ภาพบุรุษคนหนึ่งที่เลี้ยงบุตรสาวตามลำพัง ภาพวันที่เขาโชกเลือดกลับบ้านมา ภาพที่เธอถูกคนกลั่นแกล้งต่างๆนาๆเป็นที่ระบายอารมณ์เสมอ ภาพสุดท้ายเธอถูกถอดเสื้อผ้าตัวนอกออกและใส่ชุดตัวในเท่านั้น บังคับให้แช่น้ำจนป่วยตาย
ไป๋เจินเจินรับรู้ทั้งภาพอารมณ์ ความรู้สึกและสิ่งสุดท้ายเด็กคนนี้คว้ามือเธอเอาไว้แล้วฝากฝังบิดา นี่ตอนนี้เธออยู่ในร่างคนอื่นเหมือนในนิยายที่เคยอ่านฆ่าเวลาใช่ไหม
“ไป๋เจินเจิน...เธอวางใจใครที่ทำร้ายเธอกับพ่อ ฉันจะให้พวกมันชดใช้ทุกคน ขอบใจนะที่ให้ฉันได้มีชีวิตอีกครั้ง”
สายลมอุ่นๆพัดผ่านร่างบอบบาง เสียงไอดังออกมาจากด้านในห้องนอนของบิดา บ้านสกปรกเกินไป ไป๋จิ้งคนนี้ไม่ยอมให้บุตรสาวแตะต้องงานบ้านงานเรือนเลยเพราะกลัวว่านางจะมือหยาบมือกร้าน ถึงเวลาออกเรือนสามีจะรังเกียจ
“เฮ้อ รักลูกผิดจริงๆเลย ไหนๆก็มาแล้วคงต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างแล้วล่ะ ไม่มีเงินจะกินข้าว ไม่มีเงินจะซื้อยา หึ เรียนหนังสือหรือ ไปเรียนทุกวันแต่กลับไม่ได้อักษรสักตัว เพราะอาจารย์เหล่านั้นไม่ยอมสอนนางนะสิ ได้ๆไม่สอนก็ไม่อยากเรียนเหมือนกัน เอาเวลาไปหาเงินดีกว่า
ไป๋เจินเจินที่คิดตกแล้วก็ทนนอนในห้องอับๆจนกระทั่งเช้า บิดาลุกออกมาต้มน้ำให้นางล้างหน้าบ้วนปาก ไป๋เจินเจินเดินออกมาจากห้อง ไป๋จิ้งเห็นบุตรสาวก็ดุ
“เพิ่งจะยามอิ๋นไปนอนต่อเถอะ พ่อต้มน้ำเสร็จจะยกไปให้”
ไป่เจินเจินที่รู้สึกอบอุ่นมากนัก ชาติก่อนมีกันแค่พ่อลูก แต่พ่อจากไปเร็ว ชาตินี้มีพ่อกับเขาอีกครั้งเธอรู้สึกดีจริงๆก่อนจะเอ่ย
“ท่านพ่อ..ให้ข้าช่วยเถอะ ท่านเอาแต่กลัวว่าข้าจะมือหยาบกร้านหาสามีที่ดีไม่ได้ ท่านพ่อ ท่านแต่งกับท่านแม่เพราะนางขยัน งานบ้านงานเรือนล้วนแต่สะอาดหมดจดมิใช่หรือเจ้าคะ หากข้าไม่เอาไหนแต่งงานไปสามวันท่านไม่กลัวเขาเอาข้ามาคืนท่านหรอกหรือ”
ไป๋เจินเจินเอ่นออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า ไป๋จิ้งพยักหน้านางจึงเข้าครัวช่วยบิดาติดเตาต้มน้ำ ในครัวๆไม่มีอะไรเลยนอกจากแป้งหนึ่งกำมือ ไป๋เจินเจินจึงนำมานวดเล็กน้อย ไป๋จิ้งเห็นก็แปลกใจว่าบุตรสาวทำได้อย่างไร ไป่เจินเจินรู้ว่าเขาสงสัยนางจึงเอ่ยลอยๆ
“เฮ้อ สำนักศึกษานี่ไม่ใช่ต้องเรียนหนังสืออย่างเดียวหรือเจ้าคะ ไหนจะเย็บปัก ไหนจะทำอาหาร ข้าอยากเรียนหนังสือกับต้องมานวดแป้งหุงต้ม”
“เรียนไปถอะ..คนอื่นอยากเรียนยังไม่ได้เลยแต่เจ้าเข้าได้”
“หึ ท่านพ่อท่านปกป้องรัชทายาทจนตัวเองบาดเจ็บ ขาก็เกือบเป๋ แต่สิ่งที่ได้มาคือเงินเพียงสิบตำลึงกับการที่ให้ข้าได้เรียนที่โสโครกนั้น ใครอยากเรียนกัน เป็นถึงรัชทายาทกลับใจแคบ”
“อาเจิน อย่าเอ่ยเช่นนี้อีก อยากถูกตัดหัวหรืออย่างไร”
ไป๋เจินเจินขัดใจ นางนวดแป้งเสร็จแล้วก็หั่นเป็นเส้นๆ ไม่มีเนื้อสัตว์มีแต่ไข่สองใบที่บิดาร่างเดิมซื้อมาบำรุงบุตรสาว ยายหนูนี่วาสนาดีจริงๆ บิดารักขนาดนี้เสียดายอายุสั้นไปหน่อย เว่ยซูถิงเจ้าล้างคอรอข้าได้เลย
บะหมี่สองชามกับไข่ต้มถูกใส่ในชามของพ่อลุกคนละชาม ไม่มีวัตถุดินเครื่องปรุงใดๆ แต่ดีกว่าไม่มีกิน
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยไป่เจินเจินก็ไปสำนักศึกษา วันนี้ต้องได้เงินสักตำลึงครึ่งตำลึงสิน่า ในครัวไม่มีของกินแล้ว บิดาต้องกินยาฝังเข็ม เขาต้องรักษา เมื่อเช้านางแสร้งทำน้ำร้อนกระเด็นใส่ เขาแสบและเจ็บ แต่ยังบอกนางว่าไม่เป็นไร แปลว่าขายังมีความรู้สึกอยู่มีโอกาสหาย ในเมื่อเด็กคนนั้นเลือกเธอก็ต้องตอบแทนที่เธอเสียสละร่างกายให้ได้เริ่มชีวิตใหม่
ไป๋เจินเจินที่เดินมาถึงสำนักศึกษาก็เห็นที่ลานด้านหน้ามีลูกศิษย์ของสำนักรวมตัวกัน พอไป๋เจินเจินเดินมาทุกคนก็หัวเราะเยาะเรื่องเมื่อวาน จ้าวหย่งเฉิงที่ยืนดูอยู่ชั้นสองของเรือนพักอาจารย์ส่ายหน้า มิใช่ว่าเขาบอกว่าให้พักผ่อนหรอกหรือเหมือนเมื่อวานนางจะมีไข้เพราะแช่น้ำนาน ที่สำคัญเขาไปดูมาแล้ว ผลการเรียนของนางก็แย่มากไม่ได้อะไรสักอย่างเลย
ลานด้านล่างเสียงของคุณหนูจวนเสนาบดีเอ่ยเยาะเย้ยขึ้นมา
“โย่ว...เมื่อวานนี้ใครช่วยเจ้าขึ้นมาเล่าไป๋เจินเจิน นี่ๆเจ้าได้ไปขายตัวเพื่อซื้อยาให้บิดาขาเป๋ของเจ้าหรือไม่ได้เท่าไหร่กันเล่า”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ลูกคู่ของนางหัวเราะเยาะเย้ย นักเรียนทั้งหลายก็หัวเราะตาม แต่สิ่งที่ไป่เจินเจินเอ่ยออกมาทำเอาพวกเขาตกใจ เพราะปกตินางจะก้มหน้าร้องไห้อย่างเดียว แม้แต่จ้าวหย่งเฉิงที่ยืนดูอยู่ไกลก็ได้ยินเช่นกัน
“คุณหนูเว่ย... ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร ที่ผ่านมาข้าเห็นเจ้าเอ่ยแต่เรื่องขายตัวๆ เจ้าดูชำนาญเอ่ยออกมาไม่กระดากปากสักเท่าไหร่ หรือว่าปกติเจ้าขายจนชิน เอ๋...จวนเสนาบดีตกอับถึงกระทั่งเจ้าต้องไปขายตัวหาเลี้ยงพวกเขาเชียวหรือ”
“เจ้าๆๆๆ ไป๋เจินเจินกล้ายอกย้อนข้าหรือ พวกเจ้าจับนางเอาไว้ วันนี้ข้าจะสั่งสอนนางเอง”
นี่หรือคนที่ไม่ชอบสตรี นี่คือคนที่ไม่ไยดีผู้หญิงจริงๆหรือ สามสิบเจ็ดแล้วเขายังไม่เคยหลับนอนกับสตรีคนไหน จนมีข่าวลือว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ไป๋เจินเจินขยับเอี้ยวตัวไปหาเขาก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบตกลง"เจ้าค่ะ แต่ห้ามอาจารย์แช่น้ำนานเกินไปนะเจ้าคะ อีกอย่าพวกเรายังไม่แต่งกันสักหน่อยคำว่าผัวเมียท่านเรียกบ่อยเกินไปแล้ว"หึ หึ หึ จ้าวหย่งเฉิงหัวเราะในลำคอจากนั้นก็อุ้มนางออกทางหลังเรือน พาดีดขึ้นยอดไม้ไปยังเขตต้องห้ามสำหรับเขาเท่านั้น เมื่อมาถึงก็วางร่างบางลง ไป่เจินเจินนั่งบนโขดหินรอเขาแช่น้ำ แต่คนตัวโตกลับไม่ยอม"ลงแช่น้ำกับอาด้วยเด็กดี""ห๊ะ ห๊า ไม่ดีกระมังเจ้าคะ ข้ามิได้เอาเสื้อผ้ามา ท่านอาตามสบายเถอะเจ้าคะ""ก็ไม่ต้องใส่ถอดเถอะ ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก อาเจินตั้งแต่เห็นเจ้าเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำพุคราวนั้น อาก็ลืมภาพเย้ายวนเจ้าไม่ได้สักวัน"ไป่เจินเจินมองหน้าเขาทันที หรือว่าวันนั้นเขาเห็นงั้นหรือ ใบหน้าหวานแดงซ่านก่อนจะเอ่ยโมโหกลบเกลื่อนความเขินอาย"คนบ้า ท่านเป็นถึงราชครูแห่งแคว้น เป็นอาจารย์สำนักศึกษาเหตุใดไม่สำรวม ช่างหน้าหนายิ่งนักแอบดูข้าหรือคนหน้าไม่อาย"จ้าวหย่งเ
เมืองหลวงหยางตงชิงที่ยามนี้กำลังกราดเกรี้ยวใส่คนของตน เขาต้องการสังหารพระชายาและองค์ชายน้อยเหตุใดทั้งคู่จึงไม่ตาย ดีที่เขารอบคอบตอนที่วางเพลิงไม่มีคนพบเห็นเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่สำนักศึกษาพาลูกศิษย์มาไหว้พระและศึกษาพระธรรมจึงทำให้คนพลุกพล่านเหมาะแก่การลงมือ"แต่ละคนไม่ได้เรื่องทั้งนั้น""องค์ชาย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลูกศิษย์สำนักศึกษาที่ชื่อไป๋เจินเจินคนนั้นเข้าไปพาทั้งสองออกมาก็คงจะสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ไป๋เจินเจินงั้นหรือ""ทูลองค์ชาย ไป๋เจินเจินคือบุตรสาวหัวหน้าองครักษ์หลวงไป๋จิ้งหยวน เขาเพิ่งกลับมารับตำแหน่งเมื่อไม่นานนี้พ่ะย่ะค่ะ"หยางตงชิงปาจอกชางงพื้นจนแตกกระจาย ไป๋จิ้งหยวนเป็นเจ้าอีกแล้ว สองปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าสังหารหยางมู่เฉินสำเร็จไปแล้ว ไอ้สารเลว"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านตาของพระองค์กำลังหาทางให้องค์ชายสิบสองผูกสัมพันธ์กับคณะทูตที่จะมาถึงเดือนหน้าพ่ะย่ะค่ะ""ท่านตาของข้างช่างทุ่มเทเสียจริงๆ หยางหลิงเทียนหรือจะนั่งบัลลังก์ ฝันเฟื่อง"หยางตงชิงเสแสร้งว่าตนเองไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ตำแหน่งรัชทายาทไม่ใชสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ทำตัวราวกับองค์ชายเกียจคร้านเรื่องกา
วันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างผืนบางเข้ามาภายในห้อง กลิ่นยาสมุนไพรอ่อนๆ ยังลอยตลบอยู่ในอากาศ ไป๋เจินเจินก้มลงจัดห่อสัมภาระใบเล็กอย่างคล่องแคล่ว แต่สายตายังไม่วางจากบุรุษที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงจ้าวหย่งเฉิงยังคงมีสีหน้าอิดโรย แม้ไข้จะลดลงแล้ว แต่แผลที่ไฟลวกกลางหลังซึ่งถูกคานไม้ที่ไหม้ไฟหล่นทับยังไม่หายดี เพียงขยับตัวนิดเดียวก็ยังต้องเม้มปากกลั้นความเจ็บ เมื่อวานเขาฝืนมาหานางเพราะเกรงว่านางจะเสียเปรียบผู้อื่น ไป๋เจินเจินมองไปที่คนตัวโตที่ยังไม่ตื่น เมื่อคืนเขามีไข้ช่วงดึก แต่ยามนี้ไข้ลดลงมากแล้ว ไม่นานชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมา ของมองมาตามเสียงกุกกักที่ได้ยินเมื่อเห็นภรรยาที่ยังไม่แต่งของเขากำลังเก็บข้าวของก็เอ่ยขึ้น"ฮูหยิน... แผลของอามิไม่ได้หนักหนา เจ้าอย่ากังวลนักเลย" เสียงของจ้าวหย่งเฉิงยังคงทุ้มนุ่ม แผ่วเบาแต่มั่นคงพอจะปลอบใจหญิงสาวที่กำลังเก็บของ ไป๋เจินเจินมองอาจารย์กึ่งคู่หมั้นก่อนจะเอ่ย"ท่านอา เรายังไม่ได้เขาพิธีกันสักหน่อย คำเรียกนี้ท่านกล่าวเร็วเกินไปหรือไม่ อีกอย่างพ่อจะไม่อยู่ พวกเราผัวเมียไปอยู่เรือนไผ่ของท่านอย่างน้อยก็ปลอดภัย ท่านบาดเจ็
หยางมู่เฉินกับหยางเทียนกลับไปแล้ว ไป๋จิ้งหยวนคอยดูแลความสงบของวังหลวงจึงต้องกลับไป ก่อนหน้าเขาไม่ปรากฏตัวเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ยามนี้องค์ชายห้าผู้สันโดษก็เปิดหน้าออกมาแล้ว ถ้าหากมิใช่เพราะบุตรสาวเขาเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตบุตรชายและพระชายาองค์รัชทายาท และทั้งสองพระองค์เกิดเป็นอะไรขึ้นมารัชทายาทจะต้องจมอยู่กับความเศร้าโศก เช่นนั้นก็อาจเข้าทางพวกเขา คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งก็เหลือเพียงองค์ชายห้ากับองค์ชายสี่และองค์ชายหก ได้ยินว่าเมื่อเจ็ดวันนก่อนองค์ชายสิบสองทรงพลัดตกจากหลังม้าที่ทรงขี่ประจำ ดูเหมือนว่าการตกจากหลังม้าครั้งนี้น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุเสียแล้ว ขนาดสายเลือดเดียวกันยังลงมือ หยางตงชิงนั้นล้ำลึกเสียจริงๆ จ้าวหย่งเฉิงไม่อยากให้ไป๋เจินเจินต้องมาพัวพันเขามองหน้าว่าที่พ่อตา ไป๋จิงหยวนรู้ดีจึงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย"อาเจิน ลูกดูแลท่านราชครูให้ดี พ่อต้องกลับวังหลวงก่อน ต้องดูแลความสงบในวัง ทางนี้ก็ฝากลูกแล้ว""ท่านพ่ออย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าสั่งรถม้าแล้วพวกเราจะกลับบ้านท่านอาที่ป่าไผ่วันรุ่งขึ้น ที่นั่นมีน้ำพุร้อนสามารถช่วยรักษาแผลได้เจ้าค่ะ"ไป๋จิ้งหยวนพยั
จ้าวหย่งเฉิงเดินมาหาร่างบางที่กำลังมองไปยังคุณหนูสกุลหนานและสกุลหยุนด้วยสายตาอำมหิต นางโกรธเกลียดเด็กสาวสองคนนี้เพียงใดกันนะ เขารู้มาว่าวันที่เจอกับนางครั้งแรกตอนที่ถูกบังคับให้แช่น้ำในสระเด็กสองคนนี้มีส่วนร่วมด้วยเท่านั้น แต่จากสายตาของนางเหมือนกับว่าหนานซวงซวงกับหยุนเสี่ยวหว่านนั้นไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ร่างสูงเดินไปหานางมือหนาโอบรอบเอวรั้งนางเข้ามาหาไม่สนใจสายตาของอาจารย์และลูกศิษย์รวมถึงคนที่ยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยถามไถ่"ฮูหยิน มีเรื่องอันใดหรือ"ไป๋เจินเจินที่เห็นหน้าเขาก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะกอดเขาแน่นไม่สนใจสายตาของใคร"ท่านอา..ท่านมาทำไมท่านยังบาดเจ็บอยู่เลยฮือๆๆ""อาไม่เป็นไร เด็กดีไม่ร้องนะอาอยู่ตรงนี้แล้ว"ฮูหยินหรือ งั้นข่าวลือที่ว่าราชครูจ้าจะแต่งงานกับไป๋เจินเจินก็เป็นยเรื่องจริงน่ะสิ สายตาทุกคู่มองมายังทั้งสองคนพร้อมกับอ้าปากค้าง จ้าวหย่งเฉิงค่อยๆประคองร่างบางที่กำลังร้องไห้เอาไว้ เขาได้รับบาดเจ็บที่หลัง เมื่อสามวันก่อนเกิดไปไหม้อารามที่พระชายารัชทายาททรงไปพักผ่อนกับองค์ชาย นางเข้าช่วยสุดท้ายกลับติดอยู่ในนั้น จ้าวหย่งเฉิงเข้าไปพานางกับองค์ชายออกมาก่อนที่จะถูกคา
ทันทีที่ไป๋เจินเจินเอ่ยจบ หนานเฉาเหว่ยก็หน้าซีด นางเด็กนี้รู้อะไรมาหรือ เขาจึงเอ่ยกลับไปไม่ยอมรับ"เงินทองจวนข้ามีมากพอ อาหารเหล่านั้นไม่ได้แพงมากมาย เจ้าจะไปรู้อะไร"ไป๋จิ้งหยวนมองหน้าหนานเฉาเหว่ยทันที ดูเหมือนบุตรสาวของตนจะรู้อะไรมา ไม่นานชายที่สวมชุดสีม่วงใช้พัดปิดบังใบหน้าที่เพิ่งเดินมาถึงก็เอ่ยขึ้นมา"เงินเดือนเจ้ากรมหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง มีเมียรองสองคน อนุสี่คน ไปร่ำรวยมาจากไหนกัน"หนานเฉวเหว่ยหันไปทางเสียงที่เอ่ยมาก่อนจะชี้หน้า"เจ้า ไอ้บัณฑิตกระจอก เรื่องของบ้านข้าเจ้าจะไปรู้อะไร"ไป่เจินเจินปรบมือให้กับหนานเฉาเหว่ยก่อนที่นางจะเอ่ย" เมียรองก็มีสินเดิม อนุก็มีสินเดิม อาหารมื้อละสองร้อยตำลึง ใต้เท้าหนานเจ้าแต่งภรรยากับอนุมาเลี้ยงดูตนเองเช่นนั้นหรือ"ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆเสียงหัวเราะดังลั่นสำนักศึกษา หนานเฉาเหว่ยโบกมือเพื่อให้คนของตนสั่งสอนไป๋เจินเจิน แต่ไป๋จิ้งหยวนกดเขาลงกับพื้นนก่อนจะเอ่ย"อยากแตะต้องบุตรสาวข้า ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน"หนานเฉาเหว่ยพยายาที่จะลุกไม่นานองครักษ์หลวงก็มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ วั่นกงกงถือม้วนผ้าสีทองมาด้วยก่อนจะเอื้อนเอ่