Share

บทที่ 62 หักหลัง

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:33:10

เมื่อเฉินเจียวเจียวกลับมาถึงจวนบรรดาผู้อาวุโสของนางก็รออยู่ที่โถงกลางกันอย่างพร้อมหน้า ผิงกั๋วกงจ้องมองไปยังสาวใช้ร่างใหญ่สามคนแล้วก็พลันแค่นหัวเราะออกมา ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อมองเห็นหลานชายทั้งสามแล้วก็ได้แต่ภาวนาอยู่ภายในใจว่าขออย่าให้คนในจวนของว่าที่หลานสะใภ้ของนางได้เห็นหลานชายทั้งสามของนางในสภาพเช่นนี้เลย

“ยังไม่รีบไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอีก” คำพูดของผิงกั๋วกงทำให้คุณชายทั้งสามรีบขอตัวกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เรือนของตนในทันที ส่วนเฉินเจียวเจียว เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ยืนก้มหน้าเพื่อรอรับถ้อยคำตำหนิจากผิงกั๋วกงในทันที

“พวกเจ้าช่างกล้านัก คิดกระทำการใดๆ โดยไม่คิดจะปรึกษาผู้อาวุโสเลยสักนิด โดยเฉพาะเจ้าเจียวเจียวเหตุใดเจ้าจึงได้พาน้องสาวของเจ้าออกไปเสี่ยงเช่นนี้” คำพูดของผิงกั๋วกงทำให้เฉินเจียวเจียวรีบคุกเข่าเพื่อขออภัยในทันที

“ข้าไม่อยากทำให้คนชั่วไหวตัวทัน ในเมื่อเทียบเชิญที่ส่งมามีชื่อของเจียวเหม่ยและเจียวมี่ ข้าก็เลยจำเป็นต้องพาพวกนางไปเจ้าค่ะ”

“ท่านลุงใหญ่อย่าได้โทษเจียวเจียวเลยนะเจ้าคะ เป็นข้าที่อาสาไปเองเจ้าค่ะ” เฉินเจียวเหม่ยเอ่ยพลางคุกเข่าลงข้างกายเฉินเจียวเจียว

“ท่านลุงใหญ่ หลานเองก็อยากไปกับพี่เจียวเจียวเจ้าค่ะ ไม่ว่าอย่างไรหลานก็ไม่มีทางปล่อยให้พี่เจียวเจียวไปที่นั่นคนเดียวอย่างเด็ดขาด” เฉินเจียวมี่เอ่ยพลางคุกเข่าลงเคียงข้าพี่สาวทั้งสอง

“ในเมื่อพวกนางล้วนปลอดภัยเจ้าก็อย่าได้ตำหนิพวกนางนักเลย อย่างน้อยการที่พวกนางพาพี่ชายของพวกนางไปด้วยก็เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าเรื่องนี้พวกนางใคร่ครวญมาดีแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ไม่ว่าอย่างไรการที่พวกนางไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ในจวนก็ล้วนไม่เหมาะสม” ผิงกั๋วกงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“หากพวกนางบอกพี่ใหญ่จะให้พวกนางไปหรือ พี่ใหญ่ท่านก็อย่าได้เคร่งครัดกับพวกนางนักเลย พวกนางไม่ใช่ทหารในกองทัพของพวกเราเสียหน่อย แล้วอีกอย่างกลับมาคราวนี้เจียวเจียวก็รู้ความมาก การจัดการของนางแม้แต่ข้าเองก็ยังคิดว่าจัดการได้ดีมาก” เฉินเฟิงนายท่านสามเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“นั่นสิพี่ใหญ่ การจัดการของเจียวเจียวนับว่าดีมากทีเดียว หากพวกเราไปกระตุ้นที่กรมอาญาเสียหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถใช้เรื่องนี้ทำให้จวนสกุลเจ้าต้องแบกรับความอัปยศเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ คุณชายใหญ่จวนสกุลจ้าวเพราะเจ็บแค้นคุณหนูในสกุลของพวกเราก็เลยวางแผนสร้างมลทินให้แก่พวกนาง แถมเขายังทำให้ญาติผู้น้องจากสกุลหลินของเจียวเจียวต้องสูญเสียความบริสุทธิ์อีกด้วย” เฉินคุนนายท่านรองที่ยืนอยู่อีกด้านเอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ทำให้ผิงกั๋วกงเฉินคังอดนิ่วหน้าไม่ได้

“พวกเจ้าก็เอาแต่ตามใจพวกนาง ช่างเถิดขอแค่พวกนางปลอดภัยข้าก็วางใจ แต่ตอนนี้พวกเราควรจะไปที่กรมอาญาอย่างน้องรองเอ่ยมาน่าจะดี เรื่องในคราวนี้ข้าจะต้องดึงจวนสกุลจ้าวมากแปดเปื้อนให้ได้มากที่สุด ทางที่ดีผลักดันให้เป็นเรื่องใหญ่โตยิ่งว่าบุญคุณความแค้นระหว่างสองจวนได้ยิ่งดี” ผิงกั๋วกงเอ่ยกับน้องชายทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วจึงได้หันไปมองสาวน้อยทั้งสามด้วยสีหน้าดุดัน

“ช่วงนี้พวกเจ้าทั้งสามจงเก็บตัวอยู่แต่ในเรือน ห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนอย่างเด็ดขาด รอจนกว่าจะมีอนุญาตจากข้าพวกเจ้าจึงจะสามารถออกจากเรือนได้” เมื่อผิงกั๋วกงเอ่ยเช่นนี้คุณหนูทั้งสามของจวนผิงกั๋วกงก็ล้วนรับคำอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อเห็นเช่นนั้นผิงกั๋วกงและน้องชายทั้งสองจึงได้เดินทางไปที่กรมอาญา

เมื่อไปถึงกรมอาญาผิงกั๋วกงจึงได้รู้ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องออกหน้าองค์รัชทายาทก็จัดการยัดเยียดข้อหาคิดก่อการกบฏให้จ้าวซีเฉิงไปเสียแล้ว เฉินคุนที่เดิมทีคิดจะมายัดเยียดข้อหาให้คุณชายใหญ่สกุลจ้าวถึงกับต้องรีบหันไปกระซิบกับพี่ชายด้วยความคาดไม่ถึงไปในทันที

“นี่ออกจะยัดเยียดข้อหาที่ใหญ่โตเกินเรื่องไปหรือไม่ ไม่ใช่ว่าบาททรงยกยอว่าพระโอรสพระองค์นี้ฉลาดหลักแหลมที่สุดในบรรดาพระโอรสหรอกหรือ เหตุใดจึงได้สร้างเรื่องที่ดูไม่น่าเชื่อถือมายัดเยียดให้แก่คุณชายใหญ่จวนสกุลจ้าวเช่นนี้เล่า” คำพูดของน้องชายทำให้ผิงกั๋วกงแค่นหัวเราะออกมา เขาจ้องมององค์รัชทายาทที่ใช้คำว่าคู่หมั้นของคุณหนูจวนผิงกั๋วกงมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่บุตรสาวของเขา ส่วนอดีตคู่หมั้นอย่างโซ่วอ๋องนั้นยามนี้ได้แต่ยืนทำสีหน้าซีดเซียวอยู่ทางด้านหลังขององค์รัชทายาท

“องค์รัชทายาทข้อหานี้จะไม่ดูหนักหนาเกินไปสักหน่อยหรือ กระหม่อมก็แค่สั่งให้ลูกน้องสร้างสถานการณ์เพื่อทำลายชื่อเสียงขอคุณหนูจวนผิงกั๋วกงแต่พระองค์กลับยัดเยียดข้อหาคิดก่อการกบฏมาให้กระหม่อมเช่นนี้ นี่ออกจะเป็นการใส่ร้ายกันมากจนเกินไปหรือไม่” คำพูดนี้ของจ้าวฉีทำให้องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงหัวเราะออกมาในทันที

“ท่านเจ้ากรมอาญาโม่ ท่านลองสอบถามที่ปรึกษาผู้นี้ดูเสียหน่อยว่าเป็นเพราะเหตุใดช่วงนี้เขาจึงได้ลักลอบส่งจดหมายติดต่อกับคุณหนูรองสกุลหลิน” หลี่ไท่หลงเอ่ยพลางสั่งให้คนพาซ่งมามาและที่ปรึกษาของจ้าวฉีนำเข้ามาในห้องโถงหลักของกรมอาญาด้วย เพราะคราวนี้เกี่ยวกันกับชื่อเสียงของราชวงศ์กรมอาญาจึงได้ทำการไต่สวนเป็นการภายใน เจ้ากรมอาญาโม่เจาจึงได้ทำการไต่สวนคดีในโถงหลักของกรมอาญา

“องค์รัชทายาทนี่คือผู้ใด” โม่เจาเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเดิมทีเขาคิดว่าเป็นแค่เพียงการแก้แค้นไปมาระหว่างสองสกุลใหญ่ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ แต่ยามนี้องค์รัชทายาทกลับตั้งใจจะทำให้กลายเป็นคดีใหญ่เช่นนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้

“ชายผู้นั้นคือที่ปรึกษาของท่านเสนาบดีจ้าวฉี ส่วนสตรีผู้นั้นคือมามาที่สอนมารยาทให้แก่คุณหนูรองสกุลหลิน ส่วนนี่ก็คือจดหมายที่ที่ปรึกษาของเสนาบดีจ้าวส่งโต้ตอบกับคุณหนูรองสกุลหลินโดยผ่านซ่งมามา” คำพูดนี้ขององค์รัชทายาททำให้หลินชิงเหมยที่ในยามนี้แต่งกายเรียบร้อยดีแล้วอดส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธไม่ได้

“จดหมายอันใดข้าไม่รู้เรื่อง” เมื่อแม่ว่านางจะเอ่ยเช่นนี้แต่องค์รัชทายาทกลับไม่สนใจหันไปสั่งให้คนนำจดหมายที่นางเขียนโต้ตอบและวางแผนให้ยั่วยุโซ่วอ๋อง และวางแผนให้ร้ายเฉินเจียวเจียวนำไปมอบให้แก่ท่านเจ้ากรมอาญาโม่เจา

“หลักฐานแน่นหนาจนถึงขั้นนี้เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ” คำพูดขององค์รัชทายาททำให้หลินชิงเหมยหันไปมองสาวใช้ของตนในทันที นางจดจำได้ว่าจดหมายทุกฉบับนางล้วนจัดการเผาทิ้งกับมือของตนเอง จุดผิดพลาดเพียงอย่างเดียวก็คือจดหมายทุกฉบับล้วนผ่านมือสาวใช้ของนาง

ส่วนเหลียนฮวานั้นรีบหลบสายตาของเจ้านายของตนเองในทันที ที่นางสามารถเป็นสาวใช้ข้างกายของหลินชิงเหมยได้ก็เพราะว่านางมีความแตกฉานทางด้านอักษร หลังจากรับเงินจากคนของจวนผิงกั๋วกงแล้วจดหมายทุกฉบับที่ผ่านมือนาง นางมักจะเก็บฉบับจริงเอาไว้แล้วคัดลอกจดหมายออกมาอีกฉบับเพื่อทำเป็นจดหมายปลอมนำไปส่งให้เจ้านายและคัดลอกจดหมายของเจ้านายเพื่อนำไปส่งให้แก่ซ่งมามา เพื่อที่ซ่งมามาจะได้สามารถนำจดหมายปลอมฉบับนั้นไปส่งให้แก่ที่ปรึกษาของจ้าวฉีอีกที จดหมายที่ทั้งหลินชิงเหมยและที่ปรึกษาได้รับจึงล้วนเป็นลายมือของนาง ส่วนจดหมายฉบับจริงนางลักลอบส่งมอบให้แก่คนของเฉินเจียวเจียว ซึ่งเฉินเจียวเจียวก็รวบรวมแล้วนำไปมอบให้แก่องค์รัชทายาทผ่านทางหอเมฆา

จดหมายฉบับจริงที่นำมาเป็นหลักฐานจึงล้วนแล้วแต่เป็นลายมือของหลินชิงเหมยและลายมือของที่ปรึกษาของจ้าวฉี หลินชิงเหมยได้แต่จ้องมองสาวใช้ของตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่นางไว้ใจที่สุดจะหักหลังนางได้เช่นนี้

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้เห็นทีว่าคงจะไม่ใช่แค่เพียงความขัดแย้งระหว่างจวนผิงกั๋วกงและจวนสกุลจ้าวเสียแล้ว” เฉินเฟิงกระซิบเอ่ยกับพี่ชายทั้งสองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาส่วนผิงกั๋วกงที่ยามนี้กำลังจับจ้องการกระทำขององค์รัชทายาทอยู่ถึงกับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกหลายส่วน

‘บุตรสาวของข้ากำลังช่วยเขากำจัดสกุลจ้าว’ นี่คือความคิดของผิงกั๋วกงและเขาเชื่อว่าองค์รัชทายาทไม่มีทางหยุดเพียงเท่านี้แน่ เพียงแต่คงต้องรอดูว่าบุตรสาวของเขาให้ความร่วมมือกับองค์รัชทายาทไปจนถึงขั้นไหนแล้ว...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 66 โทษทัณฑ์

    สกุลจ้าวก่อกบฏต้องโทษประหารทั้งสกุล เหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อให้เกิดความวุ่นวายอยู่ไม่น้อย แต่เพราะมีกองกำลังของสกุลหยวน สกุลเซียวและสกุลเฉินคอยตรึงกำลังอยู่จึงทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถเก็บกวาดคนสกุลจ้าวและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏได้อย่างรวดเร็วและสะอาดหมดจดเฉินเจียวเจียวยืนมองลานประหารที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดด้วยสีหน้าเย็นชา คนที่เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วเช่นนางย่อมไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้มากนัก“เจ้าจะขอให้ไว้ชีวิตนางไปเพื่อเหตุใด” องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงที่ยามนี้บนใบหน้ามีแต่ความเหนื่อยล้าและเคร่งเครียดเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนสกุลหลิน เป็นบุตรสาวของท่านลุงทางฝั่งมารดาของหม่อมฉัน หากนางต้องโทษกบฏคนสกุลหลินก็คงจะถูกลากลงไปแปดเปื้อนกับนางด้วย มิสู้ทำให้นางกลายเป็นสตรีต้องโทษด้วยข้อหาวางแผนให้ร้ายผู้อื่น ล่วงเกินเบื้องสูงและให้การเท็จโทษทัณฑ์ของนางก็คงจะเบาบางลงมาก” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงแค่นหัวเราะออกมา“หากไม่รู้อะไรก็คงจะคิดว่าเจ้ามีเมตตาต่อนาง แต่จากที่ข้ารู้โทษทัณฑ์ที่นางจะได้

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 65 โชคดี

    เช้าวันรุ่งขึ้นราชสำนักต้าเยียนก็เกิดความวุ่นวาย โม่เจาเจ้ากรมอาญาถวายฎีกาขอถอดถอนตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายขวาของจ้าวฉี ขุนนางในท้องพระโรงถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ขุนนางส่วนใหญ่ต่างคัดค้านการถอดถอนตำแหน่งของจ้าวฉี แต่เมื่อเจ้ากรมอาญาโม่เจาแจกแจงความผิดอย่างละเอียดแล้วไม่ใช่แต่เพียงเสนาบดีฝ่ายซ้ายจ้าวฉีที่ควรถูกถอดถอน ยังมีขุนนางอีกไม่น้อยที่โยงใยและเกี่ยวข้องต่อการทุจริตหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างหนัก ทั้งสั่งจับกุมทั้งสั่งจำคุกขุนนางที่มีความผิด ที่สำคัญทรงมีราชโองการปลดจ้าวฉีออกจากตำแหน่งอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย และสั่งให้กรมอาญาสอบสวนเรื่องที่จ้าวฉีซ่องสุมกำลังพล เหตุการณ์ในท้องพระโรงล้วนเป็นไปตามการคาดการณ์ของเฉินเจียวเจียวเกือบทั้งสิ้น แต่ที่นางคาดไม่ถึงก็คือจ้าวฉีไม่เพียงไม่ยินยอมรับราชโองการ แต่กลับป่าวประกาศออกมาว่าตนเองถูกใส่ร้ายจ้าวฉีไม่ยอมเข้าประชุมขุนนางในยามเช้าที่ท้องพระโรง แต่กลับพาครอบครัวหลบหนีออกไปอยู่นอกกำแพงเมืองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขานำกองกำลังมาล้อมรอบเมืองหลวงเอาไว้แล้วประกาศต่อผู้อื่นว่าองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงต้องการแก้แค้นเขาด้วยเรื่องส่วนตัวโดยร่วมมือกับท่านเจ้ากรมอาญ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 64 แย่งชิงอำนาจ

    การตายของจ้าวซีเฉิงทำให้ทุกคนต่างพากันทอดถอนใจด้วยความเสียดาย โดยเฉพาะองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงที่ได้แต่ทอดถอนใจออกมาด้วยคิดเสียดายต่อการตัดสินใจด้วยอารมณ์ของคุณชายใหญ่ผู้นี้ จ้าวซีเฉิงคงจะคิดว่าขอแค่เพียงเขาตาย บิดาของเขาก็คงจะสามารถโยนความผิดทั้งหมดมาที่เขาถึงยามนั้นคนสกุลจ้างก็คงจะปลอดภัย เพียงแต่โทษกบฏนั้นย่อมไม่สามารถที่จะจบลงที่คนเพียงคนเดียวได้อยู่แล้ว“สตรีนางนี้ฝากกรมอาญาขังเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็ยังสามารถใช้นางเป็นพยานยืนยันว่าจวนสกุลจ้าววางแผนยุยงให้โซ่วอ๋องมีความแตกแยกกับข้า เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรเล่าน้องรอง” ประโยคสุดท้ายองค์รัชทายาทหันไปเอ่ยกับโซ่วอ๋อง“เรื่องนี้กระหม่อมไม่มีความเห็นพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อมีพยานหลักฐานยืนยันว่านางทำผิดจริง กระหม่อมเองก็คงไร้หนทางจะช่วยเหลือนางแล้ว” โซ่วอ๋องเอ่ยพลางหลุบตาลง“ต่อให้เจ้าอยากช่วยก็คงจะไม่ได้ นางไม่ใช่สตรีไร้เดียงสาอย่างที่เจ้าคิดยามนี้เจ้าก็เห็นแล้ว หากปล่อยให้นางอยู่ข้างกายเจ้าชีวิตของเจ้าในวันหน้าคงยากที่จะสงบสุข” องค์รัชทายาทเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วจึงได้สั่งให้คนของกรมอาญาพาหลินชิงเหมยไปขังเอาไว้ก่อน ส่วนสาวใช้ของหลินชิงเหมยแ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status