ตอนที่ 3 สัญชาตญาณ
หนิงหนิงยังคงมีเรื่องสงสัย แต่ทุกอย่างกลับหายไปกับตา หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและมืดมิด
ได้ยินเสียงแว่วมาตามลม... เหมือนมีคนกำลังเรียกหาเธอ....
โครม!!!
"ตื่น!!! นังตัวดี!!! "
หนิงหนิงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ภาพเบื้องหน้าเหมือนมีม่านหมอกจาง ๆ บดบังไม่ให้มองเห็นได้ชัด แต่กลับมีความรู้สึกเหน็บหนาวที่เกาะกุมร่างกาย ความรู้สึกช่างเหมือนการแช่อยู่ในน้ำเย็นจัด ร่างกายชาหนึบจนไม่สามารถขยับได้ ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่หัวใจจนรู้สึกหนาวจับจิตจับใจ ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
เพียะ!!
"ออกไปจากบ้านฉันเลยนะ!! " เสียงเด็กสาวตวาดดังลั่น
หนิงหนิงนางร้ายอันดับหนึ่ง ผู้ซึ่งมาใหม่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอเริ่มที่จะตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่หลายสิ่งหลายอย่างกลับว่างเปล่า เธอยังคงสับสนในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น รู้แค่ว่าเธอข้ามกาลเวลามาอยู่ในร่างใหม่... ซึ่งก็คือตัวเธอในโลกใบนี้!
หนิงหนิงค่อย ๆ มองดูทุกอย่างรอบ ๆ ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องราวทั้งหมด แต่เธอก็ต้องป้องกันตัว หลังจากโดนกระทำตั้งแต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว โดนสาดด้วยน้ำเย็นและยังโดนตบอีก ถึงจะยังไม่เข้าใจเรื่องราว แต่หากจะตบเธออีก เธอตบคืนแน่นอน!!
"ยืนเซ่ออยู่ทำไม ออกไป!! " เสียงเด็กสาวตวาดลั่น พร้อมกับเดินเข้ามารวบตัวคนที่ตัวเองออกปากไล่ เพราะรู้ดีว่าหากรวบตัวไว้ แม่ต้องเข้ามาช่วยจัดการอย่างแน่นอน
ตุบ!!
ด้วยสัญชาตญาณ หนิงหนิงสอดเท้าขวาเข้าไประหว่างเท้าของเด็กสาวที่เข้ามารวบตัวเธอจากด้านหลัง เธอก้มลงรวบปลายเท้าของเด็กสาว แล้วกระโดดยกตัวทิ้งน้ำหนักไปทางด้านหลัง การกระทำแบบนี้ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังหงายหลังล้มตึงลงกับพื้น โดยมีตัวเธอนอนทับอยู่ด้านบน
พอตั้งตัวได้ หนิงหนิงก็พลิกตัวใช้แขนขวาบีบคอเด็กสาว แขนซ้ายจับแขนอีกฝ่ายไว้ให้แน่น อาศัยการกดน้ำหนักตัวทับลงไปเพื่อไม่ให้อีกคนดิ้นหลุดไปได้ การกระทำทั้งหมดของหนิงหนิงใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที
ตุบ! ตุบ! เพียะ! เพียะ! เมื่อรู้ว่าอีกคนไม่สามารถขัดขืนได้ หนิงหนิงก็ไปรอช้า ย้ายมือขวามาจับที่เส้นผมแล้วกระชาก ก่อนจะจับศีรษะโขกพื้นจนเกิดเสียงดัง และอาศัยช่วงจังหวะที่อีกคนไม่ทันตั้งตัว ตบเน้น ๆ เพื่อเป็นการเอาคืน!!
"ปล่อยลูกฉัน!! นังสารเลว เนรคุณ!! " จูรุ่ยเสีย รีบเข้ามาช่วยเหลือลูกสาวตัวเองทันที
โครม!! หนิงหนิงรับรู้ได้ถึงคนที่กำลังจะเข้ามา จึงใช้แรงทั้งหมดพุ่งเข้าหาอีกคนจนล้มทั้งสองคน แต่หนิงหนิงยังคงได้เปรียบเพราะเธอเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน!!
"คิดจะรุมเหรอ หากไม่กลัวหน้าสวย ๆ โดนกรีดก็เข้ามา" หนิงหนิงก้มลงกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน
หนิงหนิงหยิบมีดที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอไม่รู้ว่ามีดอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่มันช่างวางถูกที่ถูกเวลาเหลือเกิน ก่อนจะค่อย ๆ ไล้ปลายมีดเฉียดกรอบหน้าของอีกคน หากเดาไม่ผิด คงเป็นแม่ของเด็กสาวที่เข้ามาทำร้ายเธอในตอนแรก
"จะ... จะทำอะไรฉัน" รุ่ยเสียเอ่ยถามลูกเลี้ยงด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ทั้งร่างกายของเธอแข็งค้าง เพราะนังเด็กสารเลวมันใช้ปลายมีดไล่ตามใบหน้าและลำคอ ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
"สนุกไหม" หนิงหนิงพูดเสียงเย็นก่อนจะหัวเราะในลำคอ พร้อมกับกดปลายมีดลงบริเวณลำคอของคนที่นอนอยู่ด้านล่าง จนทำให้เกิดแผล ถึงแม้จะเป็นรอยเพียงนิดเดียว แต่คนถูกกระทำก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! นังเด็กนี่มันบ้าไปแล้ว ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วย! " รุ่ยเสียร้องหาคนช่วย แม้จะรู้ว่าไม่มีใครอยู่บ้าน เพราะสามีกับลูกชายไปบ้านหัวหน้าชุมชน แต่เธอก็ยังร้องเผื่อมีคนผ่านมาแล้วมาช่วยได้ทัน
เย่ซือหง เอามือปิดปากถอยร่นไปจนชิดผนังห้อง ไม่กล้ากระดิกตัวแม้แต่นิดเดียว ถึงอยากจะช่วยแม่ แต่เธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง เพราะกลัวพี่สาวต่างแม่จะหันมาเล่นงานเธอ
"เงียบ!! หากไม่อยากโดนเชือดที่คอสวย ๆ ก็หุบปาก!! " หนิงหนิงตวาดเสียงดัง พร้อมกับเอียงคอไปดูสาวน้อยที่กำลังนั่งร้องไห้โดยไม่มีเสียง ก่อนที่เธอจะแสยะยิ้มส่งไปให้สาวน้อย และมั่นใจได้เลยว่ารอยยิ้มนั้น... ต้องหลอนสุด ๆ การันตีโดยคอร์สเรียนการแสดงที่แพงแสนแพง...
เพียะ!! เพียะ!! เมื่อรู้สึกถึงการดิ้นรนขัดขืนของอีกคน หนิงหนิงก็หันมาตบยัยป้าเพื่อระบายความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ความรู้สึกในตอนนี้คือต้องการเอาคืน และแน่นอนว่าหนิงหนิงเป็นคนที่เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เธอถึงไม่ยั้งมือ ลงมือตบด้วยแรงทั้งหมดที่มีในตอนนี้
"เกิดอะไรขึ้น" เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออกกว้าง ทำให้หนิงหนิงต้องหันไปมอง
"พี่สาวเป็นบ้าไปแล้ว!! " ซือหงรีบปรี่ออกไปนอกห้องทันทีที่เห็นประตูเปิดออก
หนิงหนิงเอาเข่ากระแทกหน้าท้องคนที่นอนกับพื้น ก่อนที่จะใช้แรงกดเพื่อยันตัวเองลุกขึ้นยืน เธอมองคนที่มาใหม่อย่างระวังตัว เพราะเธอไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันกับสองแม่ลูกด้วยหรือไม่
"หนิงหนิงยังไม่เตรียมตัวอีกเหรอ" เสียงคนมาใหม่ถามขึ้นอีกครั้ง
"ไปไหน... " หนิงหนิงถามกลับด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะฟังจากน้ำเสียง คนมาใหม่ดูเหมือนจะเป็นมิตรมากกว่าศัตรู
"ไปอยู่กับสามีแกยังไงล่ะ! " รุ่ยเสียที่ตอนนี้ค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นเป็นคนตอบคำถามด้วยความไม่พอใจ
"โดนไปก่อนหน้านี้ ไม่เข็ดใช่ไหม" หนิงหนิงยกเท้าขึ้นเหยียบขาของคนที่พยายามลุกออกไป แต่คงเพราะก่อนหน้านี้โดนเข่ากระแทกท้องอย่างแรง เลยทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นได้ในทีเดียว
"โอ๊ย!! ดูมันทำกับฉัน ช่วยด้วย เอามันออกไป!! " เมื่อถูกนังลูกเลี้ยงเหยียบขา ก็รีบร้องหาคนช่วยทันที
"หนิงหนิง... เราต้องไปแล้ว พ่อหลานกำลังมา" วังเหลียนฮวา เดินเข้ามากระซิบหลาน เธอไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่
"ทีหลังอย่ามายุ่งกับฉันอีก" หนิงหนิงโน้มตัวไปกระชากเส้นผม เพื่อให้อีกคนแหงนหน้ามาจ้องตากับเธอ ให้ได้รู้ว่าเธอเตือนแล้ว! ก่อนจะออกแรงผลักจนใบหน้าอีกคนเกือบกระแทกพื้น
หนิงหนิงมองคนที่ค่อย ๆ คลานออกไปโดยไม่มีเสียงตอบโต้แม้แต่น้อย ก่อนจะเบนสายตามามองอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เธอตอบโต้กลับเพื่อป้องกันตัวเอง แต่อาจเป็นการโต้กลับที่รุนแรงพอสมควร เธอค่อนข้างมั่นใจในสัญชาตญาณของตัวเอง สองแม่ลูกนั่นต้องทำร้ายร่างกายเธอที่อยู่บนโลกนี้บ่อยแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เด็กสาวคนนั้นจะกล้าลงมือกับเธอ ทำเหมือนกับว่าเคยลงมือแบบนั้นเป็นประจำ
"เดี๋ยวป้าไปส่ง" เหลียนฮวาตัดสินใจพูดขึ้น เนื่องจากหลานสาวยืนมองนิ่ง ๆ และท่าทางของหลานสาวในวันนี้ดูแปลกไปมากกว่าเดิมพอสมควร
หนิงหนิงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องไปที่ไหน ตื่นมาก็เกิดสงครามกับสองแม่ลูก... และที่สำคัญ ตื่นมาก็มี ผะ.. อะ แฮ่ม... มีสามี โชคดีสุด ๆ ตื่นมายังไม่ถึง 5 นาที มีสามีเป็นของตัวเอง
"หนิงหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เสร็จแล้วเราจะได้ไปกัน" เมื่อเห็นว่าหลานสาวตัวเปียกก็รีบเร่งช่วยหาเสื้อผ้าให้ใส่ทันที
พอตั้งสติได้ เธอเลยรีบทำทุกอย่างตามที่คนมาใหม่บอก เพราะหากปล่อยให้ตัวเปียกอยู่แบบนี้ได้เป็นไข้ตายแน่นอน
"หนิงหนิง ไปอยู่ที่นั่นแล้วทำตัวดี ๆ หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องอดทน กลับมาอยู่บ้านไม่ได้แล้วนะ ลูกสาวแต่งงานออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ป้าคงช่วยอะไรมากไม่ได้ เอาเงินนี้เก็บไว้ดี ๆ ล่ะ" เหลียนฮวาส่งเงินให้หลานสาว ถึงมันจะน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีติดตัวเลย
ถึงหนิงหนิงจะตั้งสติได้บ้างแล้ว แต่ความทรงจำก็ยังไม่มาสักที ตอนนี้ทำอะไรก็ลำบาก ภูตน้อยถิงถิงบอกว่าเธอจะมีครอบครัวที่อบอุ่น!! คนหลอกคนว่าสาหัส เจอถิงถิงหลอกนี่ปางตายเลยทีเดียว
"ขอบคุณค่ะป้า" เมื่อรับรู้ได้ถึงความหวังดีของอีกคน หนิงหนิงก็ไม่คิดที่จะหวงคำขอบคุณ ใครดีกับเธอ เธอก็พร้อมจะดีตอบเช่นกัน
"ไม่เป็นไร ตอนแม่หนิงหนิงยังอยู่ เธอได้ช่วยเหลือป้าไว้บ่อยครั้ง จริง ๆ ป้าต้องช่วยมากกว่านี้ แต่ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าตอนนี้พวกเราลำบากกันมาก อดทนนะหนิงหนิง"
"บอกได้ไหมคะว่าฉันต้องไปที่ไหน คือ... ฉันจำไม่ได้" หนิงหนิงตัดสินใจถามออกไป เพราะอย่างน้อยให้รู้บ้างว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน หรือไปทำอะไร
"โธ่ลูกเอ๊ย!! หนิงหนิงต้องไปอยู่บ้านสามีที่ท้ายหมู่บ้าน เดี๋ยวป้าจะเป็นคนไปส่ง"
"สามีฉันคือใครเหรอคะ"
"จำไม่ได้เลยเหรอ คงเพราะตกใจมาก ไอ้คนบ้านนี้ก็ช่างใจจืดใจดำจริง ๆ สามีของหนิงหนิงคือ มู่ฉิงหมิง
เป็นทหารบาดเจ็บจนต้องปลดประจำการ เพิ่งกลับมาเมื่อวาน พอจะจำได้ไหม" เหลียนฮวาค่อย ๆ บอกลูกสาวของเพื่อนสนิทที่เธอเอ็นดูเหมือนลูกของตัวเอง"ยังไม่เสร็จอีกเหรอ ทำอะไรชักช้า" เสียงผู้ชายตะโกนดังมาจากประตูทางเข้า ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองพร้อม ๆ กัน
หนิงหนิงกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องที่คับแคบ เธอคิดว่าคงไม่มีอะไรให้เก็บนอกจากห่อผ้าเก่า ๆ ที่เธออุ้มอยู่ในตอนนี้ จึงหันไปมองป้าเพื่อขอคำแนะนำว่าควรทำยังไงต่อ
"ไปกันเถอะ ออกไปจากบ้านหลังนี้ อย่างน้อยก็จะไม่โดนกดขี่ข่มเหง" เหลียนฮวาจูงมือหลานสาวเดินไปเปิดประตูทันที
พอเปิดประตูออกไปก็เจอกับผู้ชายสองคน แล้วก็มีสองแม่ลูกที่ยืนตัวสั่นอยู่ทางด้านหลัง หากให้เดาคงฟ้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่ได้สนใจ เธอเดินตามป้าที่อาสาจะเป็นคนไปส่ง
"เดี๋ยว!! เอาหนังสือตัดขาดออกไปด้วย เป็นตายยังไงก็ไม่ข้องเกี่ยวกันอีก"
"ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย ไม่เห็นหนิงหนิงเป็นลูกเลยเหรอ" เหลียนฮวาหันมาพูดใส่หน้าชายคนที่พูดทันที
เรื่องเพิ่งเกิด แต่ยังสามารถทำหนังสือตัดขาดได้รวดเร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่าใช้เงินเดินเรื่องไปมากน้อยเท่าไหร่ และที่สำคัญหนิงหนิงไปลงชื่อตั้งแต่ตอนไหน แต่พอมองเห็นตราประทับเป็นลายนิ้วมือก็ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่า คนบ้านนี้คงทำเรื่องตั้งแต่หลานสาวนอนหลับไม่ได้สติอยู่แน่ ๆ"คนที่ทำตัวเสื่อมเสีย มีใครบ้างอยากนับเป็นลูก!! " เย่อี้เตอ ตะคอกกลับเสียงดัง
"จำคำพวกนี้ไว้ด้วย" หนิงหนิงเดินไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นทันที พร้อมกับมองรายชื่อคนที่ลงนาม ส่วนของเธอกลับเป็นลายนิ้วมือ!!
หนิงหนิงไม่รู้หรอกว่าสถานการณ์มันเป็นแบบไหน แต่ถ้าบอกมาขนาดนี้ก็จำไว้ด้วยแล้วกัน เธอก็ไม่ได้อยากมีญาติขนาดนั้น แค่ตื่นมามี ผะ.. สามีนี่เกินพอแล้ว...
"ปากดี!! " อี้เตอง้างมือขึ้นทำท่าจะตบ
"หยุด!! ฉันไม่ใช่ลูกคุณ พูดไปก่อนหน้านี้นี่เอง จำไม่ได้เหรอ ก็บอกอยู่ว่าให้จำ!! ตบมาฉันแจ้งความแน่" หนิงหนิงพูดพร้อมกับโบกกระดาษในมือ
"หนิงหนิง... " เหลียนฮวาเดินมากระตุกมือหลานสาวเพื่อให้เดินตาม จะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้สักที
หนิงหนิงเลยเดินตามอย่างว่าง่าย จริงอยู่ว่าเธอสามารถสู้สองแม่ลูกนั้นได้ แต่ต้องบอกว่าเธอใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี และเหมือนว่าร่างกายนี้จะไม่ค่อยแข็งแรง ดูจากรูปร่างที่ดูผอมเกินไป ขนาดแค่จับยัยเด็กน้อยนั่นทุ่มก็เล่นเอาหมดแรงเสียแล้ว
ตอนที่อยู่โลกเดิมเธอเป็นนักแสดง การที่จะเข้าถึงบทบาทบางครั้งต้องไปเรียนเพิ่ม และเธอถูกส่งไปเรียนเพิ่มหลายอย่างมาก ซึ่งยูโดก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย หากมีปัญหากับผู้หญิง เธอพอที่จะสู้กลับและเอาตัวรอดได้ แต่หากมีปัญหากับผู้ชาย เธอต้องถอยเพื่อตั้งหลักเสียก่อน กฎของการเอาตัวรอดคือรู้จักความสามารถและกำลังของตน ไม่ไหวอย่าฝืน เธอถึงไม่รั้งรอที่จะอยู่ต่อ รีบเดินออกจากบ้านหลังนั้นก่อนที่จะมีปัญหาตามมา...
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น