หน้าหลัก / รักโบราณ / ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู / บทที่ 10 อย่าคิดทำร้ายหลี่เย่ของข้า

แชร์

บทที่ 10 อย่าคิดทำร้ายหลี่เย่ของข้า

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-12 11:54:28

มู่หลันฮวาขมวดคิ้วมุ่น นางรู้สึกไม่ชอบใจในคำพูดเช่นนี้ของไห่ซือยิ่งนัก คล้ายกับว่าภิกษุผู้นี้จะไม่เป็นมิตรต่อปีศาจเอาเสียเลย

นอกจากนางจะข้ามภพมาเจอปีศาจแล้ว นางยังได้มาเจอกับภิกษุผู้ปราบปีศาจอีกเช่นนั้นหรือ?

"ไต้ซือนี่ช่างจมูกดีเหลือเกินนะเจ้าคะ?"

"อาตมาเพียงรับรู้ได้เท่านั้น ได้ยินมาจากผู้นำหมู่บ้าน ว่าไม่กี่วันก่อนพวกเขาได้ส่งสตรีนางหนึ่งขึ้นไปเซ่นสังเวยปีศาจพญางูบนหุบเขา เห็นทีคงจะเป็นแม่นาง ใช่หรือไม่?"

"แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ?"

"โชคดียิ่งนักที่แม่นางรอดพ้นจากคมเขี้ยวของปีศาจพญางูที่แสนดุร้ายตนนั้นมาได้ อาตมาจะทำพิธีปัดเป่าภัยร้ายให้แม่นางเอง"

"ข้าคงมิรบกวนเวลาอันมีค่าของไต้ซือหรอกเจ้าค่ะ ข้ามีงานที่ต้องไปทำอีกมาก คงมิขอส่งท่าน เชิญ!"

"แม่นาง!!!"

มู่หลันฮวาที่กำลังหันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือนนอน เมื่อได้ยินไห่ซือเอ่ยเรียกนาง ก็รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย 

"มีสิ่งใดอีกเจ้าคะ?"

"อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปีศาจเหล่านั้นเลย มนุษย์กับปีศาจอยู่ร่วมกันไม่ได้"

มู่หลันฮวาส่งเสียงเฮอะในลำคอ นางจ้องมองไห่ซืออย่างไม่ลดละ ภิกษุรูปนี้ช่างทำตนมิน่าเกรงขามยิ่งนัก 

"ไต้ซือที่เคารพ อย่าหาว่าข้าสั่งสอนท่านเลยนะเจ้าคะ หน้าที่ที่พึงมีของภิกษุ คือการอยู่ในวัด ดูแลศาสนสถาน ปัดกวาดลานเจดีย์มิให้ขาด บำเพ็ญสั่งสมบุญ มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลก มิใช่วันวันจ้องแต่จะจองล้างจองผลาญผู้อื่น มิใช่ว่าข้ามิเคารพท่าน แต่ข้าคิดว่าสิ่งที่ท่านทำมันมิถูกต้อง มันมิใช่เรื่องที่ท่านจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว"

ไห่ซือที่ได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอันใด กลับยังยอมรับฟังนางเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าต้นตระกูลของเขา มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่แน่วแน่ ว่าจะต้องปราบปีศาจเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป มิให้เป็นภัยต่อมนุษย์ในภายภาคหน้า อย่างไรเสียเขาก็ยังยืนยันที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษสืบต่อไป 

"เอาเถิด ข้ามิถือสาแม่นาง ข้าคงต้องขอตัวลาก่อนแล้ว มีเรื่องราวอีกมากนักที่รอให้ข้าไปจัดการ"

มู่หลันฮวาขมวดคิ้วมุ่น เรื่องราวที่รอให้ภิกษุท่านนี้ไปจัดการเช่นนั้นหรือ?

หลี่เย่!!!

ไห่ซือเดินออกมาจากจวนตระกูลมู่ มุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขาซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของหลี่เย่ เขารู้เรื่องนี้มาจากผู้นำหมู่บ้าน ว่าทุกปีจะมีเทพเจ้าปีศาจพญางูคอยบันดาลฝนให้หมู่บ้านที่เมืองหางโจวแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน 

ต้องเป็นงูตัวเดียวกัน กับที่ทำร้ายบรรพบุรุษของเขาเมื่อหนึ่งพันปีก่อนเป็นแน่ 

เขาจะต้องหาทางจองจำงูขาวตนนั้นเอาไว้ในเจดีย์เหลยเฟิงไปตลอดกาล เพื่อไม่ให้เกิดภัยร้ายต่อมนุษย์อีก

มู่หลันฮวารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก นางเตรียมตัวที่จะเดินทางเข้าไปในหุบเขานั้นทันที นางจะต้องไปขัดขวางไห่ซือให้จงได้ 

ด้านไห่ซือนั้นเขาเดินขึ้นมาบนเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ยิ่งเข้าใกล้เขตป่าที่รกทึบ ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปีศาจที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลี่เย่ที่กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ  ก่อนจะยกยิ้มเย็นชาที่มุมปาก เขารับรู้ได้ถึงการถูกบุกรุกจากมนุษย์ และที่สำคัญมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา 

ไห่ซือเดินขึ้นมาบนหุบเขาเรื่อย ๆ จนพบเข้ากับถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของเขา เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่านี่คือที่อยู่อาศัยของปีศาจพญางูตนนั้นเป็นแน่ 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงล้วงมือเข้าไปในถุงผ้าที่เตรียมมา แล้วจึงหยิบมีดปราบปีศาจที่เป็นของตกทอดจากไห่ฝู่ออกมาถือเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับลูกประคำที่ห้อยแขวนอยู่บนคอ พร้อมกับหลับตาลงและพึมพำบทสวดเรียกปีศาจทันที 

หลี่เย่รับรู้ได้ถึงพลังบางอย่างที่กำลังเรียกให้เขาออกไปที่ด้านนอกถ้ำ  เจียวฟางงูน้อยขดตัวอยู่ที่ซอกหินด้วยความหวาดกลัว หลี่เย่ในร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งงูในยามนี้รู้สึกรำคาญเสียงสวดของไห่ซือเป็นอย่างยิ่ง มันไม่ได้ทำให้เขาเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย 

ในเมื่ออยากพบข้า ข้าก็จะไปพบเจ้าสักครา!!!

หลี่เย่ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าถ้ำด้วยท่าทีสง่างามน่าเกรงขาม นี่เป็นครั้งแรกที่ไห่ซือได้พบกับปีศาจพญางู ร่างท่อนบนของมันเป็นมนุษย์ ดวงตาสีเหลืองอำพันที่ดูทรงอำนาจ ผมยาวสยายดูน่าเกรงขาม ช่วงล่างของมันเป็นหางงูที่มีสีขาวนวลผ่องอำพันคล้ายแสงจันทร์ในยามราตรีที่ส่องสว่าง ช่างงดงามเสียจนเขาละสายตาไม่ได้ 

หากเขาสามารถฆ่ามันได้ และนำเลือดของมันมาปรุงยาวิเศษก็คงจะดีไม่น้อย!!! ได้ยินว่าปีศาจพญางูเคยกลืนกินร่างมนุษย์ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ เป็นเลือดสะอาดที่ใช้ปรุงเป็นโอสถวิเศษได้ มิเช่นนั้นหากได้เลือดของปีศาจงูมาไว้ในมือ เขาจะต้องกลายเป็นภิกษุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า ผู้คนจะเกรงขามและเล่าลือถึงความกล้าหาญของเขาไม่จบสิ้น

"เจ้าเองหรือ ทายาทของไห่ฝู่?"

"อาตมาเอง วันนี้อาตมาเดินทางมาปราบเจ้า เพื่อไม่ให้เจ้ามาสร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์อีก เป็นปีศาจควรอยู่ส่วนปีศาจ อย่าได้เข้ามาล่วงล้ำในดินแดนของมนุษย์"

"หึ!!! ทำเป็นมาสั่งสอนข้า เจ้าเองก็เช่นกัน เป็นภิกษุไม่อยู่ในวัด กลับออกมาเพ่นพ่านระรานผู้อื่นเช่นนี้!!!"

"หุบปาก!!! วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!!!"

ไห่ซือถอดสร้อยลูกประคำของเขาออกมา ก่อนจะสวดบทสวดสะกดปีศาจ สร้อยลูกประคำขนาดเล็ก กลับกลายเป็นเชือกเส้นใหญ่ที่มีไฟเผาไหม้พร้อมที่จะรัดร่างของหลี่เย่เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนีรอดออกไปได้ 

กรรร!!!

หลี่เย่กลายร่างเป็นงูยักษ์สีขาวขนาดใหญ่ในชั่วพริบตา ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองไห่ซือด้วยความไม่พอใจ  คิดจะใช้ลูกประคำบัดซบนั่นมาทำร้ายเขาเช่นนั้นหรือ? เป็นเพียงภิกษุที่บำเพ็ญเพียรไม่กี่ปี จะใจกล้าเทียมฟ้าเกินไปแล้ว!!!

หลี่เย่โกรธไห่ซือขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว เขาอ้าปากออก เผยให้เห็นคมเขี้ยวแหลมคมขนาดใหญ่ทั้งสองซี่ที่ดูน่ากลัว จากนั้นก็พ่นพิษงูออกมาทันที พิษงูในกายของหลี่เย่เป็นพิษงูที่คล้ายกับเปลวเพลิงสีแดงฉาน เมื่อใดที่เขาพ่นมันออกมา สรรพสิ่งทั่วใต้หล้าจะถูกเผาไหม้เป็นจุณด้วยพิษของเขา 

ฟู่!!!

เชือกไฟที่สร้างจากสร้อยลูกประคำของไห่ซือถูกเผาไหม้จนสลายหายไปในทันที ไห่ซือรู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย ปีศาจตนนี้มีพลังแก่กล้ามากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เสียแล้ว

ไม่ได้การ!!! ต้องสร้างตาข่ายกักปีศาจ!!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นไห่ซือก็รีบยกมือขึ้นประกบกันและสวดบทสวดสร้างตาข่ายสะกดปีศาจอีกครา หลี่เย่ที่ไม่ทันตั้งตัวจึงถูกไห่ซือกักขังเอาไว้ในตาข่ายปีศาจนั้นทันที 

กรร!!!

"ฮ่า ๆๆๆ  เจ้าจงตายไปเสียเถิด ปีศาจชั่ว!!!"

กรร!!!

ไห่ซือใช้มีดหมอแทงลงไปที่กลางลำตัวของหลี่เย่ เลือดสด ๆ สีแดงฉานไหลรินออกมาจากกลางกายของเขา หลี่เย่ส่งเสียงขู่คำรามออกมาจนดังสนั่นก้องหุบเขา เขาเจ็บปวดเสียจนแทบเจียนตาย 

หลี่เย่ใช้แรงที่มีพ่นพิษใส่ไห่ซือทันที แต่ทว่าไห่ซือสามารถหลบหลีกได้ทันแต่ทว่ายังคงถูกพิษเผาไหม้ที่แขนจนเป็นแผลเหวอะหวะ กลิ่นเหม็นไหม้คล้ายเนื้อย่างลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ

หลี่เย่กลายร่างกลับเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งงูอีกครา เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งกาย ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดไร้สีเลือด ไห่ซือที่ได้เห็นเช่นนั้น แม้จะปวดแสบปวดร้อนจากการถูกพิษของหลี่เย่เผาไหม้แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาง้างมีดปราบปีศาจขึ้นเตรียมจะแทงมันลงมาที่กลางหัวใจของหลี่เย่อีกเป็นครั้งสุดท้าย 

ผัวะ!!!

"อย่ามาแตะต้องหลี่เย่ของข้า!!!"

มู่หลันฮวาที่วิ่งขึ้นมาบนหุบเขาอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อนางมาถึงและเห็นว่าไห่ซือกำลังจะฆ่าหลี่เย่ นางจึงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย กระโดดถีบไปที่ไห่ซือจนร่างของเขากระเด็นไปกระแทกต้นไม้ กระอักเลือดออกมาคำโต

หึ!!! ภิกษุก็ภิกษุเถิด!!! ข้าไม่เกรงกลัวบาปเสียหรอก!!!

ก่อนจะวิ่งขึ้นมาบนเขา มู่หลันฮวาจำเรื่องราวจากเจ้าของร่างเดิมได้ ว่าตระกูลมู่เคยเป็นตระกูลนักปราบปีศาจ นางจึงรีบค้นหาหนังสือที่บรรพบุรุษตระกูลมู่ทิ้งเอาไว้ให้ และได้พบกับตำราที่ใช้ปราบปีศาจและทำลายอาคมต่าง ๆ ลงได้เมื่อไม่ต้องการใช้มันอีก

เมื่อถีบไห่ซือจนกระเด็นออกไปแล้ว นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาหลี่เย่ทันที 

"นายท่าน!!!"

"หนีไป!!! มันสร้างตาข่ายกักปีศาจไว้ เจ้าสู้มันไม่ได้เป็นแน่!!!"

ตาข่ายกักปีศาจ เหมือนมีในตำรา!!!

มู่หลันฮวาพลิกหน้าตำราเพื่อหาวิธีทำลายตาข่ายกักปีศาจนั้นอย่างบ้าคลั่ง 

"อยู่ไหน!!! อยู่หน้าไหน!!!"

"แม่นาง!!! เจ้าคิดจะแหกกฎสวรรค์หรือ!!! เจ้าจะต้องตายเพราะปีศาจในสักวัน!!!"

หลี่เย่ที่เห็นว่าไห่ซือที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้ กำลังจะพุ่งเข้ามาหาเขาทั้งสองคนอีกครั้งก็รู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย เพราะมีดปราบปีศาจทำให้พลังในกายของเขาลดลงไปถึงกึ่งหนึ่ง 

ฟ่อ!!!

"อ๊าส์!!!"

เจียวฟางที่พุ่งออกมาจากในถ้ำ มันทะยานพุ่งกายออกไปหาไห่ซือ และใช้เขี้ยวแหลมคมฉกเข้าไปที่แขนของไห่ซืออีกข้างหนึ่ง ก่อนจะรีบพุ่งกลับมาหาหลี่เย่ทันที 

แม้เจียวฟางจะเป็นงูน้อย แต่มันก็บำเพ็ญเพียรมิได้ขาด และพิษของมันก็ร้ายแรงกว่างูเขียวทั่วไปหลายเท่านัก บาดแผลที่แขนของไห่ซือที่ถูกเจียวฟางทำร้ายเริ่มมีสีเขียวคล้ำอย่างน่ากลัว

ไห่ซือรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีเสียแล้ว เขาจึงชิงหนีไปเสียก่อน รีบไปรักษาตัวให้หายดีแล้วค่อยกลับมาจัดการกับปีศาจตนนี้อีกครั้ง 

"เจอแล้ว!!!"

มู่หลันฮวารีบอ่านบทสวดทำลายตาข่ายกักปีศาจทันที เมื่อตาข่ายถูกทำลายลงหลี่เย่ก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น 

"นายท่าน!!! ข้าจะพาท่านเข้าไปหลบในถ้ำก่อน!!!"

"หนีไป!!!"

"ไม่!!!"

มู่หลันฮวาลากหลี่เย่เข้ามาในถ้ำอย่างทุลักทุเล เพราะท่อนล่างของเขาเป็นงู นางจึงไม่รู้จะแบกเขาไปเช่นไร จึงทำได้เพียงจับเขานอนหงายและลากเข้าไปในถ้ำแทน

"หลี่เย่!!! แผลของท่านลึกมาก"

"ข้าคงไม่รอดเป็นแน่ มีดปราบปีศาจสามารถฆ่าชีวิตของข้าได้"

"ไม่!!! ท่านจะต้องรอด!!! แผลไกลหัวใจยิ่งนัก เหตุใดจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้ เป็นสามีข้าต้องอึด!!!"

มู่หลันฮวาจ้องมองบาดแผลของหลี่เย่อย่างคิดไม่ตก หากเขาเป็นงูทั่วไปไม่ใช่ปีศาจก็คงจะรักษาให้หายง่ายดายมากกว่านี้ 

อยู่ ๆ มู่หลันฮวาก็คิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ นางอ่านเจอในบันทึกของตระกูลมู่ ว่าสตรีที่สืบสายเลือดตระกูลมู่โดยตรง มีเลือดบริสุทธิ์ที่สามารถใช้เป็นโอสถวิเศษได้ 

มู่หลันฮวายิ้มออกมาด้วยความดีใจ นางรีบดึงมีดพกที่ติดตัวมาด้วย กรีดลงไปบนฝ่ามือของตนเองอย่างไม่รอช้า หลี่เย่ที่เห็นเช่นนั้นก็จ้องมองนางด้วยความตื่นตระหนก 

"เจ้าจะทำสิ่งใด?"

"ดื่มเลือดข้าสิ เลือดข้าสามารถรักษาบาดแผลของท่านให้หายได้"

"ไม่ ข้าไม่ดื่ม"

หลี่เย่ที่ได้กลิ่นเลือดของมู่หลันฮวาก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย เลือดบริสุทธิ์ย่อมเป็นที่ต้องการของเหล่าปีศาจ ตัวเขาเองก็เช่นกัน!!!

"หลี่เย่!!! อย่าดื้อสิเจ้าคะ"

"ข้าบอกว่าไม่ดื่ม! อื้ออ!!!"

มู่หลันฮวาก้มลงไปดูดเลือดจากฝ่ามือของตนเองมาอมเอาไว้ในปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหาเขา และป้อนเลือดจากปากของนางเข้าไปในปากของเขาทันที 

แม้เลือดที่นางมอบให้จะมีเพียงน้อยนิด แต่อานุภาพของมันช่างวิเศษเหนือสิ่งอื่นใด ร่างกายของหลี่เย่เริ่มฟื้นคืนกลับมา ดวงตาสีเหลืองอำพันเปล่งประกายน่าเกรงขาม บาดแผลที่ถูกไห่ซือทำร้ายก็มลายหายไปจนหมดสิ้น 

มู่หลันฮวารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก มันช่าง วิเศษยิ่งนัก!!!

หลี่เย่จ้องมองนางที่ยามนี้มีเลือดติดอยู่ที่ริมฝีปากสวยเต็มไปหมด เขายื่นฝ่ามือใหญ่เข้าไปดึงร่างของนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใช้ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างดุดัน

มู่หลันฮวารู้สึกหายใจติดขัด นางไม่เคยถูกเขาจู่โจมรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แต่ทว่านางกลับรู้สึกดีเหลือเกิน 

"นายท่าน แย่แล้ว!!! เหล่ามารและปีศาจจากทั่วสารทิศกำลังตามกลิ่นเลือดของพี่อาหลันมาที่นี่ขอรับ!!!"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   ราชามารเฟิ่งจิ้ง ตอนพิเศษ เฟิ่งจิ้งและหลี่ฮวา

    หลี่ฮวาจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่เรียบเฉย ยามนี้นางตามเฟิ่งจิ้งมาที่เผ่ามารด้วย เจียวฟางงูน้อยและเซียงเซียงปีศาจแมวก็คอยตามมารับใช้นางด้วยตามคำสั่งของหลี่เย่และมู่หลันฮวา จวนตระกูลมู่ถูกปิดตายเอาไว้เช่นนั้นไม่มีผู้ใดอยู่อีก นางคิดว่าไว้มีเวลาว่างนางจะกลับไปเยี่ยมจวนของท่านแม่เป็นครั้งคราวเผ่ามารเป็นสถานที่น่าเกรงขาม รอบบริเวณต่างปกคลุมไปด้วยไอหมอกหนาสีดำ สถานที่แห่งนี้ดูแล้วช่างน่าอันตรายไม่น้อย สายตาของเหล่ามารที่มองนางก็ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเท่าไหร่เฟิ่งจิ้งแต่งงานกับนางแล้ว เขาพานางมายังเผ่ามารด้วยกัน แม้ภายนอกเขาจะดูเงียบขรึมแต่ทว่ายามที่อยู่กับนางเขาช่างร้อนแรงไม่เบา เขาพานางเดินมายังสถานที่แห่งหนึ่ง มันคล้ายกับเรือนพักของมนุษย์ แต่ดูจะใหญ่โตมากกว่า ภายในประดับตกแต่งด้วยหัวกะโหลกของมนุษย์มากมาย ชวนให้รู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ตั้งแต่ถูกจองจำในครั้งนั้นเฟิ่งจิ้งก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่ทำร้ายมนุษย์บริสุทธิ์อีก นอกจากมนุษย์จิตใจต่ำช้าเพียงเท่านั้น น่าแปลกยิ่งนักการที่เขาได้กินหัวใจสด ๆ และกลืนกินพลังชีวิตของเหล่ามนุษย์จิตใจหยาบช้า พลังของเขากลับมีมากมายกว่าแต่ก่อนเสียอีก

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 25 THE END

    เมื่อสารทฤดูมาเยือน (ฤดูใบไม้ร่วง) หลี่เว่ยต้องรีบกลับมาหาผู้เป็นมารดาอย่างรีบร้อน ด้วยเพราะได้รับข่าวแจ้งจากหลี่ฮวา ว่ามู่หลันฮวาใกล้หมดสิ้นลมหายใจสุดท้ายเต็มทีแล้ว นางสั่งเสียให้บุตรทั้งสองพานางขึ้นไปบนเจดีย์เหลยเฟิง มู่หลันฮวาจ้องมองไปที่เจดีย์สูงตระหง่านด้วยดวงตาที่พร่ามัว มือเหี่ยวย่นยื่นไปจับมือของบุตรทั้งสองมากอบกุมเอาไว้ "จงรักกัน พึ่งพากัน สายใยพี่น้องย่อมมิอาจตัดขาด"หลี่เว่ยและหลี่ฮวาพยักหน้าทั้งน้ำตา เขามิอยากสูญเสียมารดาไปเช่นนี้เลย แต่จะให้ทำเช่นไรได้เล่า มารดาของเขาเป็นมนุษย์ ย่อมมีวันหมดสิ้นอายุขัยเป็นเรื่องธรรมดาห้วงลมหายใจสุดท้าย ก่อนที่มู่หลันฮวาจะจากโลกนี้ไป ก็บังเกิดลำแสงสีขาวพวยพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้าลงมายังเจดีย์เหลยเฟิง ปรากฏร่างของหลี่เย่ที่ยามนี้ช่างงดงามสว่างเจิดจ้ายิ่งนัก ท่อนล่างของเขาเป็นงู เกล็ดสีขาวนวลราวไข่มุกราตรีช่างงดงามเหลือเกิน หลี่เว่ยและหลี่ฮวาหันไปมองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับหลี่เย่ท่านพ่อของเขามู่หลันฮวาใช้แรงเฮือกสุดท้ายยื่นฝ่ามือเหี่ยวย่นออกไปหาเขา หลี่เย่เองก็ยื่นมือออกไปรับมือของนางเอาไว้ แล้วจึงโน้มใบหน

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 24 ได้นิสัยแม่มา

    มู่หลันฮวาจ้องมองหลี่เย่ที่ถูกจองจำเอาไว้ในเจดีย์เหลยเฟิงอีกครั้ง ก่อนที่นางจะกลั้นใจรวบรวมสติที่เหลืออยู่ พาตนเองกลับไปหาลูกน้อยที่ถ้ำบนหุบเขาเมื่อไปถึง นางก็ได้พบกับเจียวฟางและเซียงเซียงที่รออยู่หน้าถ้ำ พร้อมกับอุ้มบุตรทั้งสองของนางเอาไว้ มู่หลันฮวาพบกับท่านผู้เฒ่าจิ้งจอกอีกครา เขามองนางด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากกว่าครั้งแรกอยู่มาก "คารวะท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ""อืม ช่างเถิด ข้ามาที่นี่เพื่อจะมาบอกเจ้าว่า ข้าจะมารับบุตรชายของเจ้ากลับไปยังเผ่าปีศาจของเรา"มู่หลันฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องท่านผู้เฒ่าจิ้งจอกเขม็ง จนเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดที่มีสายตาอำมหิตเช่นนางมาก่อน "เอ่อ แม่นางเจ้าฟังข้าก่อน นี่เป็นความต้องการของหลี่เย่ เขาอยากให้บุตรชายได้เป็นราชาปีศาจเช่นเดียวกับเขา""ลูกข้ายังเด็กนัก!!!""เอาเถิด ข้ายังไม่รีบร้อนเสียหน่อย รอให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อย ข้าจะกลับมาถามเจ้าอีกครา วันนี้ข้าเพียงแวะมาเยี่ยมเยียนลูกหลานของเผ่าปีศาจเพียงเท่านั้น""ท่านไม่รังเกียจที่เขามีเลือดมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในร่างหรือเจ้าคะ""เหลวไหล!!! เขาเป็นปีศาจ เจ้าแหกตาดูสิ เขาเหมือนหลี่เย่ยิ่งนัก!!!

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 23 ขอพรสามข้อ

    อวี้ฉือที่ตามหลี่เย่ออกมาด้วย เมื่อได้เห็นเขาคุกเข่าอ้อนวอนต่อองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตก็รู้สึกสงสารหลี่เย่เป็นอย่างมาก อวี้ฉือเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะเอ่ยขอความเห็นใจจากองค์เง็กเซียนฮ่องเต้แทนหลี่เย่ "ทูลองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ หลี่เย่ได้สำนึกผิดแล้ว ขอพระองค์ทรงเมตตาเขาสักคราด้วยเถิด อย่างน้อยเรายังจะได้ชุบชีวิตมนุษย์ผู้สืบสายเลือดบริสุทธิ์ให้กลับมามีชีวิตอีกครา นางอาจจะช่วยแดนสวรรค์ของเราได้ไม่มากก็น้อยพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เย่เงยหน้าไปมองอวี้ฉือด้วยแววตาที่เย็นชา ท้ายที่สุดแล้ว เผ่าสวรรค์ก็ยังคงต้องการเลือดของนางไปซ่อมแซมตาข่ายสวรรค์อยู่ดี เห็นแก่ตัวกันยิ่งนัก!!!องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดังกังวานน่าเกรงขาม "หลี่เย่!!! เช่นนั้นเจ้าจงนำหญ้าเซียนไปให้แก่นาง แล้วจงรีบกลับมาที่นี่ เตรียมรับโทษจากข้า!!!""เป็นพระกรุณายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เย่น้อมกายทำความเคารพต่อองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อย่างจำยอม เมื่อเขาตอบตกลงที่จะทำตามเงื่อนไข ท้องฟ้าพลันสว่างสดใส ประตูเจดีย์เหลยเฟิงจึงเปิดออก เผยให้เห็นหญ้าเซียนสีทองจำนวนมหาศาลที่ยืนต้น

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 22 ชีวิตแลกชีวิต

    เหล่าวิญญาณร้ายที่ถูกไห่ซือจับเป็นทาสรับใช้ รวมถึงเหล่าปีศาจและมารชั้นต่ำที่ไห่ซือจับพวกมันมาได้จากการหลุดลอดหนีออกมาจากตาข่ายสวรรค์ ต่างพุ่งทะยานเข้ามาหาหลี่เย่และเฟิ่งจิ้งทันที ควันสีดำทะมึนต่างพวยพุ่งเข้ามาอย่างมิขาดสาย หลี่เย่หาได้เกรงกลัวไม่ เขาพร้อมตั้งรับอย่างเต็มที่กรร!!!หลี่เย่กลายร่างเป็นงูยักษ์ขนาดใหญ่ ลำตัวของเขาใหญ่โตราวกับภูเขา ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองไปที่ไห่ซือและเฉินเฟยด้วยความโกรธแค้น เกล็ดสีขาวนวลราวไข่มุกราตรีส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ สร้างความหวั่นเกรงต่อผู้ที่ได้พบเห็นไม่น้อย ฟ่อ!!!เพียงแค่เขาอ้าปากพ่นพิษไฟออกมา ร่างของเหล่ามารปีศาจชั้นต่ำและวิญญาณร้ายต่างแหลกสลายมอดไหม้กลายเป็นจุณ ไม่นานนักเหล่าข้ารับใช้ของไห่ซือก็ทยอยสลายกลายเป็นผุยผงไปเสียหมด ไห่ซือยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เขาเปิดขวดน้ำเต้าทองออกมาอีกครั้ง ก็ปรากฏร่างของปีศาจงูสีดำขนาดใหญ่ ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองมาที่หลี่เย่ด้วยความดุดัน ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากหลี่เย่ ไห่ซือที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ปีศาจงูตนนี้เขาจับมันมาได้ตอนที่มันหลบหนีจากตาข่ายสวรรค์เฝ้าดูแลและเลี้ยงดูมันมาหลา

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 21 เริ่มต้นการนองเลือด

    มู่หลันฮวามิได้รู้สึกว่าตนเองมีอาการแพ้ท้องหรืออยากอาหารมากเท่าใดนัก นางยังคงใช้ชีวิตได้เช่นปกติทั่วไป อาจจะมีเหนื่อยล้าและง่วงนอนบ้างบางเวลา แต่ก็ถือว่าไม่ได้อ่อนแอมากเท่าใดนักตรงกันข้ามนางกลับต้องการดื่มเลือดสด ๆ บ้างในบางครั้งก็เท่านั้นมู่หลัวแม้จะยังรู้สึกแปลกใจและสงสัยว่ามู่หลันฮวาจับงูมาทำสามีได้เช่นไร แต่เขายิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว และไม่อยากทำให้บุตรสาวของตนเองลำบากใจ จึงหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถามนางไปเสียท้องของมู่หลันฮวาในยามนี้ใหญ่โตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คงเพราะบุตรในครรภ์มีเลือดของปีศาจอยู่ครึ่งหนึ่งจึงทำให้เจริญเติบโตรวดเร็วกว่าทารกในครรภ์ปกติทั่วไป หลี่เย่พานางมาหลบซ่อนอยู่ในถ้ำตามคำแนะนำของมู่หลัว ด้วยเกรงว่าจะมีชาวบ้านล่วงรู้เข้า และหลี่เย่กับมู่หลันฮวาจะพบเจอกับความลำบากมู่หลันฮวารู้สึกว่าภายในถ้ำค่อนข้างอบอ้าวมากกว่าปกติ นางจึงให้หลี่เย่พาออกมาเดินเล่นที่ด้านนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์"หลี่เย่!!! เจ้าคิดแหกกฎเผ่าปีศาจหรือ!!!"เสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้มู่หลันฮวาและหลี่เย่ต้องหันไปมอง ก่อนจะพบกับผู้เฒ่าชราที่มีผมสีขาวโพลน หนวดเครายาวเป็นสีขาวขับให้บนใบหน้าของเขาดูน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status