เฉินมู่หยางเข็นรถเข็นตามจ้าวเฟยเฟยกลับบ้าน นางยังถือว่าพอรู้ความไม่ด่าเขาเสียหายต่อหน้าคนอื่น อีกอย่างนางพูดถูกเขาพยายามเลี้ยงเด็กสองคนให้เติบใหญ่ ตั้งแต่ท่านแม่และท่านพ่อจากไปเพราะป่วยและไม่มีเงินรักษาเด็กทั้งสองก็ขาดคนเหลียวแล
เพื่อให้ท่านปู่และท่านย่าเมตตาต่อเด็กทั้งสองเขาจำต้องให้เงินแก่บ้านใหญ่ มิใช่ว่าเขาโง่เขลาอย่างที่นางเข้าใจ เขาเองก็มีเงินที่เก็ยเอาไว้เพียงแต่เด้กทั้งสองยังเล้กนักไม่อาจดูแลเงินเหล่านี้ได้จึงได้แต่ฝากไว้ที่ร้านฝากเงินในอำเภอ
จ้าวเฟยเฟยเดินออกหน้านางเห็นมีผักตีนเป็ดขึ้นตามข้างทางก็ยิ้มด้วยความยินดี นางรีบไปเก็บเอามาเฉินมู่หยางไม่เข้าใจนางจะเก็บหญ้าเหล่านี้ไปทำอะไร ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงบ้าน เฉินโม่หวายรีบวิ่งมาก่อนจะร้องไห้
"ฮือๆท่านพ่อน้องเล็กนางฮือๆนาง"
"โม่หวายเกิดอะไรขึ้น"
"ท่านพ่อน้องปวดท้องร้องจนสลบไปแล้วขอรับ"
จ้าวเฟยเฟยรีบวิ่งไปดูก่อนจะเขย่าร่างเล็ก นางรับรู้แล้วว่าเด็กคนนี้ห้าขวบแต่ตัวเล็กราวกับเด็กสามขวบก็ไม่ปาน ดูแล้วนางคงจะหิวจนเป็นลม จ้าวเฟยเฟยจำได้ลางๆว่าร่างเดิมแอบซ่อนหมั่นโถวเอาไว้หนึ่งก้อนก่อนจะหันไปบอกเฉินมู่หยาง
"ตาเฒ่าท่านไปต้มน้ำร้อนที นางคงหิวมากเกินไปจนเป็นลมเร็วๆเข้า ท่านมีน้ำตาลทรายกับเกลือหรือไม่"
"ไม่มี บ้านท่านปู่หลี้เจิงน่าจะมีขาย"
"งั้นท่านไปซื้อข้าก่อไฟเอง ท่านบอกเขาว่าท่านไปขายสัตว์ป่าและจะมาจ่ายทีหลัง เงินที่ขายจะไม่ให้บ้านใหญ่แล้ว"
เฉินมู่หยางมีเงินเก็บ ที่นางพูดเช่นนี้คงกลัวว่าท่านปู่หลี่เจิ้งจะไม่นอมขายเพราะว่าเขาไม่มีเงิน ร่างสูงรีบสาวเท้าไปที่บ้านเฉินกั่วต้งเพื่อซื้อน้ำตาลและเกลือ ทางด้านจ้าวเฟยเฟยติดเตาต้มน้ำร้อนแต่เนื่อจากฝนตกจนทำให้พืนชื้นจึงจุดติดยาก เมื่อติดแล้วควันก็คลุ้งเต็มครัว นางเอาหม้อมาจากรถเข็นจากนั้นก็เดินไปลำธารเพื่อตักน้ำ ก่อนจะเอามาต้มจนเดือด
เฉินมู่หยางกลับมาแล้วได้ของที่นางต้องการมาด้วย เมื่อน้ำเดือดนางใส่น้ำตาลลงไปคนจนละลายก่อนจะยกลงมาเติมเกลือนิดหน่อย จ้าวเฟยเฟยเห็นว่าเด็กสองคนขาดน้ำและหิวจึงทำเกลือแร่แบบง่ายๆให้ดื่ม
"ท่านเอาให้บุตรชายท่านเถอะ ผิงผิงข้าป้อนเอง"
จ้าวเฟยเฟยเอาแป้งหมั่นโถวที่แข็งเป็นหินมาอังปากหม้อต้มน้ำ ไม่นานไอน้ำก็ทำให้มันนิ่มลง ผิงผิงที่ได้น้ำเกลือแร่เข้าไปก็ค่อยๆลืมตาเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
"ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว"
"เด็กดี กินหมั่นโถวก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะไปจับปลาในแม่น้ำให้กินดีไหม"
"ไม่เป็นไรเจ้าคะ น้ำเย็นเกินไปท่านจะป่วยแล้วจากไปเหมือนกับท่านแม่ของพวกเราอีก"
จ้าวเฟยเฟยน้ำตาซึมเด็กคนนี้ช่างจิตใจอ่อนโยนเหลือเกิน จากนั้นนางก็แบ่งบิหมั่นโถวเป็นสองก้อน ส่งให้เฉินมู่หยางครึ่งหนึ่งส่วนอีกครึ่งนางค่อยๆบิป้อนเฉินผิงผิงคำเล็กๆกระทั่งนางกินไปได้สิบกว่าคำจ้าวเฟยเฟยจึงหยุดก่อนจะเอ่ย
"ท้องของลูกไม่มีอะไร น้ำย่อยอกมาย่อยกระเพาะจึงทำให้ปวดท้อง หากกินอิ่มทีเดียวจะปวดท้องอีก แม่จะไปดูว่าที่ลำธารมีอะไรบ้าง ส่วนท่านตาเฒ่าไก่กับกระต่ายเก็บเอาไว้ หมูป่าเอาไปขายในเมือง ชาวบ้านที่นี่เอาเปรียบเกินไปอยากซื้อของถูกพวกเขาเห็นท่านใจดีชอบกดราคา"
"แต่ว่า"
"ไม่มีแต่เฉินมู่หยาง ลูกๆเจ้าห้าขวบแล้วแต่ดูสิตัวแคระแกรนราวกับเด็กสามขวบ ข้าจะจดของที่ต้องซื้อด้วยเอาเท่าที่พอมีก่อน นี่ปิ่นกับกำไลเอาไปขายซื้อเสบียงมา ในเมื่อแยกบ้านกันแล้วเงินที่ขายได้ควรเลี้ยงครอบครัวตนเอง ข้าหมายถึงลูกๆของเจ้า ตาเฒ่ายายเฒ่านั่นเป็นหน้าที่ลุงใหญ่ท่านซึ่งเป็นลูกคนโต ไม่ใช่หน้าที่หลานชายเช่นเจ้า ลูกชายเจ้าต่างหากคือคนที่ต้องเลี้ยงดูเจ้าในอนาคต"
เฉินมูหยางไม่รับปิ่นเงินกับกำไลของนาง นั่นเป็นสิ่งที่นางมี เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวจะเอาของภรรยามาเลี้ยงดูตนเองได้อย่างไร เมื่อเฉินผิงผิงดีขึ้นจ้าวเฟยเฟยก็หันมาหาเฉินโม่หวายก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
"เฉินโม่หวาย...เจ้าอยากเป็นลูกรักของบิดาเจ้าคนเดียวถึงขนาดวางแผนฆ่าน้องสาวเชียวหรือ"
"ฮือๆๆๆๆ ข้าเปล่านะเจ้าๆๆ สตรีแพศยาเจ้า..เจ้าใส่ร้ายข้าฮือออๆๆๆ"
แม้คำพูดของนางจะรุนแรงแต่ไอ้เด็กนี่ต้องใช้วิธีนี้แหละถึงจะได้ผล เฉินโม่หวายร้อยไห้เสียงดังจนเฉินโม่หยางที่กำลังขนของลงมาเพื่อจะเอารถเข็นใส่สัตว์ไปขายถึงกับวิ่งมาดู เห็นบุตรชายนั่งร้องไห้ปาดน้ำตาจึงเอ่ยต่อว่าจ้าวเฟยเฟย
"จ้าวเฟยเฟยเจ้าทำอะไรบุตรชายข้า โม่หวายมาหาพ่อ"
จ้าวเฟยเฟยลุกขึ้นเท้าเอวมองหน้าพ่อลูกสลับกันก่อนจะเอ่ยออกมา
"บุตรชายเจ้าอยากได้ความรักจากเจ้าจนถึงขั้นคิดฆ่าน้องสาวตนเอง"
"ท่านพ่อข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำขอรับ"
"จ้าวเฟยเฟย โม่หวายเพิ่งจะห้าขวบเด็กอายุเพียงนี้จะไปมีจิตใจเช่นนั้นได้อย่างไรกัน"
"เฉินผิงผิงลุกขึ้นและจับมือท่านแม่ก่อนจะเอ่ย
"ท่านแม่ พี่ชายเป็นคนดีเขาไม่ฆ่าผิงผิงหรอกเจ้าค่ะ"
จ้าวเฟยเฟยมองหน้าเด็กน้อยที่เอาแต่ร้องไห้ก็ถอนหายใจก่อนจะเอ่ย
"ตาเฒ่า...เมื่อวานข้ากำลังจะเชือดไก่ ไหนๆก็แยกบ้านมาแล้วข้าคิดว่าคงไม่มีใครมาแย่งเรากินอีก แต่ใครจะรู้ว่าบุตรชายเจ้ากลับวิ่งแจ้นไปฟ้องป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าว่าที่บ้านมีเนื้อ เขากลัวว่าข้าจะกินเองจนหมดหวังจะให้ยายแก่นั่นมาทุบตีข้า สุดท้ายเนื้อก็ไม่ได้กินแถมยังถูกพวกเขาทุบตี ข้าถูกยายแก่สองคนนั่นรุมทุบจนสลบก็เพราะบุตรชายเจ้า ลูกสาวเจ้าตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรเลยถึงได้ปวดท้องจนสลบไป"
เฉินโม่หวายร้องไห้หนักกว่าเดิมก่อนจะเอ่ยกับบิดา
"ฮือๆๆๆ ท่านพ่อข้าไม่ได้อยากทำร้ายน้องสาว ข้าแค่กลัวว่านางจะเอาไว้กินคนเดียว หากท่านย่าใหญ่รู้และมาแย่งนางไปอย่างน้อยก็อาจจะแบ่งเนื้อให้ข้ากับน้องบ้างขอรับ"
เฉินมู่หยางมองหน้าบุตรชายก่อนจะถอนหายใจ จ้าวเฟยเฟยหวงของกินเพียงใด นางเอาแต่ใจและร้ายกาจเพียงใดทำไมเขาจะไม่รู้ บุตรชายเขาจะระแวงก็ไม่แปลกหรอกก่อนจะเอ่ย
"ที่ผ่านมาเจ้าทำเกินไปหลายครั้ง โม่หวายจะระแวงเจ้าก็ไม่ผิด"
เจ้าเฟยเฟยพ่นลมออกปากก่อนจะพยักหน้าสามที นางชี้นิ้วไปยังเด็กน้อยก่อนจะเอ่ย
"ได้ๆๆ เฉินมู่หยางจากนี้ไปบุตรชายของเจ้าข้าไม่ยุ่งอีก อย่างสั่งสอนกันเช่นไรก็เชิญ เจ้าไม่อยู่ข้าบอกก่อนนะนอกจากให้ข้าวให้น้ำให้มีชีวิตอยู่รอเจ้ากลับมาเท่านั้น เรื่องอื่นข้าจะไม่ยุ่ง ในเมื่อเขาไม่เคารพข้าๆก็ไม่จำเป็นต้องเมตตา หากไม่พอใจเจ้าก็เขียนใบหย่ามา"
เฉินมู่หยางที่กำลังทำปลาอยู่ก็หันมาทางนางและเด็กๆ เฉินโม่หวายกระดกแก้วไม้ไผ่ทีเดียวเพื่อเอาน้ำข้าวลงท้อง นี่เป็นเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างลำบากเพื่อซื้อข้าวสารให้เขา ต้องกินสิเขาไม่ได้กินเพราะนางสั่งให้กินเสียหน่อย กินเพราะเห็นแก่ท่านพ่อต่างหาก เฉินโม่หวายดื่มเร็วไปจึงสำลักออกมา"แค่กๆๆ แค่กๆๆ " มือผอมแห้งทุบหน้าอกตนเอง จ้าวเฟยเฟยเดินไปลูบหลังให้ เขาผงะในใจยังระแวงนางอยู่ จ้าวเฟยเฟยกลอกตามองบนก่อนจะเอ่ย"การเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่ง หากเจ้าจะกินมื้อนี้เพื่อสั่งลาข้าก็ไม่ว่า แต่คนเราน่ะนะถ้าอยากตายอย่างน้อยก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย ไม่ใช่ตายเพราะตะกละ"เฉินโม่หวายมองหน้านางน้ำตาคลอ สตรีคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสะบัดหน้าวิ่งเข้าเรือนแพไปนั่งร้องไห้ เฉินมู่หยางเดินมาพอดีก่อนจะส่งปลาที่ทำเรียบร้อยให้กับนาง เขาเอ่ยตำหนิคนตรงหน้า"โม่หวายยังเด็ก แต่ละคำพูดของเจ้าล้วนทำร้ายจิตใจ""แล้วอย่างไร จะกระโดดน้ำตายหรือ หึยายแกนั่นทั้งตบทั้งตี กระทั่งด่าว่าลูกโสเภณียังไม่เห็นตายเลย แต่พอข้าพูดกลับรับไม่ได้หรือ เขาเป็นเด็กผู้ชายอนาคตต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นที่พึ่งให้น้องสาว นิสัยหยุมหย
น้ำเสียงไร้เยื่อใยตอบกลับไปจ้าวเฟยเฟยมองหน้าเขากำหนวดเขาแน่นขึ้นไปอีก โคนหนวดถูกดึงจนตึงจนเฉินมู่หยางนิ่วหน้า ยายเด็กบ้านี่เป็นคนหรือปีศาจกันแน่นะ กระทั่งนางเอ่ยถามเขา"ทำไมไม่ช่วย ข้าต้องการเงินนะ เจ้าไม่อยากได้เงินที่ยายจิ้งจอกแม่เลี้ยงข้ามายืมไปหรือ""ไม่อยากได้ ข้าต้องการคนมาดูและเด็กๆเรื่องนี้ข้าไม่ช่วย"จ้าวเฟยเฟยถึงบางอ้อทันที กลัวนางคืนเงินแล้วจะทิ้งเขากับเด็กทั้งสองคน นางจึงสัญญากับเขา"เอาอย่างนี้นะตาเฒ่าเฉิน ท่านช่วยข้าทวงเงินกลับมา ข้าสัญญาว่าจะอยู่เลี้ยงลูกให้ท่านจนกว่าท่านจะกลับ ที่สำคัญอย่าเดินโง่ๆไปให้ใครเขาเอาดาบเสียบเหลือแต่เถ้ากระดูกกลับมาล่ะ"เฉินมู่หยางมองหน้านาง ตั้งแต่นางถูกตีที่ศีรษะฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไป หรือนิสัยจริงๆของนางไม่ได้ร้ายกาจ แต่เพราะบ้านใหญ่ของเขาทำให้นางต้องต่อสู้ เท่าที่เขารู้อยู่บ้านเดิมนางก็ก้มหน้ายอมแม่เลี้ยงกับน้องสาวตลอด จากนั้นก็เอ่ยกับนาง"เจ้าต้องรู้นะหากหนีแต่งงาน มีชู้ หรือว่าสวมหมวกเขียวกฎหมายเป่ยเยี่ยนบอกว่า ต้องเอ่อ""ต้องถูกชำเราจากม้าและสุกร หากรอดตายค่อยถ่วงน้ำ ระหว่างที่ใช้แซ่เฉินของท่านข้าไม่ทำอย่างนั้นห
จ้าวเฟยเฟยสบถใส่ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก นางข้ามสะพานไม้ไปยังฝั่งบ้านหลังเก่าก่อนจะแหวกหาสิ่งที่สะดุดตาเมื่อวานนี้ตอนที่นางมาล้างเนื้อล้างตัว กอขิงขึ้นอยู่กระจุกใหญ่ ถัดไปอีกหน่อยมีต้นหอมป่าอยู่ สายตานางเห็นของกินหลายอย่างที่สามารถกินได้ เมื่อได้ขิงกับต้นหอมป่ามาแล้วนางก็มานั่งลงที่สะพานไม้ก่อนจะเอาตะกร้าใบเล้กใส่ขิงเขย่าๆล้างดินออก นางปอกต้นหอมลอกเอาส่วนที่ใบแห้งและเน่าออกไป ตัดรากทิ้ง จากนั้นก็นำไปล้างน้ำอีกที ขณะที่นางกำลังล้างขิงและต้นหอม จี้หยกที่นางผูกไว้ที่ข้อมือก้ส่งแสงสีเขียวจางๆ จ้าวเฟยเฟยไม่ได้สังเกตแต่อย่างใด ฝูงปลาและกุ้งเริ่มว่ายมาหานางมากขึ้น บางตัวว่ายทวนน้ำวนกลับมา จ้าวเฟยเฟยที่ได้ยินเสียงปลาดีดน้ำก้เหลือบมอง ปลามาจากไหนเยอะแยะ มีกุ้งอีกด้วยก่อนจะเห็นสาหร่ายน้ำสีเขียวใต้น้ำขยายกอเพิ่มขึ้น นางรีบยกตะกร้าขึ้นจากน้ำทันที"ผีหลอกหรือ ฉันเห็นสาหร่ายอยู่ๆก็งอกยาว แล้วทำไมยาวแค่ตรงนี้ ปลาพวกนี้อีกนี่มันขัดกฎฟิสิกส์ไหม ปลาโลกไหนว่ายทวนน้ำ เฮ้ยมิตินี้บิดเบี้ยวหรือ"เมื่อนางสังเกตดีๆฝูงปลาค่อยๆแตกกระจายออกไป จ้าวเฟยเฟยคิดไปคิดมาก็มองที่ข้อมือตนเองจากน
ยามเหมาเฉินมู่หยางลุกมาหุงข้าว เมื่อวานเขาขายหมูป่าได้60ตำลึง ต้องแย่งให้สหายครึ่งหนึ่ง ส่วนเงินที่ขายเขากวางได้100ตำลึงเป็นจ้าวเฟยเฟยบอกกับเขาว่าให้แยกชิ้นส่วนขาย เงินส่วนนี้ควรเป็นของนาง เฉินมู่หยางซื้อข้าวสารและเกลือกลับมาด้วยเมื่อวานนี้แต่ไม่มาก เนื่องจากฝนตกบ้านไม่สามารถอยู่ได้ เดิมจะไปเช่าบ้านท่านปู่กั่วต้งแต่พอกลับมาจ้าวเฟยเฟยก็สร้างที่พักเรียบร้อยแล้ว เขาช่วยนางใส่หลังคาและกั้นราวกันตกเท่านั้น เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่อย่างไรคิดได้แค่ว่าต้องเช่าบ้านอยู่ไปก่อนจึงไม่อาจซื้อข้าวของได้เยอะแยะมากมาย ไก่ถูกเฉินมู่หยางนำมาสับก่อนจะใส่ลงในหม้อและเติมน้ำ เขาพอทำอาหารได้แต่ไม่ถึงกับรสชาติดี ฝนเพิ่งหยุดตก ฟ้าหม่นแต่ไม่อึมครึมอีกต่อไป จ้าวเฟยเฟยที่เริ่มมีอาการดีขึ้นก็ลืมตาขึ้น นางพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินมู่หยางกำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างกับหม้อใหญ่หน้าเตาอย่างเก้ๆ กังๆ"ตาเฒ่า ข้าทำเอง!" นางเอ่ยเสียงเรียบๆคนตัวโตชะงักมือ หันกลับมามอง"ท่านช่วยไปล้างผักตีนเป็ดที่ข้าเก็บมาเมื่อวานหน่อย"เฉินมู่หยางเลิกคิ้ว "ของสิ่งนั้นเจ้าเอามาทำอะไร?""กินไ
เฉินมู่หยางรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่แขนเสื้อของตนที่นางนอนหนุน นี่นางร้องไห้หรือ ฝันร้ายหรืออย่างไรก่อนจะขยับ ตัวนางไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว เหลือเพียงอุ่นๆเท่านั้น เขาจึงคลายอ้อมกอดแล้วลุกไปอุนยาให้นางอีกครั้ง เมื่อเรียบร้อยก็ยกมาให้นาง เฉินมู่หยางปลุกคนตัวเล็ก"จ้าวเฟยเฟย ตื่นมากินยาได้แล้ว"ฮืม""จ้าวเฟยเฟยกินยาได้แล้ว"ร่างบางตื่นขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าคนตัวโต หนวดเครายามเฟิ้มอัปลักษณ์จริงๆ ตาแก่นี่ไม่รู้จักมีดโกนหนวดหรือไงนะ จากนั้นนางก็ลุกขึ้น รู้สึกแสบๆ ที่บริเวณหน้าอก จ้าวเฟยเฟยคลำดูก็สะดุดเข้ากับบางอย่าง เมื่อนางก้มมองก็เห็นจี้หยกของคุณแม่สวมอยู่ที่คอ มันติดมาด้วยตอนที่เธอรถคว่ำหรือ แต่ดูเหมือนเขาไม่เห็นเฮ้อ...ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเธอทะลุมิติมาแล้ว ร่างเดิมมีสามีที่มีลูกติดวัยห้าขวบสองคน ให้ตายสิพับผ่าฉันล่ะเกลียดยายแม่เลี้ยงนั่น แต่สุดท้ายกลับต้องมาเป็นแม่เลี้ยงเสียเองจริงๆหรือนี่ จ้าวเฟยเฟยฮึกฮัดก่อนจะบ่นพวกคนแก่ที่นั่งเล่นหมากอยู่ข้างบนตามความเข้าใจของนาง"พวกตาเฒ่าที่อยู่ข้างบนฟังดีๆ นะ ทางที่ดีอย่าให้แม่ได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ ถ้าเจอนะแม่จะเตะเรียงตัวเลย เทพชะตาอะไรเจ๊ไม่สนหรอกส่
จ้าวซินซินน้ำตาเอ่อคลอ ปากสั่นสะท้านราวกับโดนรังแก หวังใช้ความสงสารปิดบังความผิดที่ทำจ้าวเหลียนเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งเกาะปลายมีด“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดจนเสื้อผ้าหลุดไปอยู่ใต้เตียงพี่สาวน่ะเหรอ…?”ร่างบางระหงก้าวอย่างมั่นคงเดินเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังหนึ่งก้าว“ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องขอบใจเธอนะจ้าวซินซิน ที่ช่วยเอาขยะชิ้นนั้นไปจากชีวิตฉัน คนอย่างถังชุน...มันก็แค่เศษเนื้อเน่าๆ ที่ฉันยังไม่มีเวลาเอาไปทิ้ง ขอบใจที่เธอยอมเก็บเอาไปน่ะ”จ้าวข่ายทนฟังลุกสาวคนโตด่าทอลุกสาวคนเล้กไม่ได้ก็เงื้อมือหวังจะตบเธอ แต่ยังไม่ทันลงมือ ข้อมือของเขาก็ถูกยึดไว้ด้วยมือแข็งกร้าว ก่อนร่างอ้วนพลุ้ยจะถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกโต๊ะอย่างแรงเสียงกรีดร้องจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร"คุณจ้าว...โปรดสำรวมหน่อย" หลิวฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ"หลานสาวผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาแตะต้องได้"“หึ! หลิวฮ่าว! นายเป็นคนยุยงให้นางเด็กนี่ทำแบบนี้ใช่ไหม อยากฮุบบริษัทไว้เองใช่ไหม!”เธอก้าวเข้ามาขวางก่อนที่จะเกิดอะไรไปมากกว่านี้ สีหน้าสงบนิ่งแต่แววตาเด็ดขาด"คุณพอเถอะค่ะ น้าของหนูไม