Home / รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 10 ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

Share

บทที่ 10 ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-21 13:05:09

หลายวันถัดมาเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนก็มีเรื่องราวเล่าลืออันโด่งดังที่ทำให้ผู้คนต่างพากันพูดถึง อีกทั้งคราวนี้ยังเป็นเรื่องราวของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอย่างโซ่วอ๋อง ต่อให้เป็นเรื่องพยายามปกปิดมากสักเพียงใดแต่หน้าต่างล้วนมีหูประตูล้วนมีช่องไม่อาจจะปกปิดความอยากรู้ของผู้อื่นได้ ยิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งก็กระตุ้นให้ผู้อื่นยิ่งอยากจะรู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้น

โซ่วอ๋องลักลอบนัดพบสตรีอื่นในวัดต้าฝูทำให้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยกับความประพฤติของโซ่วอ๋องเป็นอย่างมากจนต้องเรียกโซ่วอ๋องเข้าวังมาตำหนิ เรื่องนี้แม้แต่เต๋อเฟยเองก็ยังพลอยโดนหางเลขไปด้วย ในฐานะที่อบรมพระโอรสได้ไม่ดี การออกพระโอษฐ์ตำหนิในครั้งนี้ถือว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวังหลังในทันที เต๋อเฟยจำต้องคุกเข่าสำนึกผิดหน้าพระตำหนักนานถึงสองชั่วยามกว่าจะทำให้ฝ่าบาททรงคลายความพิโรธลงได้

เมื่อข่าวลือเอ่ยถึงวัดต้าฝูก็มีหลายคนเอ่ยปากออกมาว่าพวกเขาต่างก็เคยเห็นว่าโซ่วอ๋องมักจะมีสตรีอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งอยู่เคียงข้างกายในวัดต้าฝูจริงๆ เมื่อมีการยืนยันหลายเสียงเช่นนี้หลายคนต่างพากันคาดเดากันใหญ่ว่าสตรีผู้นั้นคือผู้ใด เป็นคุณหนูจากสกุลไหนหรือเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาที่ท่านอ๋องลักลอบเลี้ยงดูเอาไว้ข้างนอก

“เสด็จพี่ของข้าทรงเสียสติไปแล้ว หากว่าอยากจะรับเลี้ยงดูสตรีสักคนก็ควรจะรับเข้าจวนอย่างถูกต้องไปเสียสิ ไม่เห็นจะต้องลักลอบนัดพบกันแล้วทำให้เกิดเรื่องเกิดราวลุกลามจนใหญ่โตเช่นนี้เลย เสด็จพี่ของข้าทำไม่ถูกข้ารู้ดีแต่เพราะเหตุใดเจ้าจึงต้องขอให้ข้าช่วยเจ้าโหมกระพือข่าวลือของเสด็จพี่ของข้าเช่นนี้ด้วย” องค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูเอ่ยกับสหายทั้งสองที่นั่งจิบน้ำชาในห้องส่วนตัวของหอหลิงฟางด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

“นั่นสิ! เจียวเจียวไม่ว่าจะช้ำใจมากสักเพียงใดแต่เจ้าก็ไม่ควรขอให้องค์หญิงเก้าช่วยโหมกระพือข่าวลือออกมาจนทำให้ผู้คนภายนอกต่างรับรู้ไปจนทั่วเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรว่าที่พระชายาของโซ่วอ๋องในเมื่อโซ่วอ๋องได้รับผลกระทบต่อชื่อเสียงเช่นนี้เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่พลอยโดนหางเลขไปด้วย” หวังฮุ่ยหลิงเอ่ยพลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ ส่วนเฉินเจียวเจียวที่ยามนี้เปิดหน้าต่างแล้วชะโงกใบหน้าอันงดงามออกไปรับลมจากภายนอกก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“ข้าคงจะเศร้าโศกจนเสียสติไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ช่างเถิดไม่ว่าอย่างไรยามนี้ชื่อเสียงของข้าก็ยังดีอยู่มิใช่หรือนอกจากจะถูกเอ่ยถึงมากขึ้นอีกนิดและถูกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาหน่อยๆ แต่ยามนี้ข้าก็ล้วนพึงพอใจต่อผลลัพธ์เช่นนี้อยู่ดี” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางมองออกไปนอกหน้าต่างพลางชื่นชมทิวทัศน์อีกฟากฝั่งของแม่น้ำด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แน่นอนว่าเมื่อมีคนเอ่ยถึงสตรีอ่อนเยาว์ที่อยู่เคียงข้างโซ่วอ๋องในวัดต้าฝูป้าสะใภ้ผู้เป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลหลินย่อมทำการตรวจสอบหลินชิงเหมยและอี๋เหนียงของนาง แม้ว่าเด็กสาวอย่างหลินชิงเหมยอาจจะใช้ข้ออ้างว่ายังเด็กและผลักความผิดทั้งหมดไปให้โซ่วอ๋อง แต่อี๋เหนียงที่เป็นมารดาแท้ๆ ของนางไม่อาจจะพ้นผิดได้

อี๋เหนียงผู้หนึ่งถูกส่งให้ไปสำนึกตนในวัดแต่กลับไม่ยอมสำนึกตนแต่โดยดี ออกอุบายยุแยงบุตรสาวที่ยังไม่โตเต็มวัยให้ทำตัวสนิทสนมและลักลอบนัดพบกับโซ่วอ๋องในที่ลับตาคนหลายครั้ง ต่อให้ไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียแต่ยามนี้ก็ไม่อาจจะหนีพ้นความผิดไปได้ ความตายของอี๋เหนียงผู้หนึ่งย่อมเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่เพียงกำราบอี๋เหนียงคนอื่นๆ ไม่ให้มีความคิดทะเยอทะยานแล้ว ยังเป็นการข่มขู่เด็กสาวอย่างหลินชิงเหมยได้เป็นอย่างดี หากวันหน้านางยังกล้ามีความคิดทะเยอทะยานจนเกินตัวอีก ฟางเจียอีผู้เป็นฮูหยินใหญ่และได้ชื่อว่าเป็นมารดาของนางย่อมไม่มีทางจะปล่อยนางไปเป็นแน่

แน่นอนว่าเพียงเท่านี้ยังไม่ทำให้เฉินเจียวเจียวพึงพอใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรโซ่วอ๋องก็ออกหน้าปกป้องหลินชิงเหมยเอาไว้แล้ว อีกทั้งเขายังออกหน้ารับผิดแถมยังออกหน้าช่วยปกป้องชื่อเสียงหลินชิงเหมยเอาไว้ด้วยการสัญญากับจวนสกุลหลินว่าหลังจากแต่งชายาเอกเข้าจวนแล้วเขาจะส่งเกี้ยวมาไปรับหลินชิงเหมยอย่างแน่นอน ทำให้หลินชิงเหมยรอดพ้นการถูกลงโทษจากฟางเจียอีไปได้

“ยังไม่ทันได้เข้าพิธีก็มีสตรีอื่นรอแต่งเข้าจวนอ๋องพร้อมเจ้าแล้ว แม้ว่าเสด็จพี่รองจะเป็นเชษฐาของข้า แต่ข้าองค์หญิงเก้าผู้นี้ก็อดรู้สึกอยากลงโทษเขาไม่ได้อยู่ดี เจียวเจียวเจ้าคงไม่คิดจะใช้เรื่องนี้มาตัดสัมพันธ์ความเป็นสหายระหว่างเรากระมัง” หลี่ถังหรูเอ่ยพลางขยับกายไปนั่งลงเคียงข้างเฉินเจียวเจียวที่เอนกายพิงหน้าต่างด้วยท่าที่ออดอ้อน

“หากหม่อมฉันคิดตัดสัมพันธ์กับองค์หญิงยามนี้พวกเราจะยังได้นั่งดื่มชาและต่อว่าผู้อื่นร่วมกันเช่นนี้หรือเพคะ” เฉินเจียวเจียเอ่ยพลางหยิบพัดกลมขึ้นมาโบกให้ตนเองเบาๆ

“ให้ข้าออกหน้าไปจัดการกับเด็กสาวคนนั้นให้เจ้าดีหรือไม่ ยังไม่เติบใหญ่เต็มที่ก็สามารถยั่วยวนเสด็จพี่ของข้าได้แล้ว หากนางเติบใหญ่เต็มที่เจ้าคงจะต้องน้ำตาตกเป็นแน่” คำพูดของหลี่ถังหรูทำให้รอยยิ้มของเฉินเจียวเจียวจางหายไปในทันที

“เจียวเจียวข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าไม่สบายใจ แต่ข้าสามารถกำจัดหลินชิงเหมยให้เจ้าได้นะ”

“จะกำจัดนางไปไย เรื่องเช่นนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางวางพัดของตนลงแล้วก็หันไปถามองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูด้วยสายตาจริงจัง

“หากหม่อมฉันไม่อยากแต่งเข้าจวนอ๋องแล้ว องค์หญิงจะทรงยินยอมช่วยหม่อมฉันหรือไม่” คำถามนี้ของเฉินเจียวเจียวทั้งจริงจังและกลั่นออกมาจากใจ หลี่ถังหรูนิ่งงันไปครู่หนึ่งแล้วสุดท้ายก็ยิ้มออกมา

“เจียวเจียว ไม่ว่าอย่างไรเสด็จพี่รองก็คือเชษฐาร่วมอุทรของข้านะ” เมื่อหลี่ถังหรูเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ก้มหน้าลงเพื่อปิดบังแววตาของตนเอง

“เจียวเจียวเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่เจ้าจะใช้อารมณ์มาตัดสินไม่ได้นะ” หวังฮุ่ยหลิงเอ่ยออกมาเสียงเบา

“เจียวเจียวไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นใจเจ้า แต่เจ้าจงคิดให้ดีหากเจ้าขอถอนหมั้นกับเสด็จพี่ของข้าวันหน้าเจ้าก็คงจะไม่อาจจะแต่งงานให้ผู้อื่นได้อีกแล้ว ในฐานะที่เจ้าเคยหมั้นหมายและเคยมีรายชื่อว่าจะแต่งเข้าราชวงศ์แต่กลับไม่ได้แต่งแล้วจะมีบุรุษที่มีฐานะธรรมดาทั่วไปคนใดบ้างที่จะกล้าออกหน้าแต่งงานกับเจ้าอีก” คำพูดของหลี่ถังหรูทำให้เฉินเจียวเจียวยิ้มออกมา

“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่คิดจะแต่งงาน จะอยู่เป็นสาวเทื้อแก่คาเรือนให้พี่ชายของหม่อมฉันเลี้ยงดู” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้ทั้งหลี่ถังหรูและหวังฮุ่ยหลิงต่างทอดถอนใจออกมา

“เจ้าคิดว่าจะสามารถยกเลิกการหมั้นหมายได้อย่างง่ายดายหรือ” เมื่อหวังฮุ่ยหลิงเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็พยักหน้า

“ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน ข้ามั่นใจว่าหากข้าพยายามอีกนิดต้องยกเลิกการหมั้นหมายในครั้งนี้ได้แน่” เฉินเจียวเจียวเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ ในเมื่อยามนี้หลี่ไท่หยางมีข่าวลือว่าเป็นคนประพฤติตนนอกกรอบ หากทางนางเป็นฝ่าขอยกเลิกการหมั้นหมายก็ย่อมจะมีคนเข้าใจและรู้สึกเห็นอกเห็นใจนางอยู่บ้าง แต่ที่แน่ๆ เต๋อเฟยจะต้องออกหน้าคัดค้านเต็มกำลังเป็นแน่

คำพูดของบรรดาเด็กสาวที่อยู่ข้างห้องทำให้บุรุษสองคนที่กำลังนั่งเดินหมากกันอยู่ได้ยินอย่างชัดเจน แม้ว่าผนังของโรงน้ำชาแห่งนี้จะสามารถเก็บเสียงได้ แต่ดูเหมือนว่าสตรีเหล่านั้นจะไม่รู้ว่าเมื่อพวกนางเปิดหน้าต่างและคนที่อยู่ภายในห้องด้านข้างห้องเปิดหน้าต่างเช่นกัน เสียงพูดคุยของพวกนางจะสามารถหลุดลอดออกมาจนคนที่อยู่ข้างสามารถได้ยินคำพูดของพวกนางได้อย่างชัดเจน

“ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน” คำพูดนี้ของนางทำให้บุรุษทั้งสองต่างนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แต่แล้วบุรุษที่สวมใส่ชุดสีดำก็เป็นฝ่ายวางหมากก่อนเขาส่งยิ้มให้บุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามโดยไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา แต่คนตรงข้ามกลับไม่ได้สนใจเขาสักนิดยังคงเดินหมากต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status