ตระกูลมู่
"ตื่นได้แล้ว!!! จะนอนไปถึงไหน รีบลุกมาช่วยข้าผ่าฟืนเดี๋ยวนี้!!!"
มู่หลันฮวาที่ได้ยินเสียงของ เหยาเว่ย แม่เลี้ยงของนาง ก็ทำได้เพียงเบ้ปากอย่างดูแคลน
นางข้ามกาลเวลามาอยู่ที่เมืองหางโจวได้ร่วมปีแล้ว นางตายจากโลกอนาคตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นผลจากการที่นางดูหนังติดเรตติดต่อกันสามวันสามคืนจนนางช็อกตายคาคอมพิวเตอร์ นางยังมีอาชีพเป็นสัตวแพทย์ คอยรักษาสัตว์ที่บาดเจ็บอีกด้วย
นางได้ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของมู่หลันฮวา สาวน้อยที่มีชะตาชีวิตที่น่าสงสาร มารดาตายจาก บิดาติดเหล้าและการพนัน และยังพาแม่เลี้ยงที่มีลูกชายจากสามีเก่ามาร่วมจวนเดียวกับนางอีก นางโดนแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งสารพัด รวมถึงพี่ชายต่างสายเลือดที่จ้องมองนางด้วยสายตาหื่นกระหาย ครอบครัวของนางเป็นเพียงครอบครัวยากจนที่มีอาชีพผ่าฟืนไปขายเท่านั้น รายได้ทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ น่าเสียดายนักด้วยแต่ก่อนตระกูลของนางเป็นถึงพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่กลับถูกบิดาของนางผลาญสมบัติไปกับการพนันจนหมดสิ้น
คืนหนึ่งในขณะที่นางกำลังนอนหลับ เหยาเถียน พี่ชายต่างสายเลือดก็เข้ามาหวังจะขืนใจนาง
แต่ทว่ามู่หลันฮวากลับไม่ตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย นางยื่นมือไปกระชากผมของเหยาเถียน ก่อนจะทุบตีเขาอย่างหนักหน่วง และยกเท้าขึ้นกระทืบไปที่หว่างขาของเขาอย่างสาสมใจ จนเหยาเถียนตาเหลือกค้างสลบไปในที่สุด นางจึงลากเขาออกมาส่งให้เหยาเว่ยผู้เป็นมารดา ตั้งแต่วันนั้นนางกับเหยาเว่ยก็แทบจะฆ่ากันตายอยู่ตลอดเวลา
มู่หลันฮวายังคงนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มไม่ยอมลุก เหยาเว่ยที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงขว้างกระทะเข้ามาหานาง มู่หลันฮวาเองก็ไม่ยินยอมเช่นกัน นางลุกขึ้นมาจับกระทะที่ร่วงอยู่บนเตียงขว้างกลับไปหาเหยาเว่ยจนโดนหน้าผากของนางอย่างแรง
"อ๊าส์ นังเด็กสารเลวเจ้ากล้าทำข้าหรือ!!!"
"เข้ามาสิ!!! ข้าจะถีบยอดหน้าให้หงอกกระจุยเลย!!!"
เหยาเว่ยชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้ามาหามู่หลันฮวา ตั้งแต่ที่มู่หลันฮวาล้มป่วยปางตายลงเมื่อต้นปี พอนางฟื้นขึ้นมาก็คล้ายจะดูแปลกไป
แปลกไปจนน่ากลัว!!!
"ข้าจะฟ้องพ่อเจ้า!!!"
"ฟ้องเก่งจริงนะป้าแม่เลี้ยง!!! ไปฟ้องเลย ข้าจะได้ฟ้องกลับว่าเจ้าแอบนินทาพ่อข้าว่าวัน ๆ ไม่ทำอะไรเล่นแต่การพนัน"
"หลันฮวา!!!"
"หลีกไป!!! ข้าจะไปผ่าฟืน!!!"
มู่หลันฮวาเดินกระแทกไหล่เหยาเว่ยออกไปนอกเรือน เหยาเว่ยเกรงกลัว มู่หลัว บิดาของมู่หลันฮวาไม่น้อย ขืนเขารู้ว่านางแอบนินทาเขามีหวังนางคงได้ถูกเขาทุบตีเป็นแน่
เวรกรรมใดของนางกันแน่ที่ต้องมาเจอสามีเลวทรามเช่นนี้!!!
มู่หลันฮวาเดินเข้ามาในลานหน้าจวน ก่อนจะผ่าฟืนเหมือนเช่นทุกวัน นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด ตอนที่อยู่ในโลกอนาคตนางชอบออกกำลังกาย จึงค่อนข้างแข็งแรงไม่น้อย ในช่วงแรกร่างนี้ค่อนข้างอ่อนแอ แต่เมื่อนางฝึกฝนตนเองอย่างจริงจังนางก็กลับมาแข็งแรงได้สำเร็จ
หึ!!! ผ่าฟืนจนกล้ามใหญ่หมดแล้ว เฮ้อ ใหญ่ทุกส่วนจริง ๆ ตรงนั้นก็ใหญ่ คิกคิก!
"น้องหลันฮวา"
มู่หลันฮวาเงยหน้าไปมอง ก่อนจะพบกับเหยาเถียนที่จ้องมองมาที่หน้าอกอวบใหญ่ของนางอย่างหื่นกาม
"มีอะไร?"
"ให้พี่ช่วยผ่าฟืนเถิด"
"ไม่ต้อง ข้าทำเองได้"
"ให้พี่ช่วยเถิด"
เหยาเถียนแกล้งเดินเข้ามาหามู่หลันฮวา ก่อนจะใช้ฝ่ามือสากลูบไล้บั้นท้ายของนางเบา ๆ มู่หลันฮวาส่งเสียงเฮอะในลำคอ ก่อนจะหยิบท่อนฟืนฟาดไปที่ศีรษะของเหยาเถียนจนเขาสลบไป
หึ!!! หื่นดีนัก ฟาดเสียให้เข็ด!!!
เหยาเว่ยที่ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาดูทันที เมื่อเห็นว่าบุตรชายล้มลงนอนสลบแน่นิ่ง นางก็กรีดร้องออกมาทันที
"อ๊าส์!!! เหยาเถียน นี่เจ้าทำอะไรลูกข้า!!!"
"ข้าไม่ได้ทำ ข้าเห็นลูกเจ้าเดินออกมาแล้วหยิบท่อนฟืนฟาดหัวตัวเองจนสลบ"
"ไม่จริง!!!"
"ก็เรื่องของเจ้า"
"หลันฮวา เจ้าจะกล้าเกินไปแล้วนะ!!!"
"มากกว่านี้ข้าก็กล้า นังแก่!!!"
"อ๊าส์!!!"
มู่หลันฮวาไม่สนใจ นางเดินออกมาจัดการมัดฟืนรวมกันเพื่อส่งไปขายต่อ เหยาเว่ยเองเมื่อจัดการบุตรชายของตนเรียบร้อยแล้ว ก็มาช่วยมู่หลันฮวาแบกฟืนไปขาย ที่นางทำเช่นนี้ไม่ได้เพราะมีใจสงสารหรือเห็นใจมู่หลันฮวา แต่เพราะต้องการตามไปเก็บค่าฟืนมาไว้ใช้เองต่างหาก
ยามนี้หางโจวค่อนข้างแห้งแล้ง ต้นไม้ที่ใช้ทำฟืนใกล้หมู่บ้านเริ่มจะไม่มีเหลือแล้ว หากจะเข้าไปหาในป่าใหญ่บนเขาก็อันตรายยิ่งนัก ทะเลสาบซีหูยามนี้ก็แห้งเหือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ได้ยินมาว่าทุก ๆ ปี ชาวบ้านจะนำอาหารและของไหว้บูชาไปที่หุบเขากลางป่าเพื่อไหว้เทพเจ้าปีศาจงูขาวตนหนึ่งที่คอยดูแลหางโจว มู่หลันฮวาลอบเบ้ปาก จะงมงายกันไปใหญ่เสียแล้ว หากเทพเจ้าปีศาจงูมีจริงเหตุใดหางโจวจึงยังแห้งแล้งเช่นนี้เล่า มองไปทางใดก็ไร้ซึ่งใบไม้สีเขียวชอุ่ม มีแต่ความเศร้าหมองผู้คนอดอยากกันถ้วนหน้า
มู่หลันฮวานำฟืนมาส่งให้เถ้าแก่ร้านในตลาดดังเช่นทุกวัน เหยาเว่ยที่คิดจะแย่งชิงอีแปะที่ได้จากค่าผ่าฟืนแต่กลับต้องหน้างอง้ำเพราะถูกมู่หลันฮวาแย่งชิงไปเสียก่อน
"เฮ้อ ยามนี้หมู่บ้านเราช่างแห้งแล้งยิ่งนัก อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเทศกาลขอฝนแล้ว แต่เพราะความแห้งแล้งทำให้เราไม่มีอาหารดีดีไปไหว้ท่านเทพเจ้าปีศาจงู ท่านคงโกรธแล้วบันดาลให้หางโจวแห้งแล้งเช่นนี้"
เถ้าแก่มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย มู่หลันฮวาเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป
แต่ทว่าความคิดชั่วร้ายอย่างหนึ่ง ก็ผุดเข้ามาในหัวของเหยาเว่ย
"เถ้าแก่ หากเราหาของกินไม่ได้ เช่นนั้นก็ใช้อย่างอื่นแทนสิเจ้าคะ"
"สิ่งใดกัน?"
"ข้าเคยได้ยินผู้คนเล่าขานกันว่า เทพเจ้าปีศาจงูชื่นชอบมนุษย์สตรีเป็นที่สุด มิสู้เราลองส่งคนไปบูชายัญแทนอาหารมิดีกว่าหรือเจ้าคะ"
"เหลวไหล!!!"
"เหลวไหลที่ไหนกัน ข้าเคยได้ยินมาอีกว่า คนที่จะเป็นเครื่องบูชายัญ จะต้องมีคุณสมบัติเป็นสตรีบริสุทธิ์ อายุไม่เกินสิบแปดหนาว มีปานแดงที่ไหล่ข้างซ้าย หากได้คุณสมบัติครบตามนี้ ย่อมต้องเกิดผลดีแน่นอนเจ้าค่ะ"
เถ้าแก่ที่ได้รับฟังเช่นนั้นก็เริ่มจะคล้อยตาม แต่ทว่ามู่หลันฮวากลับขมวดคิ้วมุ่น
คุณสมบัติที่เหยาเว่ยกล่าวมา นางมีครบ!
แม่เลี้ยงเฮงซวย!!! มันคิดจะจับนางไปให้งูกิน
หลี่ฮวาจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่เรียบเฉย ยามนี้นางตามเฟิ่งจิ้งมาที่เผ่ามารด้วย เจียวฟางงูน้อยและเซียงเซียงปีศาจแมวก็คอยตามมารับใช้นางด้วยตามคำสั่งของหลี่เย่และมู่หลันฮวา จวนตระกูลมู่ถูกปิดตายเอาไว้เช่นนั้นไม่มีผู้ใดอยู่อีก นางคิดว่าไว้มีเวลาว่างนางจะกลับไปเยี่ยมจวนของท่านแม่เป็นครั้งคราวเผ่ามารเป็นสถานที่น่าเกรงขาม รอบบริเวณต่างปกคลุมไปด้วยไอหมอกหนาสีดำ สถานที่แห่งนี้ดูแล้วช่างน่าอันตรายไม่น้อย สายตาของเหล่ามารที่มองนางก็ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเท่าไหร่เฟิ่งจิ้งแต่งงานกับนางแล้ว เขาพานางมายังเผ่ามารด้วยกัน แม้ภายนอกเขาจะดูเงียบขรึมแต่ทว่ายามที่อยู่กับนางเขาช่างร้อนแรงไม่เบา เขาพานางเดินมายังสถานที่แห่งหนึ่ง มันคล้ายกับเรือนพักของมนุษย์ แต่ดูจะใหญ่โตมากกว่า ภายในประดับตกแต่งด้วยหัวกะโหลกของมนุษย์มากมาย ชวนให้รู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ตั้งแต่ถูกจองจำในครั้งนั้นเฟิ่งจิ้งก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่ทำร้ายมนุษย์บริสุทธิ์อีก นอกจากมนุษย์จิตใจต่ำช้าเพียงเท่านั้น น่าแปลกยิ่งนักการที่เขาได้กินหัวใจสด ๆ และกลืนกินพลังชีวิตของเหล่ามนุษย์จิตใจหยาบช้า พลังของเขากลับมีมากมายกว่าแต่ก่อนเสียอีก
เมื่อสารทฤดูมาเยือน (ฤดูใบไม้ร่วง) หลี่เว่ยต้องรีบกลับมาหาผู้เป็นมารดาอย่างรีบร้อน ด้วยเพราะได้รับข่าวแจ้งจากหลี่ฮวา ว่ามู่หลันฮวาใกล้หมดสิ้นลมหายใจสุดท้ายเต็มทีแล้ว นางสั่งเสียให้บุตรทั้งสองพานางขึ้นไปบนเจดีย์เหลยเฟิง มู่หลันฮวาจ้องมองไปที่เจดีย์สูงตระหง่านด้วยดวงตาที่พร่ามัว มือเหี่ยวย่นยื่นไปจับมือของบุตรทั้งสองมากอบกุมเอาไว้ "จงรักกัน พึ่งพากัน สายใยพี่น้องย่อมมิอาจตัดขาด"หลี่เว่ยและหลี่ฮวาพยักหน้าทั้งน้ำตา เขามิอยากสูญเสียมารดาไปเช่นนี้เลย แต่จะให้ทำเช่นไรได้เล่า มารดาของเขาเป็นมนุษย์ ย่อมมีวันหมดสิ้นอายุขัยเป็นเรื่องธรรมดาห้วงลมหายใจสุดท้าย ก่อนที่มู่หลันฮวาจะจากโลกนี้ไป ก็บังเกิดลำแสงสีขาวพวยพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้าลงมายังเจดีย์เหลยเฟิง ปรากฏร่างของหลี่เย่ที่ยามนี้ช่างงดงามสว่างเจิดจ้ายิ่งนัก ท่อนล่างของเขาเป็นงู เกล็ดสีขาวนวลราวไข่มุกราตรีช่างงดงามเหลือเกิน หลี่เว่ยและหลี่ฮวาหันไปมองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับหลี่เย่ท่านพ่อของเขามู่หลันฮวาใช้แรงเฮือกสุดท้ายยื่นฝ่ามือเหี่ยวย่นออกไปหาเขา หลี่เย่เองก็ยื่นมือออกไปรับมือของนางเอาไว้ แล้วจึงโน้มใบหน
มู่หลันฮวาจ้องมองหลี่เย่ที่ถูกจองจำเอาไว้ในเจดีย์เหลยเฟิงอีกครั้ง ก่อนที่นางจะกลั้นใจรวบรวมสติที่เหลืออยู่ พาตนเองกลับไปหาลูกน้อยที่ถ้ำบนหุบเขาเมื่อไปถึง นางก็ได้พบกับเจียวฟางและเซียงเซียงที่รออยู่หน้าถ้ำ พร้อมกับอุ้มบุตรทั้งสองของนางเอาไว้ มู่หลันฮวาพบกับท่านผู้เฒ่าจิ้งจอกอีกครา เขามองนางด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากกว่าครั้งแรกอยู่มาก "คารวะท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ""อืม ช่างเถิด ข้ามาที่นี่เพื่อจะมาบอกเจ้าว่า ข้าจะมารับบุตรชายของเจ้ากลับไปยังเผ่าปีศาจของเรา"มู่หลันฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องท่านผู้เฒ่าจิ้งจอกเขม็ง จนเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดที่มีสายตาอำมหิตเช่นนางมาก่อน "เอ่อ แม่นางเจ้าฟังข้าก่อน นี่เป็นความต้องการของหลี่เย่ เขาอยากให้บุตรชายได้เป็นราชาปีศาจเช่นเดียวกับเขา""ลูกข้ายังเด็กนัก!!!""เอาเถิด ข้ายังไม่รีบร้อนเสียหน่อย รอให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อย ข้าจะกลับมาถามเจ้าอีกครา วันนี้ข้าเพียงแวะมาเยี่ยมเยียนลูกหลานของเผ่าปีศาจเพียงเท่านั้น""ท่านไม่รังเกียจที่เขามีเลือดมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในร่างหรือเจ้าคะ""เหลวไหล!!! เขาเป็นปีศาจ เจ้าแหกตาดูสิ เขาเหมือนหลี่เย่ยิ่งนัก!!!
อวี้ฉือที่ตามหลี่เย่ออกมาด้วย เมื่อได้เห็นเขาคุกเข่าอ้อนวอนต่อองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตก็รู้สึกสงสารหลี่เย่เป็นอย่างมาก อวี้ฉือเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะเอ่ยขอความเห็นใจจากองค์เง็กเซียนฮ่องเต้แทนหลี่เย่ "ทูลองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ หลี่เย่ได้สำนึกผิดแล้ว ขอพระองค์ทรงเมตตาเขาสักคราด้วยเถิด อย่างน้อยเรายังจะได้ชุบชีวิตมนุษย์ผู้สืบสายเลือดบริสุทธิ์ให้กลับมามีชีวิตอีกครา นางอาจจะช่วยแดนสวรรค์ของเราได้ไม่มากก็น้อยพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เย่เงยหน้าไปมองอวี้ฉือด้วยแววตาที่เย็นชา ท้ายที่สุดแล้ว เผ่าสวรรค์ก็ยังคงต้องการเลือดของนางไปซ่อมแซมตาข่ายสวรรค์อยู่ดี เห็นแก่ตัวกันยิ่งนัก!!!องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดังกังวานน่าเกรงขาม "หลี่เย่!!! เช่นนั้นเจ้าจงนำหญ้าเซียนไปให้แก่นาง แล้วจงรีบกลับมาที่นี่ เตรียมรับโทษจากข้า!!!""เป็นพระกรุณายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เย่น้อมกายทำความเคารพต่อองค์เง็กเซียนฮ่องเต้อย่างจำยอม เมื่อเขาตอบตกลงที่จะทำตามเงื่อนไข ท้องฟ้าพลันสว่างสดใส ประตูเจดีย์เหลยเฟิงจึงเปิดออก เผยให้เห็นหญ้าเซียนสีทองจำนวนมหาศาลที่ยืนต้น
เหล่าวิญญาณร้ายที่ถูกไห่ซือจับเป็นทาสรับใช้ รวมถึงเหล่าปีศาจและมารชั้นต่ำที่ไห่ซือจับพวกมันมาได้จากการหลุดลอดหนีออกมาจากตาข่ายสวรรค์ ต่างพุ่งทะยานเข้ามาหาหลี่เย่และเฟิ่งจิ้งทันที ควันสีดำทะมึนต่างพวยพุ่งเข้ามาอย่างมิขาดสาย หลี่เย่หาได้เกรงกลัวไม่ เขาพร้อมตั้งรับอย่างเต็มที่กรร!!!หลี่เย่กลายร่างเป็นงูยักษ์ขนาดใหญ่ ลำตัวของเขาใหญ่โตราวกับภูเขา ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองไปที่ไห่ซือและเฉินเฟยด้วยความโกรธแค้น เกล็ดสีขาวนวลราวไข่มุกราตรีส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ สร้างความหวั่นเกรงต่อผู้ที่ได้พบเห็นไม่น้อย ฟ่อ!!!เพียงแค่เขาอ้าปากพ่นพิษไฟออกมา ร่างของเหล่ามารปีศาจชั้นต่ำและวิญญาณร้ายต่างแหลกสลายมอดไหม้กลายเป็นจุณ ไม่นานนักเหล่าข้ารับใช้ของไห่ซือก็ทยอยสลายกลายเป็นผุยผงไปเสียหมด ไห่ซือยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เขาเปิดขวดน้ำเต้าทองออกมาอีกครั้ง ก็ปรากฏร่างของปีศาจงูสีดำขนาดใหญ่ ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองมาที่หลี่เย่ด้วยความดุดัน ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากหลี่เย่ ไห่ซือที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ปีศาจงูตนนี้เขาจับมันมาได้ตอนที่มันหลบหนีจากตาข่ายสวรรค์เฝ้าดูแลและเลี้ยงดูมันมาหลา
มู่หลันฮวามิได้รู้สึกว่าตนเองมีอาการแพ้ท้องหรืออยากอาหารมากเท่าใดนัก นางยังคงใช้ชีวิตได้เช่นปกติทั่วไป อาจจะมีเหนื่อยล้าและง่วงนอนบ้างบางเวลา แต่ก็ถือว่าไม่ได้อ่อนแอมากเท่าใดนักตรงกันข้ามนางกลับต้องการดื่มเลือดสด ๆ บ้างในบางครั้งก็เท่านั้นมู่หลัวแม้จะยังรู้สึกแปลกใจและสงสัยว่ามู่หลันฮวาจับงูมาทำสามีได้เช่นไร แต่เขายิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว และไม่อยากทำให้บุตรสาวของตนเองลำบากใจ จึงหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถามนางไปเสียท้องของมู่หลันฮวาในยามนี้ใหญ่โตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คงเพราะบุตรในครรภ์มีเลือดของปีศาจอยู่ครึ่งหนึ่งจึงทำให้เจริญเติบโตรวดเร็วกว่าทารกในครรภ์ปกติทั่วไป หลี่เย่พานางมาหลบซ่อนอยู่ในถ้ำตามคำแนะนำของมู่หลัว ด้วยเกรงว่าจะมีชาวบ้านล่วงรู้เข้า และหลี่เย่กับมู่หลันฮวาจะพบเจอกับความลำบากมู่หลันฮวารู้สึกว่าภายในถ้ำค่อนข้างอบอ้าวมากกว่าปกติ นางจึงให้หลี่เย่พาออกมาเดินเล่นที่ด้านนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์"หลี่เย่!!! เจ้าคิดแหกกฎเผ่าปีศาจหรือ!!!"เสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้มู่หลันฮวาและหลี่เย่ต้องหันไปมอง ก่อนจะพบกับผู้เฒ่าชราที่มีผมสีขาวโพลน หนวดเครายาวเป็นสีขาวขับให้บนใบหน้าของเขาดูน