ในห้องทรงงานกุ้ยเฟยหยุนชินก้าวเข้ามาใบหน้างามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆ ใต้แขนประคองกล่องไม้ แต่ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้มองจากหางตายังรู้ว่าตอนนี้นางคงกำลังมีเรื่องไม่พอใจบางอย่าง “หม่อมฉันขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเรื่องสำคัญเพคะ”“ว่ามาเถิด มีเรื่องใด”ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ยังไม่ละสายตาจากฎีกา พยักหน้าน้อยๆ ให้ขันทีจื่อกงถอยไปก่อน กุ้ยเฟยหยุนชินสาวเท้าเข้ามาเงียบๆ ก่อนจะวางกล่องลงตรงหน้าโต๊ะอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ใต้หล้านี้คึกคักนักเพคะ…ขนาดตำหนักในยังถูกค้นกันให้ทั่วไม่เว้นแม้แต่ฮองเฮา เพียงเพราะใครบางคนวางยาพิษใส่ขนมหวานจนองค์หญิงใหญ่หว่านชิงล้มหมอนนอนเสื่อไม่รู้ถูกวางยาจริงหรือไม่สามวันก็เห็นวิ่งเล่นสบายใจ ยาถอนพิษหมอหลวงยังไม่ทันปรุงด้วยซ้ำ” ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้เหลือบมองแวบหนึ่งก่อนแสร้งทอดถอนใจ“แต่น่าสนใจนักที่เมื่อมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นกลับไม่มีแม้แต่เงาของฝ่าบาทที่จะหันมาสนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อยเลยนะเพคะ” มือเรียวกุ้ยเฟยหยุนชินเลื่อนเปิดฝากล่องอย่างนุ่มนวล เผยให้เห็นตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยรอยทิ่มแทง เข็มเล่มเล็กๆ ปักพราวตามเนื้อตุ๊กตาและบริเวณอกมีลายปักชื่อชัดเจนว่าหยางหลิน ดวงตาของ
เสียงแจกแจงรายชื่อของตำหนักที่ต้องเข้าตรวจค้นดังก้องไปทั่ววังหลัง หน้าตำหนักผิงจื้อของฮองเฮาเต็มไปด้วยเหล่าองครักษ์ในเครื่องแบบเข้มขรึมพร้อมขันทีที่ถือรายชื่อบันทึกของฝ่ายตรวจสอบเสียงตะโกนของฮองเฮาหลี่หลันซื่อดังลั่น“นี่มันเรื่องบ้าอะไร กล้าดียังไงถึงบุกค้นตำหนักของเราโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ข้าคือฮองเฮา ไม่ใช่ข้ารับใช้ในจวนต่ำชั้น ใดๆ ให้ใครอนุญาตกันถึงกล้าทำเช่นนี้ หรือว่า...เรื่องนี้เจ้าคิดเอาเอง”สีหน้าขึงขังเต็มไปด้วยโทสะ ดวงตาคมกริบตวัดมองหัวหน้าองครักษ์ผู้แบกรับหน้าที่เอาไว้บนไหล่ หัวหน้าองครักษ์ประสานมือโค้งคำนับแน่นแต่ไม่หวั่นไหวไปกับพายุเสียงนั้น“ทูลฮองเฮา...นี่เป็นพระราชโองการโดยตรงจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ให้ตรวจค้นทุกตำหนัก ทุกห้อง โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่ตำหนักขององค์หญิงใหญ่หว่านชิงยังถูกตรวจค้นแล้วเช่นกัน”ฮองเฮาหลี่หลันซื่อสะอึกไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันเอ่ยสิ่งใดเสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังใกล้เข้ามา พร้อมร่างในชุดอ่อนช้อยประดับเครื่องประดับอ่อนหวานของเยี่ยนอิงที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน ริมฝีปากสั่นระริกแต่ยังคงแสร้งเป็นสงบ“เสด็จแม่...ช่วยลูกด้วย” เสียงหวานปนน้ำตาเบาๆ ราวสายฝนโป
ภายในห้องทรงงานม้วนบันทึกราชกิจนับสิบเรียงซ้อนกันอยู่เหนือโต๊ะ บรรยากาศเงียบสงบแต่ตึงเครียด ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้นั่งอยู่สายตาจดจ้องตรงไปเบื้องหน้า สีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษในคืนนี้ราชครูโม่ชิงเหยียนยืนตรงอยู่เบื้องหน้าก้มคำนับก่อนเริ่มรายงาน น้ำเสียงราบเรียบ“กระหม่อมพบเบาะแสบางส่วนแล้วพ่ะย่ะค่ะ มีพ่อค้าขายยารายหนึ่งเข้ามารายงานว่า มีชายลึกลับสั่งซื้อยาพิษชนิดเดียวกับที่พบในขนมขององค์หญิงหว่านชิง…ชายผู้นั้นสวมผ้าคลุม มีท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มและมิได้นัดส่งของในจวนหรือในตลาด หากแต่สั่งให้นำไปส่งที่ชายป่าด้านนอกเมือง ยิ่งกว่านั้นในวันส่งของมีชายชุดดำสามคนมารับยาพิษไป แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี ปิดหน้าปิดตา ข้างกายพกดาบคุณภาพสูงที่สำคัญพ่อค้าผู้นั้นยังวาดลวดลายบนด้ามดาบให้กระหม่อมดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ลวดลายนี่ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ เป็นนักฆ่าที่มีสังกัด” ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ขมวดคิ้ว ดวงตาวาวลึก“นั่นย่อมเป็นไปได้สูงพ่ะย่ะค่ะ การใช้ดาบลักษณะเดียวกัน สื่อถึงการฝึกฝนมาจากแหล่งเดียวกัน แถมยังหลบเลี่ยงเส้นทางปกติอย่างมิดชิด...ขอประทานอภัย แต่กระหม่อมเกรงว่า เรื่องนี้มิใช่เพียงการลอบปลงพระชนม์ธร
เขายืดตัวตรง หันหลังกลับ ก้าวออกมาหาเยี่ยนอิงที่ยืนกอดอกอยู่ด้านนอก สีหน้าของเยี่ยนอิงนั้นเรียบนิ่ง ยากจะอ่าน“องค์หญิง…”เสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่ฟังดูแผ่วลงเล็กน้อย เขายกตุ๊กตาเสี่ยวเหวินขึ้น ให้เห็นเยี่ยนอิงเห้นมันอย่างชัดเจน“ข้าขอเสี่ยวเหวิน…คืนจะได้ไหม”เยี่ยนอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสั่นไหววูบหนึ่ง ก่อนจะปรายตามองเจ้าตุ๊กตาอย่างไม่ไยดีนัก“เสี่ยวเหวินอย่างนั้นหรือ เยี่ยนอิงคิดว่าหายไปแล้วเสียอีกเจ้าหนูตัวดีคงเอาไปกัดแทะสินะ แต่ช่างเถอะตอนนี้เยี่ยนอิงมีเสี่ยวหลงแล้ว ท่านให้เยี่ยนอิงสั่งให้สาวใช้ซ่อมมันแล้วค่อยส่งที่จวนแม่ทัพจะดีกว่า”“แต่ข้าตั้งใจจะนำมันกลับไปพร้อมกับข้า”ไป๋เหวินหลงกล่าวช้าๆ เยี่ยนอิงเงียบไป หันหน้าออกไปทางลานหิน ดวงตาว่างเปล่าเหมือนไม่ต้องการให้ใครมองเห็นความคิดที่วกวนอยู่ภายใน“เอาไปเถอะ ถ้าท่านยืนยันแบบนั้น” เสียงตอบนั้นเบา…แต่แฝงไม่อาจไม่รู้สึกไป๋เหวินหลงค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเก็บเสี่ยวเหวินไว้ในอกเสื้อ เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่หมุนกายกลับ เดินผ่านองครักษ์ที่ยังคงทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด แล้วหายลับออกไปจากตำหนัก เหลือไว้เพียงเยี่ยนอิงที่ยังคงยืนนิ่ง...ฟังเส
เสียงฝีเท้าก้าวแผ่วเบาจากทางเดินเบื้องหน้าห้อง ประตูที่กำลังกึ่งเปิดถูกผลักออกเบาๆ พร้อมกับร่างของราชครูโม่ชิงเหยียนที่ปรากฏตัวขึ้นใบหน้าเรียบสงบดังเคยสายตาเห็นเจ้าแมวตัวฟูสีขาวลอยอยู่กลางอากาศ“แอ๊ะ” เจ้าแมวระบบร้องอุทานก่อนจะร่วงลงจากกลางอากาศกระแทกลงบนโต๊ะเบาๆ ม้วนตัวเป็นก้อนกลมแล้วยืดตัวส่งเสียงเหมียวออกมาอย่างเสียงธรรมดาสามัญแบบแมวมารยาทดี หว่านชิงสะดุ้งตามตาเบิกกว้าง รีบหัวเราะกลบเกลื่อน“อุ๊ย เจ้าแมวตัวนี้นี่…ชอบกระโดดโลดเต้นตบยุงจังเลยน้าาา แหะๆ…ละ…แล้วท่านอาจารย์ ท่านมาเร็วจังวันนี้”โม่ชิงเหยียนยกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน“แน่นอนว่าต้องรีบมาสิ ข้ากลัวเจ้าจะเบื่อจนคิดบวชจริงๆ น่ะสิ ขนมมากมายจากร้านประจำของเจ้า ข้าแวะซื้อมาให้” โม่ชิงเหยียนกล่าวพร้อมกับยื่นปิ่นโตไม้ส่งให้ตรงหน้า “หู้ยยย ของโปรดเลยอยู่ข้างนอกนี่ดีจริงๆ มีท่านอาจารย์ซื้อขนมระหว่างทางมาฝากฮิฮิ” หว่านชิงรีบคว้ามาไว้แนบอกอย่างลิงโลดโม่ชิงเหยียนมองไปยังเจ้าแมวที่นั่งเลียแข้งเลียขารักษาตัวเองอยู่บนโต๊ะอย่างสงบราวรูปสลักเทพเจ้าแมว ดวงตาเจ้าแมวระบบที่เบิกกว้างจ้องเขาไม่วางตา ทำให้โม่ชิงเหยียนชะงักเล็กน
“ทุกคนล้วนแสดงความเต็มใจร่วมมือพะยะค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวพันหลายสิ่งเป็นเรื่องสำคัญ หากผู้ใดกล้าไม่ให้ความร่วมมือเจตนาก็ชัดเจน”ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้พยักหน้าน้อยๆ เสียงแผ่วแต่เด็ดขาด“ดีมาก...ขอให้รู้ไว้ นี่มิใช่เพียงเรื่องของชีวิตของลูกข้าแต่คือภัยเงียบของแผ่นดิน ใครทำ...ข้าจะลากคอมันขึ้นมาประหารแขนประจานไว้ที่หน้าประตูวัง”มือกำแน่นดวงเนตรวาววับ บรรยากาศทั่วทั้งท้องพระโรงกดดันหนักหน่วง ขุนนางทุกคนไม่กล้าขยับไหว “พวกมัน…บังอาจถึงเพียงนี้ ครั้งแรกลอบสังหารองค์หญิงองค์ชายทั้งสามคนไม่สำเร็จ จึงหันมาเล่นงานทีละคนแทนอย่างนั้นหรือ คิดว่าแผ่นดินนี้เป็นสนามซ้อมกระบี่งั้นรึ”จังหวะนั้นขุนนางอาวุโสผู้หนึ่งจากตระกูลกู้ผู้เคยดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในฮ่องเต้องค์ก่อนเสียงแหบแผ่วแต่เปี่ยมด้วยน้ำหนักแห่งวัยวุฒิและประสบการณ์ ยกมือประสานกันตรงหน้า ก้าวออกหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยด้วยความรอบคอบ“กระหม่อมขอประทานอภัยที่กล้ากล่าวล่วงพระราชดำริพ่ะย่ะค่ะ แต่เมื่อพิเคราะห์จากสิ่งที่เกิดขึ้น หากครั้งแรกมุ่งเป้าไปที่องค์หญิงรองเยี่ยนอิง องค์หญิงใหญ่หว่านชิง และรัชทายาทหยางหลิน ต่อมาคือองค์หญิงใหญ่หว่านชิง ส่วนครั้งล่าส