การสมัครและสัมภาษณ์งานวันนี้ทำให้ทิวาคิดได้อย่างหนึ่งว่าประสมการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด เพราะทุกตำแหน่งดูเหมือนจะวางตัวคนที่ได้คัดเลือกไว้อยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดไปเองเพราะตอนเข้าห้องน้ำเขาได้ยินคนสัมภาษณ์คุยเรื่องนี้ทางโทรศัพท์
ทิวาเดินคอตกกลับห้องพัก ยังมีอีกหลายบริษัทที่เขายื่นใบสมัครไว้ ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าจะมีสักที่รับเขาเข้าไปทำงาน
ชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการใช้เส้นสาย ไม่ใช่เพราะโลกสวยหรือทำตัวเป็นพระเอก แต่เขาไม่มีเส้นสายเลยต้องปลอบใจตัวเองแบบนี้ ถ้าการใช้เส้นสายหมายถึงการได้โอกาสเขาก็ยินดีจะใช้ เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำงาน แต่ที่ยังต้องมาลำบากแบบนี้เพราะเขาไม่มีโอกาสนั้น
ตลอดทั้งสัปดาห์ทิวาเดินเข้าออกอยู่หลายบริษัท คำตอบที่ได้รับมาส่วนใหญ่ก็คือ เดี๋ยวจะให้ฝ่ายบุคคลติดต่อกลับอีกที
เขาเริ่มคิดแล้วว่ากรุงเทพไม่เหมาะกับเขา ถ้าสัปดาห์หน้ายังเป็นแบบนี้อีกเขาคงต้องไปสมัครทำงานบนเรือสำราญซึ่งมีกำหนดในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เขามั่นใจว่าจะได้รับเลือกเพราะเขาพูดได้ทั้งไทย จีน และอังกฤษ และตอนเรียนเขาก็เคยทำงานบริการในโรงแรมมาก่อน แต่ที่ยังไม่ตัดสินใจเพราะมีเองที่กังวลอยู่คือเขาว่ายน้ำไม่เป็น แม้คุณสมบัติของผู้สมัครไม่ได้ระบุไว้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ควรช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่งถ้าได้ไปทำงานบนเรือจริงสิ่งแรกที่ต้องทำคือการไปเรียนว่ายน้ำ
“เฮ้อ” ทิวาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอน พรุ่งนี้จะลองไปหางานพิเศษเพราะถ้ารอให้ได้งานประจำจะได้ไม่รู้สึกเบื่ออย่างนี้
วันนี้ทิวาตื่นนอนสายกว่าทุกวันเพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็ปาไปเกือบจะตีหนึ่ง เขาลงมาทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลยเพราะเป็นเวลาทำงานของคนส่วนใหญ่
“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอพ่อหนุ่ม” ป้าเจ้าของร้านทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะตั้งแต่มาพักที่นี่เขาก็มาทานเป็นประจำทุกวัน
“วันนี้ว่างครับ”
“แล้วทำงานอะไรล่ะ ถึงได้ว่างแบบนี้” ขณะมือควงตะหลิวปากก็ชวนคุย
“ผมกำลังหางานอยู่ครับ”
“แย่หน่อยนะ ช่วงนี้งานการหายากเหลือเกิน”
“ครับป้า”
“เรียนจบอะไรมาเผื่อป้าแนะนำได้แถวนี้ป้ารู้จักคนเยอะ”
“บัญชีครับป้า”
“งานแบบนั้นแถวนี้ไม่มีหรอก จะมีก็แต่งานเสิร์ฟ เอ็งเห็นผับฝั่งตรงถนนใหญ่ไหม มันเพิ่งเปิดใหม่ ลองไปสมัครดูสิ เห็นว่ารับหลายคนเลย”
“จริงเหรอครับป้า”
“จริงสิ หลานชายป้าก็ไปสมัครมา แต่มันพูดภาษาปะกิตไม่เลยได้แค่ล้างจาน”
“ขอบคุณมากครับป้า เดี๋ยวผมจะลองไปสมัครดู”
แม้ไม่ชอบสถานที่แบบนั้นแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์พอทานข้าวเสร็จชายหนุ่มเลยรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวและเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่ง
ไม่ใช่มีแค่เขาคนเดียวที่มาสมัครงานในวันนี้ เพราะตอนที่มาถึงก็มีคนรออยู่แล้วนับสิบคน เขาเดินไปหยิบใบสมัครและกรอกข้อมูลจนครบก็ไปยื่นที่โต๊ะซึ่งมีพนักงานหญิงคนหนึ่งรอรับอยู่
รอไปได้สักพักพนักงานคนเดิมก็เรียกให้เข้าไปในผับทีละคน
“จบบัญชี ทำไมมาสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟล่ะ” ผู้จัดการผับเป็นคนถาม
“ผมเบื่อตัวเลขครับ” เขาตอบตามตรง
“แต่เงินมันดีกว่านะ”
“พี่ไม่ได้บังคับ เอาเป็นว่าพี่รับเราในตำแหน่งเด็กเสิร์ฟแต่ถ้าพี่ไม่ว่างก็อยากมาช่วยแทนนิดหน่อยได้ไหม แล้วพี่จะให้พิเศษ”
“ครับ” เพราะไม่อยากเรื่องมากตั้งแต่ครั้งแรกเขาเลยตกลงไปอย่างนั้น ได้งานทำก็ยังดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
“สะดวกมาเริ่มงานวันไหน”
“วันนี้ก็ได้ครับ”
“ร้านเปิดสี่ทุ่มถึงตีสอง ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เปิดสามทุ่ม เวลาเข้างานก่อนร้านเปิดชั่วโมงครึ่ง ทุกคนต้องมาช่วยกันทำความสะอาดร้าน ส่วนเวลาเลิกงานก็ตอนที่เคลียร์แขกหมดแล้ว สะดวกไหม ทำงานประจำหรือเปล่า”
“สะดวกครับ”
“งั้นเจอกันตอนเย็น ใส่กางเกงยีนนะ ส่วนเสื้อให้มาเปลี่ยนที่ร้าน ออกไปแล้วก็บอกพนักงานข้างหน้าว่าใส่เสื้อไซร์ไหน”
“ขอบคุณครับ”
ทิวาออกมาจากห้อง คนที่ต่อคิวอยู่ก็เดินสวนเข้าไป เขาแวะบอกไซร์เสื้อตามที่ผู้จัดการร้านบอก จากนั้นก็โทรตามพี่วินคนเดิมให้มารับ
ยังพอมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงก่อนจะเริ่มงาน ทิวาเลยมีโอกาสได้นอนพัก แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นมาอีกทีก็ตอนหกโมงเย็นเพราะเสียงไลน์
Kin : เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว หวังว่าคงมีข่าวดีนะ ผมรอคุณเลี้ยงข้าวอยู่
เพราะยุ่งอยู่กับการสมัครงานทิวาเลยลืมว่าเคยบอกเขาว่าจะเลี้ยงข้าว แต่มันไม่ได้ผิดอะไรเพราะเขาเองก็เพิ่งจะได้งาน
Tiwa : เหมือนรู้เลย ผมเพิ่งได้งานวันนี้
Kin : เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว หวังว่าคงมีข่าวดีนะ ผมรอคุณเลี้ยงข้าวอยู่นะ
Tiwa : เหมือนรู้เลย ผมเพิ่มได้งานวันนี้
Kin : จริงเหรอครับ ผมดีใจด้วย
Tiwa : ผมได้งานที่ ผับ***
Kin : ผมโทรหาได้ไหม
Tiwa : ครับ
ยังไม่ขึ้นว่าอ่านเมคินก็โทรเข้ามาแล้ว
เพราะหลายวันมานี้เขาได้แต่คุยกับตัวเอง พอมีคนโทรมาหาทิวาเลยเล่าเรื่องทุกอย่างอีกฝ่ายฟังเหมือนกับเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
“ผมขอโทษนะครับ ที่เอาแต่พูดถึงเรื่องของตัวเอง”
“ไม่เป็นไร”
“ถ้าผมจะนัดทานข้าวช่วงกลางวันคุณจะสะดวกหรือเปล่า”
“นี่คุณคิดว่าที่ผมติดต่อมาเพราะเรื่องทานข้าวเหรอ”
“ครับ” ทิวานึกไม่ออกว่านอกจากเรื่องนี้เขาจะติดต่อมาทำไม
“ผมไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กินขนาดนั้น พอดีว่าพรุ่งนี้ผมจะไปสระบุรีเลยอยากจะถามคุณว่ารถคุณซ่อมเสร็จหรือยัง ผมจะได้แวะไปเอาให้”
“ผมขายไปแล้ว”
“ขายไปแล้ว” เมคินทวนซ้ำ
“ครับขายไปแล้ว ผมมาอยู่กรุงเทพไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถ อีกอย่างมันก็เก่ามาแล้ว ถึงจะซ่อมไปผมก็ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีมันจะเสียตรงไหนอีก”
“มันก็จริง ผมรบกวนคุณนานแล้วคงต้องวางสายก่อน”
“ครับ”
พอวางสายแล้วทิวาก็อาบน้ำ ทานข้าวเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน
เขามาถึงที่ทำงานเป็นคนที่สองรองจากผู้จัดการร้าน
“สวัสดีครับพี่”
“สวัสดี ชื่ออะไรนะ”
“ทิวาครับ พี่เรียนผมทิวก็ได้”
“ทิว ชื่อเพราะดี พี่ชื่อวศินเรียนพี่ศินก็ได้ มาก่อนคนอื่นเลยตื่นเต้นเหรอ”
“นิดหน่อยครับพี่”
“เดี๋ยวพอคนอื่นมาก็จเริ่มทำความสะอาด ระหว่างรอเพื่อน มาเรียนรู้งานกับพี่ก่อนไหม”
“ได้ครับ”
ทิวาเดินอ้อมเข้าในเคาน์เตอร์ซึ่งมีเครื่องดื่มจำนวนมากเรียงรายกันอยู่ พี่วศินให้เขาดูเมนูเครื่องดื่มที่ต้องแนะนำลูกค้า จากนั้นก็สอนให้เขาใช้เครื่องคิดเงิน
ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าเครื่องคิดเงินโดยมีวศินยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง เขายืนชิดจนทิวารู้สึกถึงลงหายใจที่รดต้นขอ
“พี่ศินครับ ผมพอจำได้แล้ว”
“แน่จะ ไหนลองทำให้พี่ดูอีกทีสิ” เขายื่นหน้ามาใกล้จนได้กลิ่นบุหรี่จางๆ
ทิวารู้สึกว่าผู้จัดการร้านยืนชิดเขาจนเกินไป ชายหนุ่มจึงย่อตัวลงแล้วออกจากอ้อมแขนที่กักเขาไว้
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเรียนรู้เหรอ พี่บอกแล้วถ้าช่วยพี่ตรงนี้จะได้เงินพิเศษ”
“ครับพี่ แต่ผมได้ยินเสียงคนอื่นมากันแล้ว ผมออกไปรอดีกว่าครับ”
ประตูหน้าร้านเปิดเข้ามาพร้อมกับทิวาที่ออกมายืนหน้าเคาน์เตอร์พอดี ทุกคนทักทายผู้จัดการร้าน แนะนำตัวคร่าวๆ จากนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาด
“ทิว นายมาทำวันแรกเหรอ” นวพลหรือพล เข้ามาถามขณะที่เขานั่งพักเหนื่อย
“อือ”
“แต่ก่อนเคยทำที่ไหน”
“ไม่เคย นายล่ะ”
“เราเคยทำที่*** แต่ที่นี่จ่ายดีกว่าก็เลยลองมาทำ”
“แล้วดีกว่าจริงไหม”
“จริงสิ ทิปเยอะด้วย”
ทิวาพยักหน้า แม้จะไม่ใช่งานที่ตั้งใจทำในคราแรก แต่เมื่อมีงานอะไรเข้ามาเขาก็ต้องคว้าไว้ก่อน
“พี่คิน เราจะเป็นไข้เลือดออกกันไหมครับ เราไม่มียากันยุง”“เดี๋ยวพี่โทรไปขอทางรีสอร์ตให้ อย่าเพิ่งออกไปนะเดี๋ยวโดนยุงกัดตัวลายขึ้นมาผิวสวยจะเสียหมด”รอไม่นานพนักงานของรีสอร์ตก็เอายากันยุงกับไฟแช็กมาให้ เมคินรับมาพร้อมกับมอบเงินให้เล็กน้อยค่าเสียเวลาเขาเดินออกไปจุดยากันยุงไว้หลายจุดเพราะกลัวว่ายุงจะมากัดผิวสวยๆ ของคุณเลขา“รอสักพักค่อยออกไปนะครับ พี่ขอล้างมือก่อน”“ครับ” เสียงทิวาขานรับขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพอเมคินเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งสองก็หอบหมอนและผ้าห่มเดินออกไปบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเตียงอาบแดดอยู่ด้านริม“พี่คินว่าเราจะเห็นดาวตกไหม”“ก็น่าจะเห็นอยู่นะ” เมคินไม่ได้สนใจฝนดาวตก แต่เพราะอีกคนอยากเห็นก็เลยต้องออกมานอนตากน้ำค้างอย่างนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จริง แต่ทุกดวงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า“ทิวครับ ง่วงหรือเปล่า”“นิดหน่อยครับ”“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ”“ยังไหวครับพี่ แต่ถ้าผมเผลอหลับพี่คินอย่าทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียวนะ”“ใครจะทิ้งได้ลงล่ะครับ” เมคินหันมาบอกคนรักที่อยู่เตียงใกล้ๆ กันตาคู่สวยของเลขาคู่ใจยังคงจ้องไปบนท้องฟ้า ส่วนส
ตลอดสองเดือนที่คุณจางหยวนเข้ามาในชีวิตของทิวา เมคินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะรู้สึกเห็นใจที่เขากับลูกเพิ่งจะได้เจอกัน แต่พอเวลาผ่านไปเขาเองก็เริ่มทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของคุณจางหยวน“สวัสดีครับคุณเมคิน ไม่คิดเลยว่าบริษัทผมจะมีโอกาสต้อนรับคุณ”“สวัสดีครับคุณจาง ผมมาหาทิวาครับ”“อ้อ มาหาลูกชายผมนั้นเอง เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเองได้ ผมแค่แวะมาทักทายและจะมาบอกว่าต่อนี้ไปผมจะไม่ให้ทิวามาทำงานกับคุณอีกแล้ว”“ทำไมละครับ เขาเป็นลูกผมอีกหน่อยเข้าต้องมาทำงานแทนผม”“แต่มันยังไม่ถึงเวลาครับ คุณยังแข็งแรงอยู่เลยแล้วอีกอย่างคุณก็รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”“ใช่ผมรู้และก็ไม่ได้กีดกันสักหน่อย”“ไม่ได้กีดกันครับ แต่ช่วงนี้คุณแทบจะไม่ปล่อยให้เข้าไปทำงานกันผมเลย ผมแค่มาทวงเลขาคืน”“ตายจริง ผมคงลืมไปว่าเขาเป็นเลขาของคุณด้วย คิดแต่ว่าเป็นคนรักกัน”“ทิวเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ”“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ กับผมนะ เอาล่ะ ตอนนี้ทิวาก็เรียนรู้งานมากแล้ว ที่ผมยอมให้เขากลับไปก็เพราะว่างานที่นี่มันค่อนข้างลงตัวแล้ว เขาแค่อาจต้องเข้ามาประชุมบ้างก็เท่านั้น
หลังจากที่ผลตรวจดีเอ็นเอคุณจางหยวนก็ดีใจมาก เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ครอบครัวที่คิดว่าเสียไปแล้วเมื่อยี่สิยกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ชายวันห้าสิบกว่าก็ออกอาการดีใจเหมือนกับเด็กๆ ที่ได้ของเล่นเลยทีเดียวเขาพูดจาหว่านล้อมจนคุณลักษิกายอมขึ้นมากรุงเทพ แม้เธอจะยังจำเรื่องในอดีตได้แต่ก็ยอมเดินทางมาเพราะอยากจะเจอกับทิวาอีกครั้งครั้ง ตอนนี้นอกจากรูปถ่ายใบนั้นแล้วคุณจางหยวนยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันที่โรงเรียน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ และยังมีรูปถ่ายอีกหลายรูปที่ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมส่งมาให้ทางอีเมล ลักษิกาเลยเริ่มเปิดใจยอมรับเขาทีละนิด เพราะทุกรูปที่เขามีนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆวันนี้ทิวาเลยนัดทั้งสองคนให้มาที่บ้านของเมคิน เพราะทุกคนที่นี่ก็คือครอบครัวของเขา“พอครับ แม่ครบ นี่คุณจางหยวนกับคุณลักษิกาครับ” เขาเรียกคุณเมฆาและคุณจีรญาว่าพ่อและแม่อย่างเต็มปากในขณะที่เรียกพ่อแม่แท้ๆ ว่าคุณ ทำให้เมฆารู้ในทันทีว่าทิวายังไม่เปิดใจยอมรับทั้งสองมากนัก“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณจางหยวนคุณลักษิกา” เมฆากล่าวทักทาย“ยินดีท
เมคินเลขาคู่ใจกลับมาทำงานกันตามปกติ ส่วนคุณจางหยวนนั้นยังขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ ทิวาโล่งใจที่เขาไม่กลับมาด้วยเพราะตัวเองยังคงสับสนกับทุกเรื่อง“บอสครับบ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายวางแผนกลยุทธ์นะครับ แล้วตอนเย็นก็ต้องมีงานเลี้ยงรุ่นนะครับ” ทิวาเดินถือกาแฟมาให้กับเจ้านายพร้อมบอกตารางการทำงานของบ่ายวันนี้อย่างเคย“ลืมไปสนิทเลย ทิวเปลี่ยนใจไปกับพี่ไหม” เมคินรั้งให้คนรักมานั่งบนตัก กดจมูกไปยังแก้มเนียนชายหนุ่มมักจะฉวยโอกาสอย่างนี้ทุกครั้งที่ทิวาเอากาแฟเข้ามาให้“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ไปด้วยพี่จะได้สนุกเต็มที่”“ไม่กลัวพี่ไปเจอคนอื่นเหรอ”“คนเขารู้กันทั้งเมืองว่าพี่มีเจ้าของแล้ว ผมอยากจะรู้จังว่าใครมันจะกล้าเข้ามาหาพี่”“ไม่แน่นะทิว คนเราบางทีก็อยากท้าทาย”“ก็จริงนะครับ แต่ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก”“แสดงว่าเชื่อใจพี่”“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าพี่จะไม่มีคนอื่น เพราะฉะนั้นพี่อย่าทำลายความเชื่อใจของผม”“ใครจะทำอย่างนั้น”“ผมต้องออกไปแล้วหายเข้ามานานเดี๋ยวคุณวีณาสงสัย”“คนรักกันจะอยู่ด้วยกันนานหน่อยไม่น่ามีปัญหานะ ทิวย้ายเข้ามานั่งทำงานในห้องดีไหม”“อย่าเลยครับ ผมกลัวพี่เห็นหน้าผมทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ทิวากลับมายังคอนโดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของชายคนที่มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นรูปถ่ายที่ชายคนนั้นเอามาให้ดูแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจ ผู้หญิงในรูปถ่ายหน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นฝาแฝดถ้าเขาใสวิกผมยาวก็คงแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน“อย่าเพิ่งคิดมาเลยทิว รอผล DNA ก่อนดีกว่า”“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเป็นลูกเขาจริงๆ”“ถ้าให้ตอบในมุมมองของพี่นะ มันก็ดีที่เรารู้ว่าพ่อเราเป็นใคร และเท่าที่ฟังคุณจางหยวนก็ไม่ได้ทิ้งทิวไป แต่มันเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น คนที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่ของทิว ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงจะเห็นทิวผ่านตามสื่อบ้างแล้ว”“พี่หมายความว่าแม่ผมอาจตายไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงของทิวาสั่นเครือ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่มาได้โดยไม่มีพ่อและแม่ แต่พอมาได้ยินเรื่องราววันนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเจอผู้ให้กำเนิด อยากรู้ว่าท่านอยู่สุขสบายดีไหม“พี่ขอโทษ” พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิด เขาไม่น่าไปตั้งข้อสงสัยแบบนั้นเลยจริงๆ“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงเห็นผม ขนาดแม่ครูที่ไม่ค่อยมีเวลาดูทีวียังเคยเห็นเลย”“จริงสิ เราลองถามแม่ครูดูไหมบางทีอาจมีเบาะแส”“อย่าเลยครับพี่คิน เอาเรื่องคุ
ในแต่ละวันเมคินและทิวาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสองก็ยิ่งรักและเข้าใจกันมากขึ้นชีวิตที่กำลังลงตัวของทิวากำลังจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ๆ ชายชาวจีนคนหนึ่งก็บอกว่าอยากเจอเขา โดยชายคนนั้นติดต่อผ่านทางบริษัทโฆษณาของเมลดาทิวาไม่เคยมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น และก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยากเจอตนเองด้วยเรื่องอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายยินดีที่จะบินมาที่เมืองไทย ชายหนุ่มก็เลยตอบตกลงที่จะให้เขาเข้ามาพบวันนี้ชายคนนั้นเดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อขอพอกับทิวา โดยนัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งเมคินและทิวามาถึงโรงแรมตรงเวลานัดพอดี แต่เขาคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณทิวา ผมชื่อจางหยวน” เขากล่าวทักทายด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว“สวัสดีครับผมทิวา คุณคงรู้อยู่แล้วและนี่เมคินคนรักของผมครับ” ทิวาแนะนำตัวเองและคนรักให้กับชายแปลกหน้าด้วยสถานะที่ทั้งสองไม่เคยปิดบัง“ครับ เชิญนั่งก่อน ผมสั่งอาหารแล้ว เราทานไปด้วยคุยไปด้วยก็ได้”“ผมว่าคุยรีบคุยธุระของคุณดีกว่าครับ เราสองคนยังไม่หิว”“ผมอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า”“เสียใจครับ ผมคงให้คุ