หลังจากเมื่อคืนวางแผนเปลี่ยนเส้นเรื่องอย่างลับๆ หลี่หว่านชิงก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าทันทีที่เช้าตรู่มาเยือน แสงแดดอ่อนโยนส่องลอดหน้าต่างเงาไม้โยกไหว หว่านชิงก็ตื่นมาแต่งกายอย่างประณีต
ชุดผ้าไหมสีขาวสะอาดปักลาย ทอเส้นเงินระยิบระยับเมื่อแสงกระทบ ผมดำยาวถูกรวบครึ่งศีรษะด้วยปิ่นหยกประดับดอกเหมย ดวงหน้าแต่งแต้มบางเบาด้วยสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากชมพูอย่างธรรมชาติ ทุกองค์ประกอบบอกถึงความสุภาพนุ่มนวลขององค์หญิงใหญ่...เวอร์ชันเรียบร้อย (จอมปลอม)
【ภาพลักษณ์ใหม่: ผ่าน…10/100】
‘นั้นเรียกผ่านเรอะ’
"ซื่อซื่อ เจ้ามานี่สิ" หว่านชิงหันมากล่าวเรียบๆ ขณะสวมกำไลหยก
"เพคะองค์หญิง?"
"เจ้าไปจับตาดูไว้เลยว่าเมื่อไรแม่ทัพไป๋เหวินหลงจะเข้าวัง ข้าต้องรู้ทันทีที่เขาเหยียบลานพระราชวัง"
"เจ้าค่ะ" ซื่อซื่อรีบก้มหัวแล้วหายตัวไปอย่างว่องไว
หลี่หว่านชิงยิ้มมุมปาก เดินออกจากตำหนักอย่างมั่นใจ เพื่อไปยังสถานที่เรียนของเหล่าราชนิกุล ตำหนักเหวินเซียน
ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของวังหลวง ท่ามกลางสวนไม้ใหญ่ แทรกเสียงนกร้องแว่วไกลกับกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ลมพัดโชยเอื่อยพาให้เงาไม้ลู่ไหว ดูสงบ เย็น และร่มรื่น ราวกับถูกออกแบบมาเพื่อกล่อมจิตใจดื้อรั้นของเหล่าราชวงศ์หนุ่มสาวโดยเฉพาะ
ขณะกำลังเดินเข้าสู่ลานหินด้านหน้า หว่านชิงหยุดก้าวเพียงครึ่งฝีเท้า เมื่อสายตาเธอปะทะกับร่างสูงโปร่งของบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ แม้จะอยู่ไกลแต่แผ่นหลังนั้นกลับโดดเด่นในกลุ่มอาจารย์ ด้วยผมดำยาวที่มัดไว้ครึ่งศีรษะ เสื้อคลุมสีน้ำเงิน ท่วงท่ายืนอย่างสงบนิ่ง แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันแปลกประหลาด
‘ไม่ผิดแน่...พระรอง’
หว่านชิงเพ่งมองเขา ราวกับเจอตัวละครจากโปสเตอร์ละครที่หลุดมาจากโลกจริง ใบหน้าขาวเรียบ หล่อเหลาดูดีราวกับของแบนด์เนม
ดวงตาคู่คมแฝงความเฉยชาและดูถูกบางเบา ริมฝีปากบางเฉียบไม่เคยแต้มยิ้ม ที่เอวของเขาห้อยป้ายหยกสลักคำว่า “โม่ชิงเหยียน” อย่างประณีต ในมือเขาถือพัดงดงามสีเงินขาวประดับลายไผ่พลิ้วปลาย คล้ายอาวุธลับของเทพ
เมื่อเขาเดินตรงเข้ามา หว่านชิงก็ก้มตัวเล็กน้อย แสร้งเป็นเด็กดีมีชาติตระกูลแบบคูณสิบทันที
“องค์หญิงใหญ่หลี่หว่านชิง?” เสียงกระแอมเบาๆ ของชิงเหยียนแทรกขึ้นอย่างเย็นชา
“เพคะ ข้าเองเจ้าค่ะ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เรียนกับท่านราชครูโม่” ยิ้มละไมอย่างลูกศิษย์ดีเด่นในสายงานต้อนรับบนสายการบิน
แต่ดวงตาของเขายังคงสงบและเรียบเฉย
“ข้าได้ยินมาว่า ท่านเคย...สร้างสีสันไม่น้อยในตำหนักหลวง”
คำว่า สีสัน ของเขานั้นเย็นเฉียบราวคำเตือนกลายๆ แน่นอนนางร้ายก็ต้องเป็นตัวเพิ่มสีสันสินะ
“ที่นี่คือสถานศึกษาสำหรับการเรียนรู้ ข้ามิประสงค์ให้เกิดความวุ่นวายหรือความไม่เหมาะสมโดยไม่จำเป็น” เสียงของเขาไม่ดุทว่าเฉียบคมยิ่งกว่าดาบทิ่มแทงตรงกลางใจ
“แน่นอนเจ้าค่ะซือฟู” หว่านชิงยิ้มหวาน
“ข้าเองก็หวังเช่นนั้นและจะตั้งใจศึกษาให้สมกับที่ได้รับโอกาสล้ำค่าเช่นนี้เจ้าค่ะ” หว่านชิงก้มศีรษะอย่างอ่อนน้อมในขณะที่ในใจกำลังคิดว่า...
‘ฮึ...แสดงว่าข้าต้องเปลี่ยนภาพจำเสียใหม่ให้พระรองผู้เป็นราชครูหน้านิ่งเห็น ว่าข้าคือองค์หญิงใหญ่คนใหม่ที่เรียบร้อยน่ารักน่าเอ็นดูให้ได้’
หลังจากเมื่อคืนวางแผนเปลี่ยนเส้นเรื่องอย่างลับๆ หลี่หว่านชิงก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าทันทีที่เช้าตรู่มาเยือน แสงแดดอ่อนโยนส่องลอดหน้าต่างเงาไม้โยกไหว หว่านชิงก็ตื่นมาแต่งกายอย่างประณีตชุดผ้าไหมสีขาวสะอาดปักลาย ทอเส้นเงินระยิบระยับเมื่อแสงกระทบ ผมดำยาวถูกรวบครึ่งศีรษะด้วยปิ่นหยกประดับดอกเหมย ดวงหน้าแต่งแต้มบางเบาด้วยสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากชมพูอย่างธรรมชาติ ทุกองค์ประกอบบอกถึงความสุภาพนุ่มนวลขององค์หญิงใหญ่...เวอร์ชันเรียบร้อย (จอมปลอม) 【ภาพลักษณ์ใหม่: ผ่าน…10/100】‘นั้นเรียกผ่านเรอะ’"ซื่อซื่อ เจ้ามานี่สิ" หว่านชิงหันมากล่าวเรียบๆ ขณะสวมกำไลหยก"เพคะองค์หญิง?""เจ้าไปจับตาดูไว้เลยว่าเมื่อไรแม่ทัพไป๋เหวินหลงจะเข้าวัง ข้าต้องรู้ทันทีที่เขาเหยียบลานพระราชวัง""เจ้าค่ะ" ซื่อซื่อรีบก้มหัวแล้วหายตัวไปอย่างว่องไวหลี่หว่านชิงยิ้มมุมปาก เดินออกจากตำหนักอย่างมั่นใจ เพื่อไปยังสถานที่เรียนของเหล่าราชนิกุล ตำหนักเหวินเซียนที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของวังหลวง ท่ามกลางสวนไม้ใหญ่ แทรกเสียงนกร้องแว่วไกลกับกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ลมพัดโชยเอื่อยพาให้เงาไม้ลู่ไหว ดูสงบ เย็น และร่มรื่น ราวกับถูกออกแบบมาเพื่
เมื่อขบวนของฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้ว บรรยากาศก็สงบลงทันใด แน่นอนว่าความสงบของภายนอก มิอาจปิดบังเสียงจากภายในได้【ติ๊ง! แต้มโน้มน้าวฮ่องเต้สำเร็จ +5 แต้ม】เสียงระบบดังขึ้นในหัว พร้อมโผล่เป็นกล่องข้อความโปร่งใสลอยเคว้งเคว้งอยู่กลางสมอง หลี่หว่านชิงขมวดคิ้วในใจ‘+5 แต้ม? น้อยไปป่ะ นี่ฉันแสดงเกือบลืมหายใจนะ!’【...อย่าเยอะ ระบบใจดีให้แต้มทดลองเฉยๆ จริงๆ ฮ่องเต้เชื่อเจ้าทุกคำพูดอยู่แล้ว ควรจะได้ +0 ด้วยซ้ำ นี่ทดสอบระบบเฉย ๆ ทดสอบ 1 2 3 ทดสอบไมค์ 1 2 3】‘เหอะ...แค่บอกว่าอยากลองเทสต์ก็เทสต์กันงี้เลย?’ 【แล้วทำไมต้องยุ่งยากห้ามไม่ให้ราชครูโม่ชิงเหยียนมาสอนในห้องล่ะ】‘แล้วถามทำไมอีกล่ะ ว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมให้เขามาสอนในห้อง?’ หลี่หว่านชิงส่งเสียงในใจปึงปัง【ระบบถาม เพราะอยากรู้ว่าคิดเองหรือฟลุ๊ก】【คำตอบผ่าน: ตรวจพบเหตุผลมีตรรกะชัดเจน】‘ห๊ะถามเองตอบเองหรอ ฉันยังไม่ได้ตอบเลยนะ รวนป่าวเนี้ย’【พึ่งคิดเองได้】【เหตุผล: ไม่อยากทำให้ราชครูโม่รำคาญ = ลดความเกลียดชัง = ไม่เป็นศัตรู】【ระดับแผนการ: ฉลาดเฉียบ】【แต้มพิเศษสำหรับการวางแผนล่วงหน้า +10】ปาหัวใจโฮโลแกรมใส่หลี่หว่านชิงหนึ่งดอกฟรุ้งฟริ้ง หว่านชิงตกใจสุ
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมขบวนขันทีและนางกำนัลยาวเหยียด ที่นำขบวนมาคือหัวหน้าขันทีเฒ่าผู้หนึ่งชื่อว่า "จื่อกง" ชายชราในอาภรณ์สีสุภาพผู้มีใบหน้าแววตาเก๋าเกมและปากไวระดับตำนานไม่ผิดแน่หากตามบทที่หลี่หว่านชิงเคยปะทะคารมมาอีกทั้งขันทีผู้นี้ยังมีไฝติดที่ริมฝีปากเม็ดใหญ่โตมโหฬารตามหลังเขาคือ ฮ่องเต้ "หลี่เซวียนอี้" ฮ่องเต้ผู้มีชื่อเสียงเรื่องการสงคราม รบจนเป็นฮ่องเต้ไร้พ่าย แต่กลายเป็นพ่อที่อ่อนยวบเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวคนโต"หลี่หว่านชิง! ลูกพ่อออออออ" ฮ่องเต้โผเข้าหาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ท่าทีเคร่งขรึมตามตำราจักรพรรดิหายวับ เหลือไว้แต่สีหน้าร้อนรนเหมือนพ่อบ้านธรรมดาดวงตายิ่งอ่อนโยนยิ่งนัก"พ่อได้ข่าวว่าเจ้าล้มป่วย แล้วจู่ ๆ ก็ส่งคนไปบอกว่าจะไปเรียนหนังสือ! เจ้าตื่นเช้าได้! เจ้าลุกจากเตียงได้! บอกพ่อมาเถอะลูก เป็นอะไรรึเปล่า! ฝืนรึเปล่า!ไหวหรือเปล่า เจ้าป่วยไข้หรือหัวไปกระแทกที่ไหนมาหรือเปล่าไหนให้พ่อดูหัวของเจ้ามีรอยบาดแผลไหม"จับตัวหลี่หว่านชิงมาพลิกซ้ายขวาหมุนรอบตัวและวิ่งวนดูรอบๆ ศีรษะของหลี่หว่านชิงค้นหาบาดแผลที่ตามมาด้วยนั่นคือขันทีอีกสิบคน ขนห่อหยก ห่อสมุนไพร กระติกยา และกระถางกำยานรั
แสงแดดยามสายสาดผ่านหน้าต่างลงบนโต๊ะไม้กลมกลางห้อง กลิ่นหมึกจาง ๆ ลอยคละคลุ้งกับกลิ่นชาจางๆ ที่ยังอุ่นอยู่ในถ้วย เสียงปลายพู่กันขูดกระดาษเบา ๆ ดังเป็นระยะ คล้ายเสียงหัวเราะของคนมีแผนร้ายในใจหลี่หว่านชิงคนใหม่ นั่งขัดสมาธิบนเบาะนุ่มอย่างสบายใจ มือข้างหนึ่งคีบขนมชิ้นเล็กเข้าปาก ส่วนอีกข้างก็วาดอะไรบางอย่างลงกระดาษขาวด้วยความตั้งใจบนแผ่นกระดาษ แผนผังน่ารักแบบตัวการ์ตูนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนวงกลมแรกมีหน้าคนหัวฟูๆ ทำหน้าตาโง่งมน้ำมูกและน้ำลายไหล อยู่ในชุดเจ้าหญิงสีชมพูบานเย็น ลูกศรชี้ลงด้านล่าง เขียนว่า“หลี่หว่านชิงต้นฉบับ: สมองมีขนาดเดียวกับเม็ดบัว ขี้อวด ชอบหาเรื่องนางเอก ไม่รู้จักวางแผน ไม่ประมาณตน มองคนไม่ออกไม่รู้ว่าใครรักใครเกลียด สุดท้ายโดนวางยา ตบตี ถูกถอดยศ และสิ้นใจตายในบ่อปลาคาร์ฟ”ถัดไปทางขวาอีกมุม มีภาพหลี่หว่านชิงเวอร์ชันใหม่ ใส่แว่น วาดหน้าตาจริงจัง มือถือพัดจดบันทึก หัวกลม ๆ มีประกายสมองแปะไว้เหมือนมีไฟสว่างวาบบนหัว ใต้ภาพเขียนว่า“เวอร์ชันใหม่ : หลี่หว่านชิง 2.0 แสร้งสำนึกผิด ใฝ่เรียนใฝ่รู้ ตีสนิทเป้าหมาย สะสมแต้มปั่น กำกับโชคชะตาด้วยมือเราเอง! และที่สำคัญฉลาดเป็นกร
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าอย่างแรงดัง เพี๊ยะ!เธอล้มลงไปกองกับพื้น หัวกระแทกมุมโต๊ะปลายเตียงจนมึนงง ทว่าเธอก็ยังคงฝืนลุกขึ้นตามสคริปต์"เจ้ามันก็แค่คนโง่ที่ให้ข้าหลอกใช้ก็เท่านั้น"น้ำเสียงเยาะหยันของนางเอกในเรื่องทำเอาหัวใจเธอสั่นระริก ไม่ใช่เพราะเจ็บปวด แต่เพราะหัวใจขอเธอกำลังเต้นผิดจังหวะมันผิดจังหวะจริงๆ เสียแล้วไม่ไหวแล้ว... หัวใจมัน... เจ็บแปลบ..."คัท! ตรงนั้นยังไม่พออารมณ์นะครับ ตาอย่ากะพริบเยอะเกิน" เสียงผู้กำกับดังขึ้น แต่เธอกลับได้ยินเสียงนั้นแผ่วเบาลงเรื่อยๆๆๆ และเสียงลมหายใจของตัวเองที่แผ่วลงเรื่อยๆในวินาทีสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบ ภาพที่เธอเห็นคือฉากบัลลังก์ทองที่มีม่านโปร่งล้อมรอบ......มันคือฉากที่เธอถ่ายไปเมื่อเดือนก่อน กับบท "นางร้ายผู้โง่เขลา" ในละครย้อนยุคฟอร์มยักษ์ที่ทำเธอแทบบ้าเพราะต้องฝึกทั้งการเดินให้กิริยาดี ทั้งบทพูดโบราณ แถมยังต้องโดนตบอีกสารพัดเธอตายแล้วแน่ ๆ ...กลิ่นหอมอ่อนของไม้จันทน์ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศผสานกับความรู้สึกเย็นชื้นบนต้นคอ แต่พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนตั่งไม้แกะสลักลวดลายเมฆมงคล ชุดที่สวมเป็นแพรไหมชั้นดีมีลวดลายหงส์น้อยประดั