“แล้วเรื่องนี้ผมควรจะทำอย่างไรดี พูดไปชาวบ้านคงไม่เชื่ออย่างที่คุณบอก” ตงเหวินหมิงเริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าบอก เนื่องจากเขาเป็นผู้ชายและไม่ค่อยสนใจคำครหาของชาวบ้าน แต่ลืมไปว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจจะกระทบกับลูกทั้งสองคน โดยเฉพาะลูกสาวอย่างตงฟางลี่
“เรื่องนี้ฉันจัดการเองถ้าคุณไม่ตำหนิฉันนะ หากไม่เช่นนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นคงไม่หยุดวุ่นวายกับคุณแน่” หยางเหมยจินคล้ายกับจะตัดสินใจบางอย่าง เนื่องจากเธอไม่มีอะไรจะให้เสียหายแล้ว ชื่อเสียงสำหรับเธอเป็นเพียงแค่ของประดับเท่านั้น การที่จะได้ช่วยผู้มีพระคุณทำให้เธอยอมที่จะแลก
“อย่าบอกนะว่าคุณจะ...” ตงเหวินหมิงเหมือนจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ จึงได้มีสีหน้าตกใจ
“ใช่ค่ะ เรื่องอื่นปล่อยไว้ก่อน หากทำแบบนี้อย่างน้อยฉันก็สามารถออกมาจากบ้านของคุณและช่วยงานทุกคนได้ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะ ถ้าเมื่อไรที่คุณมีหญิงสาวที่ชอบ ฉันจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอคนนั้นได้รับรู้ด้วยตัวเอง คุณคิดเห็นว่าอย่างไร” หญิงสาวคิดว่าเขารู้แล้วว่าเธอจะทำอะไร จึงบอกเขาไม่ให้กังวลหากเขามีคนรักในภายหลัง
“คุณคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้ แต่คุณจะเสียหายได้นะ” ตงเหวินหมิงยังคงกังวลถึงชื่อเสียงของหญิงสาวตรงหน้า หากเธอออกหน้าช่วยเขา บางทีเรื่องราวอาจจะยุ่งเหยิงกว่าเดิมหรือว่าอาจจะดีขึ้นอย่างที่คิด เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้
“คิดดีแล้วค่ะ อย่างน้อยเวลานี้ฉันยังสามารถช่วยเหลือคุณได้บ้าง เอาเป็นว่าเราสองคนมาร่วมมือกันก่อนดีกว่า แต่คุณมั่นใจใช่ไหมว่าเรื่องเอกสารตัวตนของฉันจะไม่มีปัญหา เท่าที่ฟังคุณและสองแฝดเล่ามา หากฉันไม่มีเอกสารส่วนนั้นคงทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิม”
ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร หยางเหมยจินไม่ต้องการที่จะสร้างเรื่องวุ่นวายหรือว่าทำให้บ้านตงเดือดร้อนหากเธอปรากฏตัวขึ้นมา จึงถามเรื่องเอกสารขึ้นมา
“เรื่องเอกสารคุณไม่ต้องกังวล อีกสามวันผมจะไปรับเอกสารชุดนั้นมาให้คุณเอง” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างมั่นใจ
ในส่วนเอกสารส่วนตัวของหยางเหมยจินเขาไม่เป็นกังวล เพราะรู้ดีว่านายท่านหลู่นั้นทำงานเป็นอย่างไร หากเขาทำงานเสร็จตามที่ได้รับข้อเสนอมา ก็สามารถไปรับเอกสารชิ้นนั้นได้เลย
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายรับปากเรื่องเอกสาร เวลานี้หยางเหมยจินไม่คิดที่จะกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว
“เช่นนั้นเราออกจากมิติกันเถอะ” พูดจบหยางเหมยจินจึงคว้ามือของชายหนุ่มแล้วพาออกมาจากมิติทันที
เมื่อมายืนอยู่ในบ้าน ทั้งสองจึงนัดแนะกันอีกเล็กน้อย จากนั้นตงเหวินหมิงจะเป็นฝ่ายเดินออกมาจากบ้านก่อน
“มีอะไรกันหรือเปล่า ถึงมาโวยวายอยู่ตรงนี้” ตงเหวินหมิงเปิดประตูออกมาพร้อมกับถามขึ้นทันทีพร้อมกับจ้องมองไปที่หญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“พี่แอบซ่อนผู้หญิงไว้ในบ้านใช่ไหม ฉันยืนเรียกอยู่นานพี่ถึงไม่ยอมออกมาเปิดประตูเสียที” ซูหว่านถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมเปิดประตูแล้ว
ชาวบ้านบริเวณนี้ก็ไม่ยอมไปไหนเหมือนกัน นั่นก็เพราะต้องการชมเรื่องราวสนุก
“ผมจะแอบซ่อนหรือว่ามีผู้หญิงอยู่ในบ้าน เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ว่าแต่คุณยังไม่ตอบผมเลยว่าคุณมาโวยวายอะไรในบ้านของผม เท่าที่ผมจำได้ก่อนเข้ามาประตูรั้วผมก็ปิดไว้แล้ว”
สายตาคมเข้มมองไปยังประตูรั้วที่เวลานี้เปิดกว้างคล้ายกับต้อนรับคนเข้ามา
“กะ ก็ฉันเองนี่แหละที่เปิดเข้ามา พี่ลืมไปหรือเปล่าว่า พี่ต้องรับผิดช...” แต่ซูหว่านยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงหวานดังออกมาจากในบ้าน
“ใครมาวุ่นวายบ้านเราหรือคะพี่หมิง”
เนื่องจากเจอมารยาสตรีในจวนอ๋องจากชาติที่แล้วมานักต่อนัก การที่หยางเหมยจินจะแกล้งทำเป็นสตรีที่ยั่วยวน จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นมากนัก
สภาพหญิงสาวที่เดินออกมานั้นเสื้อผ้าคล้ายกับไม่ค่อยเรียบร้อยนัก คนที่เห็นภาพนี้คิดอย่างอื่นไม่ได้เลยจริง ๆ แม้กระทั่งตงเหวินหมิงที่เห็นสภาพของผู้ร่วมแผนการ ก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอเล่นเกินความจริงไปหรือเปล่า คิ้วของชายหนุ่มจึงขมวดแทบจะชนกัน ก่อนสายตาหันไปเห็นผ้าผืนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจึงคว้ามาไว้แล้วคลุมร่างกายของเธอไว้อย่างมิดชิด
“ทำไมออกมาสภาพนี้ พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอาเหมยไม่ต้องออกมา” ชายหนุ่มส่งเสียงดุปนอ่อนโยนกลับไปให้หญิงสาว พร้อมกับเปลี่ยนคำเรียกตามที่นัดแนะกับหยางเหมยจินไว้
ทว่าหยางเหมยจินยังไม่ทันได้ตอบ ซูหว่านที่หน้ามืดเพราะความอิจฉาก็ถลาเข้ามาหมายจะจิกหัวของคนที่มาแย่งตงเหวินหมิงไปจากเธอ แต่เพราะหยางเหมยจินเตรียมการมาอย่างดีจึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ทำให้อีกฝ่ายล้มไปกองกับพื้นเสียงดังลั่น
โครม!!
ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ปิดตาอย่างหวาดเสียว เพราะรู้ดีว่าล้มทั้งยืนนั้นเจ็บแค่ไหน
ส่วนหยางเหมยจินนั้นยืนไม่ต่างจากจุดเดิม เนื่องจากเธอแค่เบี่ยงตัวหลบเท่านั้นทำให้ไม่ต้องขยับเขยื้อนไปไหน
“กรี๊ดดด!!!!!! นี่แกกล้าทำร้ายฉันหรือ” ซูหว่านกรีดร้องขึ้นมาเสียงดัง พร้อมกับโวยวายและโยนความผิดให้หยางเหมยจิน ที่ทำให้เธอต้องล้มมากองอยู่ตรงนี้
“อ้าวคุณ จะกล่าวหาใครหัดดูเสียก่อนนะคะ ไม่ใช่คุณหรอกหรือที่จะเข้ามาทำร้ายฉัน ว่าแต่คุณทำอีท่าไหนล่ะถึงได้ล้มลงไปนอนกองอย่างนั้น” หยางเหมยจินยืนกอดอกถามขึ้นพร้อมกับ
ปรายตามองในขณะที่ถามนั่นทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ได้แต่ยกมือปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะ พร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยในคำพูดของหญิงสาวแปลกหน้า
ใบหน้าของซูหว่านเวลานี้บิดเบี้ยวแทบดูไม่ได้ เพราะแค้นใจที่เธอกลายเป็นตัวตลกของทุกคน แต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบลุกขึ้น แม้จะยังมีความเจ็บที่ก้นและสะโพกอยู่ก็ตาม
“หล่อนเป็นใคร ทำไมถึงได้มาอยู่ในบ้านของพี่เหวินหมิง ดูสภาพของหล่อนสิ น่าอายสิ้นดี”
ซูหว่านจ้องหน้าหยางเหมยจินอย่างเอาเรื่องพร้อมกับพูดจาจิกกัดและกระทบกระทั่งอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นใคร
“ผู้หญิงคนนี้จะเป็นใคร มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยหรือ” ตงเหวินหมิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาบ่งบอกว่าเขาไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่มีใครบางคนมายุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเขา
“ทำไมฉันจะถามไม่ได้ พี่ก็น่าจะรู้ว่าฉันถามเพราะอะไร พี่อย่าลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราสิ”
ซูหว่านพูดขึ้นเสียงดังขึ้นอีก เพื่อหวังว่าให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ได้ยินและสงสัยในคำพูดของเธอ เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจะได้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา คราวนี้ล่ะพี่เหวินหมิงจะต้องรับผิดชอบเธอ โดยการรับเธอเป็นภรรยาของเขา
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่กับผู้หญิงคนนี้หรือคะ หรือว่าเป็นเรื่องวันนั้น วันที่ฉันกำลังอาบน้ำอยู่อีกฝั่งแล้วมีผู้หญิงเข้ามากอดพี่จากทางด้านหลังจนพี่ต้องวิ่งหนีมาหาฉัน หรือว่าคนคนนั้นคือผู้หญิงตรงหน้าฉันหรือคะ ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ”
หยางเหมยจินถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะเดินหน้าขึ้นมาคล้ายกับจะเอาเรื่องหญิงสาว
นี่จึงทำให้ซูหว่านผงะจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว และพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “หมะ หมายความว่าอย่างไร เรื่องระหว่างฉันกับพี่เหวินหมิงในวันนั้น ทำไมถึงมีคนอื่นอยู่ด้วยล่ะ”
“นั่นสิอาหมิง เรื่องราวในวันนั้นที่ซูหว่านพูดถึงคือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วผู้หญิงคนนี้คือใครกัน ตอนที่พวกนายย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน ได้บอกว่าแม่ของสองแฝดตายแล้วไม่ใช่หรือ”
พ่อเฒ่าในหมู่บ้านคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา เรื่องที่ภรรยาของตงเหวินหมิงตายไปแล้วนั้นทุกคนล้วนรู้ดี และสงสารในชะตากรรมของสามคนพ่อลูกยิ่งนัก ผู้นำหมู่บ้านในวันนั้นเลยแบ่งที่ดินและให้สร้างบ้านอาศัยอยู่ วันเวลาผ่านมาเกือบสิบเอ็ดปี เรื่องข่าวคาวความเสียหายไม่มีเลยจากบ้านตง แต่ครั้งนี้ทำไมถึงมีหญิงสาวสองคนมาโต้เถียงกันล่ะ คนชราเช่นเขาไม่เข้าใจคนหนุ่มสาวเสียเลย
ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ
ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่
ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา
ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด
บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่
บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช