ได้พี่จะเก็บไปให้เจ้าเอง" เมื่อเห็นว่าน้องสาวบอกว่ากินได้ด้วยพบว่าสิ่งที่น้องสาวบอกนั้นเป็นจริงเสมอจึงจะเก็บไปให้น้องสาว "ข้าจะช่วยด้วยเจ้าค่ะ" เยว่ฉีเอ่ยขึ้นบอกอีกคนด้วยความเชื่อใจว่าคุณหนูของตนจะทำอาหารอร่อยอีกแน่ ๆ "ได้ข้าเชื่อเจ้า" ลี่จูเมื่อเห็นทุกคนเชื่อในตัวฮุ่ยเหมยจึงตอบตกลงที่จะเชื่อใจในตัวของเด็กน้อย จึงช่วยกันเก็บกล้วยดิบและมีกล้วยสุกเอาไปกินด้วยทุกคนต่างช่วยกันขนกล้วยกลับเหลาอาหารจนเต็มสองมือ เมื่อมาถึงที่ร้านก็ยามซื่อ (คือ 09.00 - 10.59 น.) กำหนดเวลาเริ่มทำงานของพนักงานในร้านต่างเริ่มปัดกวาดเช็ดถูพื้น โต๊ะ เก้าอี้ และแม่ครัวก็รีบทำตามออร์เดอร์ที่ได้รับมาจากยอดสั่งจองเมื่อวานนี้ ฟางหรงเมื่อเห็นเด็ก ๆ มากันแล้วและยังถือกล้วยมาอีก"ได้กล้วยมาเยอะแยะพวกเจ้าจะเอาไปทำอะไรกัน?""ท่านพ่อ เหมยเอ๋อร์บอกว่าจะทำอาหารแบบใหม่ให้กินขอรับ""ใช่เจ้าค่ะ ข้าจะดูว่าฮุ่ยเหมยจะเอากล้วยดิบมาทำอะไร"ลี่จูกล่าวกับฟางหรง ทำให้ทุกคนในร้านก็อยากรู้เหมือนกัน"งั้นพวกเรามาช่วยกันทำกันเถอะเจ้าค่ะ"ฮุ่ยเหมยเอ่ยบอกกับทุกคนและบอกให้ทุกคนปอกเปลือกกล้วยทั้งดิบและสุกไว้ใส่จาน จากนั้นทุกคนก็เริ่มช่วยกันทำจนปอกเปลือกเสร็จแล้ว ฮุ่ยเหมยจึงบอกขั้นตอนต่อไปทันที"จากนั้นผ่าครึ่งกล้วยดิบและนำไปปิ้งจนสุกได้ที่ก็กินได้แล้วเจ้าค่ะ""อืม เดี๋ยวพี่จะไปปิ้งให้""คุณชายเดี๋ยวข้าช่วยท่านปิ้งเองขอรับ"เย่วเทียนที่ทำความสะอาดร้านเสร็จก็อาสาช่วยอีกแรง"รายการต่อไปคือแกงกล้วยดิบใส่เนื้อเจ้าค่ะ"เมื่อเด็กน้อยเอ่ยขึ้นทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า'หืม มันนำไปแกงได้ด้วยหรือเนี่ย'
ยามเซิน (15.00-16.59 น.) ในตอนนี้ในร้านยังคงมีลูกค้าที่นั่งทานอยู่เต็มร้าน แต่เนื่องจากตอนนี้วัตถุดิบในการทำอาหารหมดแล้ว มีมะละกอ หอยเชอร์รี่และกุ้งฝอย ที่เริ่มหมดและให้พี่เย่วเทียนไปเก็บจากในป่าท้ายตลาดที่ชาวบ้านสามารถเก็บของมาขายได้และนำมากินได้ดังนั้นจึงต้องให้ลูกค้ารอหรือบางคนก็เลือกทานเมนูอื่นแทน ท่านพ่อที่ช่วยกันรับออร์เดอร์กับลุงหานเมื่อเห็นว่าใกล้ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ที่กำหนดเป็นเวลาปิดร้านจึงตกลงกับลุงหานว่าจะหยุดรับออร์เดอร์สำหรับวันนี้"ข้าคิดว่าจะหยุดรับรายการอาหารวันนี้ไว้ก่อน นี่ใกล้ยามโหย่วแล้ว""อืมได้ ข้าจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ"ลุงหานเอ่ยตอบตกลงจึงให้ลูกค้าที่มาสั่งอาหารทีหลังสั่งจองไว้กินวันพรุ่งนี้ ลูกค้าก็เข้าใจจึงตกลงสั่งจองไว้พรุ่งนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าสามารถสั่งจองได้จึงรีบต่อแถวสั่งจองอาหารไว้แต่ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่ายอดสั่งจองจะมากถึง 45 คิวและแต่ละคนสั่งกัน 8-9 อย่าง ท่านพ่อจึงคิดว่าวัตถุดิบที่นำมาขายในวันพรุ่งนี้ต้องหาให้ได้มากที่สุด"พี่หานข้าวานท่านไปรับซื้อ ปลา หอย ปู กุ้ง จากชาวบ้านในหมู่บ้านให้ด้วยนะ""ได้สิ""ขอบคุณท่านมาก นี่เงิน 500 อีแปะข้าให้ไว้เผ
เมื่อเปิดร้านเสร็จทุกคนก็เริ่มไปประจำที่ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากท่านนายอำเภอแล้วก็มีลูกค้าเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้นตอนนี้ทุกคนล้วนว่างงานโดยเฉพาะไม่ใช่พนักงานที่บริการห้องพิเศษฮุ่ยเหมยอยู่กับท่านแม่ที่โต๊ะรับออร์เดอร์ชั้นสองที่บริการลูกค้าห้องพิเศษ ที่ตอนนี้มีเพียงหนึ่งห้อง เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จก็เหมือนจะไม่มีงานทำ"ท่านแม่ข้าขอไปข้างล่างนะเจ้าค่ะ" เด็กน้อยนั่งเล่นกับท่านแม่ก็รู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดว่าจะไปเรียกลูกค้าให้ท่านแม่เยอะ ๆ ดีกว่า"ได้ ไปเล่นกับพี่ชายเจ้ากับลี่จูอย่าซนกันนักละ""เจ้าค่ะ"ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยเดินลงมาข้างล่างมันเงียบมากจนได้ยินเสียง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นที่ได้ขายไป 7 วันจะขายดีมากแต่เหมือนว่าจะบอกลูกค้าว่ามาขายที่นี่แต่บางทีผู้คนอาจจะไม่รู้จักมากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายค่าแรง ค่าเช่าโรงเตี๊ยมแน่ ๆ“อ้าว เหมยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยู่กับท่านแม่หรือไง?” เสียงหนิงหลงเอ่ยขึ้นถามขณะที่กำลังนั่งหยิบหอยเชอร์รี่เสียบไม้“ข้าจะมาเรียกลูกค้าเข้าร้านนะสิ”ฮุ่ยเหมยเอ่ยตอบและเห็นว่าพี่ชายกับลี่จูช่วยกันเสียบหอยกันอยู่ จึงคิดว่าพวกเขาจะทำปิ
เมื่อฟางหรงแนะนำอาหารและพูดคุยกับท่านลุงนายอำเภอและท่านหลงจู๊ได้สักพักก็ขอตัวออกมาทานข้าวกับครอบครัวอีกห้องหนึ่ง และแนะนำน้ำอ้อยกับชามะนาวให้กับทั้งสามท่านก่อนมารับอาหารเที่ยงกับครอบครัว"อ้อ ข้าขอแนะนำน้ำอ้อยกับชามะนาวให้แก่ท่านทั้งสามด้วยนะขอรับ""อืม อันนี้รสชาติหวานมาก นี่มีรสเปรี้ยวหวาน อืมชุ่มคอแปลกใหม่น้ำทั้งสองอย่างนี้ อร่อยรสชาติดีทีเดียว" เสียงท่านลุงอู๋เจ๋อเอ่ยขึ้นเมื่อลองชิมครั้งแรก"อืม โอ้ ข้าไม่เคยกินน้ำอะไรอร่อยเช่นนี้มาก่อน"ท่านหลงจู๊เอยชิมครั้งแรกและอุทานขึ้นมาด้วยสายตาเป็นประกายและเอ่ยถามขึ้นว่า"น้ำชามะนาวกับน้ำอ้อยนี่ท่านนำมาขายด้วยหรือไม่""ข้านำมาให้ลูกค้าดื่มเฉพาะในร้านเท่านั้นขอรับ""อ้อ ดี ๆ ข้าจะมาซื้ออาหารทุกวันเลย""ขอบพระคุณทุกท่านมากขอรับ งั้นข้าขอตัวก่อนเชิญทุกท่านกินให้เต็มที่ขอรับ""ได้ ๆ เชิญ ๆ"ฟางหรงก็เดินมารับประทานอาหารกับครอบครัว ฮุ่ยเหมยจึงรีบแนะนำ ส้มตำปูปลาร้า ที่ยังไม่เคยใส่ปูดองให้ท่านพ่อชิม"ท่านพ่อลองทานส้มตำปูปลาร้าดูเจ้าค่ะ""รสชาติอร่อยมากเหมยเอ๋อร์"แล้วทุกคนก็เริ่มทานอาหารกัน ทุกคนที่ได้ชิมล้วนชื่นชอบส้มตำปูปลาร้ากันมาก พนักงานที่จ้
ฮุ่ยเหมยนั่งเล่นอยู่ดี ๆ รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาไต่ที่ขาของตน พอมองไปก็พบว่าเป็นปูนา 'เฮ้ยยุคนี้มีปูนาด้วย' เมื่อพบเข้ากับปูนาหลายตัวก็คิดเมนูอาหารที่จะกินเย็นนี้ ปูนาสามารถนำมาดองใส่ส้มตำได้และใส่ยำมะม่วงได้ ใช่เลยนี้มันของอร่อยเลยล่ะ "ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ามีของอร่อยมานำเสนอเจ้าค่ะ" เมื่อท่านพ่อรู้ว่ามีของอร่อยมาให้กินก็รีบเดินมาหาลูกสาวอย่างรวดเร็ว "อะไรหรือเหมยเอ๋อร์?" ท่านพ่อเอ่ยขึ้นด้วยตาเป็นประกายที่ตนจะได้กินของอร่อย และเด็กน้อยก็หยิบปูให้พ่อของตนดู "นี่เจ้าค่ะ ปูนา" "นี่ นี่ นี่!!! ตัวประหลาดเช่นนี้มันกินได้รึ" เมื่อท่านพ่อได้เห็นก็ถึงกับผงะไปเลยทีเดียว เมื่อตั้งสติได้ท่านพ่อก็เอ่ยถามลูกสาวใหม่เพื่อความแน่ใจ "เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ เหมยเอ๋อร์!!!" "มันกินได้และนำไปใส่ส้มตำอร่อยมากเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินว่านำไปใส่ส้มตำได้ท่านพ่อก็ยอมตกลงที่จะจับมาให้ลูกสาว เมื่อได้ยินเสียงท่านพ่อร้องตกใจทุกคนจึงเดินมารวมตัวกันที่นี่ "มีอะไรกันท่านพ่อ" หนิงหลงเป็นคนเอ่ยถามขึ้น "เหมยเอ๋อร์นะสิ บอกว่าเจ้านี่มันกินได้" "จริงหรือเหมยเอ๋อร์" "ใช่เจ้าค่ะ มันนำไปทำอาหารได้ ใส่ส้มตำอร่อยมากด้วยนะ
เมื่อตกลงว่าจะเช่าที่ข้างโรงหมอแล้ว และเขียนสัญญากันเรียบร้อย ทุกคนจึงเดินตลาดหาซื้อของเข้าร้าน ฮุ่ยเหมยกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรดี มีข้าวเหนียว เสื้อผ้าใหม่ตัดให้พนักงาน มีผ้ากันเปื้อน ผ้าโพกผม และกระดาษสำหรับจดรายการอาหาร และต้องจ้างคนอีกหลายคน"ท่านพ่อท่านแม่ซื้อของไปเก็บไว้ที่โรงเตี๊ยมก่อนไหมเจ้าคะ จะได้ไม่ต้องขนมาจากบ้านอีกทีเจ้าค่ะ""อืมเป็นความคิดที่ดี เหมยเอ๋อร์ลูกพ่อ ช่างคิดรอบคอบจริง ๆ"ท่านพ่อมองลูกสาวตัวน้อยของตนที่มีความคิดที่โตกว่าอายุมาก และลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูและทั้ง 6 คนก็เดินหาซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ ท่านพ่อเป็นคนจูงลูกสาว ท่านแม่จูงพี่ชายเพราะคนค่อนข้างเยอะ กลัวลูกน้อยของตนจะพลัดหลงกัน ท่านพ่อคิดว่าอย่างแรกที่จำเป็นคือข้าวเหนียว ที่ทุกคนเริ่มชื่นชอบที่จะกินข้าวเหนียว จึงเดินไปยังร้านขายข้าวสารทันที"สวัสดีนายท่านต้องการซื้อข้าวสารแบบใดเชิญแจ้งมาเลยขอรับ" พนักงานในร้านเข้ามาต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้นและแนะนำข้าวสารให้แก่ลูกค้าด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว"เอาข้าวเหนียว 20 ชั่ง ข้าวสารธรรมดา 20 ชั่ง"ท่านพ่อเอ่ยสั่งข้าวสารกับพนักงานและนับเงินจ่ายให้กับหลงจู๊ และบอกว่าให