หน้าหลัก / รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 10 ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

แชร์

บทที่ 10 ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-21 13:05:09

หลายวันถัดมาเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนก็มีเรื่องราวเล่าลืออันโด่งดังที่ทำให้ผู้คนต่างพากันพูดถึง อีกทั้งคราวนี้ยังเป็นเรื่องราวของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอย่างโซ่วอ๋อง ต่อให้เป็นเรื่องพยายามปกปิดมากสักเพียงใดแต่หน้าต่างล้วนมีหูประตูล้วนมีช่องไม่อาจจะปกปิดความอยากรู้ของผู้อื่นได้ ยิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งก็กระตุ้นให้ผู้อื่นยิ่งอยากจะรู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้น

โซ่วอ๋องลักลอบนัดพบสตรีอื่นในวัดต้าฝูทำให้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยกับความประพฤติของโซ่วอ๋องเป็นอย่างมากจนต้องเรียกโซ่วอ๋องเข้าวังมาตำหนิ เรื่องนี้แม้แต่เต๋อเฟยเองก็ยังพลอยโดนหางเลขไปด้วย ในฐานะที่อบรมพระโอรสได้ไม่ดี การออกพระโอษฐ์ตำหนิในครั้งนี้ถือว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวังหลังในทันที เต๋อเฟยจำต้องคุกเข่าสำนึกผิดหน้าพระตำหนักนานถึงสองชั่วยามกว่าจะทำให้ฝ่าบาททรงคลายความพิโรธลงได้

เมื่อข่าวลือเอ่ยถึงวัดต้าฝูก็มีหลายคนเอ่ยปากออกมาว่าพวกเขาต่างก็เคยเห็นว่าโซ่วอ๋องมักจะมีสตรีอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งอยู่เคียงข้างกายในวัดต้าฝูจริงๆ เมื่อมีการยืนยันหลายเสียงเช่นนี้หลายคนต่างพากันคาดเดากันใหญ่ว่าสตรีผู้นั้นคือผู้ใด เป็นคุณหนูจากสกุลไหนหรือเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาที่ท่านอ๋องลักลอบเลี้ยงดูเอาไว้ข้างนอก

“เสด็จพี่ของข้าทรงเสียสติไปแล้ว หากว่าอยากจะรับเลี้ยงดูสตรีสักคนก็ควรจะรับเข้าจวนอย่างถูกต้องไปเสียสิ ไม่เห็นจะต้องลักลอบนัดพบกันแล้วทำให้เกิดเรื่องเกิดราวลุกลามจนใหญ่โตเช่นนี้เลย เสด็จพี่ของข้าทำไม่ถูกข้ารู้ดีแต่เพราะเหตุใดเจ้าจึงต้องขอให้ข้าช่วยเจ้าโหมกระพือข่าวลือของเสด็จพี่ของข้าเช่นนี้ด้วย” องค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูเอ่ยกับสหายทั้งสองที่นั่งจิบน้ำชาในห้องส่วนตัวของหอหลิงฟางด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

“นั่นสิ! เจียวเจียวไม่ว่าจะช้ำใจมากสักเพียงใดแต่เจ้าก็ไม่ควรขอให้องค์หญิงเก้าช่วยโหมกระพือข่าวลือออกมาจนทำให้ผู้คนภายนอกต่างรับรู้ไปจนทั่วเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรว่าที่พระชายาของโซ่วอ๋องในเมื่อโซ่วอ๋องได้รับผลกระทบต่อชื่อเสียงเช่นนี้เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่พลอยโดนหางเลขไปด้วย” หวังฮุ่ยหลิงเอ่ยพลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ ส่วนเฉินเจียวเจียวที่ยามนี้เปิดหน้าต่างแล้วชะโงกใบหน้าอันงดงามออกไปรับลมจากภายนอกก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“ข้าคงจะเศร้าโศกจนเสียสติไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ช่างเถิดไม่ว่าอย่างไรยามนี้ชื่อเสียงของข้าก็ยังดีอยู่มิใช่หรือนอกจากจะถูกเอ่ยถึงมากขึ้นอีกนิดและถูกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาหน่อยๆ แต่ยามนี้ข้าก็ล้วนพึงพอใจต่อผลลัพธ์เช่นนี้อยู่ดี” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางมองออกไปนอกหน้าต่างพลางชื่นชมทิวทัศน์อีกฟากฝั่งของแม่น้ำด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แน่นอนว่าเมื่อมีคนเอ่ยถึงสตรีอ่อนเยาว์ที่อยู่เคียงข้างโซ่วอ๋องในวัดต้าฝูป้าสะใภ้ผู้เป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลหลินย่อมทำการตรวจสอบหลินชิงเหมยและอี๋เหนียงของนาง แม้ว่าเด็กสาวอย่างหลินชิงเหมยอาจจะใช้ข้ออ้างว่ายังเด็กและผลักความผิดทั้งหมดไปให้โซ่วอ๋อง แต่อี๋เหนียงที่เป็นมารดาแท้ๆ ของนางไม่อาจจะพ้นผิดได้

อี๋เหนียงผู้หนึ่งถูกส่งให้ไปสำนึกตนในวัดแต่กลับไม่ยอมสำนึกตนแต่โดยดี ออกอุบายยุแยงบุตรสาวที่ยังไม่โตเต็มวัยให้ทำตัวสนิทสนมและลักลอบนัดพบกับโซ่วอ๋องในที่ลับตาคนหลายครั้ง ต่อให้ไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียแต่ยามนี้ก็ไม่อาจจะหนีพ้นความผิดไปได้ ความตายของอี๋เหนียงผู้หนึ่งย่อมเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่เพียงกำราบอี๋เหนียงคนอื่นๆ ไม่ให้มีความคิดทะเยอทะยานแล้ว ยังเป็นการข่มขู่เด็กสาวอย่างหลินชิงเหมยได้เป็นอย่างดี หากวันหน้านางยังกล้ามีความคิดทะเยอทะยานจนเกินตัวอีก ฟางเจียอีผู้เป็นฮูหยินใหญ่และได้ชื่อว่าเป็นมารดาของนางย่อมไม่มีทางจะปล่อยนางไปเป็นแน่

แน่นอนว่าเพียงเท่านี้ยังไม่ทำให้เฉินเจียวเจียวพึงพอใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรโซ่วอ๋องก็ออกหน้าปกป้องหลินชิงเหมยเอาไว้แล้ว อีกทั้งเขายังออกหน้ารับผิดแถมยังออกหน้าช่วยปกป้องชื่อเสียงหลินชิงเหมยเอาไว้ด้วยการสัญญากับจวนสกุลหลินว่าหลังจากแต่งชายาเอกเข้าจวนแล้วเขาจะส่งเกี้ยวมาไปรับหลินชิงเหมยอย่างแน่นอน ทำให้หลินชิงเหมยรอดพ้นการถูกลงโทษจากฟางเจียอีไปได้

“ยังไม่ทันได้เข้าพิธีก็มีสตรีอื่นรอแต่งเข้าจวนอ๋องพร้อมเจ้าแล้ว แม้ว่าเสด็จพี่รองจะเป็นเชษฐาของข้า แต่ข้าองค์หญิงเก้าผู้นี้ก็อดรู้สึกอยากลงโทษเขาไม่ได้อยู่ดี เจียวเจียวเจ้าคงไม่คิดจะใช้เรื่องนี้มาตัดสัมพันธ์ความเป็นสหายระหว่างเรากระมัง” หลี่ถังหรูเอ่ยพลางขยับกายไปนั่งลงเคียงข้างเฉินเจียวเจียวที่เอนกายพิงหน้าต่างด้วยท่าที่ออดอ้อน

“หากหม่อมฉันคิดตัดสัมพันธ์กับองค์หญิงยามนี้พวกเราจะยังได้นั่งดื่มชาและต่อว่าผู้อื่นร่วมกันเช่นนี้หรือเพคะ” เฉินเจียวเจียเอ่ยพลางหยิบพัดกลมขึ้นมาโบกให้ตนเองเบาๆ

“ให้ข้าออกหน้าไปจัดการกับเด็กสาวคนนั้นให้เจ้าดีหรือไม่ ยังไม่เติบใหญ่เต็มที่ก็สามารถยั่วยวนเสด็จพี่ของข้าได้แล้ว หากนางเติบใหญ่เต็มที่เจ้าคงจะต้องน้ำตาตกเป็นแน่” คำพูดของหลี่ถังหรูทำให้รอยยิ้มของเฉินเจียวเจียวจางหายไปในทันที

“เจียวเจียวข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าไม่สบายใจ แต่ข้าสามารถกำจัดหลินชิงเหมยให้เจ้าได้นะ”

“จะกำจัดนางไปไย เรื่องเช่นนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางวางพัดของตนลงแล้วก็หันไปถามองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูด้วยสายตาจริงจัง

“หากหม่อมฉันไม่อยากแต่งเข้าจวนอ๋องแล้ว องค์หญิงจะทรงยินยอมช่วยหม่อมฉันหรือไม่” คำถามนี้ของเฉินเจียวเจียวทั้งจริงจังและกลั่นออกมาจากใจ หลี่ถังหรูนิ่งงันไปครู่หนึ่งแล้วสุดท้ายก็ยิ้มออกมา

“เจียวเจียว ไม่ว่าอย่างไรเสด็จพี่รองก็คือเชษฐาร่วมอุทรของข้านะ” เมื่อหลี่ถังหรูเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ก้มหน้าลงเพื่อปิดบังแววตาของตนเอง

“เจียวเจียวเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่เจ้าจะใช้อารมณ์มาตัดสินไม่ได้นะ” หวังฮุ่ยหลิงเอ่ยออกมาเสียงเบา

“เจียวเจียวไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นใจเจ้า แต่เจ้าจงคิดให้ดีหากเจ้าขอถอนหมั้นกับเสด็จพี่ของข้าวันหน้าเจ้าก็คงจะไม่อาจจะแต่งงานให้ผู้อื่นได้อีกแล้ว ในฐานะที่เจ้าเคยหมั้นหมายและเคยมีรายชื่อว่าจะแต่งเข้าราชวงศ์แต่กลับไม่ได้แต่งแล้วจะมีบุรุษที่มีฐานะธรรมดาทั่วไปคนใดบ้างที่จะกล้าออกหน้าแต่งงานกับเจ้าอีก” คำพูดของหลี่ถังหรูทำให้เฉินเจียวเจียวยิ้มออกมา

“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่คิดจะแต่งงาน จะอยู่เป็นสาวเทื้อแก่คาเรือนให้พี่ชายของหม่อมฉันเลี้ยงดู” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้ทั้งหลี่ถังหรูและหวังฮุ่ยหลิงต่างทอดถอนใจออกมา

“เจ้าคิดว่าจะสามารถยกเลิกการหมั้นหมายได้อย่างง่ายดายหรือ” เมื่อหวังฮุ่ยหลิงเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็พยักหน้า

“ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน ข้ามั่นใจว่าหากข้าพยายามอีกนิดต้องยกเลิกการหมั้นหมายในครั้งนี้ได้แน่” เฉินเจียวเจียวเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ ในเมื่อยามนี้หลี่ไท่หยางมีข่าวลือว่าเป็นคนประพฤติตนนอกกรอบ หากทางนางเป็นฝ่าขอยกเลิกการหมั้นหมายก็ย่อมจะมีคนเข้าใจและรู้สึกเห็นอกเห็นใจนางอยู่บ้าง แต่ที่แน่ๆ เต๋อเฟยจะต้องออกหน้าคัดค้านเต็มกำลังเป็นแน่

คำพูดของบรรดาเด็กสาวที่อยู่ข้างห้องทำให้บุรุษสองคนที่กำลังนั่งเดินหมากกันอยู่ได้ยินอย่างชัดเจน แม้ว่าผนังของโรงน้ำชาแห่งนี้จะสามารถเก็บเสียงได้ แต่ดูเหมือนว่าสตรีเหล่านั้นจะไม่รู้ว่าเมื่อพวกนางเปิดหน้าต่างและคนที่อยู่ภายในห้องด้านข้างห้องเปิดหน้าต่างเช่นกัน เสียงพูดคุยของพวกนางจะสามารถหลุดลอดออกมาจนคนที่อยู่ข้างสามารถได้ยินคำพูดของพวกนางได้อย่างชัดเจน

“ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน” คำพูดนี้ของนางทำให้บุรุษทั้งสองต่างนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แต่แล้วบุรุษที่สวมใส่ชุดสีดำก็เป็นฝ่ายวางหมากก่อนเขาส่งยิ้มให้บุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามโดยไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา แต่คนตรงข้ามกลับไม่ได้สนใจเขาสักนิดยังคงเดินหมากต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 10 ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

    หลายวันถัดมาเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนก็มีเรื่องราวเล่าลืออันโด่งดังที่ทำให้ผู้คนต่างพากันพูดถึง อีกทั้งคราวนี้ยังเป็นเรื่องราวของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอย่างโซ่วอ๋อง ต่อให้เป็นเรื่องพยายามปกปิดมากสักเพียงใดแต่หน้าต่างล้วนมีหูประตูล้วนมีช่องไม่อาจจะปกปิดความอยากรู้ของผู้อื่นได้ ยิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งก็กระตุ้นให้ผู้อื่นยิ่งอยากจะรู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้นโซ่วอ๋องลักลอบนัดพบสตรีอื่นในวัดต้าฝูทำให้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยกับความประพฤติของโซ่วอ๋องเป็นอย่างมากจนต้องเรียกโซ่วอ๋องเข้าวังมาตำหนิ เรื่องนี้แม้แต่เต๋อเฟยเองก็ยังพลอยโดนหางเลขไปด้วย ในฐานะที่อบรมพระโอรสได้ไม่ดี การออกพระโอษฐ์ตำหนิในครั้งนี้ถือว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวังหลังในทันที เต๋อเฟยจำต้องคุกเข่าสำนึกผิดหน้าพระตำหนักนานถึงสองชั่วยามกว่าจะทำให้ฝ่าบาททรงคลายความพิโรธลงได้เมื่อข่าวลือเอ่ยถึงวัดต้าฝูก็มีหลายคนเอ่ยปากออกมาว่าพวกเขาต่างก็เคยเห็นว่าโซ่วอ๋องมักจะมีสตรีอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งอยู่เคียงข้างกายในวัดต้าฝูจริงๆ เมื่อมีการยืนยันหลายเสียงเช่นนี้หลายคนต่างพากันคาดเดากันใหญ่ว่าสตรีผู้นั้นคือผู้ใด เป็นคุณหนูจากสกุลไหนหรือเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรร

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 9 เฉียวซื่อลงมือ

    เมื่อหลี่ไท่หยางเดินไปถึงโต๊ะที่สองแม่ลูกสกุลเฉินนั่งอยู่พวกนางสองแม่ลูกก็ลุกขึ้นมาแล้วย่อกายคารวะตามธรรมเนียมในทันที บรรดาสาวใช้และผู้ติดตามเองก็เช่นกันพวกเขารีบคารวะหลี่ไท่หยางด้วยท่าทีนอบน้อม“ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลี่ไท่หยางเอ่ยพลางโบกมือพวกเขาจึงได้ขยับตัวยืดกายขึ้นแล้วถอยออกไปทิ้งไว้เพียงเฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา“คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันที่นี่ ผิงกั๋วกงฮูหยินสบายดีหรือไม่” หลี่ไท่หยางเอ่ยออกมาก่อนพลางจ้องมองเฉินเจียวเจียวอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ละสายตาไป สำหรับเขาแล้วอีกไม่นานสตรีที่มีรูปโฉมงดงามตรงหน้าอีกไม่นานก็จะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา ซึ่งเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบนางและไม่ได้รู้สึกผิดอันใดกับการที่นางพบว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น เพราะสำหรับเขาแล้วในยามนี้หลินชิงเหมยเป็นเพียงเด็กสาวที่มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่น่าสงสารมากเท่านั้น เขาหาได้ทำผิดต่อว่าที่พระชายาในอนาคตผู้นี้ของเขาไม่“หม่อมฉันสบายดีเพคะ วันนี้อากาศดีก็เลยพาเจียวเจียวมาไหว้พระ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบท่านอ๋องที่นี่ด้วย” เฉียวซื่อเอ่ยพลางส่งยิ้มให้เขา

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 8 ดอกบัวขาวของโซ่วอ๋อง

    หลี่ไท่หยางไม่ได้สนใจว่าจะมีผู้อื่นจ้องมองเขาหรือไม่ในยามนี้เขาคิดเพียงแค่การพาญาติผู้น้องที่น่าสงสารของตนเองมาผ่อนคลายจิตใจ อีกทั้งยามนี้ในใจของเขาที่มีให้แก่หลินชิงเหมยก็มีแค่เพียงความรู้สึกสงสารและเอ็นดูยังไม่ได้มีความคิดเกินเลยเนื่องจากเด็กสาวผู้นี้ยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งในสายตาของเขา เรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่เขาจึงคิดว่าไม่จำเป็นแต่ในสายตาของคนที่มองอยู่อย่างเฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวกลับไม่ใช่เช่นนั้น สำหรับเฉินเจียวเจียวเป็นเพราะมีความทรงจำของช่วงชีวิตที่แล้วมาเป็นบทเรียนจึงไม่คิดการที่สองคนนี้มีความสนิทสนมเป็นเรื่องปกติ ส่วนในสายตาของเฉียวซื่อนั้นนางคิดว่าต่อให้สตรีที่มาด้วยยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง แต่ก็ควรที่จะเว้นระยะห่างให้มากกว่านี้ แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันอย่างเฉินเจียวจ้านและเฉินเจียวเจียวนางในฐานะมารดาเลี้ยงของพวกเขายังคอยดูแลจัดการให้พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้องและเหมาะสมไม่ว่าอย่างไรเรื่องชื่อเสียงของบุตรชายและบุตรสาวย่อมสำคัญที่สุด เฉินเจียวจ้านนั้นก็ช่างเถิดเขาโตแล้วและไม่มีความผูกพันอันใดกับนาง ไม่ว่าอย่างไรบุตรชายและแม่เลี้ยงก็ไม่ควรจะข้องเกี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 7 ส่งคนไปสืบ

    เมื่อเฉินเจียวเจียวเดินกลับมาจนเกือบถึงบริเวณที่คนของตนรออยู่นางก็หันไปมองสาวใช้ที่รู้วรยุทธ์ของนางด้วยสีหน้าดุดัน สาวใช้นางนั้นรีบคุกเข่าและขอรับโทษในทันที“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวไม่สามารถปกป้องคุณหนูให้ดีหากคุณหนูจะลงโทษบ่าวก็พร้อมจะยอมรับโทษเจ้าค่ะ” เมื่อสาวใช้ผู้นั้นเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ทอดถอนใจออกมาพลางเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ตงจื้อ เรื่องในวันนี้ห้ามเจ้าบอกผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นตงผิง ตงชิงหรือว่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ของเจ้า หากผู้อื่นรู้เรื่องนี้ข้าไม่มีทางยอมปล่อยเจ้าไปแน่” เมื่อเจ้านายเอ่ยเช่นนี้ตงจื้อผู้เป็นสาวใช้ก็รีบรับคำในทันที“บ่าวไม่มีทางเอ่ยกับผู้ใดแน่นอนเจ้าค่ะ” ตงจื้อเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม“ส่วนเรื่องลงโทษเจ้านั้นคงไม่จำเป็น เรื่องนี้เป็นข้าที่ขาดความระมัดระวังเองแต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้เจ้าเองก็มีส่วนผิด มีคนอยู่ใกล้ข้าถึงเพียงนั้นแต่เจ้ากลับไม่รู้เรื่อง หากเป็นยอดฝีมือคนอื่นก็ว่าไปแต่คนที่จับข้าผู้นั้นไม่น่าจะมีฝีมือเหนือกว่าเจ้าไปได้” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ตงจื้อก็อ้าปากตั้งใจว่าจะเอ่ยวาจาคัดค้านว่าคนที่จับคุณหนูของนางนั้นมีฝีมือดีกว่าคนที่จับตั

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 6 คนที่ไม่ควรพบ

    เช้าวันถัดมาเฉินเจียวเจียวก็ได้ติดตามเฉียวซื่อไปไหว้พระที่วัดสมใจ เพียงแต่เมื่อเดินทางมาถึงวัดเฉินเจียวเจียวก็ได้แต่ต้องลอบดุด่าตนเองอยู่ในใจ หลินชิงเหมยอายุไม่ถึงสิบสามปีดีนางจะยัดเยียดข้อหาหนุ่มสาวลักลอบนัดพบกันให้แก่เด็กสาวที่ยังไม่โตเต็มที่ได้อย่างไร แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนางจึงคิดว่าควรจะสำรวจบริเวณรอบๆ อีกสักหน่อยหลังจากไหว้พระเติมตะเกียงแล้วเฉินเจียวเจียวก็ขออนุญาตเฉียวซื่อเพื่อไปเดินเล่นรอบๆ มากราบไหว้พระครั้งนี้เฉียวซื่อตั้งใจจะมาขอบุตร นางจึงรีบอนุญาตเฉินเจียวเจียวในทันที แม้ว่านางจะรู้ดีว่าเฉินเจียวเจียวย่อมสามารถคาดเดาจุดประสงค์ของนางได้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรการที่ไม่มีเฉินเจียวเจียวอยู่ด้วยก็ทำให้นางสามารถขอพรได้อย่างสะดวกใจมากกว่าวัดต้าฝูแห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองใช้เวลาเดินทางพอสมควรกว่าจะเดินทางมาถึง แต่ข้อดีก็คือมีบรรยากาศอันเงียบสงบและทิวทัศน์งดงาม เฉินเจียวเจียวที่เดินไปเห็นทิวทัศน์ทางด้านหลังของวัดก็อดพยักหน้าให้แก่ตนเองไม่ได้ ช่างเหมาะแล้วที่พวกเขาจะใช้เป็นสถานที่นัดพบกัน ทิวทัศน์งดงามบรรยากาศเป็นใจเหมาะแก่การพูดคุยระบายความในใจต่อกันเป็นอย่างยิ่งเฉินเจียวเจียวเดินอย

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 5 วัดต้าฝู

    แม้ว่าศัตรูอันดับหนึ่งของเฉินเจียวเจียวคือหลินชิงเหมย แต่คนที่นางไม่อาจจะเพิกเฉยได้ก็คือหลี่ไท่หยาง การแต่งงานในครั้งนี้แม้จะดูเหมือนนางคือฝ่ายป่ายปีนขึ้นที่สูงได้แต่งเข้าราชวงศ์ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นหลี่ไท่หยางต่างหากที่ได้ประโยชน์ในครั้งนี้ ผิงกั๋วกงเฉินคังผู้เป็นบิดาของนางเป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนมีกองกำลังในมือหลายแสนนายส่วนสกุลหลินที่เป็นบ้านเดิมของมารดาก็มีท่านลุงที่ยามนี้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายขวา การได้เกี่ยวดองกับนางย่อมทำให้มีคนหนุนหลังเขาในราชสำนักมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความคิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ก็ตามที แต่หากเกิดเหตุพลิกผันอันใดขึ้น ในฐานะอ๋องที่มีกองกำลังหนุนหลังและมีขุมอำนาจในราชสำนักคอยคุ้มครอง ย่อมสามารถอยู่รอดปลอดภัยมากกว่าอ๋องคนอื่นๆแคว้นต้าเยียนแห่งนี้มีหลี่ไท่หลงเป็นองค์รัชทายาท ยามนี้ฝ่าบาทมักจะมีราชโองการให้องค์รัชทายาทออกว่าราชการแทนในท้องพระโรงอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่นางจะถูกสามีสั่งโบยแล้วแท้งบุตรจนตาย องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงก็ได้ครอบครองราชบัลลังก์อย่างมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องหลายคนในยามนั้นล้วนถูกกำจัดมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รอดชีวิตและหนึ่งในนั้นก็มีโซ่วอ๋อง

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 4 ศัตรู

    เมื่อเฉินเจียวเจียวพาคุณหนูจากสกุลหลินทั้งสองกลับขึ้นเรือนมาฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังพูดคุยอยู่กับฟางเจียอีฮูหยินใหญ่จากสกุลหลินก็พลันเงียบเสียงลง แต่แล้วเมื่อคิดได้ว่าปีหน้าเฉินเจียวเจียวก็จะถึงวัยปักปิ่นอีกทั้งทางเต๋อเฟยเองก็มีรับสั่งเอ่ยถึงเรื่องนี้บ้างแล้วนางจึงคิดว่าให้เฉินเจียวเจียวรับรู้เรื่องนี้บ้างก็เป็นเรื่องดีนางจะได้เตรียมพร้อมเอาไว้“ทางข้าเองก็ไม่ได้คิดจะขัดข้องอันใด หากทางเต๋อเฟยอยากจะส่งปิ่นมาร่วมแสดงความยินดีก็ถือว่าเป็นเกียรติของเจียวเจียวเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องพิธีปักปิ่นหากทางเต๋อเฟยอยากจะเป็นแม่งานก็คงไม่เหมาะ แม้ว่าจะทรงเอ็นดูเจียวเจียวมากเพียงใดแต่ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้นางก็ยังมีมารดาเลี้ยงของนางอยู่ แม้ว่าเฉียวซื่อจะไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแต่ไม่ว่าอย่างไรคำพูดของผู้อื่นก็อาจจะทำให้นางไม่สบายใจ” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้ฟางเจียอีที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเต๋อเฟยก็พลันทอดถอนหายใจออกมา“ข้าเองก็คำนึงถึงเรื่องนี้จึงได้บอกกับพระนางว่าข้าจะขอมาปรึกษากับทางจวนผิงกั๋วกงก่อน” ฟางเจียอีเอ่ยพลางหันไปมองเฉินเจียวเจียวที่เดินนำหน้าบุตรสาวของนาง“ปีนี้เจียวเจียวโตขึ้นมาก ยังไม่ทันจ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 3 หลินชิงเหมย

    ยามที่คนสกุลหลินมาเยือนที่จวนฮูหยินผู้เฒ่าและเฉินเจียวเจียวออกไปต้อนรับที่โถงหลักของเรือนชั้นในด้วยตนเอง ผู้ที่มาก็คือฟางเจียอีป้าสะใภ้จากจวนสกุลหลิน ป้าสะใภ้ผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับหลินซื่อมารดาของเฉินเจียวเจียวเมื่อหลินซื่อล่วงลับป้าสะใภ้ผู้นี้ก็หมั่นมาเยี่ยมเยียนนางที่จวนอยู่บ่อยครั้ง เฉินเจียวเจียวจึงได้มีความรู้สึกดีต่อป้าสะใภ้ผู้นี้มากเป็นพิเศษส่วนญาติผู้น้องร่างกายบอบบางและดูซูบผอมของนางนั้นกำลังนั่งอยู่เงียบๆ ทางด้านหลังของฟางเจียอี หลินชิงเหมยคือบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากอนุภายในจวน แต่เพราะร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กป้าสะใภ้ของนางจึงรับหลินชิงเหมยมาดูแลด้วยตนเองและได้รับหลินชิงเหมยมาเป็นบุตรสาวภายใต้ชื่อทำให้หลินชิงเหมยขยับฐานะขึ้นมาเป็นบุตรสาวของภรรยาเอกแม้ว่าหลินชิงเหมยจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีแต่หากจะให้เทียบเคียงกลับหลินชิงหว่านบุตรสาวคนโตที่ถือกำเนิดจากป้าสะใภ้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ หลินชิงหว่านทั้งรูปโฉมงดงามกิริยาและวาจาก็ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีแม้แต่เฉินเจียวเจียวเองก็ยังแอบยกย่องนางอยู่ในใจ เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดสตรีที่มีดีทั้งรูปโฉม ชาติกำเนิดและท่วงท่ากิริยาเต็ม

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 2 รอการมาเยือน

    จวนผิงกั๋วกงตั้งอยู่ในตรอกสุ่ยอันของเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน ภายในตรอกสุ่ยอันแห่งนี้มีจวนขุนนางตำแหน่งสูงตั้งอยู่หลายจวน จวนขุนนางที่มีตำแหน่งสูงเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอันซับซ้อนมากมายภายในเรือนหลังของจวน ยิ่งตำแหน่งสูงมากก็ยิ่งมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนของผู้คนภายในจวนมากยิ่งขึ้น แต่จวนผิงกั๋วกงแห่งนี้กลับไม่ได้มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนและยุ่งเหยิงดังเช่นจวนขุนนางจวนอื่น อาจจะเป็นเพราะผู้คนภายในจวนไม่มากอีกทั้งยังมีการปกครองภายในจวนอย่างเข้มงวดผู้คนภายในจวนจึงใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุขเฉินเจียวเจียวอยู่ในจวนแห่งนี้ในฐานะคุณหนูใหญ่ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของผิงกั๋วกงและหลินซื่อ มารดาของนางตายจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก นางจึงได้รับการเลี้ยงดูจากฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉิน ส่วนเฉียวซื่อผู้เป็นภรรยาที่แต่งเข้ามาใหม่ของบิดาก็นับว่าเป็นมารดาเลี้ยงที่ดีพอสมควรเพียงแต่ระหว่างพวกนางสองคนไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะตอนที่เฉียวซื่อแต่งเข้ามาเฉินเจียวเจียวก็โตมากแล้วอีกทั้งยังมักจะอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้คนทั้งคู่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันบ้านรองและบ้

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status