ยามเหมาเฉินมู่หยางลุกมาหุงข้าว เมื่อวานเขาขายหมูป่าได้60ตำลึง ต้องแย่งให้สหายครึ่งหนึ่ง ส่วนเงินที่ขายเขากวางได้100ตำลึงเป็นจ้าวเฟยเฟยบอกกับเขาว่าให้แยกชิ้นส่วนขาย เงินส่วนนี้ควรเป็นของนาง
เฉินมู่หยางซื้อข้าวสารและเกลือกลับมาด้วยเมื่อวานนี้แต่ไม่มาก เนื่องจากฝนตกบ้านไม่สามารถอยู่ได้ เดิมจะไปเช่าบ้านท่านปู่กั่วต้งแต่พอกลับมาจ้าวเฟยเฟยก็สร้างที่พักเรียบร้อยแล้ว เขาช่วยนางใส่หลังคาและกั้นราวกันตกเท่านั้น
เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่อย่างไรคิดได้แค่ว่าต้องเช่าบ้านอยู่ไปก่อนจึงไม่อาจซื้อข้าวของได้เยอะแยะมากมาย ไก่ถูกเฉินมู่หยางนำมาสับก่อนจะใส่ลงในหม้อและเติมน้ำ เขาพอทำอาหารได้แต่ไม่ถึงกับรสชาติดี
ฝนเพิ่งหยุดตก ฟ้าหม่นแต่ไม่อึมครึมอีกต่อไป จ้าวเฟยเฟยที่เริ่มมีอาการดีขึ้นก็ลืมตาขึ้น นางพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินมู่หยางกำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างกับหม้อใหญ่หน้าเตาอย่างเก้ๆ กังๆ
"ตาเฒ่า ข้าทำเอง!"
นางเอ่ยเสียงเรียบๆคนตัวโตชะงักมือ หันกลับมามอง
"ท่านช่วยไปล้างผักตีนเป็ดที่ข้าเก็บมาเมื่อวานหน่อย"
เฉินมู่หยางเลิกคิ้ว
"ของสิ่งนั้นเจ้าเอามาทำอะไร?"
"กินไง ไม่เคยกินหรือ?"
"มันกินได้ด้วยหรือ?"
"ไม่รู้จักของดี มีเต็มถนนหนทางแต่กลับไม่รู้ว่ากินได้ หลบไป ข้าทำเอง ไปๆ ล้างผักมา แล้วก็ไปบ้านปู่กัว ซื้อไข่ไก่ให้ข้าสิบฟอง ไวๆ ด้วย"
" ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ต้องการอย่างอื่นหรือไม่"
"อยากได้น้ำมัน ถ้ามีสุราก็เอามาด้วย!"
เฉินมู่หยางขมวดคิ้วทันที
"เจ้าเพิ่งหายไข้ อีกอย่าง...ดื่มสุรายามเช้ามีที่ไหนกัน?"
จ้าวเฟยเฟยปรายตามองเขาอย่างเอือมระอา
"ข้าจะเอามาทำอาหาร ดับกลิ่นคาวเพิ่มความหอมเข้าใจหรือยัง อีกอย่าง...ข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่าน เด็ดขาด"
เขาพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วหมุนตัวเดินออกไป แต่ระหว่างทางก็อดคิดกับตัวเองไม่ได้
"ข้าเป็นสามีของนางมิใช่หรือ นางควรเชื่อฟังข้าไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดข้ากลับต้องเชื่อฟังนางทุกอย่าง... มีบางอย่างไม่ถูกต้องแน่ๆ"
ชายหนุ่มพึมพำในใจ ขณะยกสะพานไม้ลงแล้วเดินขึ้นขึ้นฝั่งไปยังหมู่บ้าน จ้าวเฟยเฟยทำครัว นางเอากระบะดินอีกอันมาวางด้านนอกเรือนแพก่อนจะเตรียมก่อไป เดี๋ยวนางจะลองข้ามสะพานไปดูบริเวณชายตลิ่งเพราะเมื่อวานเหมือนจะเห็นต้นกระเทียมป่ากับกอของต้นขิง
ฟ้ายังไม่สว่างดี จ้าวเฟยเฟยตักน้ำมาหนึ่งชามนางถอดสร้อยออกมาและนำจี้หยกของคุณแม่ล้างในชามเพื่อจะเช็ดให้สะอาด แต่เรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับนาง นางรู้สึกแปล๊บๆที่มือและอยู่ๆแผลที่โดนไม้ไผ่บาดเมื่อวานจบบวมเจ็บก็เริ่มหายทีละน้อยๆ จ้าวเฟยเฟยตะลึงจี้หยกคุณแม่ทำ หรือเพราะน้ำที่นี่มหัศจรรย์กันแน่ จ้าวเฟยเฟยลองเอาจี้หยกแช่ในน้ำแกว่งสามสี่ที่แล้วดื่ม นางรอปฏิกิริยาไม่นาน อาการไข้ที่มีก็หายไปราวกับไม่เคยป่วยมาก่อน
"ของดีนี่นา เอาวะถึงไม่มีมิติหรือห้วงอวกาศแบบในละครสั้นหรือในนิยายมีแค่นี้ก็ยังดี แต่ว่าต้องมาเลี้ยงวลุกให้เขา เด็กๆยังเล็กป่วยง่ายไม่สบายบ่อยๆ หากเจ้านี่รักษาได้เรื่องเงินที่ต้องไปหาหมอซื้อยาก็ไม่ต้องกังวลแล้ว"
จ้าวเฟยเฟยยิ้มออกมา นางดีใจที่หยกของคุณแม่ติดมาด้วย มันสามารถรกษาอาการป่วยได้ แม้ไม่รู้ว่ารักษาได้ถึงระดับใด จ้าวเฟยเฟยไม่สนใจว่ามันจะเป็นของวิเศษหรือไม่ ของที่เป็นของต่างหน้าคุณแม่ต่อให้แค่ก้อนหินธรรมดามันก็มีค่า จึงเอามันทำเป็นสร้อยข้อมือเพราะนอกจากเธอก็ไม่มีใครเห็น
เสียงกุกกักในเรือนดังออกมา เด็กๆคนตื่นแล้ว คนโบราณตื่นเช้าเสียจริงๆ จ้าวเฟยเฟยหุงข้าวเรียบร้อยก็รินน้ำข้าวเอาไว้ก่อนจะยกหม้อใส่น้ำแล้วตั้งไฟ เมื่อวานเหมือนจะเห็นกอของต้นขิง กับต้นหอมป่า เดินไปดูสักหน่อยเผื่อเจออย่างอื่นด้วย
จ้าวเฟยเฟยเดินเข้าไปในเรือนแพเพื่อหยิบมีดและเสียมอันเล็ก เฉินโม่หวายที่กำลังเทยาจากหม้อใส่ชามหันมาเจอนางก็ลุกมาก่อนจะยื่นชามยาให้ น้ำเสียงห้วนๆเอ่ยกับนาง
"กินยาซะได้เวลาแล้ว"
"ไอ้โย่ว ไอ้เด็กแสบเป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วยหรือ"
"ใครบอกข้าห่วงเจ้า เมื่อวานข้าได้ยินท่านพ่อพูดว่าเจ้าเป็นหนี้เราสิบห้าตำลึง ถ้าเจ้าตายท่านพ่อของข้าก็ขาดทุนน่ะสิ"
จ้าวเฟยเฟยอยากเอาชามยาทุบกะโหลกไอ้เด้กเปรตนี่สักที แหม่นึกว่าจะเป็นคนดีที่ไหนได้หน้าเลือดเหมือนพ่อไม่มีผิด ก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำให้จ้าวเฟยเฟยสัญญากับตัวเองเลยว่าไอ้เด็กเวรนี่กับนางเข้ากันไม่ได้จริงๆ น้ำกับน้ำมันเลย
"ยามีราคาแพง เอามาให้คนไร้ค่า สตรีร้ายกาจอย่างเจ้าก็นับว่าเมตตาแล้ว กินซะข้าไม่อยากให้เสียของ"
"เหอะๆๆ แหม่เมตตาของพวกเจ้าช่างใหญ่คับฟ้าเหลือเกินนะ เหอะ"
เฉินมู่หยางที่กำลังทำปลาอยู่ก็หันมาทางนางและเด็กๆ เฉินโม่หวายกระดกแก้วไม้ไผ่ทีเดียวเพื่อเอาน้ำข้าวลงท้อง นี่เป็นเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างลำบากเพื่อซื้อข้าวสารให้เขา ต้องกินสิเขาไม่ได้กินเพราะนางสั่งให้กินเสียหน่อย กินเพราะเห็นแก่ท่านพ่อต่างหาก เฉินโม่หวายดื่มเร็วไปจึงสำลักออกมา"แค่กๆๆ แค่กๆๆ " มือผอมแห้งทุบหน้าอกตนเอง จ้าวเฟยเฟยเดินไปลูบหลังให้ เขาผงะในใจยังระแวงนางอยู่ จ้าวเฟยเฟยกลอกตามองบนก่อนจะเอ่ย"การเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่ง หากเจ้าจะกินมื้อนี้เพื่อสั่งลาข้าก็ไม่ว่า แต่คนเราน่ะนะถ้าอยากตายอย่างน้อยก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย ไม่ใช่ตายเพราะตะกละ"เฉินโม่หวายมองหน้านางน้ำตาคลอ สตรีคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสะบัดหน้าวิ่งเข้าเรือนแพไปนั่งร้องไห้ เฉินมู่หยางเดินมาพอดีก่อนจะส่งปลาที่ทำเรียบร้อยให้กับนาง เขาเอ่ยตำหนิคนตรงหน้า"โม่หวายยังเด็ก แต่ละคำพูดของเจ้าล้วนทำร้ายจิตใจ""แล้วอย่างไร จะกระโดดน้ำตายหรือ หึยายแกนั่นทั้งตบทั้งตี กระทั่งด่าว่าลูกโสเภณียังไม่เห็นตายเลย แต่พอข้าพูดกลับรับไม่ได้หรือ เขาเป็นเด็กผู้ชายอนาคตต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นที่พึ่งให้น้องสาว นิสัยหยุมหย
น้ำเสียงไร้เยื่อใยตอบกลับไปจ้าวเฟยเฟยมองหน้าเขากำหนวดเขาแน่นขึ้นไปอีก โคนหนวดถูกดึงจนตึงจนเฉินมู่หยางนิ่วหน้า ยายเด็กบ้านี่เป็นคนหรือปีศาจกันแน่นะ กระทั่งนางเอ่ยถามเขา"ทำไมไม่ช่วย ข้าต้องการเงินนะ เจ้าไม่อยากได้เงินที่ยายจิ้งจอกแม่เลี้ยงข้ามายืมไปหรือ""ไม่อยากได้ ข้าต้องการคนมาดูและเด็กๆเรื่องนี้ข้าไม่ช่วย"จ้าวเฟยเฟยถึงบางอ้อทันที กลัวนางคืนเงินแล้วจะทิ้งเขากับเด็กทั้งสองคน นางจึงสัญญากับเขา"เอาอย่างนี้นะตาเฒ่าเฉิน ท่านช่วยข้าทวงเงินกลับมา ข้าสัญญาว่าจะอยู่เลี้ยงลูกให้ท่านจนกว่าท่านจะกลับ ที่สำคัญอย่าเดินโง่ๆไปให้ใครเขาเอาดาบเสียบเหลือแต่เถ้ากระดูกกลับมาล่ะ"เฉินมู่หยางมองหน้านาง ตั้งแต่นางถูกตีที่ศีรษะฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไป หรือนิสัยจริงๆของนางไม่ได้ร้ายกาจ แต่เพราะบ้านใหญ่ของเขาทำให้นางต้องต่อสู้ เท่าที่เขารู้อยู่บ้านเดิมนางก็ก้มหน้ายอมแม่เลี้ยงกับน้องสาวตลอด จากนั้นก็เอ่ยกับนาง"เจ้าต้องรู้นะหากหนีแต่งงาน มีชู้ หรือว่าสวมหมวกเขียวกฎหมายเป่ยเยี่ยนบอกว่า ต้องเอ่อ""ต้องถูกชำเราจากม้าและสุกร หากรอดตายค่อยถ่วงน้ำ ระหว่างที่ใช้แซ่เฉินของท่านข้าไม่ทำอย่างนั้นห
จ้าวเฟยเฟยสบถใส่ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก นางข้ามสะพานไม้ไปยังฝั่งบ้านหลังเก่าก่อนจะแหวกหาสิ่งที่สะดุดตาเมื่อวานนี้ตอนที่นางมาล้างเนื้อล้างตัว กอขิงขึ้นอยู่กระจุกใหญ่ ถัดไปอีกหน่อยมีต้นหอมป่าอยู่ สายตานางเห็นของกินหลายอย่างที่สามารถกินได้ เมื่อได้ขิงกับต้นหอมป่ามาแล้วนางก็มานั่งลงที่สะพานไม้ก่อนจะเอาตะกร้าใบเล้กใส่ขิงเขย่าๆล้างดินออก นางปอกต้นหอมลอกเอาส่วนที่ใบแห้งและเน่าออกไป ตัดรากทิ้ง จากนั้นก็นำไปล้างน้ำอีกที ขณะที่นางกำลังล้างขิงและต้นหอม จี้หยกที่นางผูกไว้ที่ข้อมือก้ส่งแสงสีเขียวจางๆ จ้าวเฟยเฟยไม่ได้สังเกตแต่อย่างใด ฝูงปลาและกุ้งเริ่มว่ายมาหานางมากขึ้น บางตัวว่ายทวนน้ำวนกลับมา จ้าวเฟยเฟยที่ได้ยินเสียงปลาดีดน้ำก้เหลือบมอง ปลามาจากไหนเยอะแยะ มีกุ้งอีกด้วยก่อนจะเห็นสาหร่ายน้ำสีเขียวใต้น้ำขยายกอเพิ่มขึ้น นางรีบยกตะกร้าขึ้นจากน้ำทันที"ผีหลอกหรือ ฉันเห็นสาหร่ายอยู่ๆก็งอกยาว แล้วทำไมยาวแค่ตรงนี้ ปลาพวกนี้อีกนี่มันขัดกฎฟิสิกส์ไหม ปลาโลกไหนว่ายทวนน้ำ เฮ้ยมิตินี้บิดเบี้ยวหรือ"เมื่อนางสังเกตดีๆฝูงปลาค่อยๆแตกกระจายออกไป จ้าวเฟยเฟยคิดไปคิดมาก็มองที่ข้อมือตนเองจากน
ยามเหมาเฉินมู่หยางลุกมาหุงข้าว เมื่อวานเขาขายหมูป่าได้60ตำลึง ต้องแย่งให้สหายครึ่งหนึ่ง ส่วนเงินที่ขายเขากวางได้100ตำลึงเป็นจ้าวเฟยเฟยบอกกับเขาว่าให้แยกชิ้นส่วนขาย เงินส่วนนี้ควรเป็นของนาง เฉินมู่หยางซื้อข้าวสารและเกลือกลับมาด้วยเมื่อวานนี้แต่ไม่มาก เนื่องจากฝนตกบ้านไม่สามารถอยู่ได้ เดิมจะไปเช่าบ้านท่านปู่กั่วต้งแต่พอกลับมาจ้าวเฟยเฟยก็สร้างที่พักเรียบร้อยแล้ว เขาช่วยนางใส่หลังคาและกั้นราวกันตกเท่านั้น เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่อย่างไรคิดได้แค่ว่าต้องเช่าบ้านอยู่ไปก่อนจึงไม่อาจซื้อข้าวของได้เยอะแยะมากมาย ไก่ถูกเฉินมู่หยางนำมาสับก่อนจะใส่ลงในหม้อและเติมน้ำ เขาพอทำอาหารได้แต่ไม่ถึงกับรสชาติดี ฝนเพิ่งหยุดตก ฟ้าหม่นแต่ไม่อึมครึมอีกต่อไป จ้าวเฟยเฟยที่เริ่มมีอาการดีขึ้นก็ลืมตาขึ้น นางพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินมู่หยางกำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างกับหม้อใหญ่หน้าเตาอย่างเก้ๆ กังๆ"ตาเฒ่า ข้าทำเอง!" นางเอ่ยเสียงเรียบๆคนตัวโตชะงักมือ หันกลับมามอง"ท่านช่วยไปล้างผักตีนเป็ดที่ข้าเก็บมาเมื่อวานหน่อย"เฉินมู่หยางเลิกคิ้ว "ของสิ่งนั้นเจ้าเอามาทำอะไร?""กินไ
เฉินมู่หยางรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่แขนเสื้อของตนที่นางนอนหนุน นี่นางร้องไห้หรือ ฝันร้ายหรืออย่างไรก่อนจะขยับ ตัวนางไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว เหลือเพียงอุ่นๆเท่านั้น เขาจึงคลายอ้อมกอดแล้วลุกไปอุนยาให้นางอีกครั้ง เมื่อเรียบร้อยก็ยกมาให้นาง เฉินมู่หยางปลุกคนตัวเล็ก"จ้าวเฟยเฟย ตื่นมากินยาได้แล้ว"ฮืม""จ้าวเฟยเฟยกินยาได้แล้ว"ร่างบางตื่นขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าคนตัวโต หนวดเครายามเฟิ้มอัปลักษณ์จริงๆ ตาแก่นี่ไม่รู้จักมีดโกนหนวดหรือไงนะ จากนั้นนางก็ลุกขึ้น รู้สึกแสบๆ ที่บริเวณหน้าอก จ้าวเฟยเฟยคลำดูก็สะดุดเข้ากับบางอย่าง เมื่อนางก้มมองก็เห็นจี้หยกของคุณแม่สวมอยู่ที่คอ มันติดมาด้วยตอนที่เธอรถคว่ำหรือ แต่ดูเหมือนเขาไม่เห็นเฮ้อ...ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเธอทะลุมิติมาแล้ว ร่างเดิมมีสามีที่มีลูกติดวัยห้าขวบสองคน ให้ตายสิพับผ่าฉันล่ะเกลียดยายแม่เลี้ยงนั่น แต่สุดท้ายกลับต้องมาเป็นแม่เลี้ยงเสียเองจริงๆหรือนี่ จ้าวเฟยเฟยฮึกฮัดก่อนจะบ่นพวกคนแก่ที่นั่งเล่นหมากอยู่ข้างบนตามความเข้าใจของนาง"พวกตาเฒ่าที่อยู่ข้างบนฟังดีๆ นะ ทางที่ดีอย่าให้แม่ได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ ถ้าเจอนะแม่จะเตะเรียงตัวเลย เทพชะตาอะไรเจ๊ไม่สนหรอกส่
จ้าวซินซินน้ำตาเอ่อคลอ ปากสั่นสะท้านราวกับโดนรังแก หวังใช้ความสงสารปิดบังความผิดที่ทำจ้าวเหลียนเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งเกาะปลายมีด“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดจนเสื้อผ้าหลุดไปอยู่ใต้เตียงพี่สาวน่ะเหรอ…?”ร่างบางระหงก้าวอย่างมั่นคงเดินเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังหนึ่งก้าว“ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องขอบใจเธอนะจ้าวซินซิน ที่ช่วยเอาขยะชิ้นนั้นไปจากชีวิตฉัน คนอย่างถังชุน...มันก็แค่เศษเนื้อเน่าๆ ที่ฉันยังไม่มีเวลาเอาไปทิ้ง ขอบใจที่เธอยอมเก็บเอาไปน่ะ”จ้าวข่ายทนฟังลุกสาวคนโตด่าทอลุกสาวคนเล้กไม่ได้ก็เงื้อมือหวังจะตบเธอ แต่ยังไม่ทันลงมือ ข้อมือของเขาก็ถูกยึดไว้ด้วยมือแข็งกร้าว ก่อนร่างอ้วนพลุ้ยจะถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกโต๊ะอย่างแรงเสียงกรีดร้องจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร"คุณจ้าว...โปรดสำรวมหน่อย" หลิวฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ"หลานสาวผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาแตะต้องได้"“หึ! หลิวฮ่าว! นายเป็นคนยุยงให้นางเด็กนี่ทำแบบนี้ใช่ไหม อยากฮุบบริษัทไว้เองใช่ไหม!”เธอก้าวเข้ามาขวางก่อนที่จะเกิดอะไรไปมากกว่านี้ สีหน้าสงบนิ่งแต่แววตาเด็ดขาด"คุณพอเถอะค่ะ น้าของหนูไม