Home / รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 11 โทสะของโซ่วอ๋อง

Share

บทที่ 11 โทสะของโซ่วอ๋อง

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-22 22:12:19

นิ้วมือเรียวชาวของบุรุษชุดดำขยับหมากในมือพลางยิ้มออกมาด้วยสีหน้ารื่นรมย์แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบแอบฟังผู้อื่นพูดคุยกันแต่ยามนี้การแอบฟังกลับกลายเป็นความบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนบุรุษชุดขาวที่นั่งตรงข้ามกับเขากลับยังคงนั่งเดินหมากประดุจเหมือนไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น

“เคราะห์ดีที่ข้ายังไม่มีสัญญาหมั้นหมายกับผู้ใด เสด็จแม่ของข้ายังหาบุรุษที่จะขายข้าออกไปเพื่อช่วยค้ำจุนฐานะของเสด็จพี่รองของข้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นข้าเองก็คงจะทุกข์ใจไม่ต่างจากเจ้าหรอก” เมื่อหลี่ถังหรูเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ขยับกายอีกครั้งแล้วหันไปมองใบหน้าของสหายรัก

พวกนางสนิทสนมกันมาตั้งแต่เยาว์วัย นางเข้าออกตำหนักในของเต๋อเฟยอยู่บ่อยครั้งทำให้สนิทสนมกับองค์หญิงเก้าผู้นี้เป็นอย่างมาก ส่วนหวังฮุ่ยหลิงนั้นมาสนิทสมกันในตอนหลัง หวังฮุ่ยหลิงคือคุณหนูสามของสกุลหวังเป็นบุตรสาวคนเล็กที่มากความสามารถของท่านราชครูหวัง เป็นเพราะพวกนางมีความชอบหลายอย่างเช่นเดียวกันจึงได้คบค้าสมาคมกันมานานหลายปี

ในช่วงชีวิตก่อนเท่าที่เฉินเจียวเจียวยังจำได้สุดท้ายหลี่ถังหรูถูกส่งตัวไปแต่งงานยังแดนไกล ส่วนหวังฮุ่ยหลิงได้แต่งกับบุตรชายคนเล็กของผู้บัญชาการเซียวต้องติดตามสามีไปอยู่ตามหัวเมืองชายแดนทางทิศใต้ พวกนางทั้งสามจึงได้เหินห่างต่อกัน ชีวิตในชาติก่อนของสหายสุขทุกข์อย่างไรนางไม่เคยรู้เลย มีเพียงจดหมายที่ส่งถึงกันเดือนละไม่กี่ฉบับที่ล้วนต่างเขียนมาบอกกับสหายว่าพวกตนสบายดี แต่แท้จริงแล้วสบายดีจริงหรือไม่เฉินเจียวเจียวก็ไม่อาจจะล่วงรู้ เพราะแม้แต่ตัวนางเองไม่ได้อยู่สุขสบายเลยสักนิดแต่กลับเขียนจดหมายไปบอกกับสหายว่านางสุขสบายดี

“หรือว่าพวกเราจะพร้อมใจกันทำให้ตนเองแต่งงานออกเรือนไม่ได้ จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจกับการแขวนชีวิตของตนเองบนความเมตตาปรานีของสามี”

“... ความคิดกับการกระทำบางครั้งก็มักจะสวนทางกัน พวกเจ้าจะเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ข้าคงไม่อาจจะยกเลิกการหมั้นหมายของตนเองได้ ไม่ว่าอย่างไรการหมั้นหมายกับคนสกุลเซียวในครั้งนี้ก็เป็นความต้องการของท่านพ่อของข้า เขาคงไม่อยากจะให้ข้าแต่งเข้าตำหนักในเหมือนพี่สาว จึงได้จงใจจะส่งข้าแต่งออกไปกับสกุลเซียวที่อยู่ห่างไกลออกไปเช่นนี้” คำพูดของหวังฮุ่ยหลิงทำให้บุรุษชุดขาวที่นั่งอยู่อีกห้องถือหมากค้างเอาไว้ แต่เมื่อได้สบเข้ากับสายตาของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็รีบวางหมากของตนเองลงในทันที

“เจ้าเคยบอกกับข้าว่าคุณชายหกสกุลเซียวคือสหายร่วมเรียนกับองค์รัชทายาทมิใช่หรือ ในฐานะที่ท่านพ่อของเจ้าเป็นพระอาจารย์ขององค์รัชทายาทก็คงจะเคยสอนเขามาบ้าง คนอย่างท่านราชครูหวังไม่มีทางยอมให้เจ้าที่เป็นบุตรสาวที่เขารักที่สุดแต่งออกไปกับคนไม่ได้ความเป็นแน่ ในเมื่อคุณชายเซียวเคยเป็นศิษย์ของท่านพ่อของเจ้า เขาก็คงไม่ใช่คนเลวร้าย” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้หวังฮุ่ยหลิงส่ายหน้า

“จวนขุนนางฝ่ายบู๊ไม่ได้เป็นระเบียบเรียบร้อยดั่งเช่นจวนผิงกั๋วกงของเจ้าเสมอไป เท่าที่ข้ารู้บุตรหลานจากจวนแม่ทัพมักจะรู้สึกดูถูกดูแคลนสตรีที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตำราเช่นข้า ข้ากังวลว่าเมื่อแต่งออกไปอาจจะพูดจากับสามีไม่รู้เรื่องแบบอาสะใภ้รองของเจ้าเสียมากกว่า ข้ายังเคยได้ยินคำนินทาว่าท่านอารองของเจ้าไม่ค่อยจะอยากกลับมาเมืองหลวง เป็นเพราะว่าเขาเบื่อหน่ายภรรยาที่เอาแต่หมกตัวอยู่กับบทกวีอย่างอาสะใภ้รองของเจ้ามิใช่หรือ” คำพูดของหวังฮุ่ยหลิงทำให้เฉินเจียวเจียวหัวเราะออกมาเบาๆ

“เป็นเช่นนั้นที่ไหนกันเล่า ท่านอารองของข้าทะนุถนอมและรักใคร่ท่านอาสะใภ้เสียยิ่งกว่าผู้ใด ข้างกายไม่มีทั้งอนุและสาวใช้อุ่นเตียง เพียงแต่ท่านอารองหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องอาวุธและกองทัพมากเฉกเช่นเดียวกับท่านพ่อของข้า เขาจึงไม่ค่อยจะมีเวลาให้อาสะใภ้ของข้ามากนัก นางก็เลยใช้เพลงพิณและบทกวีเพื่อปลอบประโลมความคิดถึงยามต้องไกลห่างเพียงเท่านั้น” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้หลี่ถังหรูก็พยักหน้า

“ข้าจำได้ว่าท่านอาสะใภ้รองของเจียวเจียวมีบุตรชายถึงสองคนและยังมีบุตรสาวอีกหนึ่งคน ถ้าคนเขาเข้ากันไม่ได้จะมีลูกด้วยกันถึงสามคนหรือ เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย เท่าที่ข้ารู้อย่างน้อยพวกขุนนางบู๊ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอนุภรรยาให้ปวดใจ แค่เวลาจะได้อยู่ร่วมกันกับภรรยายังยากเลย คิดในแง่ดีเจ้าก็ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องสตรีอื่นของสามีอย่างไรเล่า” เมื่อหลี่ถังหรูเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ส่ายหน้า

“ไม่ว่าจะเป็นจวนไหนก็หลีกหนีไม่พ้นเรื่องสตรีอื่นของสามีหรอก” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางทอดถอนใจออกมา

ท่านอาสามของนางก็หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องในกองทัพเช่นเดียวกันแต่ข้างกายของเขากลับไม่เคยขาดสาวงาม เคราะห์ที่ที่ท่านอาสะใภ้สามของนางเป็นคนใจกว้าง อีกทั้งยังชื่นชอบการอยู่ร่วมกับสาวงามมากมายเช่นเดียวกัน ประกอบกับนางเป็นคนดุดันและชื่นชอบการฝึกยุทธ์ บรรดาอนุเหล่านั้นจึงหวาดกลัวนางเป็นอย่างยิ่งไม่มีผู้ใดกล้าคิดป่ายปีนเกินฐานะของตนเอง บ้านสามจึงได้อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง เพียงแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นมาของสหายรักแล้วนางก็ไม่อาจจะบอกเล่าสถานการณ์ของบ้านสามได้ นางจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องบ้านสามของจวนผิงกั๋วกงออกมา

“หากข้าแต่งงานข้าก็ไม่อยากแต่งให้กับบุรุษเจ้าชู้หลายใจ แม้ว่าจะไม่อาจจะมีข้าเพียงคนเดียวได้แต่ก็ควรจะให้เกียรติข้าในฐานะภรรยาเอกให้มากสักหน่อย แต่ทำเยี่ยงไรได้สตรีฐานะอย่างพวกเรามีสิทธิ์เลือกได้หรือ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางขยับกายเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถตงจื้อก็รีบเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าแตกตื่น

“คุณหนูเจ้าคะ โซ่วอ๋องเสด็จมาที่นี่เจ้าค่ะ” ยังไม่ทันที่เฉินเจียวเจียวจะได้เอ่ยอันใดประตูห้องรับรองพิเศษของโรงน้ำชาหลิงฟางก็ถูกโซ่วอ๋องหลี่ไท่หยางเปิดเข้ามาด้วยสีหน้าถมึงทึงในทันที

“เฉินเจียวเจียว เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่” คำพูดของหลี่ไท่หยางทำให้สตรีที่อยู่ในห้องรีบขยับกายลุกขึ้นยืนแล้วย่อกายคารวะทักทายเขาในทันที

“ต้องขออภัยเพคะ ไม่ทราบว่าเรื่องทั้งหมดที่ท่านอ๋องตรัสถึงคือเรื่องใดบ้างหรือเพคะ” คำถามของเฉินเจียวเจียวทำให้โซ่วอ๋องรู้สึกขัดเคืองจนอดสบถออกมาไม่ได้

“เป็นอย่างที่ชิงเหมยเคยพูดไว้จริง ฉากหน้าเจ้าดูเหมือนว่าจะมีจิตใจโอบอ้อมอารีแต่ลับหลังกลับเป็นคนจิตใจคับแคบ และเจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าคิดว่าการที่เจ้าสั่งให้ถังหรูกระจายข่าวเรื่องวัดต้าฝูเพื่อเอาชีวิตอี๋เหนียงของชิงเหมยข้าจะไม่รู้เท่าทันเจ้าหรือ” คำพูดของหลี่ไท่หยางทำให้เฉินเจียวเจียวหลุบตาลงพลางคิดในใจว่าเรื่องนี้นับว่าเป็นไปตามที่นางวางแผนแล้ว

“ถังหรูเจ้าก็เช่นกันเห็นแก่คนนอกจนไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง แม้ว่าชิงเหมยจะไม่ใช่สายเลือดของท่านน้าแต่นางก็นับได้ว่าเป็นบุตรสาวในนามของท่านน้าของเจ้านะ” ประโยคหลังหลี่ไท่หยางหันไปตำหนิหลี่ถังหรูด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“พี่ชิงหว่านข้ายังจะพอนับว่าเป็นญาติของพวกเราได้ แต่สตรีที่เกิดจากท้องอนุและมีท่วงท่าดุจนางจิ้งจอกน้อยเช่นนั้น ต้องขอโทษทีข้าฝืนนับญาติกับนางไม่ได้จริงๆ” คำพูดของหลี่ถังหรูทำให้หลี่ไท่หยางระเบิดโทสะออกมาในทันที

“หลี่ถังหรู!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status