ตอนที่ 5 ห้วงฝันของเธอ... แต่มันคือชีวิตจริงของใครอีกคน
หนิงหนิงหลับสนิทตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย โดยที่อีกคนนั้นเข้ามาดูอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้นอนต่อไปจนกว่าจะตื่นมาเอง อาจทำให้คุยกันเข้าใจมากขึ้นกว่าตอนแรก
ในห้วงฝันที่หนิงหนิงเข้าใจนั้น ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตลำบากหลังจากที่แม่จากไป ทุกเหตุการณ์จากเด็กจนโตทำให้เธอ...
ยิ่งมอง ยิ่งคุ้นเคย
ยิ่งมอง ยิ่งผูกพัน
ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเธอคือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้น
เฮือก!! หนิงหนิงสะดุ้งตื่นทันทีที่สบตาเข้ากับเด็กคนนั้น ทุกความรู้สึก ทุกความเจ็บปวด ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอให้รับรู้ ให้รู้สึก เมื่อความทรงจำและความรู้สึกประดังเข้ามาก็ทำให้เธอถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
"ฮือ ๆ... " หนิงหนิงปล่อยโฮออกมา เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้
ชีวิตในโลกนี้ของเธอนั้นหนักหนา เพราะด้วยสังคม ยุคสมัยที่บีบบังคับ มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ไม่มีโอกาสที่จะหลีกหนีได้นอกจากแต่งงานออกมา และการแต่งงานที่เหมือนกับการเสี่ยงดวง ไม่รู้ว่าคนที่แต่งงานด้วยนั้นจะมีจิตใจเป็นยังไง ในโลกนี้ลำบากมากกว่าที่เธอจากมาเสียอีก ถึงแม้เธอจะโตมาในบ้านเด็กกำพร้า แต่ยังมีโอกาสมากกว่า
หนิงหนิงเรียบเรียงสิ่งที่ได้รับรู้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด และรีบทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ ยุคนี้คือยุค 70 แต่รายละเอียดต่าง ๆ ในความทรงจำนี้แทบไม่มี เพราะใช้ชีวิตที่มีแต่ก้มหน้าทำงาน ในตัวเมืองเป็นแบบไหน ไม่เคยได้เข้าไป เธออยู่แต่บ้าน ทำแต่งาน เหมือนกับถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตแค่นี้ ทำแค่นี้ ความรู้เกี่ยวกับยุคสมัยแทบไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเธอต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด
ด้วยความที่เธอก็ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากนัก รู้แค่หัวข้อหลัก ๆ เพียงเท่านั้นเอง ยุคนี้ยังมีความลำบากอยู่มากพอสมควร ถึงจะไม่เทียบเท่ายุค 60 แต่อาหารการกินก็ยังขาดแคลน ถึงจะมีโรงงานอุตสาหกรรม แต่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปทำงานได้ง่าย ๆ ไม่แน่ใจว่ายุคนี้การแต่งงานและการหย่าขาดมีโทษอะไรไหม และตัวหนิงหนิงในโลกนี้ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้เสียด้วย
หนิงหนิงลุกขึ้นเดินหากระจกทันทีที่ตัวเองคิดได้ หากจำไม่ผิด เธอทั้งสองคนมีหน้าตาเหมือนกัน แต่เพื่อความมั่นใจ ต้องตรวจสอบเสียก่อน แต่หาจนทั่วก็ยังไม่เจอ บ้านหลังนี้แทบไม่มีอะไรเลย อาจเพราะเจ้าของบ้านก็เพิ่งกลับมาบ้านได้แค่คืนเดียว
หนิงหนิงเก็บของทุกอย่างให้เข้าที่ก่อนที่จะเปิดห่อผ้า มีเสื้อผ้าเก่า ๆ กับเงิน 2 หยวนที่ป้าเหลียนฮวาให้มาเพียงเท่านั้น ในหมู่บ้านนี้เธอแทบไม่มีเพื่อนเลย ไม่ใช่ว่าเธอนิสัยไม่ดี ไม่มีคนคบ แต่เพราะเธอต้องทำงานตั้งแต่ลืมตาตื่น จะเอาเวลาไหนไปมีเพื่อน
หากให้หนิงหนิงยุคปัจจุบันนิยามการทำงานของหนิงหนิงยุคนี้ ต้องบอกว่า ขี้ข้าดี ๆ นี่เอง ทำงานบ้านทุกอย่างให้กับครอบครัวใหม่ของพ่อ หากไม่ทำก็ไม่มีอาหาร พอรับรู้ความทรงจำก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่า เพราะหนิงหนิงต้องการหนีออกจากบ้านหลังนั้น ถึงได้กระโดดใส่นายทหาร ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลย
เท่าที่เธอรับรู้จากความทรงจำ หนิงหนิงไม่เห็นด้วยว่าคนคนนั้นหน้าตาเป็นแบบไหน ยังไง รู้แค่ว่าไม่ใช่คนหมู่บ้านเดียวกันเท่านั้น หากไม่ทำแบบนั้น เธอก็ไม่มีทางได้ออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างแน่นอน เพราะทุกคนจะเก็บเธอไว้ใช้งาน
ลูกสาวบ้านอื่นอายุ 15 ปีก็แต่งออกไปแล้ว แต่หนิงหนิงอายุ 17 ปี ย่างเข้า 18 ปี ยังไม่มีวี่แววที่จะได้แต่งงาน ผิดกับน้องสาวต่างแม่ที่มีคู่หมั้นตั้งแต่อายุเต็ม 14 ปี
"ทำไมมันแปลก ๆ สองพี่น้องมีหน้าตาคล้ายกันกับพ่อ ยิ่งลูกชายคนโตเหมือนกันอย่างกับแกะ อย่าบอกนะว่าพล็อตนิยาย!! ที่สองผัวเมียนั่นมีอะไรกัน ก่อนที่จะมาแต่งงานกับแม่!! " หนิงหนิงสันนิษฐานเอง พูดเองเออเอง ข้อดีของการเป็นนักแสดงคือจะมีหลากหลายบทบาทที่ได้รับ ละครหรือซีรีส์แต่ละเรื่องจะมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เพราะส่วนมากละครแต่ละเรื่องก็นำมาจากนิยายทั้งนั้น สิ่งเหล่านั้นทำให้เธอคิดไปแบบนั้น
ถึงจะคิดและพูดคนเดียว แต่มือก็ยังค้นห่อผ้าไม่หยุด ทั้งที่มันไม่มีสิ่งของอะไรมากนัก
"เจอแล้ว!! ขอบใจนะถิงถิงที่ไม่ทิ้งกัน" เมื่อหนิงหนิงเห็นสร้อยไข่มุกแล้วก็ลูบ ๆ คลำ ๆ ทันที
ตอนแรกนั้นใจหายแล้วเพราะหาไม่เจอ เลยต้องมาหาในห่อผ้า หนิงหนิงไม่รู้หรอกว่าของวิเศษที่ถิงถิงบอกนั้นคืออะไร รู้แต่ว่าใส่ติดตัวนี่แหละอุ่นใจ สร้อยเส้นนี้ไม่ใช่แค่ราคาแพงอย่างเดียว สร้อยเส้นนี้นำพาดวงวิญญาณของเธอมาถึงที่นี่เลยทีเดียว ยังไงมันก็สำคัญกับเธอ
หากถามว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม ก็มีบ้าง แต่ไม่มีห่วงอะไรอยู่แล้ว และที่สำคัญ เงินที่เธอประมูลสร้อย ได้นำไปช่วยเหลือมูลนิธิเด็กกำพร้า เด็กที่มีชีวิตเหมือนกันกับเธอ มันเลยไม่แพงสำหรับเธอ จะห่วงแค่เจ๊ซันนี่ที่ดูแลเธอตั้งแต่เริ่มแรกเข้าวงการนั่นแหละ แต่เธอมั่นใจว่าเจ๊ซันนี่เก่งอยู่แล้ว มีดารานักแสดงในสังกัดมากมาย ขาดเธอไปคนหนึ่งเจ๊คงไม่เหงาเท่าไหร่
"ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม มีอาการยังไงหรือเปล่า" ฉิงหมิงมองเด็กสาวที่มีหน้าตามอมแมมจนไม่รู้ว่าหน้าตาจริง ๆ เป็นแบบไหน ที่เห็นได้ชัดคงเป็นดวงตากลมโตที่แค่ปรายตามองก็ทำให้คนต้องหยุดหันมองเลยทีเดียว
"หิวค่ะ แต่ว่า... คุณมีกระจกไหม ฉันไม่เห็นหน้าตาตัวเองตั้งแต่เช้าแล้ว" หนิงหนิงถามเจ้าของบ้าน พร้อมกับลอบมองก่อนว่าเขามีสีหน้ายังไง
"ไม่มี ผมเพิ่งกลับมา ไม่ได้เตรียมอะไร แต่หากอยากดู น้ำในถังข้างบ้านน่าจะช่วยได้" ฉิงหมิงบอกสาวน้อยและก็ลอบมองด้วยเช่นกัน เพราะสำเนียงและลักษณะการพูดมันแตกต่างจากคนที่นี่ และเขาไม่ค่อยได้ยินสำเนียงแบบนี้มากสักเท่าไหร่ มันเลยทำให้เขาสงสัยมากพอสมควร
หนิงหนิงพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ตรงไปข้างบ้านตามที่อีกคนบอก และสิ่งที่เธอได้เห็นในเงาสะท้อนนั้นบ่งบอกว่าหน้าตาคล้ายกับชีวิตก่อนของตัวเอง แต่ที่รับไม่ได้ที่สุดนั่นคือ ใบหน้าที่เลอะเทอะ ทั้งที่เป็นแค่เงาสะท้อนในน้ำยังมองออก นั่นแสดงว่าของจริงมันต้องเห็นชัดมาก และที่หนักกว่านั้นคือ ผมยาวรุงรังที่พยายามสางผมแล้ว แต่ก็ยังติดกัน ไม่รู้จะนิยามว่ายังไง ผมก็ฟู หน้าตาก็ดูไม่ได้!
"กินข้าวก่อนเถอะ หากอยากอาบน้ำค่อยอาบทีหลัง" ฉิงหมิงมองคนที่ทำหน้าเหมือนคนไม่มีแรง เขาไม่รู้ว่าเขามีภรรยาหรือว่ามีลูกกันแน่ ต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้ หญิงสาววัยนี้ส่วนมากต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ... หรือว่าเขาเข้าใจผิด
"อย่าต่อว่าฉันทางสายตาแบบนั้น ฉันมองออกนะ แค่ยังไม่ได้อาบน้ำเท่านั้นเอง จริง ๆ แล้วฉันสวยมาก... " หนิงหนิงจ้องมองคนที่กำลังมองมา
"กินข้าวเถอะ" ฉิงหมิงกลั้นหัวเราะไปด้วยพูดไปด้วย เรื่องที่มองออกหรือไม่ออกนั้นไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องชมตัวเองสวยนี่ต้องคิดใหม่แล้ว ดูยังไงก็หาความสวยบนใบหน้ามอมแมมนั้นไม่เจอ แต่เขาจะลองเชื่อดู ให้สาวน้อยได้อาบน้ำก่อน อาจสวยขึ้นมาทันทีตามที่สาวน้อยต้องการก็ได้ ใครจะไปรู้
"วันนี้ผมจะเข้าเมืองไปทำธุระให้เรียบร้อย คืนนี้ไม่ได้กลับ คุณอยู่คนเดียวได้ไหม ผมทำกลอนประตูใหม่เรียบร้อยหมดแล้ว ถึงบ้านจะหลังเล็ก แต่แน่นหนาแน่นอน"
"ได้ค่ะ แล้วช่วงที่รอคุณกลับมา จะให้ฉันทำอะไรไหม" หนิงหนิงคนเก่าทำงานสารพัดให้ครอบครัว แต่พอมามีสามี นอกจากงานบ้านแล้วจะให้เธอทำอะไรคงต้องถาม หากทำแค่งานบ้านนั้นบอกเลยว่าสบายมาก
"แค่งานบ้าน และดูว่าที่บ้านขาดอะไรไหม ผมกลับมาแล้วจะพาไปซื้อ และนี่คืออาหาร คิดว่าน่าจะพอจนกว่าผมจะกลับ" ฉิงหมิงเปิดกระเป๋าลายทหาร แล้วหยิบอาหารกระป๋องและนมผงส่งให้สาวน้อย
"ข้าวสารและไข่อยู่ในครัว คุณคงอยู่ได้นะ" เมื่อเห็นว่าอีกคนนั่งมองของที่เขายื่นให้ ฉิงหมิงเลยพูดต่อพร้อมกับปิดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางเข้าเมือง
"อยู่ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณใจดีกับฉันมาก ฉันเพิ่งรู้ว่าการมีสามีมันดีแบบนี้เอง" คนที่พูดไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่คนที่ได้ยินกลับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
"ผมต้องไปแล้ว กลางคืนอย่าลืมลงกลอน ใครมาเรียกก็ไม่ต้องออกมาเข้าใจไหม" ฉิงหมิงพูดรัวเร็วพร้อมกับพยายามหลบสายตา หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นของภรรยา ถึงกับทำให้หน้าเขาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที พร้อมกับคิดคาดโทษเด็กสาวที่ช่างกล้าพูดออกมาแบบนั้น ขนาดเขาโตกว่าตั้งหลายปี พอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
ฉิงหมิงออกมาถึงหน้าบ้านก็หันกลับไปมอง ก่อนจะปิดประตูรั้วแล้วถอนหายใจออกมา จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะการนัดหมายในครั้งนี้มีมาก่อนที่เขาจะกลับมา ใครจะไปคิดว่าอยู่ดี ๆ จะมีภรรยาเข้ามาให้ต้องรับผิดชอบอย่างไม่รู้ตัว พอมีก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองอยู่หลาย ๆ รอบว่าเธอเคยอยู่หมู่บ้านนี้ ยังไงก็อยู่ได้ ประตูก็จัดการซ่อมแซมจนแน่นหนา หากไม่เปิดรับคน ไม่มีทางเข้าไปได้อย่างแน่นอน เขาปลอบใจตัวเองแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี หากการนัดหมายนี้ไม่สำคัญ เขาก็คงไม่ไป
ทุกย่างก้าวที่ฉิงหมิงก้าวออกห่างจากบริเวณบ้านนั้นมีแต่ความหนักอึ้ง เพราะอดเป็นห่วงสาวน้อยหน้าตามอมแมมไม่ได้ ต่อไปคงต้องวางแผนในการใช้ชีวิตเสียใหม่ เพราะเขาไม่อยากปล่อยสาวน้อยไว้ที่บ้านคนเดียวในยามค่ำคืน...
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น