Share

นี่มันไลน์บุฟเฟ่ต์ชัด ๆ

last update Last Updated: 2025-07-01 20:38:43

ขณะนี้จินข้ามภพมายังแคว้นต้าจินได้หนึ่งเดือนแล้วและสุขภาพของเธอก็ดีขึ้นมาก ความสัมพันธ์กับองค์ชายรองก็ก้าวหน้าไปมาก โดยองค์ชายรองได้มาร่วมรับประทานมื้อเย็นที่นางลงมือเองที่เรือนริมบึงมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ไม่ว่าอาหารที่นางปรุงจะแปลกใหม่สักเท่าใดเขาก็รับประทานทุกอย่างโดยไม่มีติดขัด ทั้งยังสอบถามวิธีปรุงอาหารเหล่านั้นด้วยความสนใจใคร่รู้ ทำให้นางมิได้รู้สึกห่างเหินกับเขาเหมือนที่ตู้จินจินได้รับ

“อาจิน พรุ่งนี้พี่คงพาเจ้าไปไหว้ท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะตามที่สัญญาไว้มิได้แล้ว เพราะงานที่โรงย้อมมีปัญหา เจ้ารอพี่อีกสัก 6-7 วันได้หรือไม่” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกได้ถึงความสำนึกผิดที่มิอาจทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนางได้

“ท่านพี่มิต้องห่วง ข้ามิอาจกล่าวโทษท่านได้ ทั้งท่านเองก็มิได้เจตนาให้เป็นเช่นนี้ แต่ว่าพรุ่งนี้ตั่วเอ๋อจะมาตรวจร่างกายให้ข้า ข้าจะขอชวนนางออกไปเป็นเพื่อนเพื่อเปิดหูเปิดตาได้หรือไม่” ตู้จินจินมิได้มีท่าทีไม่พอใจอันใดทั้งยังเรียกเขาว่าท่านพี่ตามที่เขาต้องการ ทั้งนางยังส่งยิ้มเต็มดวงหน้าส่งมาให้เขาจนอดยิ้มตามมิได้

“ได้สิแต่ให้องครักษ์หวังไปขับรถให้เล่า ที่เขามีเงินสำรองอยู่หนึ่งร้อยตำลึง หากมิพอเจ้าให้ร้านค้าเอาของมาส่งที่จวนแล้วมาเก็บเงินที่ห้องบัญชีที่จวนได้เลย มิต้องกังวล” พร้อมกับพูดเขาเดิมมาหยุดด้านหน้าพร้อมทั้งเชยคางให้นางมองหน้าเขา

“มิทรงกลัวว่าอาจินจะใช้เงินทองท่านจนหมดหรือเพคะ” นางตอบกลับด้วยแววตาหยอกเย้า

“ตั้งแต่เจ้าหายป่วยพี่ยังไม่เคยเห็นเจ้าใช้เงินเลยสักเหรียญ หากเจ้าจะใช้เงินจนหมดจวนพี่ก็คงได้แต่ต้องเกาะเจ้ากินเสียแล้ว” ต้าจินหลงรู้สึกขันยิ่งนักกับคำหยอกเย้าของภรรยาซึ่งตอนนี้ยังเป็นเพียงภรรยาในนามเท่านั้น

“สักวันอาจินจะให้ท่านพี่เกาะกินจนอวบอ้วนเลยเจ้าค่ะ” จินมิวายหยอกเย้าเขาคืน

“ค่ำแล้วท่านพี่กลับเรือนไปนอนเสียเถิดเพคะ อาจินก็จะเข้านอนแล้วเช่นกัน ราตรีสวัสดิ์เพคะ” พูดจบก็ผลักสวามีให้เดินไปตามสะพานที่ทอดสู่ฝั่งเพื่อให้เขากลับไปนอนที่เรือนหน้า

“เฮ้อ เจ้านี่นะ” ต้าจินหลงส่ายศีรษะเล็กน้อยด้วยความระอา สตรีนางอื่นจ้องแต่จะลากเขาเข้านอนในเรือนของพวกนาง แต่พระชายาเอกของเขากลับผลักไสให้เขากลับไปนอนยังเรือนส่วนตัว

“ข้าแข็งแรงดีแล้วกระมังตั่วเอ๋อ” หลังสหายดึงนิ้วเรียวออกจากมือนาง ตู้จินจินรีบถามทันที

“จะว่าหายป่วยไข้น่ะก็ใช่ แต่เจ้ายังมิใคร่จะแข็งแรงดีนัก พยายามเดินออกกำลังให้มาก” ฮัวตั่วเอ๋อตอบยิ้มๆ

“เดินอยู่แต่ในเรือนก็ออกจะน่าเบื่อ พวกเราออกไปเดินเล่นภายนอกกันเถิดหากได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้างข้าอาจจะเดินได้มากขึ้น” ตู้จินจินเอ่ยด้วยแววจามีนัย

“องค์ชายรองจะมิตำหนิข้าเอาได้หรือ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ทรงเสด็จมาเสวยมื้อเย็นที่เรือนนี้ทุกวัน หากเจ้าออกไปเดินเที่ยวเล่นกับข้าแล้วกลับมาไม่มีเรี่ยวแรงทำมื้อเย็นถวาย ข้ามิอาจแบกความรับผิดชอบไหวดอกนะ” ระหว่างที่องครักษ์หวังพานางมาตรวจร่างกายของพระชายาตู้ทุกวันเว้นวัน นางสอบถามเสี่ยวมี่เกี่ยวกับกิจวัตรของสหายที่ทำเป็นประจำเพื่อลดเวลาในการซักอาการเพราะส่วนใหญ่พวกนางมักสนทนาสัพเพเหระเรื่องทั่วๆ ไปเสียมากกว่า

“เจ้าก็พูดไปนั่น ทรงมีเหตุมีผลพอดอกน่า เมื่อวานข้ายังขอออกไปเดินเล่นช้างนอกอยู่เลย ว่าแล้วเราก็ไปกันเลยดีกว่า ข้าอยากออกไปชิมร้านอาหารด้านนอกดูบ้าง” พูดเสร็จก็หันไปสั่งปี้หรูให้ไปสั่นกระดิ่งที่องครักษ์หวังได้มาติดตั้งไว้ในห้องนอนของนาง เพื่อให้นางสามารถเรียกใช้เขาได้หากมีเหตุจำเป็นยามดึกดื่นหรือรีบด่วน

“เช่นนั้นข้าพาเจ้าไปไหว้ท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะบนเขาเทียมเมฆดีกว่า จะได้ให้เจ้าออกกำลังกายเสียให้เข็ด” ฮัวตั่วเอ๋อยิ้มเย้าสหาย

“โอ้ว ข้าเห็นศาลเจ้าตั้งแต่เรายังไม่เข้ามาใกล้ตีนเขานึกว่าต้องเดินจนหอบเสียแล้ว มีกระเช้าโดยสารด้วยรึนี่” จินเกือบหลุดคำว่าลิฟท์โดยสารเสียแล้วเพียงแต่หันไปเห็นป้ายใหญ่ติดอยู่ที่ทางขึ้นกระเช้าว่า “กระเช้าโดยสาร” เสียก่อน

“ไปกันเถอะ กระเช้านี้ขึ้นได้เพียงครั้งละสองคนและไม่ควรมีน้ำหนักรวมเกินหนึ่งร้อยจิน1 เจ้าอย่าลืมนำเสื้อคลุมไปด้วย ข้างบนอากาศเย็นอีกทั้งมีละอองจากระหัดวิดน้ำที่แม่นางไป๋ใช้เพื่อเป็นเครื่องฉุดกระเช้าโดยสารนี้แทนแรงงานคน” ฮัวตั่วเอ๋อไม่ลืมเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นเพื่อแข่งกับเสียงน้ำที่ดังแว่วๆ มาจากด้านหลังเขา

ระหว่างที่กระเช้ากำลังเคลื่อนขึ้นสู่ยอดเขาที่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าตู้จินจินไม่วายคิดถึงลิฟต์โดยสารในภพเดิม เพียงแต่นางมิได้สอบถามฮัวตั่วเอ๋อให้หายข้องใจ ด้วยเสียงน้ำกระทบโตรกหินที่เป็นช่องเขาด้านหลังนั้นดังจนหูอื้อ หากจะสนทนากันคงต้องตะโกนจนเสียงแห้ง นางจึงถือโอกาสเงียบเสีย

“แตร๊งๆ แตร๊งๆ เสียงระฆังดังมาจากอาคารทางด้านซ้ายมือหลังจากลงจากกระเช้าโดยสาร ตู้จินจินหมายจะไปสักการะท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะเสียก่อน ค่อยไปเดินชมบริเวณโดยรอบ

“ไปเร็วอาจิน โรงทานของศาลเจ้าเปิดแล้ว ไม่ต้องห่วงปี้หรูกับท่านหวัง ประเดี๋ยวเสี่ยวม่านคงพาพวกเขาไปหาพวกเราเอง” ฮัวตั่วเอ๋อฉุดแขนสหายไปทางโรงทานของศาลเจ้าเพื่อรับอาหารมื้อกลางวัน โดยเป็นอาหารมังสวิรัติที่ทางศาลเจ้าจะมีจัดไว้แจกจ่ายให้แก่ผู้มากราบไหว้สักการะท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะวันละสองมื้อ คือเช้าและกลางวันช่วงละหนึ่งชั่วยาม

ตู้จินจินถึงกับตะลึงเมื่อเดินเข้าไปในโรงทาน นอกจากโต๊ะตัวยาวหลายสิบตัวที่มีเก้าอี้ไม้วางไว้ทั้งสองด้าน ด้านที่จัดวางอาหารสำหรับจากจ่ายนั้นมีกลุ่มคนต่อแถวสองฝั่งของโต๊ะอาหาร ที่โต๊ะมีป้ายเขียนไว้ว่า “ห้ามพูดคุยขณะตักอาหาร” คาดว่าเพื่อสุขอนามัย น้ำลายจะได้มิได้กระเด็นลงไปในถาดอาหาร หัวโต๊ะมีถาดหลุมกระเบื้องเคลือบขนาดใหญ่ ทั้งสองฝั่งของโต๊ะมีกระจาดเรียงช้อนโลหะและกระบอกใส่ตะเกียบวางไว้ เมื่อเดินถัดไปจะพบกับข้าวประมาณสามอย่าง ซึ่งวันนี้มีผัดผักกาดขาว, ยำแตงกวา, ซุปเต้าเจี้ยวและเครื่องเคียงอีกสองอย่างคือถั่วลิสงทอดโรยเกลือกับผักดอง โดยแต่ละถาดจะมีทัพพีสำหรับตักวางไว้ในจานด้านหน้าทั้งฝั่งซ้ายและขวา อีกทั้งด้านล่างของถาดอาหารยังมีเตาอุ่นอาหารใส่ถ่านไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อให้กับข้าวอุ่นร้อนอยู่เสมอ นี่มันไลน์บุฟเฟต์ในภพเก่าของจินชัดๆ

เมื่อตักอาหารได้แล้วสามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ โดยที่เสาแต่ละต้นของโรงทานจะมีถังไม้ใส่น้ำดื่ม และเตาตั้งหม้อน้ำเต้าหู้วางสลับกันไปตลอดทางซ้ายขวาของเสาริมใกล้แถวที่นั่งในโรงทาน

“เราต้องไปจ่ายเงินตรงไหนหรือ” ตู้จินจินแอบถามสหายเสียงเบา

“ที่นี่ไม่ต้องชำระเงินค่าอาหารเพราะมีผู้มีศรัทธาบริจาคค่าอาหารให้กับทางศาลเจ้าอยู่แล้ว หากเจ้าอยากบริจาค ในศาลเจ้าใต้แท่นของท่านเทพจะมีตู้บริจาคให้เลือกทำบุญตามความประสงค์ เจ้าค่อยไปร่วมบุญตามใจเถิด” ฮัวตั่วเอ๋อพาสหายไปหาที่นั่งโดยอาจินสังเกตว่าบางกลุ่มจะมีทั้งเจ้านายและสาวใช้นั่งรวมกัน แต่อีกโต๊ะถัดไปมีเฉพาะสาวใช้แต่เมื่อมองอีกฝั่งก็จะเป็นคุณหนูหรือนายหญิงของพวกนาง ทางโต๊ะอีกฝั่งของโรงทานจะมีเฉพาะผู้ชายซึ่งเหล่าคุณชายและบ่าวก็มีทั้งที่นั่งร่วมโต๊ะและนั่งแยกโต๊ะแต่อยู่ใกล้ๆ กันเหมือนฝั่งของเหล่าสตรี

“เจ้าสงสัยใช่หรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีเหล่าสาวใช้ที่นั่งร่วมกับเจ้านายและที่มิได้นั่งรวมกัน รอเสี่ยวม่านกับปี้หรูมาถึงก่อนข้าจะอธิบายให้เจ้ากับปี้หรูฟังทีเดียว” ฮัวตั่วเอ๋อยั่วให้สหายอยากรู้แล้วจึงแกล้งอมพะนำ ทั้งยังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนอาจินอยากจะตีนางสักเพียะ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ตอนพิเศษ

    เพื่อนร่วมรุ่นม.ต้นที่สนิทสนมและรักกันมาก จำนวน 4 คนพร้อมทั้งน้องสาวของเพื่อนอีกหนึ่งคนในกลุ่มที่อายุไล่เลี่ยกันทำให้พลอยสนิมสนมกับเพื่อนๆ ของพี่สาวไปด้วย ทั้ง 5 คนมีจุดร่วมกันอีกอย่างที่คนภายนอกไม่ทราบนั่นก็คือความความเคารพนับถือในท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเองวันนี้ห้าสาวนัดรวมกันไปกินข้าวกลางวันที่ห้างดังแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง หนุงหนิงที่พาอุ๊งอิ๊งลูกสาวจินไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนประจำจังหวัดแทนจินที่ติดประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจะมารวมตัวกับทุกคน เป็นเหตุให้ได้เห็นนายเจนภพสามีจอมเจ้าชู้ของจินที่อ้างว่าป่วยต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพากิ๊กและลูกติดไปประชุม บังเอิญว่าลูกติดของผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนห้องเดียวกับน้องอุ๊งอิ๊งลูกสาวของจิน เธอเลยให้อุ๊งอิ๊งทำทีถามทางไปบ้านของเด็กคนนั้นและเอามาบอกให้จินฟังหลังทานข้าวเสร็จ เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ได้กินข้าวกินปลา แต่กระนั้นจินก็รีบร้อนออกไปหาเจนภพตามที่อยู่นั้นทันทีที่หนุงหนิงเล่าจบเนื่องจากเธออนุญาตให้เจนภพสามีจอมเจ้าชู้มีภรรยาน้อยได้ตลอดขอเพียงให้บอกเธอ เธอจะได้พาเจ้าหล่อนไปตรวจร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และได้จ

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   มัลติเวิร์ส (Multiverse) ของอาจิน

    “ตั้งแต่วันที่ข้าฟื้นขึ้นมาก็พบว่ารอบๆ ตัวของข้าเปลี่ยนไป ข้าต้องใช้ชีวิตในร่างของใครอีกคนหนึ่ง ดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะที่ข้านับถือ และยังได้พบเจอสหายดีๆ ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้ข้าเช่นฮัวตั่วเอ๋อ และไป๋เหลียนฮวาที่ปรึกษาในการใช้ชีวิต รวมถึงหวงเฟิ่งและจินหลิงหลิง ทั้งสี่นางทำให้ข้าคิดถึงสหายสนิททั้งสี่ในภพเดิม และต้องไม่ลืมกล่าวถึงอาเม่ยที่ทำให้ข้าหายคิดถึงอุ๊งอิ๊งลูกสาวข้าที่มีวัยใกล้เคียงกับนาง ท่านตาบอกข้าว่าคำอธิฐานของข้าทำให้ข้าได้ย้อนกลับมาแก้ไขชะตาของตนเอง ข้าจึงมิได้เสียใจนักที่ตู้จินจินคนเดิมตายไปเพราะนางก็คือข้าและข้าก็คือนาง เพียงแต่นี่คงจะเรียกว่าว่า ‘อดีตชาติ’ คงมิได้ แต่มันน่าจะเรียกว่า มัลติเวิร์ส1 ที่มีตัวตนของเราอีกคนหนึ่ง ในโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งมีจุดกำเนิด แนวคิด วีถีชีวิต และจุดจบแต่งต่างกันไป และมิจำเป็นว่าต้องมีแค่หนึ่งหรือสองตัวตนเท่านั้น และแม้ว่าแต่ละตัวตนในแต่ละโลกจะต่างฝ่ายต่างดำรงชีวิตกันไปโดยไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในภพใดภพหนึ่งอาจส่งกระทบถึงภพอื่นๆ ไปด้วยได้เช่นกัน” หลังจากที่เล่าเรื่องราวโดยละเ

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ความลับของตู้จินจิน (2)

    “นังหนู นังหนูจิน อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย สงสารสวามีเจ้าบ้างเถิด เคราะห์ครั้งสุดท้ายของเจ้าผ่านไปแล้ว” เสียงอ่อนโยนของเทพชราปลุกให้จินมีสติขึ้นมาในความฝัน “ท่านตาเจ้าขา ท่านตาช่วยหลานไว้ใช่ไหมเจ้าคะ หลานกราบขอบคุณเจ้าค่ะ” พร้อมคำพูดร่างแน่งน้อยกุลีกุจอลุกขึ้นยอบกายลงกราบแทบเท้าท่านเทพที่นางเคารพยิ่ง “คราวนี้นับว่าเป็นกุศลที่เจ้าช่วยหลีกเลี่ยงสงครามครั้งใหญ่ทำให้ผู้คนมากมายรักษาชีวิตไว้ได้ เรียกว่าเป็น ‘บุญรักษา’ อย่างแท้จริงก็ว่าได้” “เป็นเช่นนี้เอง ว่าแต่นี่หลานเข้ามาในมิติได้แถมยังพาสวามีมาได้อีกด้วย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ ท่านตาเคยบอกหลานว่ามีเพียงหลานเองที่สามารถเข้าออกมิติแห่งนี้ได้” แม้ว่าจะดีใจที่พาสวามีหลบภัยเข้ามามิติได้แต่ก็ยังไม่วายสงสัยจนต้องตั้งคำถาม “ในภพเดิมของเจ้าก็มีคำกล่าวว่า ‘สามี-ภรรยา เหมือนดั่งคนคนเดียวกัน’ มิใช่รึ” เสียงตอบเรียบๆจากท่านเทพชราพาให้จินคิดตามและเมื่อคิดได้ว่า นางและเขาได้ผ่านการเข้าหอซึ่งถือว่าเป็นสามี-ภรรยากันแล้ว ใบหน้าเรียวพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “ข้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่หมายถึงการที่

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ความลับของตู้จินจิน (1)

    หลังสรุปผลการชิงธง และรับประทานมื้อเช้าอันอุดมสมบูรณ์ที่พระชายาตู้สั่งมาจากภัตตาคารชิมเมฆา แม้กับข้าวจะมีเพียงต้มจืดซี่โครงหมูกับผักกาดดองไว้ซดให้คล่องคอ และผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวที่เติมได้ไม่อั้นครานี้การพรางตัวเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะองครักษ์เงานั้นมีการฝึกแปลงโฉมกันอยู่ก่อนแล้ว ตู้จินจินให้ช่างแต่งหน้าจากคณะละครของไป๋เหลียนฮวามาสอนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็เรียกได้ว่าไร้ที่ติ เป้สัมภาระถูกซุกซ่อนในหีบเสื้อผ้า อาหารแห้งปะปนกันทั้งจริงและหลอก อาหารทะเลตากแห้งและเกลือในปริมาณตามที่ได้รับอนุญาตถูกบรรจุไว้ในถังไม้ หรือแม้กระทั่งห่อกระดาษน้ำมันที่ตีตราว่าเป็นใบชา ด้านในกลับเป็นเกาเฟยคั่วบดในซองผ้ากับน้ำตาลอ้อยชนิดผงกองกำลังถูกแบ่งกลุ่มและพรางตัวเพื่อออกเดินทางแล้วแยกย้ายกันไปในรูปลักษณ์ต่างๆ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 5 กลุ่ม ทำทีเป็นพ่อค้าบ้าง เป็นคณะละครที่กลับจากแคว้นต้าจินบ้าง ทุกกลุ่มเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อถึงเมืองชายแดนหลังออกเดินทาง 3 วัน จึงตั้งค่ายพักผ่อนให้เต็มที่ 2 วัน จากนั้นจึงเดินทางเข้าประชิดเป้าหมายคือค่ายโจรเผ่าปาสู่แผนการรบถูกวางและซักซ้อมกันไปแล้วในการฝึกพิเศษ ตู้จินจินถ

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ชิงธง (2)

    เมื่อทุกคนตื่นมารับประทานอาหารเย็นในยามโหย่ว เหตุการณ์ที่พวกเขารับรู้ได้ก็ยังไร้วี่แววการบุกหรือถูกบุกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยสิ้นเชิง ดีที่มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารปิ้งย่างที่ตู้จินจินให้ทางภัตตาคารชิมเมฆาส่งเนื้อสัตว์เสียบไม้สลับกับผักและผลไม้และมีน้ำหมักที่เอาไว้ทาไปย่างไปมาอีก 2 แบบ คือแบบเผ็ดมากและเผ็ดน้อย ส่วนคนที่ไม่เผ็ดนั้นคือเนื้อสัตว์แต่ละชนิดก่อนจะนำมาเสียบสลับกับผักผลไม้ที่ถูกหมักกับน้ำมันงาและเหล้าอย่างดีมาก่อนแล้ว “เจ้าว่าพวกเขาจะเริ่มบุกกันเมื่อใดหรือ” ฮัวตั่วเอ๋อที่ไม่ได้พักผ่อนยามบ่ายเอ่ยถามขึ้น และอีกหลายคนก็ยังจัดการงานในมือมิแล้วเสร็จ “หลังกลางยามโฉ่วไปแล้วกระมัง หากให้คำนวณตามหลักการของคนปกติ ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่กำลังหลับลึกที่สุด แต่ว่าข้าก็มิอาจยืนยันได้เพราะพวกเขาผ่านการฝึกให้ต่างจากคนทั่วไป หากใครต้องการพักผ่อนก็ตามสบาย หากมีความเคลื่อนไหวข้าจะให้คนไปปลุกพวกท่านเอง” ตู้จินจินเองก็เพิ่งพักสายตาไปไม่นานเพราะมัวแต่ถูกก่อกวนจากพระสวามีก็รู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรเกินเลยเพราะต่างก็เกรงใจดวงตะวันที่ยังไม่ตกดิน ทั้งยังมิได้พักอยู่ในจวน

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ชิงธง (1)

    “กลุ่มเลขคี่ประชุมด่วน” เสียงเรียกประชุมดังขึ้นกลางสวนผลไม้ในชมเมฆา แต่กลับไร้วี่แววของกำลังพลกลุ่มเลขคี่ที่ควรจะมารวมตัวกันเพื่อรับฟังการประชุม องค์ชายรองและพระชายามองหน้ากัน ในสายตามีรอยยิ้มน้อยๆ จนเมื่อหยางต้าซานหยิบนกหวีดทองเหลืองออกมาเป่าเป็นจังหวะสั้นยาวสลับกันสามครั้งจึงเริ่มมีกำลังพลทยอยกันมารวมกลุ่มจนครบทุกนายภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ แสดงให้เห็นได้ชัดถึงระเบียบวินัยและความมั่นคงในจิตใจของกำลังพลที่มิเชื่อคำสั่งของผู้ใดโดยง่าย “ทุกคนพรางตัวได้ดีมาก เรื่องบทลงโทษจึงละเว้นให้ แต่อย่าลืมว่าในยามศึกการลงโทษคือชีวิต คืนนี้ฝ่ายเลขคี่เลือกเป็นฝ่ายบุก ดังนั้นภารกิจที่พวกเจ้าได้รับคือ บุกไปชิงธงสัญลักษณ์ของฝ่ายเลขคู่มาให้ได้ก่อนฟ้าสาง โดยที่ต้องรักษาธงสัญลักษณ์ของฝ่ายตนเองเอาไว้ให้ได้ด้วย โดยทั้งสองฝ่ายต้องสร้างหอธงขึ้นมาในส่วนใดก็ได้ของค่ายพัก และภารกิจจะเริ่มเมื่อตะวันตกดิน นี่คือพลุสีเหลือง พวกเจ้าติดตัวไว้คนละ 1 ดอก หากชิงธงมาได้แล้วให้จุดพลุขึ้นทันทีแล้วภารกิจจะเป็นอันเสร็จสิ้น ส่วนแผนการทั้งหมดให้พวกเจ้าหารือกันเอง ครูฝึกและพวกข้าจะคอยสังเกตการณ์ ห้ามมิให้ถึงแก่ชีวิตและห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status