“แล้วเจ้าอยากรู้เรื่องตระกูลฟู่ในเมืองหลวงหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ แคว้นต้าหลี่กว้างใหญ่นัก ตระกูลฟู่ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่ในเมืองหลวง หากญาติของท่านแม่ข้า อยากจะออกตามหานางจริง คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงมานานนับสิบกว่าปี”
ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาของเจ้าของร่างเดิมถึงได้หมดสติอยู่ที่ข้างทาง ทั้งยังไร้ซึ่งความทรงจำ หากนางถูกขับออกจากตระกูลหรือถูกตามสังหาร ถ้าเยี่ยนอิงยังอยากจะรู้เรื่องของตระกูลฟู่ จะไม่มีจุดจบเช่นบิดามารดารึ
“เช่นนั้นรึ” เขาเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง ก็อดที่จะชื่นชมในความเข้มแข็งไม่ได้
ทั้งสองต่างมองพิจารณากันโดยไม่มีสิ่งใดเอ่ยออกมา เยี่ยนอิงที่กลัวจะหาซื้อของได้ไม่ครบก่อนที่ซานเซินจะตื่น นางจึงขอตัวเพื่อออกไปด้านนอก
“หากท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงลุกขึ้น เพื่อจะออกไปซื้อของก่อนที่น้องชายจะตื่น แต่ก็ถูกหมอหลิวเอ่ยรั้งไว้อีกครั้ง
“หากเจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ มาพบข้าได้ที่โรงหมอ หรือจะไปที่จวนของข้าอยู่ที่ทิศตะวันออกของเมือง หน้าจวนมีป้ายตระกูลหลิว เจ้าหาได้ไม่ยาก”
“หึหึ ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่หากจะรบกวนท่านก็คงเป็นเรื่องนำสมุนไพรมาขาย” นางยิ้มให้เขาเล็กน้อย พร้อมกับก้มหัวลงแล้วเดินออกไปทันที
เยี่ยนอิงไม่คิดจะตามหาที่มาของมารดาเจ้าของร่างต่อ หากโชคชะตานำพามาให้พบกัน ก็ขอให้เป็นเรื่องในกาลต่อไป
เยี่ยนอิงหยุดอยู่ที่หน้าโรงหมอ ก่อนจะจำตำแหน่งที่ตั้งเดิมไว้ให้มั่น เมื่อครู่นางสอบถามจากเสี่ยวเอ้อแล้วว่า ร้านค้าที่นางต้องการจะซื้อของอยู่ที่ใดบ้าง
ร้านแรกที่เยี่ยนอิงเดินเข้ามาซื้อเป็นสิ่งแรกคือเสื้อผ้า นางค้นดูเสื้อผ้าในเรือนของฟู่เยี่ยนอิงแล้ว มีเพียงชุดที่นางเพิ่งจะทิ้งไปและชุดที่นางกำลังสวมใส่อยู่เท่านั้น ของซานเซินก็คงไม่ต่างกัน
“หยุดเลย เจ้าขอทาน ห้ามเข้ามาในร้าน ไปให้พ้น!!!” เพียงร้านแรกนางก็ถูกขับไล่เสียแล้ว
“หื้ม...ร้านผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเป่ยหนาน ต้อนรับลูกค้าเช่นนี้รึ” เยี่ยนอิงปรายตามองเสี่ยวเอ้อหน้าร้านอย่างมีโทสะ
“เหอะ ผ้าในร้านเจ้ามีปัญญาซื้อรึ ไป ๆ ไปให้พ้นหน้าร้านได้แล้ว ลูกค้าคนอื่นไม่กล้าเข้าร้านเพราะความสกปรกของเจ้า”
เยี่ยนอิงอยากจะเดินเข้าไปซัดหน้าเขาสักที แต่ถูกเสียงด้านหลังเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน
“แม่นางน้อย หากเจ้าอยากได้ผ้า ไปดูร้านของข้าดีหรือไม่ แม้ร้านจะเล็กสักหน่อย แต่รับรองว่าผ้าที่เจ้าต้องการล้วนมีให้เลือกมากมาย”
เป็นเสี่ยวเอ้อที่อยู่ร้านด้านข้าง เดินเข้ามาเอ่ยชวนเยี่ยนอิงไปซื้อของที่ร้านของเขา
“ขอบคุณท่านมาก ข้าอยากได้ผ้าที่ดีที่สุดของร้านที่ตัดชุดเรียบร้อยแล้ว สำหรับตัวข้าห้าชุด น้องชายข้าสิบหนาวห้าชุด เครื่องนอนสองชุด ไม่สิเอามาสี่ชุดไปเลย”
เยี่ยนอิงนางตั้งใจจะสั่งของให้เสี่ยวเอ้อร้านแรกได้ยิน เพียงแค่การสั่งซื้อของนางยังไม่น่าตกใจเท่าที่นาง นำตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงทองออกมา
“พอหรือไม่” นางเอ่ยถามเมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อร้านที่สอง มองตั๋วเงินในมือด้วยความตกตะลึง
“พอๆ ที่แม่นางพูดมาใช้เงินเพียงยี่สิบตำลึงทองเท่านั้น” ด้วยเยี่ยนอิงต้องการผ้าที่ดีที่สุดถึงสิบชุด จึงต้องจ่ายเงินมากเสียหน่อย
“เช่นนั้นก็เพิ่มชุดผ้าฝ้ายไว้ใส่ทำงานอีกอย่างละห้าชุดก็แล้วกัน” นางคิดว่าชุดดีๆ ไม่ควรจะใส่อยู่ในหมู่บ้าน เมื่อครู่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นที่สั่งออกไป
“ได้ขอรับ เชิญแม่นางทางด้านนี้”
“ประเดี๋ยวก่อน แม่นางน้อย เมื่อครู่ข้าปากเสียไปหน่อย ผ้าที่ร้านของข้าดีกว่ามากนัก เจ้าเข้ามาเลือกดูก่อนดีหรือไม่” เสี่ยวเอ้อร้านแรกตบปากตัวเองเบาๆ เขาเอ่ยเอาใจเยี่ยนอิงเพื่อให้นางเปลี่ยนใจ หากหลงจู๊รู้ในสิ่งที่เขาทำไม่แคล้วเขาคงได้ถูกไล่ออกเป็นแน่
“หึ เจ้าว่า...ข้าควรจะเดินเข้าร้านที่ดูแคลนข้าเช่นนี้รึ”
แต่สภาพของเยี่ยนอิงยามนี้ก็สมควรให้เสี่ยวเอ้อร้านแรกดูแคลนถูกแล้ว เสี่ยวไป๋สร้างภาพลวงตาของเยี่ยนอิงขึ้นมาได้น่าสงสารกว่าเดิมเสียอีก
นางเดินตามเสี่ยวเอ้อร้านที่สองไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเสี่ยวเอ้อร้านแรกเลย
“แม่นางน้อย เจ้ารอสักประเดี๋ยวข้าจะรีบไปจัดเตรียมของให้”
“ประเดี๋ยวก่อน ชุดของข้าขอใหญ่กว่าตัวข้าสักหน่อยก็แล้วกัน” ร่างของนางไม่ได้เล็กเช่นที่ทุกคนเห็น หากซื้อขนาดพอดีตัวไป คงใส่ไม่ได้นาน
“ได้ๆ ข้าจะไปจัดให้เดี๋ยวนี้”
“ข้าฝากไว้ก่อนก็แล้วกัน ยังต้องไปหาซื้อสิ่งอื่นด้วย”
เสี่ยวเอ้อรีบไปให้หลงจู๊คิดเงินให้เยี่ยนอิงก่อน เพื่อที่นางจะได้นำเงินไปหาซื้อของ
หลังจากที่เกิดเรื่องที่หน้าร้านผ้า เสี่ยวเอ้อร้านอื่นล้วนแต่รู้เห็นเหตุการณ์ พอเยี่ยนอิงนางเดินออกจากร้านผ้าที่สองไปซื้อของร้านอื่น ก็ล้วนแต่ได้รับการตอบรับอย่างดี
เยี่ยนอิงซื้อของไม่น้อยเลย ข้าวสารนางก็ซื้อเสียกระสอบใหญ่ เครื่องปรุงทั้งหมดนางก็ซื้อมาเก็บไว้หลายไห อย่างไรนางก็ใส่ไว้ในช่องเก็บของได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีผู้ใดมาเห็น
เยี่ยนอิงให้คนงานที่ร้านค้า นำของมาส่งให้นางที่ตรอกซอยไร้ผู้คน โดยบอกว่าครอบครัวของนางให้นางมารอที่ตรงนี้ พวกเขาจึงไม่ได้สนใจมากนัก พอกลับออกไปจนหมด นางก็เก็บของเข้าไปในช่องเก็บของ ก่อนจะเดินถือของไม่กี่อย่างกลับไปที่โรงหมอ
“อิงเออร์ ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าต้องไม่กล้าซื้อของ ข้าจึงได้ซื้อไว้ให้เจ้ากับเซินเออร์เรียบร้อยแล้ว” ป้าตู้เดินเข้ามาหาเยี่ยนอิงที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน
“เอ่อ...ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางยิ้มแห้งออกมา หากป้าตู้ได้เห็นข้าวของที่นางซื้อไม่รู้ว่าจะทำหน้าเช่นไร
ป้าตู้กับลุงตู้ ล้วนแต่ซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับสองพี่น้องทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หรือข้าวสาร แป้ง น้ำตาล เกลือ แม้กระทั่งผักสด เนื้อสัตว์ก็มีอย่างมากมาย
“เซินเออร์ ตื่นแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“ตื่นแล้วๆ ท่านหมอหลิว เพิ่งจะหาของกินให้เซินเออร์รองท้อง อีกครู่ก็เดินทางกลับหมู่บ้านได้แล้ว”
“เช่นนั้น ข้าไปดูก่อนนะเจ้าคะ”
“เอาของเจ้ามา ข้าจะไปเก็บที่เกวียนวัว แล้วเดี๋ยวจะเอาเกวียนมารับที่หน้าโรงหมอเลย” ลุงตู้แย่งของจากมือเยี่ยนอิงไป
ซานเซินกำลังดื่มชาล้างปากอยู่ เมื่อเยี่ยนอิงดินเข้าไปด้านในห้อง
“พี่หญิง ข้าดีขึ้นแล้วขอรับ กลับหมู่บ้านเลยหรือไม่ขอรับ”
“อืม กลับหมู่บ้านกัน” นางลูบหัวน้องชาย ก่อนจะพากันออกไปด้านนอก
“เจ้าไปรอพี่ที่เกวียนก่อน พี่จะไปจ่ายค่ายา”
ซานเซินพยักหน้ารับ ก่อนจะอุ้มเสี่ยวไป๋ เดินตามป้าตู้ไปที่เกวียนวัว ที่จอดรออยู่หน้าโรงหมอ
“ค่ายาของน้องชายข้าเท่าใดเจ้าคะ” เยี่ยนอิงเดินไปถามหลงจู๊
“...” หลงจู๊ที่กำลังอ้าปากบอกเรื่องค่ารักษาของซานเซิน ก็ถูกเสียงด้านหลังเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“มิต้อง หากน้องชายเจ้าอาการกำเริบก็พามาที่โรงหมอของข้าได้ตลอดเวลา” หมอหลิวเดินออกมาได้ยินเข้าพอดี
“เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหมอหลิวมากเจ้าค่ะที่เมตตาน้องชายของข้า” เยี่ยนอิงก้มหัวขอบคุณเขา ก่อนจะรับห่อยามาจากหลงจู๊ แล้วเดินไปขึ้นเกวียนวัวที่จอดรออยู่หน้าโรงหมอ
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ นางหูซื่อก็เดินมาถึงเรือนตระกูลกวน ด้วยก่อนหน้านี้ปู่กวนให้หลานชายไปตามนางมาพบ"อิงเออร์ เซินเออร์” นางเห็นหลานทั้งสองนั่งอยู่ภายในห้องโถงตระกูลกวน ก็รีบเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งสวมกอดทั้งสองด้วยความคิดถึง“ท่านย่า/ท่านย่า” เยี่ยนอิงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความรักที่นางหูซื่อมีต่อเจ้าของร่างเดิมและน้องชายของนาง“พวกเจ้าได้กินอันใดหรือไม่ เหตุใดถึงได้ผอมเช่นนี้” นางมองหลานทั้งสองอย่างปวดใจหากผู้เป็นสามียังมีชีวิตอยู่ บุตรชายคนโตคงไม่กล้ารังแกหลานทั้งสอง เป็นเพราะนางอ่อนแอเกินไป จึงไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดพวกเขาได้“ท่านย่า ท่านไม่ต้องห่วงข้ากับเซินเออร์เจ้าค่ะ เมื่อสองวันก่อนข้าขึ้นเขาไปกับป้าตู้แล้วพบของดีเข้า ได้เงินมาไม่น้อย จึงคิดจะนำเงินมาตอบแทนท่านเจ้าค่ะ”“ตอบแทนอันใดกัน ข้าไม่เคยช่วยเหลือพวกเจ้าได้เลย” พอนึกถึงเรื่องในหนเก่า นางหูซื่อก็ร้องออกมาอย่างปวดใจ บุตรชายคนรองของนางและลูกสะใภ้ ต่างตกตายกันไปสิ้น เหลือเพียงหลานทั้งสองให้ดูต่างหน้า แต่นางก็ไม่อาจดูแลพวกเขาได้คนที่อยู่ในห้องโถง ต่างมองย่าหลานพูดคุยกันด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ“เอาเถิด ที่เรียกเจ้ามาก็ด้วยเรื่องนี
เยี่ยนอิงที่ยังไม่เคยเดินลมปราณสักครั้ง นางต้องปรับพลังชี่ให้ไหลเวียนได้คล่องเสียก่อน ถึงจะทะลวงเส้นลมปราณ“แล้วต้องนั่งที่ใด” นางมองหาที่นั่งภายในห้องตำราก็เห็นว่าไม่มีมุมใดที่นางจะนั่งเดินลมปราณได้“ด้านนอกขอรับ ท่านตามข้ามา” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงออกไปด้านนอกด้านหลังเรือนพักมีต้นไม้ใหญ่ ตรงโค่นต้นมีแท่นหินเกลี้ยงเกลากว้างขนาดเท่าเตียงนอนอยู่ด้วย“ท่านขึ้นไปนั่งเดินลมปราณบนแท่นหินได้เลยขอรับ”เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่ง“อืม...เย็นสบายนัก” แท่นหินที่นางนั่งอยู่ไม่ได้เย็นจนไม่อาจจะทนนั่งได้ มันเป็นความเย็นที่นางรู้สึกว่าสบาย หากเป็นเช่นนี้นางคิดว่านางคงนั่งได้นาน“หินที่ท่านนั่งอยู่มิใช่หินธรรมดา เป็นหินที่ดูดซับพลังฟ้าดินมานับหมื่นปี นายแห่งมิติคนเก่านำมาจากสวรรค์...” มันเกือบจะหลุดพูดถึงแหล่งที่มาต่อ แต่ก็เงียบปากลง เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ถูกห้ามพูดไว้เยี่ยนอิงนางก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูด นางสนใจไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแท่นหิน พามือของนางไปสัมผัสเข้า ก็ราวกับว่าไอเย็นที่เห็นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ“ท่านหลับตาเข้าสมาธิได้เลยขอรับ
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อน ซานเซินจะเคยได้ลิ้มลองเนื้อบ้างหรือไม่ รูปร่างของซานเซินมีเพียงเยี่ยนอิงและเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่จะมองออกนางจึงได้รู้ว่า น้องชายของนางยามนี้ ความสูงของเขาเพิ่มจากเดิมไม่น้อยแล้ว ไหนจะแก้มที่แดงระเรื่อเช่นคนสุขภาพดี ต่อจากนี้เพียงขุนเขาให้มีเนื้อเพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะน่าเอ็นดูเพียงใดเยี่ยนอิงและซานเซินกำลังกินอาหารเย็น เรือนตระกูลตู้ก็กินเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ลองชิมอาหารฝีมือของเยี่ยนอิง อาหารที่ป้าตู้และลูกสะใภ้นางทำไว้ก็แทบจะไม่พร่องลงเลย“ข้าเพิ่งรู้ว่าอิงเออร์นางมีฝีมือมากเพียงนี้” ลุงตู้เลียริมฝีปาก เขาอยากจะกินอาหารของเยี่ยนอิงอีก“จริงขอรับท่านพ่อ เช่นนี้อิงเออร์ นางเปิดเหลาอาหารได้เลย” บุตรชายของลุงตู้เอ่ยออกมาอีกคน“พวกท่านแย่งข้ากินหมดเลย ข้าอุตส่าห์หน้าหนาไปขอพี่อิงมา” อาเหมยนั่งหน้าบูดเมื่อนางคีบอาหารไม่ทันคนอื่น“หากเจ้าชอบฝีมือของพี่อิงของเจ้า อาเหมยเจ้าไปขอให้นางมาเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าดีหรือไม่” กวนซื่อ ลูกสะใภ้ของป้าตู้เอ่ยบอกบุตรสาว“จริงด้วย พี่เฉียว ท่านไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยาเลยเจ้าค่ะ” อาเหมยหันไปหาพี่ชายของนาง“เจ้าพูดอันใดของเจ้า อย่าได้พูดเช่นนี้ให้ผ
เยี่ยนอิงยืนมองทั้งคู่เข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้ออกไปด้านนอกมิติ เพื่อเตรียมอาหารไว้ให้พวกเขา“อิงเออร์ เจ้ายังมิได้ทำอาหารใช้หรือไม่ เช่นนั้นไปกินที่บ้านป้าเถิด” ป้าตู้ที่เพิ่งจะไล่ชาวบ้านไปได้แล้ว อีกทั้งนางเพิ่งจะนำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือน ก็เดินมาหาเยี่ยนอิงที่เรือนของนาง“ท่านป้า วันนี้ข้ารบกวนท่านมาตลอดทั้งวันแล้ว อีกอย่างเซินเออร์ยังมิหายดี ข้าไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่เรือนเพียงลำพังเจ้าค่ะ”“จริงด้วย ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าต้องดูแลเซินเออร์ ประเดี๋ยวข้าจะให้เหมยเออร์ นำอาหารมาให้เจ้าก็แล้วกัน” อาเหมยเป็นหลานสาวของป้าตู้ อายุรุ่นเดียวกับซานเซิน“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเดินไปส่งป้าตู้ที่หน้าเรือน ก่อนนางจะกลับมาเตรียมข้างของเพื่อทำอาหารแต่ว่า...นางจุดไฟไม่เป็น เยี่ยนอิงมองเตาไฟที่ต้องใช้ฟืนอย่างครุ่นคิด ผัก เนื้อสัตว์นางล้วนแต่หั่นเตรียมไว้หมดแล้ว ซานเซินก็ไม่อยู่ในเรือนด้วย นางหมดหนทางที่จะหาวิธีจุดไฟแล้ว“จะทำเช่นใด” นางเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะหยิบตะบันไฟขึ้นมามองหาวิธีใช้ด้ามไม้ไผ่ขนาดสามชุ่น (1ชุ่น=1นิ้ว) ในมือถูกเปิดขึ้นเพื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน เยี่ยนอิงมองอย่า
ตลอดทางที่เดินทางกลับหมู่บ้าน ป้าตู้พูดคุยเรื่องซื้อที่ดินเพิ่มกับเยี่ยนอิง ทั้งถามว่านางจะซ่อมแซมบ้านหรือไม่“อิงเออร์ เจ้าคิดจะทำหรือไม่ หากเจ้าต้องการซื้อที่ดินหรือซ่อมแซมเรือน ข้าจะให้ลุงตู้ของเจ้าออกหน้าให้”“ไม่เจ้าค่ะ ข้าคิดจะพาเซินเออร์ย้ายมาอยู่ในเมือง ต่อไปข้าจะให้เขาเข้าสำนักศึกษา หากยังอยู่ในหมู่บ้านคงเดินทางไปกลับไม่สะดวกนัก” นางสอบถามคนในเมืองแล้ว หากต้องการซื้อเรือนต้องไปติดต่อที่ใด“สวรรค์ เจ้าออกไปอยู่สองคนกับน้องชายของเจ้าเช่นนั้นรึ” ป้าตู้ร้องออกมาด้วยความตกใจทั้งสองที่เป็นเพียงเด็กน้อย จะออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังได้อย่างไร หากรั้งอยู่ภายในหมู่บ้านก็ยังมีนางและสามีคอยเป็นหูเป็นตาให้อยู่“เจ้าค่ะ ข้าคิดจะทำการค้าด้วย เมื่อก่อนท่านพ่อสอนข้าเอาไว้ไม่น้อย ในเมื่อมีเงินแล้วก็อยากจะหาทางเพิ่มให้มีมากขึ้น มิใช่อยู่ใช้เงินที่ได้มาจนหมด ต่อไปไม่รู้ว่าจะยังโชคดีเช่นนี้อีกหรือไม่”“เงินตั้งเยอะเพียงนั้น เจ้าใช้จนตายก็ยังไม่หมด” ป้าตู้ถลึงตามองเยี่ยนอิง เมื่อนางพูดว่าสักวันเงินที่มีอยู่จะหมดไป“...” เยี่ยนอิงมิได้พูดสิ่งใด นางเพียงอมยิ้มมองป้าตู้หากป้าตู้ได้รู้ว่าวันนี้เยี่ยนอ
“แล้วเจ้าอยากรู้เรื่องตระกูลฟู่ในเมืองหลวงหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ แคว้นต้าหลี่กว้างใหญ่นัก ตระกูลฟู่ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่ในเมืองหลวง หากญาติของท่านแม่ข้า อยากจะออกตามหานางจริง คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงมานานนับสิบกว่าปี”ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาของเจ้าของร่างเดิมถึงได้หมดสติอยู่ที่ข้างทาง ทั้งยังไร้ซึ่งความทรงจำ หากนางถูกขับออกจากตระกูลหรือถูกตามสังหาร ถ้าเยี่ยนอิงยังอยากจะรู้เรื่องของตระกูลฟู่ จะไม่มีจุดจบเช่นบิดามารดารึ“เช่นนั้นรึ” เขาเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง ก็อดที่จะชื่นชมในความเข้มแข็งไม่ได้ทั้งสองต่างมองพิจารณากันโดยไม่มีสิ่งใดเอ่ยออกมา เยี่ยนอิงที่กลัวจะหาซื้อของได้ไม่ครบก่อนที่ซานเซินจะตื่น นางจึงขอตัวเพื่อออกไปด้านนอก“หากท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงลุกขึ้น เพื่อจะออกไปซื้อของก่อนที่น้องชายจะตื่น แต่ก็ถูกหมอหลิวเอ่ยรั้งไว้อีกครั้ง“หากเจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ มาพบข้าได้ที่โรงหมอ หรือจะไปที่จวนของข้าอยู่ที่ทิศตะวันออกของเมือง หน้าจวนมีป้ายตระกูลหลิว เจ้าหาได้ไม่ยาก”“หึหึ ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่หากจะรบกวนท่านก็คงเป็นเรื่องนำสมุนไพรมาขาย”