LOGIN"แอ้ แอ้ แอ้" เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็พบกับแสงสว่างและผนังผุพังมีรูรั่วอยู่ และคนที่แต่งตัวจีนโบราณเต็มไปหมด และพอมองไปที่แขนของเธอทำไมเล็กอย่างนี้อย่าบอกนะว่าส่งเธอมาเกิดใหม่จริง ๆ
"ลูก ลูก แม่" เสียงผู้หญิงอายุประมาณ 20 หนาวหน้าตาซีดเซียว เสียงแหบแห้งเพราะว่าเสียแรงในการคลอดลูก "ได้ลูกสาวจ้ะ ลี่หลิน" หมอตำแยเอ่ยบอกพร้อมกับอุ้มเด็กทารกให้กับนาง พอลี่หลินได้เห็นหน้าลูกสักพักก็สลบไปเพราะความอ่อนเพลีย ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ เป็นผู้ชายอายุประมาณ 25 หนาว หน้าตาดี สีผิวเข้ม ดูบึกบึนเนื่องจากทำงานหนัก เดินเข้ามาอุ้มเด็กหญิง "โอ๋ เอ๋ ๆ ลูกพ่อน่ารักมากเลย ไม่ร้องไห้เลย" หลินฟางหรงอุ้มเด็กหญิงขึ้นมามองหน้าตา กลมโตที่ใสซื่อบริสุทธิ์หน้าตาน่ารัก จริง ๆ ลูกสาวของเขา "ใช่ ขอรับท่านพ่อ น้องดูเป็นเด็กรู้เรื่องตั้งแต่เกิดเลยขอรับ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กชายอายุ 4 หนาวนามว่า หลินหนิงหลง หลังจากเดินตามหลังท่านพ่อมาเมื่อรู้ว่าคลอดน้องสาวของตนแล้ว "ท่านพ่อจะตั้งชื่อน้องสาวว่าอะไรดีขอรับ" "อืม งั้นชื่อว่า ฮุ่ยเหมยละกันนะลูกพ่อ" หรือที่แปลว่าความเมตตาที่งดงาม เหมาะกับหน้าตาน่ารักของลูกเขามาก "แอ้ แอ้ แอ้" ชื่อนี้ก็ดีเจ้าคะท่านพ่อ เสียงทารกน้อยร้องตอบผู้เป็นพ่อ หลังจากที่เธอนั้นสำรวจความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้แล้ว ดูจากเสื้อผ้าที่ขาด และบางเบาเยี่ยงนี้แล้ว เมื่อเติบใหญ่เธอจะทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ให้ได้ 3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฮุ่ยเหมยอายุได้ 3 หนาวแล้ว ท่านแม่และท่านพ่อไปหาของป่ามาขาย ปล่อยให้เธอและพี่ชายวัย 7 หนาวอยู่บ้านด้วยกันสองคนอยู่บ้านเฉยๆ มันน่าเบื่อมาก ทีแรกว่าจะขอท่านพ่อไปด้วยแต่ ท่านให้เหตุผลว่าเธอยังเด็กอยู่ "เหมยเอ๋อร์รอเจ้าโตขึ้นกว่านี้พ่อค่อยให้เจ้าไปด้วยนะลูก" ท่านพ่อมองลูกสาวตัวน้อยที่งอแงอยากไปด้วย ห่วงว่าลูกจะเป็นอันตรายเลยให้อยู่ที่บ้าน แล้วรีบเดินเข้าป่ากับท่านแม่กลัวจะใจอ่อนกับลูกสาว ฮุ่ยเหมยมองตามท่านพ่อและท่านแม่จนสุดสายตา แล้วได้แต่ถอนหายใจ อยู่คนเดียวทำให้คนเป็นพี่อดสงสารไม่ได้จึงเอ่ยขึ้น "เหมยเอ๋อร์ เดี๋ยวพี่ใหญ่พาเจ้าไปดูผลไม้แปลกๆ ที่ท้ายหมู่บ้านเจ้าสนใจไปดูไหม" "ผลไม้แปลกๆ หรือเจ้าค่ะ" "ใช่" "ไปเจ้าค่ะ ฮิฮิ" พอได้ออกจากบ้านเธอก็ดีใจมาก ลา ลา ล้า ล้าาา หลังจากนั้นสองพี่น้องก็พากันจูงมือไปยังท้ายหมู่บ้าน เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด พอมองไปรอบ ๆ ป่าก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดที่เรียกว่า ผลไม้แปลกประหลาด ที่พี่ชายกล่าวหาเลยสักนิด "เอ๋ พี่หนิงหลงที่ว่าผลไม้แปลก ๆ นี่คือ?" เท่าที่เธอเห็นมีแต่ผลไม้ที่น่ากินทั้งนั้นเลยนะ "นั่นไง ผลสีเขียว ๆ ลูกยาว ๆ" ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่มะละกอที่หล่นเต็มพื้น "นี่!! คนที่นี่เขาไม่กินกันหรือเจ้าค่ะ มันอร่อยมากเลยนะพี่ใหญ่" ว่าแล้วก็คิดถึงส้มตำแซ่บ ๆ แล้วน้ำลายไหล ติ้ง!! คิดออกแล้วเธอจะทำส้มตำให้พี่ชายกิน ตั้งแต่เกิดใหม่มาเธอก็ได้กินแต่แผ่นแป้งแห้ง ๆ และข้าวต้มที่ใสจนไม่เห็นเม็ดข้าว "พี่ใหญ่ลองกินดูแล้ว ขมมากเลย และอันนั้นก็เปรี้ยวมากนี่แหละผลไม้แปลก ๆ" พลางชี้นิ้วเรียว ๆ ไปที่มะม่วงซึ่งยังไม่สุก "มันกินได้เจ้าคะ เดี๋ยวพี่ใหญ่ใช้มีดปอกเปลือกดู" แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าปอกเปลือกทำไม แต่เห็นว่าน้องสาวอยากดูจึงทำตามคำขอ เมื่อหนิงหลงปอกเปลือกเสร็จแล้ว ฮุ่ยเหมยกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อว่ากินได้ เธอจึงรีบยัดผลไม้ทั้งสองเข้าปากตัวเองและพี่ชายทันที "อืม หวานอร่อยมากเหมยเอ๋อร์ ไม่คิดว่าพอปอกเปลือกออกแล้วจะหวานน่ากินเช่นนี้" พอได้กินไปคำแรกก็ตาโตขึ้นทันทีและกินไม่หยุด และหันไปมองน้องสาวพลางคิดว่า น้องสาวช่างฉลาดคิดจริง ๆ สองพี่น้องนั่งกินจนอิ่มและคิดว่าจะเอาไปไว้ให้ท่านพ่อท่านแม่กินที่บ้าน พี่ชายจึงอาสาไปเอากระบุงจากที่บ้านมาใส่ จึงให้ฮุ่ยเหมยรออยู่ที่นี่ "เหมยเอ๋อร์รออยู่นี่นะพี่จะรีบไปรีบมา" จากนั้นหนิงหลงจึงรีบเดินกลับบ้านทันที "เจ้าค่ะ" หลังจาก1 เค่อ (เทียบเท่ากับ 15 นาที) หนิงหลงก็มาถึงพอดี ทั้งสองคนพี่น้องก็เก็บผลมะละกอกับมะม่วงที่สุกแล้วก็ดิบใส่ไว้และนำกลับบ้าน พอออกจากป่าท้ายหมู่บ้านข้ามองไปรอบ ๆ ป่าข้างทางก็พบลำต้นสูงยาวคล้ายๆ ต้นหญ้า พุ่มหนึ่งพอมองดี ๆ ก็พบว่าเป็นต้นอ้อยและพบว่าที่บ้านเธอนั้นไม่มีน้ำตาล "พี่หนิงหลง ไปตัดกานเจ้อ มาให้ข้าหน่อยเจ้าค่ะ ข้าจะนำไปทำน้ำตาลให้กิน" และชี้นิ้วไปที่ต้นอ้อยข้างทาง “มันกินได้เหรอ” แล้วชี้นิ้วไปที่ต้นกานเจ้อ (อ้อย) อย่างสงสัย แล้วพยักหน้าตกลงไปตัดมาให้น้องสาวก่อนสักสองสามต้น เมื่อเสร็จภารกิจสองพี่น้องก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางก็พบกับชาวบ้านที่มองมาอย่างสงสัยว่าสองพี่น้อง คู่นี้ไปนำผลไม้แปลกประหลาดมาทำอันใด ด้วยความสงสัยจึงมีคนที่ถามขึ้น “พวกเจ้านำผลไม้แปลกประหลาดมาทำอันใด” ชายชราเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ข้านำไปกินขอรับ” หนิงหลงเป็นคนตอบคำถาม สร้างเสียงฮือฮาให้กับชาวบ้าน “มันจะกินได้เช่นไร” “นั่นสิ ๆ” เสียงชาวบ้านเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง และก็มีเสียงใสเสียงหนึ่งเอ่ยตอบตกลงที่จะกินและเป็นหน่วยกล้าตายนั่นก็คือ ลี่จู เด็กสาวข้างบ้านวัย 5 หนาวเอ่ยขึ้นด้วยความเชื่อใจต่อหนิงหลงจึงอาสาเอ่ยชิมเป็นคนแรก “พี่หนิงหลงข้าเชื่อท่านว่ากินได้เจ้าค่ะ ข้าขอพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นเอง” จากนั้นหนิงหลงก็นำมีดพกปอกเปลือกผลไม้ที่สุกแล้วของผลมะละกอให้สาวน้อยได้ชิม “ว้าว หวานอร่อยมาก” หลังจากนั้นที่ได้ชิมทุกคนก็เอ่ยเป็นเสียงเดียวว่า อร่อย และจากนั้น ประมาณ สองเค่อผลไม้ที่สุกแล้วที่ว่าแปลกประหลาดก็หมดภายในวันเดียว ยามซื่อ คือ (09.00 – 10.59 น.) ทั้งสองพี่น้องก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่มี 2 ห้องนอนและ1 ห้องโถง และก็ช่วยกันล้างและปอกเปลือกผลไม้ทั้งสองชนิดที่นำมาจากป่าท้ายหมู่บ้าน เมื่อเสร็จแล้วก็นำใส่ชามไว้กินตอนเที่ยงให้แก่ท่านพ่อและท่านแม่ “พี่ใหญ่ท่านช่วยก่อไฟทีเจ้าค่ะ ข้าจะนำน้ำกานเจ้อ มาต้มเป็นน้ำตาล” “ได้รอพี่สักครู่” จากนั้นหนิงหลงก็เดินไปก่อไฟ เมื่อก่อไฟเสร็จแล้วจะกลับไปถามน้องสาวของตน พอดีก็เห็นน้องสาวเดินเข้ามาในครัวจึงถามขึ้น “มันทำอย่างไรหรือ?” หนิงหลงหันไปถามน้องสาวอย่างประหลาดใจว่ามันจะทำได้จริงหรือ “นำอ้อยมาตัดเป็นท่อนพอประมาณ ขูดทำความสะอาด ล้างน้ำ บีบคั้นเอาน้ำอ้อยออกมา ส่วนชานอ้อยที่เหลือนำไปตากแห้งประมาณ 1 แดด จากนั้นนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงเคี่ยวน้ำอ้อย” จากนั้นเด็กน้อยก็ค่อย ๆ บอกขั้นตอนวิธีการทำให้กับพี่ชายจนเสร็จ’ ’’ ’ ’ เมื่อทำน้ำตาลเสร็จแล้ว นี่ก็ใกล้ยามอู๋ (ตอนเที่ยง) แล้วเธอคิดว่าจะตำส้มตำให้ครอบครัวของเธอกิน "พี่หนิงหลงข้ามีอาหารรสแซ่บมาแนะนำเจ้าคะข้าจะทำให้ท่านได้ชิม" "รสแสบอะไรเหมยเอ๋อร์!!" หนิงหลงคิดว่าน้องสาวจะมีอะไรแปลก ๆ มาให้กินอีกหนอ "รสแซ่บเจ้าค่ะ ข้าจะทำมู่กวาซาลาให้ท่านกิน" "ท่านปอกเปลือกมู่กวาดิบให้ข้าและสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ข้าก่อนนะ เดี๋ยวข้ามา" จากนั้นสาวน้อยก็วิ่งไปหลังบ้านเก็บ พริก มะนาว ที่หลังบ้านมากับ มะเขือเทศ เมื่อกลับมาถึงบ้านท่านพ่อท่านแม่ก็กลับมาแล้ว และนั่งคุยอยู่กับหนิงหลงว่านำผลไม้นี่มาจากที่ใด เมื่อได้รู้ความจริงทั้งสองท่านก็ประหลาดใจที่เธอและพี่ชายนำมา เพราะห่วงว่าผลไม้มันจะมีพิษ และก็พบว่าลี่จู เด็กสาวข้างบ้านวัย 5 หนาว ที่เป็นคนอาสาชิมผลไม้ก็มาที่บ้านเธอพร้อมกับข้าวของที่ชาวบ้านนำมาตอบแทนเรื่องผลไม้แปลกนั่นแหละ และแนะนำท่านพ่อท่านแม่ของเธอชิมผลไม้แปลกประหลาดเหล่านั้นกันใหญ่ และพอทุกคนได้ชิมก็ร้อง ว้าวว่าอร่อยกันทุกคน "ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว" เมื่อมาถึงฮุ่ยเหมยก็วิ่งไปกอดท่านแม่ และบอกว่าจะตำส้มตำให้ทุกคนได้กิน ท่านแม่จะเป็นคนทำและฮุ่ยเหมยเป็นคนบอกวิธีการทำ ไม่ถึง 1 เค่อ ก็เสร็จและเรียกลี่จูมากินข้าวเที่ยงด้วยกัน "เสร็จแล้วจ้ามู่กวาซาลา" เมื่อส้มตำมาเสิร์ฟทุกคนทำหน้าเหมือนไม่อยากกิน ฮุ่ยเหมยเลยกินเป็นคนแรกจากนั้นก็ท่านพ่อเป็นคนที่สอง ทุกคนจึงจับตะเกียบค่อยๆ คีบกิน พอได้กินเข้าไปคำหนึ่งก็ตาโต และกินกันอย่างรวดเร็วจนหมดเกลี้ยง ทำให้มื้อนี้ทุกคนอิ่มกันมาก และเธอก็เห็นคนนำหอยเชอร์รี่มาทิ้งไว้บอกว่ามันไปกัดข้าวชาวบ้านเสียหาย นั่นมันอาหารรสแซ่บเลยนะหลังจากรักษาอาการของเยว่เทียนเสร็จแล้ว ฟางหรงก็ทำแผลที่โดนทำร้ายจากการต่อสู้ซึ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อพบว่าเยว่เทียนปลอดภัย จึงออกมาจัดการกับโจรที่ปล้นร้านวันนี้เยว่ฉีอยู่ดูแลพี่ชายที่โรงหมอ เมื่อเดินออกมาจากโรงหมอก็พบกับท่านมือปราบล้มลงนอนอยู่ที่พื้นอาการบาดเจ็บสาหัสและตัวหัวหน้าโจรก็หายไปแล้ว ฟางหรงจึงเข้าไปสอบถามท่านมือปราบว่า“นี่ท่านมือปราบไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”“มีคนมาช่วยมันหนีไปแล้ว แค่ก ๆ”ท่านมือปราบกระอักเลือดออกมาคำโต ที่ตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเหวะหวะจากการต่อสู้ เมื่อฟางหรงพบว่าบาดเจ็บสาหัสจึงเอ่ยขึ้น“งั้นข้าจะพาท่านไปรักษาก่อนนะขอรับ”ฟางหรงก็ช่วยพยุงท่านมือปราบไปที่โรงหมอที่กลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงโรงหมอฟางหรงก็พยุงท่านมือปราบนั่งลงที่เตียง และท่านหมอก็มาทำแผลให้ จากนั้นก็สอบถามได้ความว่ามีคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นพวกโจรทมิฬ มาช่วยมันหนีไปวรยุทธ์ล้ำเลิศยิ่งนักตอนนี้คนของทางการเข้ามาเก็บกวาดศพและมาสอบปากคำครอบครัวหลิน ท่านพ่อจึงเป็นคนไปให้ปากคำที่ศาลกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นว่าลูก ๆ และภรรยายังขวัญเสียอยู่ลี่หลินจึงพาลูก ๆ ไปนอนเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเ
เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันอาบน้ำเข้านอน ฮุ่ยเหมยกับครอบครัวนอนห้องทำงาน ที่เป็นห้องเก็บบัญชีซื้อขายและเก็บเงินที่ขายได้ไว้ในลิ้นชัก สองพี่น้องฝาแฝดนอนห้องอาหารกลางดึกที่เงียบสงัดก็มีเสียงเปิดหน้าต่างและเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาประมาณ 10 คนแอ๊ด~ตึก ตึก ตึก"พวกเจ้าไปค้นที่โต๊ะนั่นดูสิ""ขอรับ"เมื่อหัวหน้าสั่งเสร็จแล้วพวกโจรก็รีบไปรื้อค้นที่โต๊ะรับออเดอร์ อีกกลุ่มก็เดินขึ้นไปชั้นสอง"หัวหน้าไม่เจออะไรเลยขอรับ"สมุนโจรเมื่อค้นหาภายในเหลาอาหารแห่งนี้แล้วไม่พบสิ่งมีค่าอะไรจึงรีบรายงานกับหัวหน้าของตน"งั้นหรือ แล้วมันจะเก็บไว้ที่ใด""ข้าว่าเราลองค้นห้องทุกห้อง""อืม งั้นพวกเจ้าไปค้นหาทุกห้อง" หัวหน้าโจรสั่งการและคิดว่า 'พวกมันเอาเงินไปไว้ที่ใดกัน' และเดินไปค้นทีละห้องปัง~ เสียงเปิดประตูห้องอาหารพิเศษห้องแล้วห้องเล่าก็ยังไม่พบเจอเพียงห้องที่ว่างเปล่า จนเดินไปสุดทางเดินพบว่ามีสองห้องที่ ล็อกประตูเอาไว้"หัวหน้าสองห้องนี้ล็อกจากข้างในขอรับ""หึ หึ พวกมันไม่กลับบ้านสินะ พวกเจ้าพังประตูเข้าไปเลย"ปังงงง!! แอ๊ดเสียงเปิดประตูอย่างแรงทำให้เยว่ฉีค่อยๆ ลืมตาขึ้น ท่ามกลางคว
ยามเซิน (คือ 15.00 - 16.59 น.) ยามนี้ลูกค้าจะไม่เยอะเหมือนยามอู๋หรือตอนเที่ยงทำให้ฮุ่ยเหมยกับลี่จูมีเวลาพักเหนื่อยและปล่อยให้เป็นหน้าที่พนักงานทำต่อไป"เหนื่อยมากเลยฮุ่ยเหมย""ข้าก็ไม่ต่างกัน"เด็กน้อยทั้งสองต่างเมื่อยล้าโดยเฉพาะที่บ่าและหลังที่ปวด กว่าจะล้างมือให้ยางกล้วยออกก็ต้องใช้เวลาไปมากเลยทีเดียวทั้งสองคนจึงเดินมาที่โต๊ะรับออร์เดอร์ที่ท่านพ่อกับลุงหานยังคงทำงานไม่หยุดพัก แม้ว่าตอนนี้จะเลยยามอู๋แล้วก็ยังคงมีคนมาซื้ออาหารอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะกล้วยปิ้งกับกากหมูและปิ้งหอยที่ขายราคาถูก ทำให้มีลูกค้ายืนต่อแถวยาวเหยียด"ท่านพ่อข้ายังไม่เห็นท่านพักกินข้าวเลยเจ้าค่ะ"เสียงฮุ่ยเหมยเอ่ยขึ้นเมื่อยังไม่เห็นท่านพ่อพักทานข้าวเลย"ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ" ลี่จูเอ่ยขึ้นบอกท่านพ่อของตนเช่นกัน"ตอนนี้ยังมีลูกค้าอยู่เลยลูก" ฟางหรงเอ่ยตอบลูกสาว"งั้นให้พวกข้ารับรายการจากลูกค้าเองเจ้าค่ะ" ฮุ่ยเหมยอาสาที่จะทำงานแทนท่านพ่อ"ลูกจะทำได้หรือเหมยเอ๋อร์ ลูกยังเขียนหนังสือไม่ได้เลย""นั่นสิเหมยเอ๋อร์" หนิงหลงเอ่ยขึ้น"งั้นแบ่งกันไปพักทีละคนเถอะเจ้าค่ะ""อืม งั้นเจ้าไปก่อนเถอะฟางหรง ข้าจะอยู่กับเด็ก ๆ เอง"ลุงหาน
ทุกคนต่างช่วยกันขนกล้วยกลับเหลาอาหารจนเต็มสองมือ เมื่อมาถึงที่ร้านก็ยามซื่อ (คือ 09.00 - 10.59 น.) กำหนดเวลาเริ่มทำงานของพนักงานในร้านต่างเริ่มปัดกวาดเช็ดถูพื้น โต๊ะ เก้าอี้ และแม่ครัวก็รีบทำตามออร์เดอร์ที่ได้รับมาจากยอดสั่งจองเมื่อวานนี้ ฟางหรงเมื่อเห็นเด็ก ๆ มากันแล้วและยังถือกล้วยมาอีก"ได้กล้วยมาเยอะแยะพวกเจ้าจะเอาไปทำอะไรกัน?""ท่านพ่อ เหมยเอ๋อร์บอกว่าจะทำอาหารแบบใหม่ให้กินขอรับ""ใช่เจ้าค่ะ ข้าจะดูว่าฮุ่ยเหมยจะเอากล้วยดิบมาทำอะไร"ลี่จูกล่าวกับฟางหรง ทำให้ทุกคนในร้านก็อยากรู้เหมือนกัน"งั้นพวกเรามาช่วยกันทำกันเถอะเจ้าค่ะ"ฮุ่ยเหมยเอ่ยบอกกับทุกคนและบอกให้ทุกคนปอกเปลือกกล้วยทั้งดิบและสุกไว้ใส่จาน จากนั้นทุกคนก็เริ่มช่วยกันทำจนปอกเปลือกเสร็จแล้ว ฮุ่ยเหมยจึงบอกขั้นตอนต่อไปทันที"จากนั้นผ่าครึ่งกล้วยดิบและนำไปปิ้งจนสุกได้ที่ก็กินได้แล้วเจ้าค่ะ""อืม เดี๋ยวพี่จะไปปิ้งให้""คุณชายเดี๋ยวข้าช่วยท่านปิ้งเองขอรับ"เย่วเทียนที่ทำความสะอาดร้านเสร็จก็อาสาช่วยอีกแรง"รายการต่อไปคือแกงกล้วยดิบใส่เนื้อเจ้าค่ะ"เมื่อเด็กน้อยเอ่ยขึ้นทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า'หืม มันนำไปแกงได้ด้วยหรือเนี่ย'
ยามเซิน (15.00-16.59 น.) ในตอนนี้ในร้านยังคงมีลูกค้าที่นั่งทานอยู่เต็มร้าน แต่เนื่องจากตอนนี้วัตถุดิบในการทำอาหารหมดแล้ว มีมะละกอ หอยเชอร์รี่และกุ้งฝอย ที่เริ่มหมดและให้พี่เย่วเทียนไปเก็บจากในป่าท้ายตลาดที่ชาวบ้านสามารถเก็บของมาขายได้และนำมากินได้ดังนั้นจึงต้องให้ลูกค้ารอหรือบางคนก็เลือกทานเมนูอื่นแทน ท่านพ่อที่ช่วยกันรับออร์เดอร์กับลุงหานเมื่อเห็นว่าใกล้ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ที่กำหนดเป็นเวลาปิดร้านจึงตกลงกับลุงหานว่าจะหยุดรับออร์เดอร์สำหรับวันนี้"ข้าคิดว่าจะหยุดรับรายการอาหารวันนี้ไว้ก่อน นี่ใกล้ยามโหย่วแล้ว""อืมได้ ข้าจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ"ลุงหานเอ่ยตอบตกลงจึงให้ลูกค้าที่มาสั่งอาหารทีหลังสั่งจองไว้กินวันพรุ่งนี้ ลูกค้าก็เข้าใจจึงตกลงสั่งจองไว้พรุ่งนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าสามารถสั่งจองได้จึงรีบต่อแถวสั่งจองอาหารไว้แต่ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่ายอดสั่งจองจะมากถึง 45 คิวและแต่ละคนสั่งกัน 8-9 อย่าง ท่านพ่อจึงคิดว่าวัตถุดิบที่นำมาขายในวันพรุ่งนี้ต้องหาให้ได้มากที่สุด"พี่หานข้าวานท่านไปรับซื้อ ปลา หอย ปู กุ้ง จากชาวบ้านในหมู่บ้านให้ด้วยนะ""ได้สิ""ขอบคุณท่านมาก นี่เงิน 500 อีแปะข้าให้ไว้เผ
เมื่อเปิดร้านเสร็จทุกคนก็เริ่มไปประจำที่ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากท่านนายอำเภอแล้วก็มีลูกค้าเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้นตอนนี้ทุกคนล้วนว่างงานโดยเฉพาะไม่ใช่พนักงานที่บริการห้องพิเศษฮุ่ยเหมยอยู่กับท่านแม่ที่โต๊ะรับออร์เดอร์ชั้นสองที่บริการลูกค้าห้องพิเศษ ที่ตอนนี้มีเพียงหนึ่งห้อง เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จก็เหมือนจะไม่มีงานทำ"ท่านแม่ข้าขอไปข้างล่างนะเจ้าค่ะ" เด็กน้อยนั่งเล่นกับท่านแม่ก็รู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดว่าจะไปเรียกลูกค้าให้ท่านแม่เยอะ ๆ ดีกว่า"ได้ ไปเล่นกับพี่ชายเจ้ากับลี่จูอย่าซนกันนักละ""เจ้าค่ะ"ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยเดินลงมาข้างล่างมันเงียบมากจนได้ยินเสียง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นที่ได้ขายไป 7 วันจะขายดีมากแต่เหมือนว่าจะบอกลูกค้าว่ามาขายที่นี่แต่บางทีผู้คนอาจจะไม่รู้จักมากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายค่าแรง ค่าเช่าโรงเตี๊ยมแน่ ๆ“อ้าว เหมยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยู่กับท่านแม่หรือไง?” เสียงหนิงหลงเอ่ยขึ้นถามขณะที่กำลังนั่งหยิบหอยเชอร์รี่เสียบไม้“ข้าจะมาเรียกลูกค้าเข้าร้านนะสิ”ฮุ่ยเหมยเอ่ยตอบและเห็นว่าพี่ชายกับลี่จูช่วยกันเสียบหอยกันอยู่ จึงคิดว่าพวกเขาจะทำปิ







