ตอนที่ 4 เย่เผยหนิงผู้โชคดี ตื่นมามีสามีเป็นของตัวเอง
หนิงหนิงคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คิดยังไงก็ยังคิดไม่ออก ก่อนหน้านี้เธอป้องกันตัวและทำตามสัญชาตญาณทั้งหมด โดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่จะมองไปที่คนที่แทนตัวเองว่า ป้า และยังอาสาเดินไปส่ง ยังดีที่มีคนใจดีพาเธอไปส่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หลงทางแน่นอน เพราะตอนนี้เธอเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย ความทรงจำเดิมก็ไม่มี
"ทีหลัง อย่าไปพูดแบบนั้นกับพ่อรู้ไหม ถ้าเดือดร้อนมาแล้วไปขอให้เขาช่วยเหลือ เขาจะไม่ช่วย" เหลียนฮวาที่เดินนำก็สอนหลานไปด้วย
"ป้าคิดว่าเขาจะช่วยฉันจริง ๆ เหรอคะ" ถึงจะพึ่งมาอยู่ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนแบบนั้นไม่มีทางช่วยเหลือเธอแน่นอน
"ตายแล้ว... อย่าพูด แต่ก่อนยังทนได้ ทนอีกนิด เผื่อเราเดือดร้อน" เหลียนฮวากลัวหลานลำบาก เลยไม่อยากให้แข็งข้อกับคนเป็นพ่อ
"เดือดร้อนฉันก็ไม่ไปยุ่งกับเขา ป้าเป็นพยานให้ฉันด้วย เรื่องที่เขาพูดกับฉันก่อนหน้านี้" หนิงหนิงรีบหาพวกทันที อย่างน้อยตอนนี้ ป้าคนนี้ก็หวังดีกับเธอมากกว่าคนพวกนั้น
"เด็กคนนี้นี่นะ" เหลียนฮวาส่ายหัวกับคำพูดหลานสาว ถามว่าเธอเห็นด้วยไหม จริง ๆ แล้วเธอเห็นด้วย แต่เพราะหลานสาวตัวคนเดียว กลัวตอนลำบากแล้วพ่อแท้ ๆ จะไม่ยอมช่วยเหลือ
"แต่ที่ฉันไม่เข้าใจ... ทำไมเขาถึงปล่อยฉันออกมาง่าย ๆ สองแม่ลูกน่าจะฟ้องเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว และอาจจะใจดีพูดเสริมเติมแต่งให้อีกด้วย" หนิงหนิงถามเรื่องที่สงสัย ไม่คิดว่าจะได้เดินออกมาง่าย ๆ เพราะเท่าที่ดู แต่ละคนนั้นไม่น่าจะยอมอะไรง่าย ๆ
"อาจเพราะก่อนหน้านี้ไปรบกวนหัวหน้าชุมชนให้รีบทำเรื่องตัดขาด ตอนนี้เลยยังไม่อยากมีเรื่องไปถึงหัวหน้าชุมชน" เหลียนฮวาคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น เพราะการเดินเรื่องตัดขาดภายในวันเดียวนั้นต้องเสียทั้งเงินและเวลา คงไม่อยากให้มีเรื่องในตอนนี้ แต่ต่อไปอาจไม่แน่
"ต่อไปหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง พวกเขาไม่ปล่อยหลานง่าย ๆ เหมือนวันนี้อย่างแน่นอน" เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบเตือนหลานสาวทันที
"ฉันถึงบอกป้าให้เป็นพยานให้ฉันด้วยว่าเขาตัดขาดจากฉันแล้ว ลงไม้ลงมือกับฉันไม่ได้ แต่หากให้พูดจริง ๆ ไม่ควรลงไม้ลงมือตบตีลูกหลานหรือใคร ๆ ก็ตาม ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง" หนิงหนิงบอกไปตามความจริง
"เป็นลูกเป็นหลานนี่แหละตัวดีเลย พวกเขาสามารถอ้างได้ว่าสั่งสอนบุตรหลาน เท่านี้ก็เอาตัวรอดได้แล้ว" บางทีการที่ครอบครัวตัดขาดอาจดีกับหนิงหนิงก็ได้
ทั้งสองเดินออกมาห่างจากหมู่บ้านพอสมควร จนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ห่างไกลจากผู้คน จะบอกว่าบ้านก็คงไม่ใช่ ต้องบอกว่ามันเป็นกระท่อมมากกว่า...
"ป้าขอเป็นตัวแทนของแม่หนิงหนิง อวยพรให้ชีวิตการแต่งงานมีความสุข มีชีวิตที่ราบรื่นนะ" เหลียนฮวาลูบหัวหลานสาว เพื่อเป็นการให้พรในการแต่งงานครั้งนี้
"ขอบคุณค่ะป้า" ขอบคุณสำหรับคำอวยพรที่เธอไม่รู้เลยว่าแต่งงานตอนไหน มีพิธีแต่งงานไหมก็ยังไม่รู้...
"มีอะไรก็ไปหาป้าที่บ้าน ตอนนี้เข้าไปได้แล้ว... " เหลียนฮวาดันตัวหลานสาวให้เข้าไปในบ้านหลังนั้นทันที
"ค่ะ" หนิงหนิงรับคำ และคิดว่าอาจไม่ได้ไปหา เพราะเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้แต่ว่าที่นี่อากาศหนาวมาก ไม่แน่ใจว่าอยู่ยุคไหน คงต้องรอจนกว่าความทรงจำเดิมจะกลับมาถึงจะรู้ว่าบ้านของป้าอยู่ที่ไหน
หนิงหนิงเปิดประตูรั้วไม้ไผ่ที่จะพังอยู่รอมร่อ มีความตื่นเต้นกับการที่จะได้เจอหน้าสามีเป็นครั้งแรก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองในตอนนี้อายุยังไม่ถึง 20 ปี เลยก้มมองดูเพื่อสำรวจตัวเองทันที
"โถถถถ ลูกกก... หน่มน้มน้องยังไม่โตเต็มที่เลย เฮ้อออ... " เมื่อตัดพ้อเรียบร้อยแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ภาวนาให้ได้รับความทรงจำเร็ว ๆ จะได้รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้...
เมื่อทำใจยอมรับในหลาย ๆ เรื่องก็เดินเข้าไปในเขตตัวบ้าน สองขาค่อย ๆ ก้าวเดิน สองตาสอดส่อง แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่... ไม่รู้ว่าป้ามาส่งถูกบ้านไหม เธอเลยได้แต่ยืนห่างจากตัวบ้านพอสมควร ไม่กล้าเข้าไปจนกระทั่ง...
"ไม่เข้ามาเหรอ"
"ขะ... เข้า" หนิงหนิงเดินตามไปด้วยและแอบมองคนที่เดินนำไปด้วย
ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม ร่างกายบึกบึน ส่วนหน้าตาเป็นยังไงไม่รู้เลย เพราะยังไม่ทันได้มองหน้าเขาก็หันหลังกลับไปเสียแล้ว ตอนนี้เลยได้แต่แอบมองทางด้านหลังเพียงอย่างเดียว
"เอาของเข้าไปเก็บในห้องก่อน แล้วค่อยออกมาคุยกัน" มู่ฉิงหมิง
พูดขึ้นหลังจากหันกลับมาเจอเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา"คุยเลยก็ได้" หนิงหนิงวางห่อผ้าแล้วนั่งตรงข้ามกับเขา
ตอนนี้เธอเห็นใบหน้าเขาชัดเจนเต็มสองตาเลยทีเดียว ก็ถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดี แต่ไม่ถึงกับทำให้ตื่นเต้นอะไรมากมาย เพราะเคยเห็นคนที่หน้าตาดีกว่านี้ หล่อกว่านี้ ขาวกว่านี้ ออร่าปังกว่านี้ และโลกที่จากมา สอนให้เธอรู้ว่า หน้าตาไม่ได้บ่งบอกนิสัยใจคอว่าคนคนนั้นจะดีหรือไม่ดี การกระทำต่างหากคือสิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นว่า แท้จริงแล้วคนคนนั้นเป็นแบบไหนหรือเป็นคนยังไง...
"คุณรู้อยู่แล้วว่าเราแต่งงานเพราะอะไร" ฉิงหมิงถามคำถามแรกทันที
"หากบอกว่า... ไม่รู้... จะเล่าให้ฟังได้ไหม" หนิงหนิงที่ลืมตัว... คิดว่าตัวเองอายุมากกว่าคู่สนทนาจึงพูดจาปกติ
"แล้วรู้ไหมว่าผมเป็นใคร" ฉิงหมิงหยั่งเชิงเด็กสาวที่กระโดดเข้าหาเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น จนต้องมารับผิดชอบแต่งงานกันอยู่ในตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จริง ๆ หรือว่ากำลังเล่นตลกอะไรกันแน่
"เป็นทหารพิการกลับมาอยู่บ้าน" หนิงหนิงบอกเล่าตามที่เข้าใจ ไม่ค่อยแน่ใจมากนักว่าป้าบอกว่าอะไร
"พิการ... หืมม... บาดเจ็บดีกว่าไหม ยังเดินได้ ทำอะไรได้ แต่ยังทำงานหนักไม่ได้เท่านั้นเอง" เด็กสาวคนนี้จะให้สามีพิการแล้วเหรอ!!
"เข้าใจแล้ว... เล่าต่อได้เลย" หนิงหนิงพยักหน้ารับรู้ และตั้งใจฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอก
"จำอะไรไม่ได้ หรือว่ากำลังเล่นสนุก! " ฉิงหมิงเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางของคนตรงข้ามเสียแล้ว
"เอ่อ... ฉันไม่ค่อยสบาย เลยยังจำอะไรไม่ได้ คิดว่านอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น... ค่ะ" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นใครในตอนนี้ หนิงหนิงก็สวมบทบาทนักแสดงอันดับหนึ่งทันที
"ช่วงเช้าของเมื่อวาน คุณเป็นคนกระโดดเข้าหาผม จนทำให้ผมต้องรับผิดชอบโดยการแต่งงาน ผ่านมาเพียงคืนเดียวลืมแล้วเหรอ" ฉิงหมิงไม่เชื่อเป็นอันขาด เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตั้งใจกระโดดเข้าหาจนตัวเองล้มหัวกระแทกแล้วสลบไป หากไม่ได้เขารับไว้อาจตกน้ำไปแล้วด้วย เด็กสาวตั้งใจให้เขารับผิดชอบโดยการแต่งงาน เด็กสาวสิ้นคิดที่ไม่มีครอบครัวจะหาสามีด้วยวิธีนี้ทั้งนั้น แต่ที่น่าแปลกใจคือ เด็กคนนี้กลับมีครอบครัวอยู่ครบ มันเลยทำให้เขาไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอกำลังจะทำอะไร หรือต้องการอะไรจากเขากันแน่
"เมื่อคืนฉันไม่สบายหนักมาก" เพราะไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร แค่ได้ยินที่บอกก็เริ่มปวดหัวแล้ว มีอย่างที่ไหนเมื่อวานกระโดดเข้าหาผู้ชาย วันนี้ได้ย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน เธอจะถ่วงเวลาจนกว่าความทรงจำจะกลับมา ถึงแม้ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ว่าจะได้รับความทรงจำเดิมไหม
"คุณจะพักก่อนไหม หรือจะคุยให้เรียบร้อย" ฉิงหมิงแค่อยากพูดคุยให้เข้าใจและรู้เรื่องเท่านั้นเอง
"คุณต้องการอะไรพูดมาได้เลยค่ะ แต่หากถามอะไรตอนนี้ ฉันไม่รู้จะตอบยังไง ขอเวลาฉันหน่อย" หนิงหนิงบอกไปตามตรง คนไม่รู้ก็คือไม่รู้ แต่หากเขาต้องการอะไรก็แค่บอกมาเท่านั้นเอง
"ห้องนอนมีเพียงห้องเดียว ช่วงแรกเราคงต้องนอนด้วยกันไปก่อน หากสามารถขยับขยายได้ค่อยคุยกันอีกที และงานบ้านคุณทำได้ไหม เพราะผมจะออกไปทำงานข้างนอก แต่หากสิ่งไหนทำไม่ไหวหรือทำไม่ได้ก็ให้บอก" ฉิงหมิงพูดในสิ่งที่เขาต้องการพูด จะได้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย
"ฉันโดนไล่ออกจากบ้านพร้อมกับหนังสือตัดขาด ฉันคงต้องอยู่รบกวนคุณไปก่อน ฉันจะช่วยงานทุกอย่างที่ฉันสามารถทำได้" หนิงหนิงบอกเขาไปตามตรง ตอนนี้รู้แค่ว่าตัวเองเป็นคนไร้ญาติ และยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน
"เดี๋ยวก่อน คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ผมเดินเรื่องที่เราแต่งงานกันไว้แล้ว แจ้งหัวหน้าชุมชนแล้ว เหลือแค่เข้าไปในเมืองพร้อมกันเท่านั้นเอง" ฉิงหมิงไม่เข้าใจ เหมือนจะคุยรู้เรื่อง แต่กลับไม่รู้เรื่อง เขาต้องรีบดำเนินการให้เรียบร้อย เพราะตอนที่เกิดเรื่องมีชาวบ้านอยู่เต็มไปหมด และที่สำคัญตอนนี้สาวน้อยคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านแล้วด้วย
"แต่งได้ก็หย่าได้ ในเมื่อคุณบอกว่าฉันเป็นคนโดดเข้าหาคุณ เพื่อต้องการให้คุณรับผิดชอบ ก็รู้กันอยู่ว่าคุณไม่ได้เต็มใจ จะทนอยู่ทำไม ที่นี่เขาห้ามไม่ให้หย่าหรือว่ายังไงคะ" สาวที่มาจากโลกที่ทุกอย่างเสมอภาค ผู้ชายมีภรรยาหลายคนได้ ผู้หญิงก็ทำได้ไม่แตกต่าง ผู้ชายแต่งงานกันเองได้ ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน หย่าแล้วจะมีสามีอีกสัก 10 หรือ 20 คนก็ไม่มีใครว่า หรือไม่หย่าแต่ไปแอบแซ่บก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร หากตกลงกันได้ โลกที่เธอจากมามันเป็นแบบนั้น
ในเมื่อไม่ได้เต็มใจแต่งงานกัน ก็แค่หย่าเท่านั้นเอง...
"ผมว่าคุณควรเข้าไปนอนพัก รอให้คุณหายดีค่อยคุยกันอีกที ผมจะเข้าไปถามเรื่องเอกสารจากหัวหน้าชุมชน" ฉิงหมิงตัดจบปัญหาที่กำลังไม่เข้าใจกัน เหมือนสาวน้อยจะไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่รู้ว่าไม่สบายหรือเพราะอะไร ถึงได้บอกมาแบบนั้น
หนิงหนิงไม่ปฏิเสธ เธอเดินเข้าไปในห้องนอนแคบ ๆ ปีนขึ้นเตียงทันที ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าเตียงเป็นแบบไหน หรืออะไรเป็นยังไง เพราะตอนนี้รู้แต่ว่าตัวเองหัวหมุนจนหน้าจะทิ่มพื้นอยู่แล้ว
หนิงหนิงหลับสนิท และคิดว่าตัวเองกำลังฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนดูละครพีเรียด นั่งดูชีวิตของตัวเอกที่ต้องทนทุกข์อยู่ในบ้านที่พ่อแต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงทันทีที่แม่ของตัวเอกเสียชีวิต หนิงหนิงเฝ้าดูเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ได้แต่คิดว่าฝันนี้ช่างยาวนาน...
แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น กลับเป็นชีวิตจริงของเย่เผยหนิงที่อยู่ในโลกนี้ ห้วงฝันที่หนิงหนิงเข้าใจได้ถ่ายทอดความทรงจำและความรู้สึกมาสู่เธออย่างไม่รู้ตัว...
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น