วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ชิงชิงจะอยู่ในยุค 70’ ในรอบแรกเธอเลยคิดจะไปสำรวจดูว่ามีที่แปลงไหนที่น่าซื้อเก็บไว้บ้าง ถึงแม้จะยังไม่มีการเปิดค้าขายอย่างเสรีแต่ก็มีบางคนเริ่มทำตัวเป็นนายหน้าแบบลับๆ เมื่อไม่รู้จะไปถามหาคนได้จากที่ไหนเลยได้แต่ไปถามหากับพี่จงหัว ได้ความว่าลุงของพี่จงหัวเองที่เป็นนายหน้าค้าขายที่ดินแต่แกไปต่างเมืองอีกหลายวันกว่าจะกลับเสี่ยวชิงเลยกลับไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนพี่กิมฮัวแทน
ก่อนเข้านอนชิงชิงขอเหรียญหนึ่งหยวนมาจากพี่กิมฮัวโดยอ้างว่าจะเอาไปใส่ไว้ใต้หมอนเพราะเธอฝันร้านมาสองคืนแล้วและเคยได้ยินว่าถ้าเอาเงินวางไว้ใต้หมอนจะช่วยให้ฝันดี มู่กิมฮัวแม้จะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้แต่ก็เห็นว่าเป็นเงินของเด็กสาวเสี่ยวชิงจะทำอย่างไรกับมันก็ได้ และเด็กสาวก็คงยังจะหวาดกลัวเรื่องที่จะถูกนำไปขายให้แม่เล้าอยู่ก็เป็นได้จึงหยิบเงินออกมาให้ทันที
ทางด้านชิงชิงหลังจากที่พี่กิมฮัวหลับไปแล้วก็เอาเหรียญที่ได้มาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วล้มตัวลงนอนเตรียมตัวทำสมาธิเพื่อกลับไปยังยุค 2000 ทันที
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด
“ฮ้าวววววววววว ตื่นแล้วๆ” ชิงชิงรีบกดปิดเสียงปลุกนาฬิกาที่นอกจากจะทำให้เธอตื่นนอนแล้วยังทำให้ให้รู้อักด้วยว่าเธอกลับมายังยุค 2000 แล้ว
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวออกมาทำงานจนหมดวัน ก่อนกลับบ้านชิงชิงลองเอาถ้วยน้ำชาหยกที่ได้มาไปให้ร้านขายวัตถุโบราณบนถนนเยาวราชตีราคา
“อั๊วให้ได้หนึ่งหมื่นสี่พันบาท ถ้ามีครบชุดจะได้ราคาดีกว่านี้เยอะ” อาแปะเจ้าของร้านที่เป็นทั้งหลงจู๊และคนตีราคาเอ่ยเสียงดังเกินความจำเป็น
“หนูขอหมื่นห้าได้มั้ยคะ” ชิงชิงลองขอเพิ่มดูเผื่อฟลุ๊ค
“ลื้อว่าอะไรนะ พูดดังๆ อั๊วไม่ได้ยิน” อาแปะยังคงพูดด้วยเสียงอันดังเกินความจำเป็นอยู่ สงสัยแกจะหูตึง
“หนูขอเพิ่มอีกพันนึงได้มั้ยคะ” ชิงชิงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีก
“อ้อๆ ถ้าลื้อสัญญาว่าจะหาของมาขายให้อั๊วอีกอั๊วก็จะเพิ่มให้ก็ได้”
“ได้ค่ะหนูจะหาของมาขายให้อาแปะอีกแน่นอน” อาแปะใจดีแล้วยังไม่ถามหาที่มาที่ไปของสินค้าชิงชิงเลยตกลงสัญญากับแกไปตามที่แกต้องการหลังจากนับเงินแบ้งค์พันสิบห้าใบใส่ประเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วก็ถือโอกาสเดินไปยังตลาดที่คนแถนี้เรียกว่าตลาดเก่าเพื่อหาอาหารที่ใกล้เคียงกับยุค 70’เพื่อตระเตรียมไว้ไปขายเอาเงินเหมาไว้ใช้จ่ายในยุคโน้น
“อาม่าคะมีแป้งหมี่ที่ใส่ในถุงผ้าแบบนี้อีกมั้ยคะ” ร้านแรกที่เดินเข้าไปดูชิงชิงก็เห็นแป้งหมี่ที่บรรจุอยู่ในถุงผ้าใบย่อมคาดว่าจะหนักประมาณหนึ่งกิโลกรัม
“มีๆ มีทั้งแป้งหมี่ แป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียว ถั่วเหลือง มันขายไม่ค่อยดีเลยไม่ได้ให้เด็กเอาออกมาวางหนูจะเอากี่ถุงล่ะ” หญิงชราตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพราะของพวกนี้ไม่ค่อยมีใครมาหาซื้ออีกแล้วเพราะลูกค้าคิดว่ามันบรรจุในถุงผ้าแล้วจะไม่สะอาดและจะชื้นได้ง่ายแม้ว่าเธอจะอธิบายว่าถุงผ้าที่เห็นมันเป็นผ้าที่ผ่านกรรมวิธีกันชื้นมาอย่างดีคุณภาพไม่ต่างจากถุงพลาสติกก็ไม่มีใครเชื่อ ถ้าขายหมดเมื่อไหร่คงไม่สั่งมาขายอีกแล้ว
“อาม่ามีเท่าไหร่คะ ถ้าเงินพอหนูเอาหมดเลยค่ะ”
“ในโกดังมีอยู่อย่างละยี่สิบกว่าถุง มันขายไม่ดีก็เลยจะไม่สั่งมาขายอีกแล้วถ้าหนูเอาหมดอาม่าจะขายขาดทุนให้ถือว่าหนูช่วยอาม่าโล๊ะสต๊อก ทั้งหมดอาม่าคิดแค่ห้าพันถ้วนก็พอ” อาม่าลองยื่นข้อเสนอดูแม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าลูกค้าสาวจะมีความต้องการสินค้ามากน้อยเพียงใด
“หนูเอาหมดเลยค่ะ แต่ว่าหนูคงแบกกลับบ้านไม่ไหวหนูจ่ายเงินไว้แล้วเดี๋ยวไปเหมารถมาเอาได้มั้ยคะ หนูยังต้องไปซื้อของอีกหลายอย่างด้วย”
“ได้สิ ถ้าเหมารถได้แล้วก็เดินมาบอกอาม่าจะพาไปเอาของที่โกดังจะได้ไม่ต้องขนมาให้เสียเวลา ส่วนเงินค่อยเอาไว้จ่ายตอนรับของเสร็จแล้วก็ได้ ว่าซื้อเยอะขนาดนี้จะเอาไปทำอะไรล่ะ” อาม่าดีใจมากแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าซื้อไปทำไมเยอะแยะขนาดนี้
“หนูจะเอาไปแจกที่โรงเรียนตามต่างจังหวัดน่ะค่ะ เผื่อว่าเอาไปใช้ทำขนมหรือนมถั่วเหลืองเป็นอาหารเสริมให้เด็กๆ ได้บ้าง”
“ดีๆๆ ขอให้หนูได้บุญเยอะๆ นะ อ้อ อาม่ามีนามบัตรของเซลล์อยู่เดี๋ยวจะหาไว้ให้เผื่อหนูจะอยากได้ของพวกนี้อีกไว้ตอนมาเอาของอย่าลืมทวงด้วยล่ะอาม่าแก่แล้ว” ว่าแล้วอาม่าก็ลื้อสมุดใส่นามบัตรเล่มหนาออกมาเตรียมจะพลอกหาให้ตามที่พูดชิงชิงเลยขอตัวไปหาซื้ออย่างอื่นต่อ
ร้านต่อมาที่ชิงชิงเลือกแวะเป็นร้านของแห้งที่มีทั้งอาหารทะเล ผัก ไปจนถึงใบชา ชิงชิงซื้อมาอย่างละนิดละหน่อยหมดเงินไปอีกห้าพันบาทโดยไม่ลืมขอฝากสินค้าไว้ก่อนแล้วจึงไปเช่ารถกระบะมาขนของทั้งหมดกลับบ้าน
เมื่อลองคำนวณค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปแล้วยังต้องไปซื้อนาฬิกาไปให้พี่จงหัวอีกชิงชิงก็เริ่มไม่แน่ใจว่าการค้าครั้งนี้เธอจะกำไรหรือขาดทุนกันแน่ ได้แต่หวังว่าไปกองขยะครั้งหน้าจะมีของดีๆ มาให้เธอทำกำไรก็แล้วกัน
“เสี่ยวชิง พี่กลับมาแล้วดูนี่สิหนังสือรับรองการตั้งตระกูลจินสายปักกิ่งกับเอกสารยืนยันตัวตนของพี่ นายจินหมิงเต๋อ ฟังดูดีมั้ยล่ะ” หลังจากกลับมาจากสำนักงานกิจการพลเรือนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ยินดีด้วยพี่จินหมิงเต๋อแล้วเรื่องทางบ้านพี่จะทำยังงัยต่อคะ”“เมื่อวานพี่ได้แอบไปไปพบลุงใหญ่หวงแล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปรอบหนึ่งเขาก็ยินดีลบชื่อพี่ออกจากผังตระกูลแถมยังยินดีเป็นคนตัวแทนนำเงินกตัญญูก้อนสุดท้ายของพี่ไปให้แม่แล้วยังช่วยพูดให้แม่ยอมรับการตัดสินใจของพี่อีกด้วย เห็นแกบอกว่าแม่ไม่พูดอะไรเลยคว้าเงินมัดนั้นได้ก็หันหลังเข้าบ้านแม่คงเสียใจมากเลยหล่ะ” จินหมิงเต๋อท่าทีหงอยเหงาลงกว่าเมื่อสักครู่ในยามที่เอ่ยถึงมารดา แม้ว่าจะอยากไปดูอาการของแม่สักหน่อยแต่ลุงใหญ่หวงก็บอกให้เขาให้แม่ได้มีเวลาทำใจสักหน่อย ไว้ต่อไม่เขาค่อยกลับไปเยี่ยมแม่บ้างเป็นครั้งคราวก็ยังได้ใช้ว่าความสัมพันธ์แม่ลูกจะถูกลบเลือนได้ง่ายเหมือนชื่อในผังตระกูลเสียที่ไหน เขาจึงได้ยอมจากมา“ในเมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาถึงตอนนี้แล้วพี่ก็เผื่อใจไว้บ้างเถอะค่ะ ถ้ามีโอกาสก็กลับไปเยี่ยมเธอบ้างหรือจะส่งเงินกลับไปบ้างหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่อย่าให
“นี่แม่พูดอะไรออกมา ตระกูลจินเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังงัย”“แล้วแม่ไม่ใช่ผู้มีพระคุณของแกรึงัย แม่ให้เวลาแกหนึ่งเดือนรีบจัดการให้เรียบร้อย ถ้าแกเห็นแก่ตระกูลจินอะไรนั่นมากกว่าตระกูลหวงก็เลิกใช้นามสกุลหวงไปซะ แล้วอย่ามาเรียกชั้นว่าแม่อีกต่อไป” หลังจากพูดจบนางหวงก็ลุกขึ้นสะบัดตัวจากไปโดยลืมที่จะมาซื้อเป็ดปักกิ่งกลับไปฝากหลานชายหัวแก้วหัวแหวนเสียสนิทเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้สิ่งที่หวงหมิงเต๋อและชิงชิงวางแผนไว้ว่าจะแยกย้ายกันไปทำในช่วงบ่ายก็พลอยถูกยกเลิกไปโดยปริยายทั้งสองคนพากันปั่นจักรยานกลับโรงแรมโดยเข้าทางประตูหลังที่ใกล้ส่วนที่พักส่วนตัวมากที่สุด“พี่หมิงเต๋ออย่ากลับห้องไปอยู่คนเดียวเลยค่ะ หาอะไรมากินเล่นแล้วนั่งคุยกับหนูที่ห้องกินข้าวนี้แหล่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้” เสี่ยวชิงเอ่ยกับหวงหมิงเต๋อที่เดินคอตกเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจทั้งท่าจะกลับเข้าห้องนอนส่วนตัวไปคิดมากอยู่คนเดียวจึงเสนอให้เขามานั่งพูดคุยกับเธอเสียยังจะดีกว่า เพราะการที่เธอลุกไปเข้าห้องน้ำน่าจะทำให้เธอพลาดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พี่หมิงเต๋อมีสภาพแบบนี้ไปได้หลังจากเห็นเขานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวแล้วชิงชิงก็ยกหูโ
หลังจากได้ข้อตกลงร่วมกันในวันนั้นเสี่ยวชิงก็เดินหน้าสร้างรากฐานธุรกิจอย่างเต็มที่โดยได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการเป็นอย่างดี โอยมีพี่หมิงเต๋อเป็นคนประสานงาน เรื่องสี่ประสานถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมที่พักอันทันสมัยแต่ก็รักษากลิ่นอายดั้งเดิมของเรือนสี่ประสานในยุคโบราณ แขกที่มากพักส่วนมากเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติและเศรษฐีใหม่ในกรุงปักกิ่งที่อยากสัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมที่ห่างหายไปนาน คนงานในโรงแรมล้วนเป็นพี่จงหัวช่วยคัดสรรคนที่ฉลาดเฉลียวและซื่อสัตย์มาให้เสี่ยวชิงหาครูชาวต่างชาติมาช่วยภาษาให้ทุกทำให้หมดปัญหาเรื่องแกแพงภาษา มู่กิมฮัวที่คลอดลูกชายได้ไม่นานก็เข้าร่วมการสอบครั้งแรกที่กลับมาเปิดรับนักศึกษาอีกครั้ง โชคดีที่ปีแรกนี้ยังไม่มีการสอบภาษาอังกฤษเธอเลยสอบผ่านมาอย่างง่ายได้ แม้ว่าจะมีสามีที่มีตำแหน่งใหญ่โตและสามารถทำเรื่องขอพักนอกมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ปีการศึกษาที่หนึ่งแต่เสี่ยวชิงแนะนำว่ามู่กิมฮัวควรได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาและได้ลองใช้ชีวิตวันรุ่นให้สมวัย หวงหมิงเหอจึงได้ทำตามคำแนะนำของเธอและยอมให้ภรรยาไปพักในหอพักของมหาวิทยาลัยได้ ในระหว่างนั้นเด็กน้อยหวงหงเ
นอกจากหนังสือแยกบ้านและหนังสือตัดขาด ด้วยความช่วยเหลือจากลุงใหญ่หวงผู้นำหมู่บ้าน หวงหมิงเต๋อก็ยังได้ส่วนแบ่งธัญพืชมาอีกสิบจิน เมื่อมาส่งลุงใหญ่หวงที่หน้าบ้านอาเต๋อพยายามมอบธัญพืชห้าจินให้ลุงใหญ่หวงเพื่อแสดงการขอบคุณ แต่ลุงใหญ่หวงไม่กล้าเอาเปรียบชายหนุ่มที่น่าสงสารตรงหน้าจึงไม่ยินดีที่จะรับไว้ แถมยังเข้าบ้านไปเอาไข่ไก่มามอบให้เขาเอาไปบำรุงร่างกายอีกสิบใบ หวงหมิงเต๋อได้แต่จดจำน้ำใจนี้ไว้ยังมีเวลาอีกนานที่จะตอบแทนเขาจึงได้แต่กล่าวขอบคุณแล้วจากมา เมื่อหวงหมิงเต๋อกลับมาถึงในตอนบ่ายแก่โดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำสักอึกหรือกินข้าวจากบ้านเดิมมาสักคำ ดีที่ชิงชิงให้ป้าหม่าช่วยเตรียมซาลาเปาไส้หมูใส่กล่องอาหารและกระติกน้ำซุกไปในห่อผ้าเก่าๆ นั่นเมื่อออกมาจากหมู่บ้านเสี่ยวเกาจึงรีบเอาออกมาแบ่งกันกินรองท้องกับเจ้านายและคนขับเกวียน หลังจากเห็นเขากลับมาถึงแล้วจึงถูกภรรยาและเสี่ยวชิงไล่ให้ไปอาบน้ำและมานั่งกินข้าวจนอิ่มหนำแล้วเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านจนท้ายที่สุดชิงชิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “พี่ไม่เป็นอะไรใช้มั้ยคะ” “ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวชิงพี่ทำใจไว้ตั้งแต่คุยกับเธอเมื่
“เธอพูดมาเถอะ ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่มีทางออก” เมื่อมั่นใจแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีเรื่องลำบากใจลุงใหญ่หวงจึงเอ่ยสำทับออกมาอีกหนึ่งประโยค “ในการปฏิบัติภารกิจครั้งล่าสุดผมได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ส่งผลให้ขยับร่างกายส่วนร่างไม่ได้ชั่วคราวตอนนี้ทางหน่วยงานเลยสั่งพักงานผมชั่วคราวเพื่อให้ผมมารักษาตัวแต่ว่าในช่วงนี้ผมก็จะไม่ได้รับเงินเดือนเช่นกัน” “ได้ยังงัยกันแล้วแกจะเอาเงินที่ไหนใช้ แล้วส่วนที่จะต้องส่งให้แม่อีกล่ะ” แม่หวงรีบเอ่ยขัดลูกชายขึ้นกลางคันเมื่อได้ยินว่าลูกชายถูกระงับการจ่ายเงินเดือน “ใจเย็นๆ ครับแม่ ผมยังมีเงินรางวัลจากภารกิจอยู่หนึ่งร้อยหยวน แต่ว่าหากผมจะรักษาตัวให้หายก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้ในการผ่าตัดแต่หมอก็ไม่ได้รับประกันว่าจะหายแน่นอน” “งั้นแกก็ไม่ต้องผ้าต่งผ่าตัดอะไรนั่นแล้ว เอาเงินหนึ่งร้อยหยวนนั่นมาแล้วกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านเรานี่แหล่ะ หมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านเราก็มีให้เค้ามาจัดยาให้แกไม่กี่เทียบก็ใช้ได้แล้ว” แม่หวงที่ตอนนี้ในสมองมีแต่เงินหนึ่งร้อยหยวนรีบเอ่ยตัดบทลูกชายทันที “เดิมทีผมก็คิดแบบนั้น แต่ก่อน
“พี่หมิงเต๋อครับเกวียนที่พี่ให้ไปเรียกมาแล้วครับ” เสี่ยวเกาที่ถูกใช้ให้ไปตามเกวียนวัวโดยสารเข้ามาบอกกับเจ้านาย แล้วรีบไปขนฟูกนอนหลังเก่าผ้าห่มผืนบางที่เมื่อวานออกไปหาซื้อมาจากคนงานแบกหามในเขตท่าเรือขึ้นไปปูไว้บนพื้นเกวียนตามที่ได้รับคำสั่งซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายเท่าไรนัก “เสี่ยวชิงฝากดูแลกิมฮัวด้วยนะ พี่น่าจะกลับมาไม่เกินตะวันตกดิน ถ้ามาช้าตอนเย็นไม่ต้องรอกินข้าว แค่ตักแบ่งส่วนของพี่กับเสี่ยวเกาไว้ก็พอ” หวงหมิงเต๋อในเสื้อผ้าเก่าที่เสี่ยวเก่าไปหาซื้อมาพร้อมฟูกและผ้าห่มเมื่อวาน แถมยังมีห่อเสื้อผ้าเก่าๆ ห่อใหญ่อยู่ในมือ “พี่หมิงเต๋อไม่ต้องห่วงทางนี้ค่ะ ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะคะ รีบเดินทางเถอะค่ะเดี๋ยวสายแล้วจะร้อนเอาได้” ชิงชิงตอบชายหนุ่มก่อนจะโบกมือให้สองหนุ่มรีบออกเดินทางก่อนที่พี่กิมฮัวจะกลับมาจากตลาดสด เธออุตส่าห์ออกอุบายให้ป้าหม่าชวนเธอไปเดินจ่ายตลาดเป็นเพื่อนเพราะไม่อยากให้พี่สาวเห็นสภาพของสามีตอนออกจากบ้าน หลายวันก่อนพี่หมิงเต๋อเรียกเธอเข้าไปปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์กับทางบ้าน หลังจากเขาไปรายงานตัวกับตันสังกัดทั้งยังเข้าพบท่าน