‘เฮ้อซื้อมาซะเยอะแยะจะเอาเข้าบ้านยังงัยล่ะทีนี้ หมดนี้ต้องไป-กลับกี่เที่ยวจะขนหมดกัน เอ๊ะทำไมมีแสงสีแดงกระพริบที่รอยแหวนบนนิ้วล่ะ’ ขณะที่กำลังกังวลเกี่ยวกับปริมาณของสินค้าที่ซื้อมาก็มีแสงสีแดงกระพริบขึ้นที่รอยแดงบนนิ้ว ชิงชิงจึงมองหาที่จอดรถเพื่อทดสอบข้อสงสัยในใจทันที
“เย้ เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย รอยแดงนี้เป็นช่องว่างมิติ แถวนี้ปลอดคนพอดีลองเก็บของเข้าไปดูดีกว่า” หลังจากเพ่งสมาธิเข้าไปในแหวนหยกครู่หนึ่งก็เห็นช่องว่างมิติแล้วเธอก็ของทั้งหมดเข้าไปในมิติได้จริงๆ ด้วย แม้ว่าจะอยากลองเข้าไปดูด้านในก็กลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้าแล้วเสียก่อน เพราะตอนนี้เริ่มมีคนเดินผ่านไปผ่านมาบ้างแล้ว
‘เอ๊ะ มีร้านขายนาฬิกาด้วยนี่นา ลืมไปเลยว่าแถบวรจักรนี่มีของพวกนี้เยอะเลยแถมราคาไม่แพงมากอีกด้วย’
“มีนาฬิกาแบบที่ใช้กันในยุค 70’ บ้างมั้ยคะ” ภายในร้านมีนาฬิกาวางขายอยู่หลายแบบ ในเมื่อไม่มั่นใจว่าควรเลือกแบบไหนดีก็ถามคนขายมันไปเสียเลย
“มีๆ ช่วงนี้แฟชั่นย้อนยุคกำลังมา ซื้อไปขายหรือไปใช้เองล่ะ เรือนละหนึ่งร้อย โหลละหนึ่งพัน ถ้าซื้อทั้งแบบผู้ชายและแบบผู้หญิงอย่างละโหลคิดแค่พันเก้าร้อย” พ่อค้ารีบเสนอราคาทันทีวันนี้ทั้งวันเพิ่งขายของได้แค่สามร้อยแค่ค่าข้าวเขาก็หมดไปสองร้อยกว่าบาทแล้ว
“เอาค่ะพี่ช่วยเลือกให้ด้วยนะคะ” ‘หนึ่งพันเก้าร้อยบาทได้นาฬิกาตั้งยี่สิบสี่เรือนน่าจะไม่ขาดทุนแล้วล่ะชิงชิงเอ๋ย’
หลังจากออกจากร้านนาฬิกาชิงชิงขับรถไปคืนร้านเช่ารถแล้วขึ้นแท็กซี่กลับบ้านทันที
เช้าวันต่อมาชิงชิงไปทำงานตามปกติ เงินที่เหลือเธอซื้อสบู่หอมยี่ห้อดังและน้ำตาลอ้อยจากซุปเปอร์มาเก็ตที่เธอทำงาน หลังเลิกงานเธอเรียกรถแท็กซี่ไปสำเพ็งเพื่อมองหาแพคเกจจิ้งมาเปลี่ยนให้กับน้ำตาลทรายและสบู่ที่ซื้อมาหลังจากกลับถึงบ้านเงินที่ได้จากการขายหยกก็หมดลงพอดี
คืนสุดท้ายชิงชิงใช้เวลาก่อนเข้านอนเปลี่ยนแพคเกจสบู่จากกล่องพิมพ์ลายรูปลักษณ์ทันสมัยและถ่ายน้ำตาลอ้อยจากถุงพลาสติกเป็นถุงผ้าดิบกว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบสี่ทุ่ม ชิงชิงรีบเก็บของทั้งหมดเข้าไปในมิติก่อนจะอาบน้ำเข้านอนเพื่อเดินทางข้ามภพอีกครั้ง
“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำมากินข้าวพี่ทำไว้ให้แล้ว ท่าทางจะเหนื่อยมากเลยนะเราตื่นสายเชียว” เสียงพี่กิมฮัวดังขึ้นทันที่ที่เห็นเสี่ยวชิงขยับตัว เธอสงสารเด็กน้อยที่ต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงตัวเองเลยปล่อยให้นอนได้เต็มตื่นเพราะอาหารสำเร็จรูปที่เสี่ยวชิงได้มาเตรียมง่ายไม่ยุ่งยากเธอจึงทำกินเองและเตรียมไว้ให้เสี่ยวชิงด้วย
“ขอบคุณมากค่ะพี่กิมฮัว อ้อหนูลืมพี่ไปเลยว่าพี่อ่านหนังสือออกมั้ยคะ ถ้าพี่อ่านออกเขียนได้หนูอยากให้พี่ช่วยสอนหนูอ่านเขียนจะได้มั้ยคะ เผื่อว่าจะหางานที่ค่าแรงสูงๆ ได้บ้างน่ะค่ะ” ชิงชิงถามลองเชิงพี่กิมฮัวทันทีเพราะเธอลืมเล่าเรื่องการสอบเกาเข่าเสียสนิท ครั้นจะให้บอกไปตรงๆ พี่กิมฮัวคงจะไม่เชื่อเลยต้องถามไปแบบนี้แทน
“พี่เรียนจบชั้นมัธยมปลายเชียวนะเสี่ยวชิงสบายใจได้ แต่พี่ไม่มีหนังสือเรียนเลยนี่สิ”
“เดี๋ยวหนูลองไปดูที่กองขยะก็ได้ค่ะ หนูไปอาบน้ำกินข้าวก่อนนะคะ” ครั้งก่อนที่ไปกองขยะชิงชิงพอจะเจอหนังสือเรียนอยู่บ้างแต่ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเพราะตัวเธอเองก็ไม่ได้อยากเรียนจริงๆ สักหน่อย
“มาแล้วเหรอของเพิ่งมาเมื่อเช้า เข้ามาก่อนสิชั้นจะให้เธอเลิกของก่อนใครไว้เธอเลือกเสร็จค่อยเปิดประตู” ชายชราที่แง้มประตูรออยู่นานแล้วรีบบอกก่อนจะงับประตูปิดลง
“มีหนังสือแบบเรียนมาบ้างมั้ยคะคุณตา”
“อยู่ด้านนั้นแน่ะ กิโลกรัมละหนึ่งหยวน ส่วนของที่เธอน่าจะชอบน่ะอยู่หลังฉากกั้นนี่ชั้นแยกเอาไว้ให้แล้ว” มองตามมือที่คุณตาชี้ไปก็เห็นฉากกั้นบานใหญ่ชิงชิงเลยเดินอ้อมไป
“ของดีๆ ทั้งนั้นเลยค่ะคุณตา ขอบคุณมากนะคะ”
“ก็คงมีแต่เธอเท่านั้นแหล่ะที่คิดว่าพวกมันเป็นของดีน่ะเลือกตามสบายนะ เดี๋ยวตากลับมา”
เมื่อเห็นชายชราเดินเข้าไปที่ห้องด้านหลังคาดว่าน่าจะเป็นส่วนที่พักชิงชิงเลยเริ่มหันมาพิจารณาสิ่งของตรงหน้าก็พบว่ามีทั้งลังใบใหญ่ที่บรรจุภาพวาดโบราณหลายภาพ ด้านข้างมีหีบไม้ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผู้ใหญ่เล็กน้อยที่ในรูกุญแจมีแท่งเหล็กเก่าๆ หักคาอยู่คาดว่าคงมีใครพยายามเอาไขเปิดแต่ไม่สำเร็จ สังเกตดูมีรอยงัดแงะเต็มไปหมดด้านในน่าจะมีของมีค่าใส่ไว้ชิงชิงลองหยิบมาดูด้วยความสงสัย
“เสี่ยวชิง พี่กลับมาแล้วดูนี่สิหนังสือรับรองการตั้งตระกูลจินสายปักกิ่งกับเอกสารยืนยันตัวตนของพี่ นายจินหมิงเต๋อ ฟังดูดีมั้ยล่ะ” หลังจากกลับมาจากสำนักงานกิจการพลเรือนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ยินดีด้วยพี่จินหมิงเต๋อแล้วเรื่องทางบ้านพี่จะทำยังงัยต่อคะ”“เมื่อวานพี่ได้แอบไปไปพบลุงใหญ่หวงแล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปรอบหนึ่งเขาก็ยินดีลบชื่อพี่ออกจากผังตระกูลแถมยังยินดีเป็นคนตัวแทนนำเงินกตัญญูก้อนสุดท้ายของพี่ไปให้แม่แล้วยังช่วยพูดให้แม่ยอมรับการตัดสินใจของพี่อีกด้วย เห็นแกบอกว่าแม่ไม่พูดอะไรเลยคว้าเงินมัดนั้นได้ก็หันหลังเข้าบ้านแม่คงเสียใจมากเลยหล่ะ” จินหมิงเต๋อท่าทีหงอยเหงาลงกว่าเมื่อสักครู่ในยามที่เอ่ยถึงมารดา แม้ว่าจะอยากไปดูอาการของแม่สักหน่อยแต่ลุงใหญ่หวงก็บอกให้เขาให้แม่ได้มีเวลาทำใจสักหน่อย ไว้ต่อไม่เขาค่อยกลับไปเยี่ยมแม่บ้างเป็นครั้งคราวก็ยังได้ใช้ว่าความสัมพันธ์แม่ลูกจะถูกลบเลือนได้ง่ายเหมือนชื่อในผังตระกูลเสียที่ไหน เขาจึงได้ยอมจากมา“ในเมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาถึงตอนนี้แล้วพี่ก็เผื่อใจไว้บ้างเถอะค่ะ ถ้ามีโอกาสก็กลับไปเยี่ยมเธอบ้างหรือจะส่งเงินกลับไปบ้างหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่อย่าให
“นี่แม่พูดอะไรออกมา ตระกูลจินเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังงัย”“แล้วแม่ไม่ใช่ผู้มีพระคุณของแกรึงัย แม่ให้เวลาแกหนึ่งเดือนรีบจัดการให้เรียบร้อย ถ้าแกเห็นแก่ตระกูลจินอะไรนั่นมากกว่าตระกูลหวงก็เลิกใช้นามสกุลหวงไปซะ แล้วอย่ามาเรียกชั้นว่าแม่อีกต่อไป” หลังจากพูดจบนางหวงก็ลุกขึ้นสะบัดตัวจากไปโดยลืมที่จะมาซื้อเป็ดปักกิ่งกลับไปฝากหลานชายหัวแก้วหัวแหวนเสียสนิทเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้สิ่งที่หวงหมิงเต๋อและชิงชิงวางแผนไว้ว่าจะแยกย้ายกันไปทำในช่วงบ่ายก็พลอยถูกยกเลิกไปโดยปริยายทั้งสองคนพากันปั่นจักรยานกลับโรงแรมโดยเข้าทางประตูหลังที่ใกล้ส่วนที่พักส่วนตัวมากที่สุด“พี่หมิงเต๋ออย่ากลับห้องไปอยู่คนเดียวเลยค่ะ หาอะไรมากินเล่นแล้วนั่งคุยกับหนูที่ห้องกินข้าวนี้แหล่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้” เสี่ยวชิงเอ่ยกับหวงหมิงเต๋อที่เดินคอตกเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจทั้งท่าจะกลับเข้าห้องนอนส่วนตัวไปคิดมากอยู่คนเดียวจึงเสนอให้เขามานั่งพูดคุยกับเธอเสียยังจะดีกว่า เพราะการที่เธอลุกไปเข้าห้องน้ำน่าจะทำให้เธอพลาดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พี่หมิงเต๋อมีสภาพแบบนี้ไปได้หลังจากเห็นเขานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวแล้วชิงชิงก็ยกหูโ
หลังจากได้ข้อตกลงร่วมกันในวันนั้นเสี่ยวชิงก็เดินหน้าสร้างรากฐานธุรกิจอย่างเต็มที่โดยได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการเป็นอย่างดี โอยมีพี่หมิงเต๋อเป็นคนประสานงาน เรื่องสี่ประสานถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมที่พักอันทันสมัยแต่ก็รักษากลิ่นอายดั้งเดิมของเรือนสี่ประสานในยุคโบราณ แขกที่มากพักส่วนมากเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติและเศรษฐีใหม่ในกรุงปักกิ่งที่อยากสัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมที่ห่างหายไปนาน คนงานในโรงแรมล้วนเป็นพี่จงหัวช่วยคัดสรรคนที่ฉลาดเฉลียวและซื่อสัตย์มาให้เสี่ยวชิงหาครูชาวต่างชาติมาช่วยภาษาให้ทุกทำให้หมดปัญหาเรื่องแกแพงภาษา มู่กิมฮัวที่คลอดลูกชายได้ไม่นานก็เข้าร่วมการสอบครั้งแรกที่กลับมาเปิดรับนักศึกษาอีกครั้ง โชคดีที่ปีแรกนี้ยังไม่มีการสอบภาษาอังกฤษเธอเลยสอบผ่านมาอย่างง่ายได้ แม้ว่าจะมีสามีที่มีตำแหน่งใหญ่โตและสามารถทำเรื่องขอพักนอกมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ปีการศึกษาที่หนึ่งแต่เสี่ยวชิงแนะนำว่ามู่กิมฮัวควรได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาและได้ลองใช้ชีวิตวันรุ่นให้สมวัย หวงหมิงเหอจึงได้ทำตามคำแนะนำของเธอและยอมให้ภรรยาไปพักในหอพักของมหาวิทยาลัยได้ ในระหว่างนั้นเด็กน้อยหวงหงเ
นอกจากหนังสือแยกบ้านและหนังสือตัดขาด ด้วยความช่วยเหลือจากลุงใหญ่หวงผู้นำหมู่บ้าน หวงหมิงเต๋อก็ยังได้ส่วนแบ่งธัญพืชมาอีกสิบจิน เมื่อมาส่งลุงใหญ่หวงที่หน้าบ้านอาเต๋อพยายามมอบธัญพืชห้าจินให้ลุงใหญ่หวงเพื่อแสดงการขอบคุณ แต่ลุงใหญ่หวงไม่กล้าเอาเปรียบชายหนุ่มที่น่าสงสารตรงหน้าจึงไม่ยินดีที่จะรับไว้ แถมยังเข้าบ้านไปเอาไข่ไก่มามอบให้เขาเอาไปบำรุงร่างกายอีกสิบใบ หวงหมิงเต๋อได้แต่จดจำน้ำใจนี้ไว้ยังมีเวลาอีกนานที่จะตอบแทนเขาจึงได้แต่กล่าวขอบคุณแล้วจากมา เมื่อหวงหมิงเต๋อกลับมาถึงในตอนบ่ายแก่โดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำสักอึกหรือกินข้าวจากบ้านเดิมมาสักคำ ดีที่ชิงชิงให้ป้าหม่าช่วยเตรียมซาลาเปาไส้หมูใส่กล่องอาหารและกระติกน้ำซุกไปในห่อผ้าเก่าๆ นั่นเมื่อออกมาจากหมู่บ้านเสี่ยวเกาจึงรีบเอาออกมาแบ่งกันกินรองท้องกับเจ้านายและคนขับเกวียน หลังจากเห็นเขากลับมาถึงแล้วจึงถูกภรรยาและเสี่ยวชิงไล่ให้ไปอาบน้ำและมานั่งกินข้าวจนอิ่มหนำแล้วเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านจนท้ายที่สุดชิงชิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “พี่ไม่เป็นอะไรใช้มั้ยคะ” “ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวชิงพี่ทำใจไว้ตั้งแต่คุยกับเธอเมื่
“เธอพูดมาเถอะ ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่มีทางออก” เมื่อมั่นใจแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีเรื่องลำบากใจลุงใหญ่หวงจึงเอ่ยสำทับออกมาอีกหนึ่งประโยค “ในการปฏิบัติภารกิจครั้งล่าสุดผมได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ส่งผลให้ขยับร่างกายส่วนร่างไม่ได้ชั่วคราวตอนนี้ทางหน่วยงานเลยสั่งพักงานผมชั่วคราวเพื่อให้ผมมารักษาตัวแต่ว่าในช่วงนี้ผมก็จะไม่ได้รับเงินเดือนเช่นกัน” “ได้ยังงัยกันแล้วแกจะเอาเงินที่ไหนใช้ แล้วส่วนที่จะต้องส่งให้แม่อีกล่ะ” แม่หวงรีบเอ่ยขัดลูกชายขึ้นกลางคันเมื่อได้ยินว่าลูกชายถูกระงับการจ่ายเงินเดือน “ใจเย็นๆ ครับแม่ ผมยังมีเงินรางวัลจากภารกิจอยู่หนึ่งร้อยหยวน แต่ว่าหากผมจะรักษาตัวให้หายก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้ในการผ่าตัดแต่หมอก็ไม่ได้รับประกันว่าจะหายแน่นอน” “งั้นแกก็ไม่ต้องผ้าต่งผ่าตัดอะไรนั่นแล้ว เอาเงินหนึ่งร้อยหยวนนั่นมาแล้วกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านเรานี่แหล่ะ หมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านเราก็มีให้เค้ามาจัดยาให้แกไม่กี่เทียบก็ใช้ได้แล้ว” แม่หวงที่ตอนนี้ในสมองมีแต่เงินหนึ่งร้อยหยวนรีบเอ่ยตัดบทลูกชายทันที “เดิมทีผมก็คิดแบบนั้น แต่ก่อน
“พี่หมิงเต๋อครับเกวียนที่พี่ให้ไปเรียกมาแล้วครับ” เสี่ยวเกาที่ถูกใช้ให้ไปตามเกวียนวัวโดยสารเข้ามาบอกกับเจ้านาย แล้วรีบไปขนฟูกนอนหลังเก่าผ้าห่มผืนบางที่เมื่อวานออกไปหาซื้อมาจากคนงานแบกหามในเขตท่าเรือขึ้นไปปูไว้บนพื้นเกวียนตามที่ได้รับคำสั่งซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายเท่าไรนัก “เสี่ยวชิงฝากดูแลกิมฮัวด้วยนะ พี่น่าจะกลับมาไม่เกินตะวันตกดิน ถ้ามาช้าตอนเย็นไม่ต้องรอกินข้าว แค่ตักแบ่งส่วนของพี่กับเสี่ยวเกาไว้ก็พอ” หวงหมิงเต๋อในเสื้อผ้าเก่าที่เสี่ยวเก่าไปหาซื้อมาพร้อมฟูกและผ้าห่มเมื่อวาน แถมยังมีห่อเสื้อผ้าเก่าๆ ห่อใหญ่อยู่ในมือ “พี่หมิงเต๋อไม่ต้องห่วงทางนี้ค่ะ ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะคะ รีบเดินทางเถอะค่ะเดี๋ยวสายแล้วจะร้อนเอาได้” ชิงชิงตอบชายหนุ่มก่อนจะโบกมือให้สองหนุ่มรีบออกเดินทางก่อนที่พี่กิมฮัวจะกลับมาจากตลาดสด เธออุตส่าห์ออกอุบายให้ป้าหม่าชวนเธอไปเดินจ่ายตลาดเป็นเพื่อนเพราะไม่อยากให้พี่สาวเห็นสภาพของสามีตอนออกจากบ้าน หลายวันก่อนพี่หมิงเต๋อเรียกเธอเข้าไปปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์กับทางบ้าน หลังจากเขาไปรายงานตัวกับตันสังกัดทั้งยังเข้าพบท่าน