แชร์

บทที่ 9 เกือบได้อีกรอบ

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-11 13:52:47

หลี่เย่จ้องมองมู่หลันฮวาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาเองก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดจึงต้องมาหานางในที่ที่อันตรายสำหรับเขาเช่นนี้ หากมีมนุษย์ล่วงรู้ว่าเขาเป็นใคร เรื่องราวจะยิ่งวุ่นวายมากยิ่งขึ้น และความสงบที่เขาเคยมีก็จะมลายหายไปด้วยเช่นกัน

แต่เขาก็เลือกที่จะมาตามหานาง?

หลี่เย่ขยับกายเพียงครั้งเดียวก็สามารถเข้ามายืนอยู่ในห้องนอนของนางได้แล้ว

"ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าปีศาจกับมนุษย์มิอาจครองคู่กันได้"

"ท่านก็ให้ข้าอยู่เป็นทาสรับใช้ท่าน คอยปรนนิบัติท่านสิเจ้าคะ ข้าขอแค่ได้อยู่เคียงข้างท่านก็พอแล้วเจ้าค่ะ"

"เจ้าควรใช้ชีวิตของเจ้าให้ดี"

"ถ้าจะมาเพื่อเอ่ยวาจาเพียงเท่านี้ ท่านก็กลับไปเสียเถิดเจ้าค่ะ"

"อาหลัน"

หลี่เย่ยื่นมือหนาใหญ่ไปคว้าข้อมือขาวเนียนของนางเอาไว้ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองสร้อยข้อมือหยกที่สลักภาพใบพัดทั้งสี่เอาไว้บนเนื้อหยกด้วยสายตาที่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก

นี่มัน!!! คล้ายกับสร้อยข้อมือหยกของมู่เหลียนฮวา

"ปล่อยเจ้าค่ะ"

"เจ้าไปได้สร้อยข้อมือหยกชิ้นนี้มาจากผู้ใด"

"ท่านพ่อข้าให้มาเจ้าค่ะ เห็นว่าเป็นของตกทอดจากบรรพบุรุษที่มอบให้สตรีตระกูลมู่ติดตัวเอาไว้ ท่านถามทำไมหรือเจ้าคะ?"

หลี่เย่รู้สึกราวกับว่าภาพความทรงจำเก่า ๆ เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ได้ย้อนกลับมาหาเขาอีกครา

"พี่หลี่เย่ นี่คือสร้อยข้อมือหยกของข้า มันเป็นสิ่งของตกทอดจากบรรพบุรุษ ที่เอาไว้ใช้ป้องกันเหล่าปีศาจและมารที่จะหมายเอาชีวิตของสตรีตระกูลมู่ที่สืบสายเลือดบริสุทธิ์เจ้าค่ะ ข้าเองเคยได้ยินท่านแม่เล่าให้ฟัง ว่าได้มันมาจากท่านปู่ที่เคยเป็นนักปราบปีศาจที่เก่งกาจผู้หนึ่ง เมื่อท่านปู่สิ้นอายุขัย ก็ไม่มีผู้ใดในตระกูลสืบทอดการเป็นนักปราบปีศาจอีกเลย จึงเหลือทิ้งไว้เพียงสร้อยข้อมือหยกสองเส้นไว้คุ้มครองบุตรสาวที่สืบสายเลือดโดยตรงจากตระกูลมู่เจ้าค่ะ นอกจากข้าแล้วก็ยังมีอีกเส้นหนึ่งอยู่ที่น้องสาวของข้าเจ้าค่ะ"

"แล้วเหตุใดข้าจึงยังอยู่ใกล้เจ้าได้เล่า?"

"เพราะพี่หลี่เย่ใจดีกับข้าอย่างไรเล่าเจ้าคะ"

หลี่เย่จ้องมองมู่หลันฮวาอีกคราด้วยแววตาที่ล้ำลึกเกินจะคาดเดา ใจหนึ่งเขารู้สึกดีใจไม่น้อยที่ได้พบกับนาง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกหวาดกลัว หวาดกลัวว่าเรื่องราวจะซ้ำรอยเดิมกับเหตุการณ์เมื่อหนึ่งพันปีก่อน

"นายท่านเจ้าคะ"

"อาหลัน"

"เจ้าคะ?"

"ตระกูลมู่ นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีสตรีในตระกูลเหลืออยู่อีกหรือไม่?"

"ไม่มีเจ้าค่ะ ท่านพ่อบอกว่ามีเพียงข้าเท่านั้น ตระกูลมู่ตกต่ำลงเรื่อย ๆ จากพ่อค้าที่ร่ำรวย สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพียงครอบครัวยากจนที่ตัดไม้ทำฟืนไปขายเพียงเท่านั้น"

หลี่เย่พยักหน้าอย่างช้า ๆ  มู่หลันฮวา!!! นางเป็น ทายาทที่เหลืออยู่ของตระกูลมู่ เป็นลูกหลานของมู่เหลียนฮวารุ่นสุดท้าย

"ถามทำไมกันเจ้าคะ?"

"ข้าเพียงอยากรู้เท่านั้น"

"รู้แล้วก็กลับไปเถิดเจ้าค่ะ หากท่านไม่ยอมรับไมตรีจากข้า ข้าก็จะไม่บังคับใจท่านอีก"

"อยู่ใกล้ข้ามีแต่จะเกิดอันตรายกับเจ้า"

"พอเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยากได้สามี ไม่ได้อยากได้นักบรรยายความทุกข์ สมบัติของท่านข้าก็ไม่อยากได้เจ้าค่ะ ข้าจะนอนแล้ว ขอตัวลา"

"อาหลัน"

มู่หลันฮวาหันไปมองหลี่เย่อีกคราด้วยความไม่พอใจ หากเขายังไม่ไปอีกนางจะปลุกปล้ำเขาแล้วนะ!!!

"ข้าดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา"

"หึ!!! อย่ามาเอ่ยวาจาให้ข้าหลงใหลแล้วก็คิดทอดทิ้งข้า"

หลี่เย่ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย นี่นางคิดจะจับเขาทำสามีให้ได้เลยจริง ๆ เช่นนั้นหรือ?

แต่เขาก็ตกเป็นสามีนางไปแล้วนี่?

"ข้าคงต้องกลับขึ้นไปบนหุบเขาแล้ว"

"ข้าไปด้วยสิเจ้าคะ"

"อาหลัน อื้อออ!!!"

มู่หลันฮวารีบพุ่งเข้าไปหาเขาก่อนจะใช้สองแขนโอบรัดรอบลำคอของเขาเอาไว้ ร่างบางระหงเขย่งปลายเท้าดันร่างของตนให้สูงขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงเงยหน้าขึ้นไปมอบจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่เขาอย่างดูดดื่ม

ยิ่งเขาผลักไสนางก็ยิ่งรุกเขาอย่างหนักหน่วง หลี่เย่หายใจเหนื่อยหอบ ใจของเขาเต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง มือหนาใหญ่ค่อย ๆ ลูบไล้บั้นท้ายงอนงามของนางอย่างหลงใหล พร้อมกับตอบรับรสสัมผัสที่แสนเร่าร้อนของนางเช่นกัน

เนิ่นนานที่ทั้งสองจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม จนกระทั่งมู่หลันฮวาผละออกจากริมฝีปากของเขา ดวงตาคู่สวยจ้องมองหลี่เย่ด้วยความอ่อนโยน

"ท่านเชื่อเรื่องรักแรกพบหรือไม่?"

"เจ้าถามทำไมกัน?"

"ข้าเชื่อเจ้าค่ะ เพราะท่านคือรักแรกพบของข้า"

"แต่ข้าเป็นปีศาจงู"

"เป็นปีศาจคางคกข้าก็รักท่านเจ้าค่ะ ข้าตกเป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านควรดูแลข้าให้ดี"

ไม่พูดเปล่า มู่หลันฮวายังล้วงฝ่ามือขาวเนียนเข้าไปใต้ร่มผ้าของเขาอย่างไม่รอช้า พร้อมกับกอบกุมลำแท่งเอ็นร้อนของเขาเอาไว้จนเต็มมือ

"อาหลัน อย่า!!! ซี้ดดดด!!!"

"แค่จับก็เสียวแล้วหรือเจ้าคะ?"

"ข้า..."

"ข้าขอลองชิมดูหน่อยนะเจ้าคะ ช่วงนี้ปากข้าว่างเหลือเกิน ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก"

มู่หลันฮวาที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของหลี่เย่ออก แต่กลับต้องชะงักมือค้างเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่อเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน

"อาหลันยังไม่นอนอีกหรือลูก?"

มู่หลันฮวารู้สึกเหมือนถูกไม้ตีแสกหน้า นางอารมณ์ค้างกลางอากาศทันที หลี่เย่เองก็รีบผละออกจากนาง แล้วกระโดดหนีหายออกไปทางหน้าต่างทันที ก่อนจะจากไปเขายังไม่ลืมที่จะหยิบผ้าคลุมไหล่ของนางติดมือไปด้วย

"จะนอนแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ"

"นอนเถิด"

มู่หลันฮวามองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างกลับพบเพียงความมืดที่ปกคลุม เขาไปแล้วจริง ๆ หรือ? ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก นางกำลังจะได้หลับนอนกับเขาอีกรอบแล้วแท้ ๆ !!!

ท่านพ่อนะท่านพ่อ!!!

หลี่เย่จากมาพร้อมกับผ้าคลุมไหล่ผืนเก่าของนางที่เขาแอบหยิบมันติดมือมาด้วย กลิ่นกายของนางช่างหอมสะอาดบริสุทธิ์เหมือนกลิ่นบุปผานานาพรรณ ช่างน่าหลงใหลและเชิญชวนให้เขาสูดดมคราแล้วคราเล่า

"ท่านหลี่เย่"

หลี่เย่ที่กำลังดมกลิ่นหอมของมู่หลันฮวาอยู่ เมื่อได้ยินเสียงหวานกังวานใสเสียงหนึ่ง ก็ชะงักทันที เขาหันกลับไปมองนางด้วยแววตาที่เย็นชาและห่างเหิน จนคนถูกมองรู้สึกประหม่า

"หลิวฟาง"

"ยามนี้เผ่าปีศาจของเรากำลังรอคอยให้ท่านกลับไป ทะเลแดนบูรพาซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเราในยามนี้กำลังเงียบสงบยิ่งนัก เหมาะแก่การจัดงานแต่งงานระหว่างท่านกับข้า ท่านผู้เฒ่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง บอกว่าจะเป็นผู้จัดการพิธีการนี้ให้ข้ากับท่านด้วยตนเอง"

เมื่อได้ยินหลิวฟางเอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าของหลี่เย่ก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นไปอีก

หลิวฟางเป็นปีศาจงูเช่นเดียวกับเขา แต่นางเพิ่งจะเริ่มบำเพ็ญเพียรได้ไม่กี่ร้อยปี ตบะยังคงไม่แก่กล้าเท่าใดนัก แต่ทว่าในโลกปีศาจงู ก็มีเพียงนางที่เหมาะสมคู่ควรกับเขา นางสามารถกลายร่างเป็นคนในคืนพระจันทร์เต็มดวงเช่นเดียวกับเขาได้

"ข้าไม่แต่ง"

"ท่านหลี่เย่ โอ๊ะ!!! ข้าได้กลิ่นมนุษย์ นี่ท่าน!!! เข้าใกล้มนุษย์อีกแล้วเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?"

"อย่ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของข้า!!!"

"ท่านหลี่เย่!!! ข้าจะไม่ยอมให้ท่านต้องถูกจองจำอยู่ในเจดีย์เหลยเฟิงอีกเป็นอันขาด ท่านรู้หรือไม่ ยามนี้ข้าได้ยินมาว่า มีภิกษุนามว่า ไห่ซือ กำลังตามล่าปราบเหล่าปีศาจและเหล่ามารอย่างไม่ลดละ"

หลี่เย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที ดวงตาคมจ้องมองหลิวฟางอย่างต้องการคำตอบ

"เล่ามา"

"ไห่ซือ เป็นทายาทรุ่นสุดท้ายของภิกษุไห่ฝู่ ได้ยินว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากน้องชายของภิกษุไห่ฝู่ เหล่าปีศาจที่เคยต่อสู้กับเขาต่างเล่าลือกันว่าเขาน่ากลัวยิ่งนัก"

ไห่ฝู่ ภิกษุที่จองจำเขาเอาไว้ในเจดีย์เหลยเฟิงเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสหลังจากที่เขากลืนกินร่างของมู่เหลียนฮวาไป  เขาไม่รู้แน่ชัดว่าไห่ฝู่เป็นตายเช่นไร ผ่านมาพันกว่าปี เขากลับทิ้งทายาทคนสุดท้ายเอาไว้รุกรานเผ่าปีศาจอีกครั้ง!!!

"ท่านกลับไปที่เผ่าปีศาจของเราเถิด"

"เจ้ากลับไปเสีย ฝากความคิดถึง ถึงท่านผู้เฒ่าจิ้งจอกเก้าหางด้วย"

"หลี่เย่!!!"

"อย่าให้ข้าต้องฆ่าปีศาจด้วยกันเลย!!!"

หลิวฟางเม้มริมฝีปากแน่น นางทำได้เพียงเดินทางกลับไปที่เผ่าปีศาจ นางตั้งมั่นในใจแล้ว ว่านางจะต้องหานางมนุษย์ผู้นั้นให้พบ แล้วจัดการฆ่านางทิ้งเสียไม่ให้เป็นภัยต่อหลี่เย่

รุ่งเช้าที่อากาศสดชื่นแจ่มใสเป็นอย่างมาก มู่หลันฮวาลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะเปิดหน้าต่างมองดูโดยรอบ คงเพราะฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ยามนี้ใบไม้จึงผลิดอกออกใบเป็นสีเขียวชอุ่ม กลิ่นดินที่หอมหวนลอยอบอวลเข้ามาแตะจมูกของนาง ชวนให้รู้สึกดีไม่น้อย

มู่หลันฮวาจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินออกมาข้างนอก ยามนี้ในจวนค่อนข้างเงียบสงบคงเพราะคนอื่น ๆ ออกไปส่งไม้ทำฟืนให้เถ้าแก่ที่ตลาดกันหมด

"แม่นาง"

มู่หลันฮวาได้ยินเสียงเอ่ยเรียกนางมาจากที่หน้าประตูจวนที่เปิดเอาไว้ นางหันไปมองก่อนจะพบกับภิกษุที่สวมชุดนักบวชแบบบรรพชิต (นักบวชในพระพุทธศาสนา) ห้อยลูกประคำเม็ดใหญ่ไว้ที่คอ ท่าทีดูสำรวมน่าเกรงขามไม่น้อย

มู่หลันฮวาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเดินเข้าไปทำความเคารพภิกษุผู้นั้นด้วยความนอบน้อม

ภิกษุผู้นี้ก็คือ ไห่ซือภิกษุที่มีฝีมือเก่งกาจในการปราบปีศาจ เขาคือทายาทรุ่นสุดท้ายของ ภิกษุไห่ฝู่

ไห่ซือ จ้องมอง มู่หลันฮวาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาเป็นอย่างยิ่ง

"แม่นาง ข้าได้กลิ่นอายปีศาจมาจากกายของเจ้า"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   ราชามารเฟิ่งจิ้ง ตอนพิเศษ เฟิ่งจิ้งและหลี่ฮวา

    หลี่ฮวาจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่เรียบเฉย ยามนี้นางตามเฟิ่งจิ้งมาที่เผ่ามารด้วย เจียวฟางงูน้อยและเซียงเซียงปีศาจแมวก็คอยตามมารับใช้นางด้วยตามคำสั่งของหลี่เย่และมู่หลันฮวา จวนตระกูลมู่ถูกปิดตายเอาไว้เช่นนั้นไม่มีผู้ใดอยู่อีก นางคิดว่าไว้มีเวลาว่างนางจะกลับไปเยี่ยมจวนของท่านแม่เป็นครั้งคราวเผ่ามารเป็นสถานที่น่าเกรงขาม รอบบริเวณต่างปกคลุมไปด้วยไอหมอกหนาสีดำ สถานที่แห่งนี้ดูแล้วช่างน่าอันตรายไม่น้อย สายตาของเหล่ามารที่มองนางก็ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเท่าไหร่เฟิ่งจิ้งแต่งงานกับนางแล้ว เขาพานางมายังเผ่ามารด้วยกัน แม้ภายนอกเขาจะดูเงียบขรึมแต่ทว่ายามที่อยู่กับนางเขาช่างร้อนแรงไม่เบา เขาพานางเดินมายังสถานที่แห่งหนึ่ง มันคล้ายกับเรือนพักของมนุษย์ แต่ดูจะใหญ่โตมากกว่า ภายในประดับตกแต่งด้วยหัวกะโหลกของมนุษย์มากมาย ชวนให้รู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ตั้งแต่ถูกจองจำในครั้งนั้นเฟิ่งจิ้งก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่ทำร้ายมนุษย์บริสุทธิ์อีก นอกจากมนุษย์จิตใจต่ำช้าเพียงเท่านั้น น่าแปลกยิ่งนักการที่เขาได้กินหัวใจสด ๆ และกลืนกินพลังชีวิตของเหล่ามนุษย์จิตใจหยาบช้า พลังของเขากลับมีมากมายกว่าแต่ก่อนเสียอีก

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 25 THE END

    เมื่อสารทฤดูมาเยือน (ฤดูใบไม้ร่วง) หลี่เว่ยต้องรีบกลับมาหาผู้เป็นมารดาอย่างรีบร้อน ด้วยเพราะได้รับข่าวแจ้งจากหลี่ฮวา ว่ามู่หลันฮวาใกล้หมดสิ้นลมหายใจสุดท้ายเต็มทีแล้ว นางสั่งเสียให้บุตรทั้งสองพานางขึ้นไปบนเจดีย์เหลยเฟิง มู่หลันฮวาจ้องมองไปที่เจดีย์สูงตระหง่านด้วยดวงตาที่พร่ามัว มือเหี่ยวย่นยื่นไปจับมือของบุตรทั้งสองมากอบกุมเอาไว้ "จงรักกัน พึ่งพากัน สายใยพี่น้องย่อมมิอาจตัดขาด"หลี่เว่ยและหลี่ฮวาพยักหน้าทั้งน้ำตา เขามิอยากสูญเสียมารดาไปเช่นนี้เลย แต่จะให้ทำเช่นไรได้เล่า มารดาของเขาเป็นมนุษย์ ย่อมมีวันหมดสิ้นอายุขัยเป็นเรื่องธรรมดาห้วงลมหายใจสุดท้าย ก่อนที่มู่หลันฮวาจะจากโลกนี้ไป ก็บังเกิดลำแสงสีขาวพวยพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้าลงมายังเจดีย์เหลยเฟิง ปรากฏร่างของหลี่เย่ที่ยามนี้ช่างงดงามสว่างเจิดจ้ายิ่งนัก ท่อนล่างของเขาเป็นงู เกล็ดสีขาวนวลราวไข่มุกราตรีช่างงดงามเหลือเกิน หลี่เว่ยและหลี่ฮวาหันไปมองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับหลี่เย่ท่านพ่อของเขามู่หลันฮวาใช้แรงเฮือกสุดท้ายยื่นฝ่ามือเหี่ยวย่นออกไปหาเขา หลี่เย่เองก็ยื่นมือออกไปรับมือของนางเอาไว้ แล้วจึงโน้มใบหน

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 24 ได้นิสัยแม่มา

    มู่หลันฮวาจ้องมองหลี่เย่ที่ถูกจองจำเอาไว้ในเจดีย์เหลยเฟิงอีกครั้ง ก่อนที่นางจะกลั้นใจรวบรวมสติที่เหลืออยู่ พาตนเองกลับไปหาลูกน้อยที่ถ้ำบนหุบเขาเมื่อไปถึง นางก็ได้พบกับเจียวฟางและเซียงเซียงที่รออยู่หน้าถ้ำ พร้อมกับอุ้มบุตรทั้งสองของนางเอาไว้ มู่หลันฮวาพบกับท่านผู้เฒ่าจิ้งจอกอีกครา เขามองนางด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากกว่าครั้งแรกอยู่มาก "คารวะท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ""อืม ช่างเถิด ข้ามาที่นี่เพื่อจะมาบอกเจ้าว่า ข้าจะมารับบุตรชายของเจ้ากลับไปยังเผ่าปีศาจของเรา"มู่หลันฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องท่านผู้เฒ่าจิ้งจอกเขม็ง จนเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดที่มีสายตาอำมหิตเช่นนางมาก่อน "เอ่อ แม่นางเจ้าฟังข้าก่อน นี่เป็นความต้องการของหลี่เย่ เขาอยากให้บุตรชายได้เป็นราชาปีศาจเช่นเดียวกับเขา""ลูกข้ายังเด็กนัก!!!""เอาเถิด ข้ายังไม่รีบร้อนเสียหน่อย รอให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อย ข้าจะกลับมาถามเจ้าอีกครา วันนี้ข้าเพียงแวะมาเยี่ยมเยียนลูกหลานของเผ่าปีศาจเพียงเท่านั้น""ท่านไม่รังเกียจที่เขามีเลือดมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในร่างหรือเจ้าคะ""เหลวไหล!!! เขาเป็นปีศาจ เจ้าแหกตาดูสิ เขาเหมือนหลี่เย่ยิ่งนัก!!!

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 23 ขอพรสามข้อ

    อวี้ฉือที่ตามหลี่เย่ออกมาด้วย เมื่อได้เห็นเขาคุกเข่าอ้อนวอนต่อองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตก็รู้สึกสงสารหลี่เย่เป็นอย่างมาก อวี้ฉือเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะเอ่ยขอความเห็นใจจากองค์เง็กเซียนฮ่องเต้แทนหลี่เย่ "ทูลองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ หลี่เย่ได้สำนึกผิดแล้ว ขอพระองค์ทรงเมตตาเขาสักคราด้วยเถิด อย่างน้อยเรายังจะได้ชุบชีวิตมนุษย์ผู้สืบสายเลือดบริสุทธิ์ให้กลับมามีชีวิตอีกครา นางอาจจะช่วยแดนสวรรค์ของเราได้ไม่มากก็น้อยพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เย่เงยหน้าไปมองอวี้ฉือด้วยแววตาที่เย็นชา ท้ายที่สุดแล้ว เผ่าสวรรค์ก็ยังคงต้องการเลือดของนางไปซ่อมแซมตาข่ายสวรรค์อยู่ดี เห็นแก่ตัวกันยิ่งนัก!!!องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดังกังวานน่าเกรงขาม "หลี่เย่!!! เช่นนั้นเจ้าจงนำหญ้าเซียนไปให้แก่นาง แล้วจงรีบกลับมาที่นี่ เตรียมรับโทษจากข้า!!!""เป็นพระกรุณายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เย่น้อมกายทำความเคารพต่อองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อย่างจำยอม เมื่อเขาตอบตกลงที่จะทำตามเงื่อนไข ท้องฟ้าพลันสว่างสดใส ประตูเจดีย์เหลยเฟิงจึงเปิดออก เผยให้เห็นหญ้าเซียนสีทองจำนวนมหาศาลที่ยืนต้น

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 22 ชีวิตแลกชีวิต

    เหล่าวิญญาณร้ายที่ถูกไห่ซือจับเป็นทาสรับใช้ รวมถึงเหล่าปีศาจและมารชั้นต่ำที่ไห่ซือจับพวกมันมาได้จากการหลุดลอดหนีออกมาจากตาข่ายสวรรค์ ต่างพุ่งทะยานเข้ามาหาหลี่เย่และเฟิ่งจิ้งทันที ควันสีดำทะมึนต่างพวยพุ่งเข้ามาอย่างมิขาดสาย หลี่เย่หาได้เกรงกลัวไม่ เขาพร้อมตั้งรับอย่างเต็มที่กรร!!!หลี่เย่กลายร่างเป็นงูยักษ์ขนาดใหญ่ ลำตัวของเขาใหญ่โตราวกับภูเขา ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองไปที่ไห่ซือและเฉินเฟยด้วยความโกรธแค้น เกล็ดสีขาวนวลราวไข่มุกราตรีส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ สร้างความหวั่นเกรงต่อผู้ที่ได้พบเห็นไม่น้อย ฟ่อ!!!เพียงแค่เขาอ้าปากพ่นพิษไฟออกมา ร่างของเหล่ามารปีศาจชั้นต่ำและวิญญาณร้ายต่างแหลกสลายมอดไหม้กลายเป็นจุณ ไม่นานนักเหล่าข้ารับใช้ของไห่ซือก็ทยอยสลายกลายเป็นผุยผงไปเสียหมด ไห่ซือยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เขาเปิดขวดน้ำเต้าทองออกมาอีกครั้ง ก็ปรากฏร่างของปีศาจงูสีดำขนาดใหญ่ ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองมาที่หลี่เย่ด้วยความดุดัน ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากหลี่เย่ ไห่ซือที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ปีศาจงูตนนี้เขาจับมันมาได้ตอนที่มันหลบหนีจากตาข่ายสวรรค์เฝ้าดูแลและเลี้ยงดูมันมาหลา

  • ข้าคือทาสรับใช้ของปีศาจงู   บทที่ 21 เริ่มต้นการนองเลือด

    มู่หลันฮวามิได้รู้สึกว่าตนเองมีอาการแพ้ท้องหรืออยากอาหารมากเท่าใดนัก นางยังคงใช้ชีวิตได้เช่นปกติทั่วไป อาจจะมีเหนื่อยล้าและง่วงนอนบ้างบางเวลา แต่ก็ถือว่าไม่ได้อ่อนแอมากเท่าใดนักตรงกันข้ามนางกลับต้องการดื่มเลือดสด ๆ บ้างในบางครั้งก็เท่านั้นมู่หลัวแม้จะยังรู้สึกแปลกใจและสงสัยว่ามู่หลันฮวาจับงูมาทำสามีได้เช่นไร แต่เขายิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว และไม่อยากทำให้บุตรสาวของตนเองลำบากใจ จึงหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถามนางไปเสียท้องของมู่หลันฮวาในยามนี้ใหญ่โตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คงเพราะบุตรในครรภ์มีเลือดของปีศาจอยู่ครึ่งหนึ่งจึงทำให้เจริญเติบโตรวดเร็วกว่าทารกในครรภ์ปกติทั่วไป หลี่เย่พานางมาหลบซ่อนอยู่ในถ้ำตามคำแนะนำของมู่หลัว ด้วยเกรงว่าจะมีชาวบ้านล่วงรู้เข้า และหลี่เย่กับมู่หลันฮวาจะพบเจอกับความลำบากมู่หลันฮวารู้สึกว่าภายในถ้ำค่อนข้างอบอ้าวมากกว่าปกติ นางจึงให้หลี่เย่พาออกมาเดินเล่นที่ด้านนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์"หลี่เย่!!! เจ้าคิดแหกกฎเผ่าปีศาจหรือ!!!"เสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้มู่หลันฮวาและหลี่เย่ต้องหันไปมอง ก่อนจะพบกับผู้เฒ่าชราที่มีผมสีขาวโพลน หนวดเครายาวเป็นสีขาวขับให้บนใบหน้าของเขาดูน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status