เมื่อขบวนของฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้ว บรรยากาศก็สงบลงทันใด แน่นอนว่าความสงบของภายนอก มิอาจปิดบังเสียงจากภายในได้
【ติ๊ง! แต้มโน้มน้าวฮ่องเต้สำเร็จ +5 แต้ม】
เสียงระบบดังขึ้นในหัว พร้อมโผล่เป็นกล่องข้อความโปร่งใสลอยเคว้งเคว้งอยู่กลางสมอง หลี่หว่านชิงขมวดคิ้วในใจ
‘+5 แต้ม? น้อยไปป่ะ นี่ฉันแสดงเกือบลืมหายใจนะ!’
【...อย่าเยอะ ระบบใจดีให้แต้มทดลองเฉยๆ จริงๆ ฮ่องเต้เชื่อเจ้าทุกคำพูดอยู่แล้ว ควรจะได้ +0 ด้วยซ้ำ นี่ทดสอบระบบเฉย ๆ ทดสอบ 1 2 3 ทดสอบไมค์ 1 2 3】
‘เหอะ...แค่บอกว่าอยากลองเทสต์ก็เทสต์กันงี้เลย?’
【แล้วทำไมต้องยุ่งยากห้ามไม่ให้ราชครูโม่ชิงเหยียนมาสอนในห้องล่ะ】
‘แล้วถามทำไมอีกล่ะ ว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมให้เขามาสอนในห้อง?’ หลี่หว่านชิงส่งเสียงในใจปึงปัง
【ระบบถาม เพราะอยากรู้ว่าคิดเองหรือฟลุ๊ก】
【คำตอบผ่าน: ตรวจพบเหตุผลมีตรรกะชัดเจน】
‘ห๊ะถามเองตอบเองหรอ ฉันยังไม่ได้ตอบเลยนะ รวนป่าวเนี้ย’
【พึ่งคิดเองได้】
【เหตุผล: ไม่อยากทำให้ราชครูโม่รำคาญ = ลดความเกลียดชัง = ไม่เป็นศัตรู】
【ระดับแผนการ: ฉลาดเฉียบ】
【แต้มพิเศษสำหรับการวางแผนล่วงหน้า +10】
ปาหัวใจโฮโลแกรมใส่หลี่หว่านชิงหนึ่งดอกฟรุ้งฟริ้ง หว่านชิงตกใจสุดตัวภายในใจ
‘หา!? อะไรอีกเนี้ย!? มาปาหัวใจอะไรใส่หัวคนเขา!?!’
【คะแนนนี้คือรางวัลแห่งความ “ลึกล้ำ” ของเจ้า】
ปาหัวใจอีกรอบก่อนหายตัวไปพร้อมเสียงหัวเราะแบบ AI รุ่นเบต้า
หลี่หว่านชิงอ้าปากในใจอย่างหมดแรง ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง ราวกับซากนักแสดงที่เพิ่งเล่นบทโศกอารมณ์ยาวต่อเนื่องโดยไม่มีสคริปต์
“แค่ฉากแรก...ก็จะหอบตายแล้วเหรอเนี่ย...นี่ไม่ใช่กองถ่ายที่มีผู้กำกับตะโกนคัทนะยะ...นี่ชีวิตจริงเวอร์ชันระบบจีบหนุ่มบนโลกจีนโบราณเวอร์ชัน 9.3.7!”
แววตาหว่านชิงทอประกายทั้งเหนื่อยล้า ทั้งฮึดสู้ เพราะนี่แค่เริ่มวันแรกเท่านั้น…เห้อ
ภายในห้องนอนกว้างขวางตกแต่งอย่างงดงามตามฐานะองค์หญิงใหญ่ หลี่หว่านชิงกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง มือหนึ่งประคองกระดาษอีกมือถือพู่กัน เส้นหมึกคมกริบราวคมดาบ ปลายพู่กันเขียนตวัดบนแผ่นกระดาษอย่างเร่งรีบ พร้อมเสียงพึมพำจากหว่านชิงเบาๆ
"ถ้าตามเส้นเรื่อง...ตอนที่หนึ่งของซีรีส์ 'รักใสๆ กับนายแม่ทัพ'...เริ่มรักแรกพบด้วยหลี่เยี่ยนอิงควรถูกข้าแกล้งจนตกน้ำ...แล้วพระเอกไป๋เหวินหลงก็จะเข้ามาช่วยไว้...ตามบทสุภาพบุรุษช่วยสาวงาม จากนั้นก็จะเกิดฉากสโลว์โมชั่น กระแสน้ำใสสะอาดสองคนมองสบตากันใต้น้ำ และริมฝีปากหยักได้รูปของเจ้าทึ่มนั่น…อึ๊ยยยย มือใหญ่ของไป๋เหวินหลงคว้าที่ต้นคอขององค์หญิงรอง...จบกัน ชั้นจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!"
หว่านชิงขมวดคิ้วแน่นแววตาเร่งรีบ มือเขียนตารางเวลาแบบย่อ ทั้งแผนที่วัง บันทึกเหตุการณ์ตามไทม์ไลน์ และป้ายชื่อ "ตัวละครหลัก" วางเรียงตามตำแหน่งสำคัญเหมือนกระดานศึก
"ซื่อซื่อ!"
หว่านชิงหันไปเรียกสาวใช้คนสนิทที่เพิ่งวางถาดขนม ซื่อซื่อกระวีกระวาดรีบเข้ามาคุกเข่าข้างเตียง
"เพคะองค์หญิง?"
"องค์หญิงรองเยี่ยนอิงคนนั้น นางตกน้ำไปรึยัง?"ซื่อซือขมวดคิ้วดำ
"องค์หญิงรองยังไม่เคยตกน้ำเลยเพคะ..." ซื่อซื่อตอบเสียงแผ่วๆ
"แปลว่ายังไม่เริ่มตอนแรกงั้นสิ!" หว่านชิงกระโจนขึ้นยืนบนเตียง สะบัดพัดในมืออย่างทรงพลัง ชี้พัดไปรอบๆ เหมือนคุยกับผู้ชมที่มาชมการเล่านิทาน ซื่อซื่อที่ก้มหน้าตกใจกลัวท่าทีประหลาดของหว่านชิง
"ยังมีเวลา! ยังมีเวลาปรับบทก่อนที่จะเจอกันสินะ จะต้องปั่น ข้าจะต้องเปลี่ยนใจเจ้าทึ่มนั่นสินะ เพื่อแต้มจะได้เพิ่มขึ้น ยังมีเวลาๆ"ดีใจจนเผลอกระโดดเหย็งๆ
ซื่อซื่อถึงกับอ้าปากหวอ
"ต้องมีแผน แผนใหญ่! ตัดบทนางเอกเก่า เปลี่ยนเส้นทางพระเอกเสียใหม่ซะ เอาความรักหวานซึ้งนั่นมาทางข้าแทน! อุ้ย"
หว่านชิงหรี่ตาลง ครุ่นคิดจริงจัง ซื่อซื่อคอยๆ ลอบถอยออกไปอย่างระวัง คิดในใจว่าองค์หญิงใหญ่ผู้นี้จะวางแผนสร้างเรื่องอะไรอีก นางถึงดีอกดีใจขนาดนี้
"เราต้องทำให้ไป๋เหวินหลงเห็นข้า...ไม่ใช่ตอนตกน้ำแบบน่าสงสาร แต่ในมาดองค์หญิงใหญ่ผู้ฉลาดหลักแหลมที่พร้อมควบคุมสถานการณ์ ไม่ใช่ 'ตกน้ำ' ต้อง 'จมเรือ!' …อะแฮ่ม! ไม่สิ ต้องวางหมากให้ฉากแรกเปลี่ยนไปให้ดีกว่านี้...ไม่งั้นแค่เปลี่ยนตัวเอกไม่ได้หรอก ต้องเปลี่ยนฉากเริ่มต้นของเรื่องเลยต่างหาก คนที่ถูกช่วยจากน้ำต้องเป็นข้าแทน"
เสียงระบบในหัวดังขึ้นอย่างกระซิบ
【ติ๊ง! ความทะเยอทะยานทะลุระดับระบบ ความกล้าหาญ +3 แต้ม】
【ความอำมหิตในการขโมยซีน +1 แต้ม】
【ฉายา ‘มือวางแผนชั้นเซียน’ ปลดล็อก】
หลี่หว่านชิงยิ้มมุมปาก
‘ปลดล็อก มือวางแผนชั้นเซียน ต่อไปก็ ไต่เต้าไปที่มือวางแผนขั้นเทพ หึๆ ...ข้าเกิดมาเพื่อเขียนบทเอง เล่นเอง และปิดฉากอย่างสวยงามเองด้วย อย่าได้ชม อย่าได้ชมเลยทุกท่าน’
ซื่อซื่อมองเจ้านายของตนด้วยแววตาอึ้งๆ นางเล่นงิ้วหรือหรือว่าบ้าไปแล้ว ประสาทกลับไปเสียแล้ว
"งั้นก็เริ่มจากการกันไม่ให้ใครตกน้ำก่อนข้า แล้วจัดฉากให้ข้าตกน้ำสบตากับหมอนั่นเพื่อเพิ่มแต้ม….. แย่แล้ว! ตกน้ำ! ฉันตายในบ่อปลาคราฟนี่!”
ตำหนักเหนือเมฆา องค์หญิงรองเยี่ยนอิงก้าวเข้ามาข้างในทรุดกายลงนั่งหลังตรง สีหน้าพยายามเรียบสงบ แต่ในอกยังคงสะท้านเบาๆ เมื่อมองใบหน้าขาวเนียนซีดเซียวของพี่หญิงตนเอง“เจ้ามาพอดีข้ากำลังเหงาหลายวันมานี้เจ้าก็ไม่มาหยางหลินก็ไม่มาข้าเหงาเหลือเกิน น้องพี่มานี่เถอะมานั่งกินขนมด้วยกัน” หว่านชิงเรียกเยี่ยนอิงพร้อมกับไอถี่ๆ แสดงละครมายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บจากพิษร้าย เยี่ยนอิงไม่กล้าลุกเพราะคิดว่าหว่านชิงองค์หญิงใหญ่ที่ร้ายกาจกำลังจะแก้แค้นด้วยขนมที่เคลือบยาพิษเช่นกัน“พี่หญิงท่านดีกับข้าเสียจริง”“หือว่าอย่างไรนะไม่ดีกับเจ้าแล้วดีกับใครเจ้าเป็นน้องของพี่นะเยี่ยนอิง เจ้ากับหยางหลินเป็นน้องที่ดีนี่” หว่านชิงยิ้มกว้าง เยียนอิงกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“ท่านไม่โกรธข้าหรือ” หว่านชิงเลิกคิ้วทำตาโต“โกรธเจ้าเรื่องอะไรพี่ไม่เข้าใจ” เยี่ยนอิงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นเหมือนคนที่ตั้งใจมาสารภาพ“พี่หว่านชิง...ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าไม่เคยคิดร้ายต่อพี่หว่านชิงเลยนะ ข้าเพียงแค่...แค่อยากส่งขนมให้ท่านแม่ทัพและท่าน เพื่อขอบคุณเท่านั้น...ไม่เคยคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้” มาเพื่อแก้ตัวสินะ เสียงของเยี่ยนอิงเบา
แต่ประตูบานด้านหน้าถูกผลักออกเบาๆ“พี่หญิง...ข้ามาเยี่ยม....” เสียงหวานนุ่มขององค์หญิงรองเยี่ยนอิงดังขึ้น พร้อมกับภาพของนางในชุดคลุมชมพูอ่อน มือหิ้วตะกร้าผลไม้สด ดูน่ารักอ่อนโยน บอกกับหยางหลินว่าไม่ควรมาแต่เยียนอิงกลับกลับคำมาด้วยตัวเอง แต่ดวงตากลมหวานกลับเบิกกว้าง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน เสื้อคลุมเปิดอ้าเผยแผงอกแข็งแรง ข้างตัวมีองค์หญิงใหญ่ที่กำลังจับคอเสื้อเขาไว้ ดวงตาเงยขึ้นสบตาเขา...ราวกับเวลาหยุดลงชั่วครู่“ขะ...ข้ามาผิดเวลาเสียแล้วหรือเปล่า...” เยี่ยนอิงพูดเสียงเบา ดวงตาวาวขึ้นเล็กน้อย เหลือบตามองไป๋เหวินหลงสายตาของเยียนอิงแวบหนึ่งคล้ายตัดพ้อ และเศร้าสร้อยหว่านชิงกะพริบตาแล้วคลี่ยิ้มอย่างเฉื่อยชา“อา...เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดีเลยล่ะ ข้ากำลังให้เขาสอนวิธี...ป้อนยาแบบเร่งด่วนอยู่พอดี ไม่มีไม่มีอะไรเสียหน่อยอย่าคิดไปเองสิข้ากับท่านแม่ทัพ อ่า อะพอดียาหกรดเสื้อของท่านแม่ทัพ ขะขะข้าก็แค่จะถอดเสื้อให้เขาไม่ไม่ไม่ ข้าแค่จะช่วยเขาถอดเสื้อก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรกันเสียหน่อยฮ่าาาา”ไป๋เหวินหลงสะอึกเบาๆ รีบหันหลังรวบเสื้อคลุมกลับสวม ใบหน้าแดงเร
ม่านราตรีคลี่คลุมทั่วฟ้าดิน ลมกลางคืนพัดกรูแรงราวกับกระซิบความลับของใครบางคน พื้นหินเย็นเฉียบในป่าร้างนอกเมืองหลวง เงาสองเงาปรากฏท่ามกลางไอหมอกจางจางสองคนในเสื้อคลุมสีดำยาวยืนประจันหน้า หนึ่งในนั้นมีผ้าคลุมปิดครึ่งหน้าทิ้งไว้เพียงดวงตาคมกริบ อีกคนหนึ่งแม้ไร้ผ้าปิดบัง แต่สีหน้าก็เคร่งเครียดไม่ต่างกัน“เจ้าว่า...พิษนั้น...ถ้ากระอักเลือดสดออกมาแล้วไม่เกินสามชั่วยาม...ต้องตายแน่นอนใช่หรือไม่” เสียงทุ้มต่ำของหญิงที่ไร้ผ้าคลุมหน้าดังขึ้นแผ่วเบาหญิงอีกคนพยักหน้า สีหน้าแน่นิ่งราวรูปสลัก“แน่นอน พิษนั้นข้าเป็นคนปรุงเองกับมือ หากเลือดออกจากปากและจมูกพร้อมกัน แปลว่าพิษทะลวงหัวใจแล้ว...ยังไงก็ไม่รอด”“แต่ นาง ยังมีชีวิตอยู่” คนแรกพูดเสียงเย็นชาขึ้น ดวงตาวาววับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “หว่านชิง...นังองค์หญิงใหญ่นั่น ยังไม่ตาย!ยังมีชีวิตอยู่ทำตัวน่าสงสารไปวันๆ”อีกคนเงียบไปครู่หนึ่ง...ก่อนพูดเสียงขุ่น“ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่”“หรือไม่...ก็ นางมียาถอนพิษในครอบครอง”คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศมืดมนยิ่งขึ้น ราวเมฆดำบดบังดวงจันทร์ หญิงอีกคนในผ้าคลุมหน้าแค่นหัวเราะเย็น“นางอ่อนแอแค่ไหน ใครๆ ก็เห็นกันทั้งวัง แต่บางค
หน้าตำหนักกุ้ยเฟย ใต้เงาต้นหลิว แสงจันทร์เริ่มไล้ขอบฟ้าแม่ทัพไป๋เหวินหลงเอ่ยลากุ้ยเฟยหยุนชินด้วยมารยาทงามตามธรรมเนียม แต่ก่อนจะก้าวเท้าออกจากตำหนัก เขาเหลือบไปเห็นองค์ชายหยางหลินที่ยังยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง จึงเอ่ยเรียกเสียงนิ่งทุ้ม“องค์ชาย...ออกมาส่งข้าหน่อย”หยางหลินที่กำลังว้าวุ่นใจเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วรีบก้าวตามท่านอาแม่ทัพออกมาสองเงาเคลื่อนผ่านเรือนเงียบสงบ พอพ้นจากสายตาผู้คน แม่ทัพไป๋เหวินหลงจึงหยุดเท้าใต้ต้นหลิว แสงจันทร์สีเงินลูบผ่านไหล่เสื้อคลุม ดวงตาคมเข้มหันมามองหลานชายตรงหน้า“หลินเอ๋อร์”เสียงเรียกที่แฝงแววกังวลเอ่ยขึ้น“เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องที่องค์หญิงรองพูดกับเจ้า?”หยางหลินชะงัก ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะกัดริมฝีปาก “ท่านอา ข้า…ไม่รู้จะคิดอย่างไรเหมือนกัน”แม่ทัพยังคงนิ่ง ไม่เร่งเร้าหยางหลินเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาแฝงทั้งความสงสัยและกลัว“พี่เยี่ยนอิงบอกว่า…มีคนเริ่มพูดกันว่าข้าปอกสาลี่ให้องค์หญิงใหญ่ แล้วพี่หญิงกระอักเลือด...พวกเขาอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะข้าได้”เสียงเขาแผ่วเบากล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด“นางยังพูดอีกว่า...เ
เสียงน้ำตกจำลองไหลรินแผ่วเบา กลิ่นหอมของดอกเหมยบานในอากาศ ใต้ร่มไม้ใหญ่เยี่ยนอิงยืนอยู่ในอาภรณ์บางเบาสีฟ้าอ่อน ใบหน้าเรียบรื่นดังเคลือบด้วยรอยยิ้มละไม ฝ่ามือขาวเนียนของเยี่ยนอิงลูบกลีบดอกเหมยที่ร่วงหล่นบนโต๊ะหินเบาๆ ขณะหันไปทางผู้มาใหม่ที่เพิ่งเดินมาถึง“หยางหลิน” เยี่ยนอิงเรียกชื่อเสียงแผ่ว นุ่มดั่งสายลมหยางหลินยังแต่งกายชุดคลุมแบบเรียบ แม้รอยยิ้มบางจะติดอยู่บนใบหน้า แต่แววตากลับยังหนักอึ้งเพราะความกังวล“พี่เยี่ยนอิงเป็นอย่างไรบ้าง” หยางหลินถามทันทีเยี่ยนอิงแสร้งถอนหายใจ ยกชายแขนเสื้อซับมุมตาเบาๆ เริ่มพูดด้วยเสียงนุ่ม“ข้า...สงสารพี่หว่านชิงนัก ถูกวางยา…ต้องเจ็บต้องปวด ถูกคนในวังหมายเอาชีวิตอีก ไหนจะข่าวลืออีกมากมาย ล้วนไม่เป็นผลดีต่อความรู้สึกพี่หว่านชิง”“แต่น่าเศร้ายิ่งกว่า...คือไม่มีใครเลย…ที่ช่วยนางได้ ไม่แม้แต่เจ้า…หรือข้า” เยี่ยนอิงเงยหน้าขึ้นสบตากับหยางหลิน ดวงตาใสรื้นด้วยน้ำหยางหลินขมวดคิ้วแน่น “หมายความว่าอย่างไร”“เราสองคน…ต่างก็เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งคู่” เยี่ยนอิงเอ่ยอย่างเรียบเฉย แต่รอยยิ้มกลับแฝงอยู่ที่มุมปาก“ข้าหรือ ใครสงสัยข้า พวกเขาสงสัยข้าด้วยหรือ” หยางหลินหัน
ณ ตำหนักเหนือเมฆากลางสายลมหนาวที่พัดพาใบไม้ปลิวละล่อง ภายในห้องบรรทมเงียบงันยิ่งกว่าเดิม หว่านชิงนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผิวขาวซีดราวหิมะ แม้หลับตาแต่เรียวคิ้วกลับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่กำลังรุมเร้า โลหิตยังคงซึมซับจากมุมปากเป็นระยะ ท่ามกลางกลิ่นยาขมปร่าที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งตำหนักหมอหลวงชรายืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าเคร่งเครียด มือที่ถือห่อยาสั่นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่“พิษชนิดนี้…ร้ายแรงกว่าที่คิดไว้มากนัก” เขาเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพไป๋เหวินหลงและราชครูโม่ชิงเหยียนด้วยแววตาหนักใจ “ต้องปรุงยาถอนพิษขึ้นมาใหม่เฉพาะสำหรับองค์หญิงใหญ่ ขืนรอสูตรเดิม อาจสายเกินไป”ไป๋เหวินหลงเงียบงัน สีหน้ามืดครึ้ม ดวงตาคมดุคู่นั้นทอดมองไปยังหว่านชิงที่นอนแน่นิ่งบนเตียง “...คนวางยานี้ ตั้งใจให้หว่านชิงตาย”โม่ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าปกติที่มักจะสงบนิ่งก็คล้ายจะหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย “เป็นพิษเย็นแทรกพิษร้อน...ผู้ปรุงพิษต้องมีความรู้มาก และจิตใจอำมหิตโดยแท้”“ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้” เสียงของไป๋เหวินหรงขรึมดั่งเหล็กกล้า แม้ไม่เปล่งอารมณ์ แต่ทุกถ้อยคำล้วนเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง ในขณ