หลิวเยี่ยนฉางกินข้าวง่ายๆแต่โดยดี เฉินมู่หยางเห็นว่าสายมากแล้วเขาต้องรีบกลับเอารถม้าไปคืนก่อนที่จะเกินเวลาเช่า อีกทั้งเขาไม่อยู่สิบวันในห้องเสบียงเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายที่เขาไม่เคยกินและไม่รู้จักก่อนจะเอ่ยลาสหายกับพี่สาวของเขา"อาหราน อาฉางข้าต้องกลับก่อนแล้ว พี่สะใภ้พวกเจ้าสั่งข้าให้ซื้อของเดี๋ยวซื้อไม่ทันจะเป็นเรื่อง""พี่มู่หยาง ท่านกลัวอาซ้อเสียจริงๆ ข้าไม่เห็นนางจะดุตรงไหนเลย"หลิวเยี่ยนหรานส่งน้ำให้น้องชายก่อนจะเอ่ยอีกคน"นั่นน่ะสิเจ้าคะ อาซ้อนางออกจะใจดี ยามที่อยู่กับท่านนางยิ้มแย้มตลอด""เฮ้อ..อย่าพูดเลย เมียข้ามีวิธีทรมานข้ายิ่งนัก หากนางโกรธขึ้นมาข้าต้องนอนนอกห้อง เจ้าคิดดูสิอาฉาง คนมีเมียแต่กลับต้องมานอนหนาวลมทรมานหรือไม่เล่า ไปๆๆข้าไปล่ะ""อาซ้อนางามเพียงนั้นพี่มู่หยางเลยต้องรีบกลับบ้านน่ะพี่ใหญ่"เฉินมู่หยางยิ้มให้สองพี่น้อง จินหมิงได้ยินสหายและคนในหมู่บ้านพวกเขาขณะที่เดินทางมาด้วยกันพูดว่าภรรยาของเฉินมู่หยางคนนี้งามราวเทพธิดา หากสตรีตรงหน้านี้ก็นับว่านางงามมากแล้ว เช่นนั้นภรรยาของเฉินมู่หยางจะงามเพียงใดกันเฉินมู่หยางเอ่ยลาจินหมิงก่อนจะควบรถม้ากลับตำบลอวี
จวนเจ้าเมืองหลิวเยี่ยนฉางที่ตอนนี้ยังคงหลับอยู่ เมื่อคืนเขามีไข้จินเหยาจึงคอยดูแลทั้งคืน นางทั้งต้มยาและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาเอง เขาถูกยิงเพราะเอาตัวมาบังลูกธนูให้กับนาง ไม่เช่นนั้นธนูดอกนั้นคงปักเข้ากลางอกนางพอดี และนางอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ร่างสูงที่นอนคว่ำหน้าอยู่ก็ตื่นขึ้นและรู้สึกตัว จินเหยาเห็นว่าเขาตื่นแล้วจึงลุกจากเก้าอี้เดินมาหา ใช้หลังมืออังที่หน้าผากและแตะที่บริเวณลำคอของเขาก่อนจะเอ่ย"คุณชายหลิว ไข้ท่านลดแล้ว ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง""คุณหนูรอง...ข้าน้อยสบายดีขอรับ ขอบคุณท่านมากที่ช่วยรักษาข้า"จินเหยาค่อยๆ ลอกผ้าพันแผลออกก่อนจะเปลี่ยนผืนใหม่นางเอ่ยตอบกลับ"ข้าต่างหากที่ต้องเป็นคนกล่าวคำนั้น คุณชายหลิวขอบคุณท่านมาก หากไม่ใช่ท่านเข้ามาช่วยข้าคงสิ้นชื่อไปแล้ว เอาล่ะข้าเปลี่ยนผ้าให้ท่านแล้ว เดี๋ยวสักพักข้าจะยกข้าต้มมาให้ ท่านลองลุกนั่งก็ได้แต่ห้ามนอนหงายเด็ดขาด""ขอรับคุณหนูรอง"เมื่อจินเหยาออกไปแล้ว หลิวเยี่ยนฉางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ทางด้านจินหมิงที่ตรวจงานแต่เช้าเพื่อรับช่วงงานต่อจากเจ้าเมืองคนเก่า ยามนี้เขาอยู่กับกุนซือเมื่อเรียบร้อยก็จะไปเยี่ยมหลิวเยี่ยนฉางที่ช่ว
เฉินมู่หยางแก้สายรัดเอวนางออก ก่อนจะเลื่อนเสื้อตัวนอกทิ้งลงข้างเตียง สายเสื้อซับในถูกเขาแกะออก ทรวงเต้าอวบอิ่มลอยเด่นตรงหน้า อุ้งปากร้อนชื้นกำลังจะครอบครองความหวานแต่กลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อนก๊อก ก๊อก ก๊อก"พี่ใหญ่ พี่สะใภ้พวกท่านนอนหรือยังขอรับ""เฉินมู่หยางมองหน้าเมียอย่างเสียดาย จ้าวเฟยเฟยคว้าผ้าห่มมาคลุมกายก่อนจะพยักหน้าให้เขาตอบน้องชาย"กำลังจะนอน เสี่ยวเหว่ยมีอะไรหรือ นี่มันดึกมากแล้วเจ้าไม่ง่วงหรืออย่างไร""พี่ใหญ่ พี่เยี่ยนหรานมาหาท่านขอรับ นางมาถามหาพี่เยี่ยนฉาง"เฉินมู่หยางถอนหายใจ หลิวเยี่ยนหรานรู้ได้อย่างไรว่าเขากลับมาแล้ว กะว่าพรุ่งนี้ค่อยไปบ้านหลิวเพื่อส่งข่าวเชียวนะ เฉินมู่หยางคว้าเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะหอมแก้มเมียแล้วเดินออกไป"รอพี่นะเดี๋ยวมา""พี่เยี่ยนฉางมิได้กลับมากับพวกท่านหรือเจ้าคะ""ระหว่างทางเกิดเรื่องนิดหน่อย อาฉางจึงไม่ได้กลับมาด้วย"เฉินมู่หยางเดินออกไปนอกบ้าน ดีที่เด็กๆหลับไปแล้ว หลิวเยี่ยหรานยืนรอเขาหน้าบ้านเมื่อเฉินมู่หยางเดินออกมานางก็ตรงมาคว้าแขนเขาทันที"พี่มู่หยาง น้องชายข้าเล่า อาฉางเป็นอะไรไป ข้าได้ยินว่าระหว่างทางเกิด
เฉินมู่หยางมายืนอยู่หน้าบ้านหลังเดิมของบิดากับมารดา เข้าไปแค่ห้าวันบ้านเปลี่ยนไปมากกำแพงทำจากไม้ไผ่เหลาปลายจนแหลมปักเรียงกันเป้นแนว ปักสูงต่ำลดหลั่นดูสวยงาม หน้าบ้านเตียนโล่งไม่สกปรกเหมือนเมื่อก่อน เฉินเหว่ยเอ่ยเรียกคนด้านใน"โม่หวาย ผิงผิงอากลับมาแล้ว"สิ้นเสียงของเขาเท้าคู่เล็กๆก็พากันวิ่งออกมาก่อนจะกางแขนให้เขากับพี่ใหญ่อุ้ม"ท่านพ่อ ท่านอาพวกท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่านพ่อ ท่านอาเหนื่อยมากไหมขอรับ"เฉินมู่หยางอุ้มโม่หวายส่วนผิงผิงเฉินเหว่ยเป็นคนอุ้ม ก่อนจะเดินเข้าบ้าน หลินเหมยเซียงเห็นว่าเจ้าบ้านกลับมาแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินไปตามจ้าวเฟยเฟยที่กำลังหมักหมูอยู่หลังบ้าน"น้องเฉินเจ้ามาแล้ว เดี๋ยวข้าไปตามเสี่ยวเฟยก่อนนะ""ไม่เป็นไรขอรับพี่เหมยเซียง ข้าไปหานางเอง"เฉินมู่หยางเดินไปหาจ้าวเฟยเฟยเป็นจังหวะเดียวกับที่นางเสร็จงานในมือจึงเดินกลับเข้าบ้าน เมื่อเห็นหน้าคนที่ไม่เจอมาสามวันก็ยิ้มให้ เฉินมู่หยางตรงเข้าไปกอดแล้วจูบนางอย่าโหยหา"อื้อ ปึกๆๆ"จ้าวเฟยเฟยทุบแผ่นหลังของเขาเพราะประท้วง นางหายใจไม่ออกเขาจูบนางชนิดที่เรียกว่าสูบวิญญาณของนางเลย เฉินมู่หยางปล่อยร่างระหงก่อนจะ
ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ๆเฉินมู่หยางก็ดีดตัวจากหลังม้า กระบี่ออกจากฝักไม่ทันมีใครมองเห็นแต่กลับมีชายชุดดำหล่นลงมาจากต้นไม้สามคนในสภาพคอขากกระเด็น และลูกธนูก็พุ่งมาปักที่รถม้าเช่นกัน เสียงหวีดร้องของสาวใช้และแม่นมดังออกมา"กรี๊ดดดด คนร้ายมีคนร้าย""อย่าตกใจสิแม่นมท่านอย่าร้อง อยู่นิ่งๆไว้ พวกเจ้าก็ด้วย"หลินเย่วเอ่ยแก่สาวใช้และแม่นมของนาง"ท่านพ่อเจ้าคะ ศัตรูหรือว่าโจรภูเขาเจ้าคะ"จินหลินเอ่ยถามบิดา แถบนี้ไม่น่ามีโจรภูเขาได้ ดูแล้วไม่มีอะไรให้ปล้นสักนิดชาวบ้านก็ยากจน จินหมิงหันกลับสั่งให้บุตรสาวหลบอยู่อย่าลงมา"หลบอยู่ในรถม้าอย่าลงมาเด็ดขาด"เช้ง!!เช้ง!! เช้ง!! เสียงกระบี่ด้านนอกกระทบหันไม่หยุด ชายชุดดำโผล่มาจากข้างทางอีกไม่น้อย หลิวเยี่ยฉายสั่งให้คนแก่อยู่แต่ในรถม้า ส่วนฟางฉายนั้นกำลังตวัดกระบี่สู้กับคนร้าย จินหมิงเอกก็ตวัดดาบต่อสู้เช่นกันเขามิใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน เพียงแค่ไม่ค่อยแสดงฝีมือเท่านั้น ทางด้านรถม้ามีบางคนกำลังไปทางนั้น คันที่มีบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองนั่งอยู่ กระบี่เล่มแรกแทงเข้ามาในรถม้าแต่กลับถูกแทงสวนออกไป จินเหยาดีดตัวออกมาก่อนจะตวัดกระบี่ใส่คนร้
คนสนิทไปแล้ว แม้ว่าจะอยู่คนละห้องแต่ด้วยวรยุมธเฉินมู่หยางเขากลับได้ยินทั้งหมด ผู้ตรวจการพิเศษจากราชสำนักหรือ เหตุใดถึงมาเมืองที่แร้นแค้นเช่นอวี๋หยางเล่า หรือว่าที่นี่มีอะไรที่ทางราชสำนักต้องการ เฉินมู่หยางไม่คิดมากเพราะไม่ใช่เรื่องของตน ส่วนเรื่องไป๋เซิงกับคุณหนูใหญ่คนนั้นก็เป็นเรื่องของพวกเขา ตอนนี้คิดถึงร่างนุ่มนิ่มของเมียกับบุตรชายและบุตรสาวมากกว่า เฉินมู่หยางหลับไปแล้วรอเช้าก็จะจากไปไม่ยุ่งเกี่ยว แต่จำต้องตามหาอาสามกับอาเล็กของตนเรื่องนี้ไม่อาจบอกใครได้ ส่วนสหายอย่างฟางฉาย หลิวเยี่ยนฉางกับไป๋เซิงไม่จำเป็นต้องปิดบัง ยามเฉินทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถงด้านล่างเพื่อกินมื้อเช้า เฉินมู่หยางสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง พวกท่านลุงในหมู่บ้านอุตส่าห์มาช่วยเขาทั้งทีจำต้องให้กินดีนอนอุ่นสักหน่อย หากลำพังพวกเขาสี่คนนอนในป่าก็ยังได้ จินหมิงลงมาจากด้านบนก็สั่งอาหารหลายอย่าง เขาสั่งเผื่อโต๊ะของเฉินมู่หยางด้วย เฉินมู่หยางได้แต่กล่าวคำขอบคุณ ไป๋เซิงมองหน้าจินเย่วแล้วยิ้มให้ หญิงสาวเขินอายจนหน้าแดง ส่วนดรุณีน้อยอย่างจินหลินมองหน้าพี่สาวสลับกับบุรุษที่ช่วยนางเมื่อวานก็ยิ้มมุมปากซ