Share

บทที่ 61 ส่งกรมอาญา

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:32:25

องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงเดินเข้าไปในห้องกวาดสายตาเย็นชาไปมองร่างเปลือยเปล่าของจ้าวซีเฉิงแล้วก็พลันแค่นหัวเราะออกมา ส่วนจ้าวซีเฉิงที่ยามนี้เริ่มได้สติแล้วก็รีบปกปิดร่างกายท่อนล่างอันเปลือยเปล่าของตนเองในทันที เขาหันมองสาวใช้ที่ยามนี้แล้วก็ยังสลบไหลไม่ได้สตินอนอยู่กับพื้น แล้วจึงได้หันไปมองสตรีที่มีเสื้อคลุมตัวนอกของโซ่วอ๋องปิดบังร่างกายเอาไว้ ในขณะที่กำลังสับสนและงุนงงว่าเมื่อครู่นี้ตนเองทำสิ่งใดลงไป เสียงขององค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงก็พลันดังขึ้น

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าสตรีผู้นี้เชื่อถือไม่ได้ ถูกจับได้คาหนังคาเขาก็ยังไม่ยอมรับ ตนเองทำเรื่องชั่วช้าแล้วก็ยังไม่พอยังคิดจะยัดเยียดความชั่วช้าให้ผู้อื่นอีก” คำพูดขององค์รัชทายาททำให้หลินชิงเหมยส่ายหน้าปฏิเสธในทันที โซ่วอ๋องขมวดคิ้วหันไปมองเหลียนฮวาที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่แล้วจึงได้ถามหลินชิงเหมยด้วยน้ำเสียงตึงเครียด

“เจ้ามาทำอันใดที่นี่ แล้วเหตุใดจึงได้เข้ามาอยู่ในห้องหับมิดชิดกับคุณชายใหญ่สกุลจ้าวเช่นนี้” เมื่อถูกถามเช่นนี้หลินชิงเหมยก็พลันนิ่งงันไป

“นางย่อมตอบไม่ได้ เจ้าดูเอาเองก็แล้วกันช่วงนี้ไม่ใช่ว่านางคอยยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าอยู่หรือ แล้วเหตุใดนางจึงได้มานั่งดื่มชาและทำเรื่องไม่ดีในห้องนี้กับคุณชายใหญ่สกุลจ้าว เฮอะ! ถามนางไปก็คงจะไม่ได้เรื่อง ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามาทำให้สาวใช้ผู้นี้ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้” คำพูดขององค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงทำให้หลินชิงเหมยรู้สึกหวาดหวั่น นางหลั่งน้ำตาออกมาพลางหันไปมองโซ่วด้วยสายตาอ้อนวอน

ตงจื้อเดินเข้ามาแล้วเข้าไปปลุกเหลียนฮวา ใช้เวลาครู่หนึ่งเหลียนฮวาจึงได้รู้สึกตัว เมื่อเหลียนฮวาเห็นว่ามีผู้อื่นอยู่ภายในห้องโดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าขอนางคือคนของคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกง นางก็รีบหันไปมองคุณหนูของตนเองในทันที

“คุณหนู” เหลียนฮวาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาหลินชิงเหมยรีบหันไปมองนางแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในทันที

“เหลียนฮวา เจ้ารีบบอกกับโซ่วอ๋องเร็วว่าข้าถูกผู้อื่นล่อลวง” เมื่อหลินชิงเหมยเอ่ยเช่นนี้โซ่วอ๋องก็ขยับกายออกจากนางแล้วเดินไปทำร้ายจ้าวซีเฉิงในทันที ส่วนจ้าวซีเฉิงที่ถูกโซ่วอ๋องทั้งเตะและต่อยก็คิดได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าคงคิดจะโยนความผิดมาให้เขา เขาจึงได้พยายามป้องกันร่างกายบางส่วนของตนเองให้พ้นจากการทำร้ายของโซ่วอ๋องแล้วก็รีบส่งเสียงปฏิเสธในทันที

“หลินชิงเหมยเจ้าอย่าได้คิดว่าโยนความผิดมาให้ข้าแล้วเจ้าจะรอดตัว โซ่วอ๋องเป็นนางที่เชิญกระหม่อมมา พวกเรานั่งดื่มน้ำชาด้วยกันแต่น่าจะเพราะในน้ำชามียาบางอย่างผสมอยู่ กระหม่อมจึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นลงไป” คำพูดของจ้าวซีเฉิงทำให้หลินชิงเหมยรู้สึกเดือดดาล นางเคยคิดว่าเขาจะฉลาดแล้วช่วยแก้ต่างให้แก่คนทั้งคู่ว่าเขาและนางถูกผู้อื่นกลั่นแกล้ง คิดไม่ถึงว่าเพราะความอยากเอาตัวรอดของเขาจึงทำให้เขายัดเยียดความผิดมาที่นางเช่นนี้

“รอบกายข้ามีสตรีงดงามอยู่มากมาย แล้วเหตุใดคนเช่นข้าจึงจะต้องมาทำเรื่องชั่วช้าเพื่อล่วงเกินสตรีที่ยังไม่โตเต็มวัยเช่นนี้ด้วย” คำพูดของจ้าวซีเฉิงทำให้พวกของเฉินเจียวเจียวยังคงยืนรอที่หน้าประตูถึงกับหันไปส่งยิ้มให้กัน

“ท่านอ๋องเพคะ อาเหมยถูกผู้อื่นให้ร้าย” หลินชิงเหมยเอ่ยพลางก้มหน้า แต่เฉินเจียวเจียวกลับไม่คิดจะเสียเวลาที่จะได้กำจัดนางอีกต่อไป จึงได้สั่งให้คนโยนคนส่งเทียบเชิญและบรรดาชายชุดดำที่จับได้ทั้งหมดเข้ามาในห้อง

“เจ้าถูกใส่ร้ายหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ข้าถูกคนลักลอบเล่นงานอยู่ฝั่งโน้น และก็ตั้งใจจะมาเอาเรื่องเจ้าที่ฝั่งนี้คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกำลังเริงรักอยู่กับคนชั่วเช่นนี้อยู่แล้วยังกล้าร้องขอความเมตตาว่าตนเองถูกผู้อื่นให้ร้ายอีก” คำพูดของเฉินเจียวเจียทำให้หลินชิงเหมยขมวดคิ้ว นางจ้องมองคนของนางแล้วก็หันไปมองเหลียนฮวาในทันที

ส่วนจ้าวซีเฉิงยามนี้เขารู้แล้วว่าตนเองพ่ายแพ้เขาหันไปมองหลินชิงเหมยด้วยสายตาไม่พอใจ วางแผนลอบทำร้ายผู้อื่นไม่สำเร็จตนเองโดนคนเขาเล่นงานกลับแล้วยังคิดจะโยนความผิดมาให้เขาทั้งหมดอีก เด็กสาวคนนี้เขาเคยคิดว่านางปราดเปรื่องแต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ครั้งนี้จ้าวฉีบิดาเรื่องนี้เขาเลือกใช้คนผิดอีกแล้ว ซึ่งเขาคิดว่าตนเองไม่มีความจำเป็นที่จะต้องช่วยหลินชิงเหมยอีกต่อไปเขาจึงได้ขยับกายลุกขึ้น จัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยแล้วหันไปมองเฉินเจียวเจียวด้วยสีหน้าราบเรียบ

ส่วนโซ่วอ๋องที่ก่อนหน้านี้กำลังจะไปดื่มน้ำชาที่หอหลิงฟางกับองค์รัชทายาท แต่เพราะเป็นเฉินเจียวเจียวและน้องสาวของนางวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากองค์รัชทายาทบอกว่านางถูกคนวางแผนให้ร้าย แล้วยังบอกว่านางจับคนที่จะมาทำร้ายนางได้แล้ว ผู้บงการอยู่ที่หอเยี่ยนโหรวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นางจึงขอให้องค์รัชทายาทมาช่วยนางจัดการกับคนที่คิดวางแผนให้ร้ายนาง คิดไม่ถึงว่าเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะได้เห็นว่าหลินชิงเหมยกำลังถูกจ้าวซีเฉิงล่วงเกินอยู่ ในตอนแรกเขาก็เข้าใจว่านางถูกจ้าวซีเฉิงรังแก แต่ยามนี้เขากลับรู้สึกสับสนไปเสียแล้วว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นผู้ใดที่ถูกรังแกและถูกวางแผนให้ร้ายกันแน่

ส่วนหลินชิงเหมยที่ยามนี้รู้ตนเองดีว่าร่างกายของตนแปดเปื้อนไปแล้ว แถมโซ่วอ๋องยังมาเห็นด้วยตนเองเช่นนี้ต่อให้นางคิดจะปฏิเสธก็ไม่ทันไปเสียแล้ว นางแค่เพียงทำให้ตนเองดูน่าสงสารและขอความเห็นใจก็น่าจะผ่านพ้นเรื่องราวไปได้ แต่ต่อให้สามารถผ่านพ้นเรื่องราวในคราวนี้ไปได้ สายตาที่โซ่วอ๋องใช้มองนางก็คงจะไม่เหมือนเดิมแล้ว นางมองสถานการณ์รอบกายแล้วก็ได้แต่ร่ำไห้ออกมาพลางคิดคำนวณว่านางจะทำอย่างไรต่อไปดี

“อย่าได้มัวเสียเวลา เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การวางแผนให้ร้ายกันของสตรีในเรือนหลัง แต่กลับเกี่ยวพันไปถึงการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของข้ากับโซ่วอ๋อง แถมยังคิดทำลายความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับจวนผิงกั๋วกงด้วย น้องรองเจ้าไม่ใช่คนโง่ น่าจะคิดได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การให้ร้ายกันธรรมดา ห้องที่เจียวเจียวถูกลอบทำร้ายคือห้องที่เจ้ากำลังจะพาข้าไปใช่หรือไม่ แล้วเป็นผู้ใดวางแผนให้เจ้าพาข้าไปที่นั่น” คำพูดนี้ขององค์รัชทายาททำให้โซ่วอ๋องหันไปมองหลินชิงเหมยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปในทันที

“ท่านอ๋อง…” หลินชิงเหมยเอ่ยพลางส่ายหน้าแต่องค์รัชทายาทกลับไม่คิดจะปล่อยให้นางได้เอ่ยวาจาชักจูงโซ่วอ๋องอีกเขาหันไปสั่งคนของเขาด้วยสีหน้าตึงเครียด

“นำคนเหล่านี้ไปส่งที่กรมอาญา ให้ท่านเจ้ากรมโม่เจาดูแลคดีด้วยตนเอง เรื่องเป็นอย่างไรขอให้เขาเร่งตรวจสอบความจริงให้ได้โดยเร็วที่สุด” เมื่อองค์รัชทายาทเอ่ยเช่นนี้องครักษ์ของเขาก็เดินเข้ามาจับกุมทุกคนในทันทีหลินชิงเหมยส่ายหน้าพลางส่งเสียงอ้อนวอน

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะ” แต่โซ่วอ๋องหลี่ไท่หยางกลับไม่ได้หันไปมองนาง ส่วนจ้าวซีเฉิงที่ยามนี้รู้แล้วว่าตนเองถูกวางกับดักก็หันไปมององค์รัชทายาทและเฉินเจียวเจียวด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น

“เสด็จพี่ เรื่องนี้หากถึงกรมอาญาชื่อเสียงของอาเหมยก็คง…” โซ่วอ๋องยังไม่ทันได้เอ่ยจบองค์รัชทายาทก็เอ่ยขัดคำพูดของเขา

“เจ้าเป็นห่วงชื่อเสียงของนาง แล้วชื่อเสียงของเจียวเจียวของข้าเล่า หากวันนี้แผนการให้ร้ายของนางสำเร็จลุล่วงข้าจะเป็นเช่นไร นางจะเป็นเช่นไร จวนผิงกั๋วกงกับตำหนักบูรพาของข้าจะเป็นเช่นไรเจ้าคิดเอาไว้หรือไม่ น้องรองเรื่องบางเรื่องอย่าได้ใช้อารมณ์ตัดสินใจ เจ้าสงสารหลินชิงเหมย แล้วเจียวเจียวของข้าเล่าหากนางไหวตัวไม่ทันคนที่ถูกทำร้ายในวันนี้ก็คงจะเป็นนาง” เมื่อองค์รัชทายาทเอ่ยเช่นนี้โซ่วอ๋องก็หันไปมองเฉินเจียวเจียวด้วยสีหน้าจืดเจื่อน

“เจ้าวางใจเถิดกรมอาญาคงจะไม่ทำให้แม่นางน้อยคนหนึ่งต้องลำบากใจหรอก หากหลินชิงเหมยไม่ผิดนางย่อมถูกปล่อยตัว แต่ถ้าหากว่านางทำผิดข้าเองก็ไม่อาจจะละเว้น” คำพูดขององค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงทำให้โซ่วอ๋องต้องยอมจำนน

“พวกเราไปที่กรมอาญากันเถิด เจียวเจียวเจ้าพาน้องของเจ้ากลับจวนไปก่อนผลการสอบสวนเป็นเช่นไรข้าจะส่งคนไปแจ้งให้เจ้าทราบที่จวนผิงกั๋วกงเอง”

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ”

“พวกเราไปที่กรมอาญาด้วยกันเถิด เรื่องราวเป็นเช่นไรใครวางแผนทำร้ายใครข้าเองก็อยากได้ความกระจ่างเช่นกัน” องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงเอ่ยพลางเดินนำหน้าออกจากห้องไป โซ่วอ๋องจึงจำเป็นต้องติดตามองค์รัชทายาทไปที่กรมอาญา ส่วนเฉินเจียวเจียวเมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทรับเรื่องไปดำเนินการต่อแล้วนางก็ไม่คิดจะอยู่ข้างนอกเพื่อในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นนี้อีกจึงได้ชักชวนบรรดาพี่ชายและน้องสาวของนางกลับจวนผิงกั๋วกงในทันที ด้วยแน่ใจว่าคนอย่างองค์รัชทายาทเมื่อลงมือด้วยตนเองไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่ผู้อื่นเป็นแน่ อย่างน้อยก็คงยากที่จะมีผู้ใดสามารถทุ่มเถียงชนะเขาได้ นอกจากพยานหลักฐานแล้วการพูดจากลับขาวให้กลายเป็นดำซึ่งความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวขององค์รัชทายาทน่าจะสามารถช่วยทำให้นางจัดการกับหลินชิงเหมยได้ในที่สุด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 66 โทษทัณฑ์

    สกุลจ้าวก่อกบฏต้องโทษประหารทั้งสกุล เหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อให้เกิดความวุ่นวายอยู่ไม่น้อย แต่เพราะมีกองกำลังของสกุลหยวน สกุลเซียวและสกุลเฉินคอยตรึงกำลังอยู่จึงทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถเก็บกวาดคนสกุลจ้าวและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏได้อย่างรวดเร็วและสะอาดหมดจดเฉินเจียวเจียวยืนมองลานประหารที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดด้วยสีหน้าเย็นชา คนที่เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วเช่นนางย่อมไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้มากนัก“เจ้าจะขอให้ไว้ชีวิตนางไปเพื่อเหตุใด” องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงที่ยามนี้บนใบหน้ามีแต่ความเหนื่อยล้าและเคร่งเครียดเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนสกุลหลิน เป็นบุตรสาวของท่านลุงทางฝั่งมารดาของหม่อมฉัน หากนางต้องโทษกบฏคนสกุลหลินก็คงจะถูกลากลงไปแปดเปื้อนกับนางด้วย มิสู้ทำให้นางกลายเป็นสตรีต้องโทษด้วยข้อหาวางแผนให้ร้ายผู้อื่น ล่วงเกินเบื้องสูงและให้การเท็จโทษทัณฑ์ของนางก็คงจะเบาบางลงมาก” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงแค่นหัวเราะออกมา“หากไม่รู้อะไรก็คงจะคิดว่าเจ้ามีเมตตาต่อนาง แต่จากที่ข้ารู้โทษทัณฑ์ที่นางจะได้

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 65 โชคดี

    เช้าวันรุ่งขึ้นราชสำนักต้าเยียนก็เกิดความวุ่นวาย โม่เจาเจ้ากรมอาญาถวายฎีกาขอถอดถอนตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายขวาของจ้าวฉี ขุนนางในท้องพระโรงถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ขุนนางส่วนใหญ่ต่างคัดค้านการถอดถอนตำแหน่งของจ้าวฉี แต่เมื่อเจ้ากรมอาญาโม่เจาแจกแจงความผิดอย่างละเอียดแล้วไม่ใช่แต่เพียงเสนาบดีฝ่ายซ้ายจ้าวฉีที่ควรถูกถอดถอน ยังมีขุนนางอีกไม่น้อยที่โยงใยและเกี่ยวข้องต่อการทุจริตหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างหนัก ทั้งสั่งจับกุมทั้งสั่งจำคุกขุนนางที่มีความผิด ที่สำคัญทรงมีราชโองการปลดจ้าวฉีออกจากตำแหน่งอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย และสั่งให้กรมอาญาสอบสวนเรื่องที่จ้าวฉีซ่องสุมกำลังพล เหตุการณ์ในท้องพระโรงล้วนเป็นไปตามการคาดการณ์ของเฉินเจียวเจียวเกือบทั้งสิ้น แต่ที่นางคาดไม่ถึงก็คือจ้าวฉีไม่เพียงไม่ยินยอมรับราชโองการ แต่กลับป่าวประกาศออกมาว่าตนเองถูกใส่ร้ายจ้าวฉีไม่ยอมเข้าประชุมขุนนางในยามเช้าที่ท้องพระโรง แต่กลับพาครอบครัวหลบหนีออกไปอยู่นอกกำแพงเมืองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขานำกองกำลังมาล้อมรอบเมืองหลวงเอาไว้แล้วประกาศต่อผู้อื่นว่าองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงต้องการแก้แค้นเขาด้วยเรื่องส่วนตัวโดยร่วมมือกับท่านเจ้ากรมอาญ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 64 แย่งชิงอำนาจ

    การตายของจ้าวซีเฉิงทำให้ทุกคนต่างพากันทอดถอนใจด้วยความเสียดาย โดยเฉพาะองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงที่ได้แต่ทอดถอนใจออกมาด้วยคิดเสียดายต่อการตัดสินใจด้วยอารมณ์ของคุณชายใหญ่ผู้นี้ จ้าวซีเฉิงคงจะคิดว่าขอแค่เพียงเขาตาย บิดาของเขาก็คงจะสามารถโยนความผิดทั้งหมดมาที่เขาถึงยามนั้นคนสกุลจ้างก็คงจะปลอดภัย เพียงแต่โทษกบฏนั้นย่อมไม่สามารถที่จะจบลงที่คนเพียงคนเดียวได้อยู่แล้ว“สตรีนางนี้ฝากกรมอาญาขังเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็ยังสามารถใช้นางเป็นพยานยืนยันว่าจวนสกุลจ้าววางแผนยุยงให้โซ่วอ๋องมีความแตกแยกกับข้า เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรเล่าน้องรอง” ประโยคสุดท้ายองค์รัชทายาทหันไปเอ่ยกับโซ่วอ๋อง“เรื่องนี้กระหม่อมไม่มีความเห็นพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อมีพยานหลักฐานยืนยันว่านางทำผิดจริง กระหม่อมเองก็คงไร้หนทางจะช่วยเหลือนางแล้ว” โซ่วอ๋องเอ่ยพลางหลุบตาลง“ต่อให้เจ้าอยากช่วยก็คงจะไม่ได้ นางไม่ใช่สตรีไร้เดียงสาอย่างที่เจ้าคิดยามนี้เจ้าก็เห็นแล้ว หากปล่อยให้นางอยู่ข้างกายเจ้าชีวิตของเจ้าในวันหน้าคงยากที่จะสงบสุข” องค์รัชทายาทเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วจึงได้สั่งให้คนของกรมอาญาพาหลินชิงเหมยไปขังเอาไว้ก่อน ส่วนสาวใช้ของหลินชิงเหมยแ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status