“ที่นี่คือ…” ตงเหวินหมิงอดที่จะถามไม่ได้ สายตาคมเข้มประดุจเหยี่ยวสำรวจรอบ ๆ ด้วยความสนใจ
ไม่ใช่เพราะที่นี่คือที่ที่เก็บอาหารและสิ่งของมากมาย แต่ที่นี่กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนต่างหาก
“ที่นี่คือจวนตระกูลหยาง ก่อนแต่งงานฉันก็อยู่ที่นี่ล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างร่าเริง
เมื่อมายังสถานที่ที่คุ้นเคย หยางเหมยจินจึงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับเล่าถึงคนในครอบครัวให้อีกฝ่ายฟัง ซึ่งเขาก็นั่งฟังอย่างใส่ใจ
“จริงสิ ฉันได้ยินว่าคุณมักจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์อยู่เสมอ ในจวนแห่งนี้มีห้องเก็บอาวุธ คุณลองไปดูธนูไหมเผื่อว่าจะได้ที่ถูกใจ จากนั้นเราค่อยไปเลือกผ้าเอามาตัดชุดให้กับทุกคน ฉันไม่กล้าเลือกเองเพราะไม่รู้ว่ายุคของคุณใส่เสื้อผ้าแบบไหน และใส่สีสดใสได้หรือเปล่า”
หยางเหมยจินพูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตงเหวินเมิงต้องไปล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารให้ลูกๆ เธอจึงเสนอให้เขาไปเลือกอาวุธที่มีมากมายในจวนแห่งนี้ ส่วนเรื่องเสื้อผ้านั้น เท่าที่ดูจากการ
แต่งกายของสามคนพ่อลูกเธอเห็นเพียงเสื้อผ้าธรรมดา แม้จะไม่มีรอยปะแต่ก็ไม่ได้ใหม่นัก อีกทั้งยังไม่มีสีสดใสเลย จึงอยากจะตัดเย็บให้พวกเขาใหม่“จะเป็นการรบกวนคุณเกินไป อย่าดีกว่า อีกอย่างแม้ว่าผมจะดูแลลูก ๆ ทั้งสองด้วยตัวเอง แต่เรื่องตัดเย็บผมไม่ถนัด ในตลาดมืดและในเมืองมีร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จหลายร้าน ผมค่อยไปซื้อให้ลูกดีกว่า จริงสิ ผมเห็นว่าคุณใส่ชุดของพี่สาวผมได้ ผมวันนี้แวะซื้อมาให้สองชุด ออกไปลองเอาไปใส่ดูด้วยนะ”
ตงเหวินหมิงนึกได้ว่าวันนี้ตอนแวะซื้อของเข้าบ้าน เขาได้แวะซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงขนาดไล่เลียกับของพี่สาวมาสองชุด และคิดว่าอีกฝ่ายน่าใส่ได้ จึงบอกกับเธอเรื่องเสื้อผ้า
ความมีน้ำใจของชายหนุ่ม ทำให้หยางเหมยจินซาบซึ้งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจขออยู่กับครอบครัวนี้
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณและยิ้มให้ชายหนุ่ม
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หน้าประตูบ้านตงกำลังถูกทุบเสียงดังด้วยการกระทำของใครบางคน
“เปิดประตูนะพี่เหวินหมิง ฉันรู้นะว่าพี่แอบซ่อนผู้หญิงไว้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ซูหว่านทั้งทุบประตูและแผดเสียงเรียกอย่างโมโห เธอเห็นแล้วว่าตงเหวินหมิงนั้นแอบซ่อนผู้หญิงไว้ในบ้าน เมื่อครู่นี้เธอเห็นเต็มตา และพยายามแอบฟังอยู่นานแต่ก็ได้ยินไม่ชัด เมื่อรู้สึกว่าภายในบ้านนั้นเงียบลง เธอจึงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากทั้งสองกำลังจะมีความสัมพันธ์กัน
ภายในมิติ
พอได้ยินเสียงใครบางคนเรียกตงเหวินหมิง หยางเหมยจินจึงมองหน้าชายหนุ่มคล้ายกับคำถามว่าใครเรียก แต่เขาก็ส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ
“ถ้าเช่นนั้นเราออกไปกันเถอะ เผื่อว่าหญิงสาวคนนั้นมีเรื่องเร่งด่วน เขาอาจจะกำลังหึงหวงคุณก็ได้ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจเอง” เธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีเรื่องด่วนเลยคิดจะพาชายหนุ่มออกมา และเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังโวยวายเพราะอาการหึงหวง
“ไม่มีอะไรหรอก ปล่อยเธอไปเถอะ และผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ แม้กระทั่งชื่อของเธอผมยังจำไม่ได้ ผมและผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักกัน” ตงเหวินหมิงเลือกที่ไม่สนใจ และไม่คิดจะพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าฟัง ไม่ใช่เพราะอับอายแต่เขามองว่ามันไม่จำเป็น
“แต่การที่เธอมาโวยวายเช่นนี้ คุณจะเดือดร้อนเอาได้นะคะ บางสิ่งบางอย่างเผชิญหน้าดีกว่าเราบ่ายเบี่ยงนะ ฉันคิดว่าเวลานี้เธอคงกลายเป็นที่สนใจของชาวบ้านแล้วละ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างที่เธอคิด เพราะเสียงดังขนาดนั้นย่อมเรียกความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี
และก็เป็นอย่างที่หยางเหมยจินคาดเดา เวลานี้ชาวบ้านที่เดินผ่านต่างก็หยุดมองหญิงสาวและถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“แล้วนั่นซูหว่านลูกสาวบ้านซูใช่หรือไม่ แล้วทำไมหญิงที่ยังไม่แต่งงานถึงมายืนโวยวายอยู่ที่หน้าบ้านตงล่ะ” นางจงซื่อกล่าวกับสหายที่เดินมาด้วยกัน
“หล่อนกับฉันเดินมาด้วยกัน หล่อนไม่รู้แล้วฉันจะรู้ไหมนางจง” นางต้วนย้อนถามกลับไป มาด้วยกันแล้วถามเธอ เธอจะมีคำตอบให้หรือไม่ละ
หน้าบ้านตงเริ่มมีคนมายืนดูหลายคน เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกทั้งเวลานี้ในขณะที่ซูหว่านมายืนโวยวายอยู่ตรงนี้ แล้วทำไมตงเหวินหมิงถึงไม่ออกมา หรือว่าเขาจะไม่อยู่บ้าน
“นังซูหว่าน หล่อนมายืนร้องเรียกเหวินหมิงทำไมหรือ” นางจงซื่ออดไม่ได้ที่จะสอดปากถาม
ซูหว่านได้ยินเช่นนั้นจึงได้หันมาถลึงตาใส่ แล้วตวาดเสียงตอบ “แก่ก็อยู่ส่วนแก่ไปเถอะป้า อย่ามายุ่งเรื่องของหนุ่มสาวเลย”
ไม่รู้เพราะกำลังหงุดหงิดหรือเปล่า ซูหว่านจึงได้ตอบกลับเช่นนี้ นี่จึงทำให้นางจงซื่อต้องยกมือข้างหนึ่งเท้าเอวและอีกข้างชี้หน้าซูหว่านอย่างไม่พอใจ ก่อนจะด่าออกไป
“หน็อยแน่ หล่อนมันยังเป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ฉันอายุปูนนี้แล้วแก่กว่าแม่ของหล่อนอีก ฉันถามดี ๆ แต่หล่อนตอบกลับเหมือนฉันรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน มันน่านัก สมควรแล้วที่เหวินหมิงไม่ไยดีหล่อน” นางจงซื่อยืนหอบเล็กน้อย เมื่อชี้หน้าด่าอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว
“ใครบอกป้าล่ะว่าพี่เหวินหมิงไม่สนใจฉัน อีกไม่นานหรอก เขาจะต้องรับฉันเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้านตงอย่างแน่นอน” ซูหว่านมั่นใจว่าตงเหวินหมิงจะต้องกลัวคำครหาแล้วรับเธอเป็นภรรยาแน่ หากเธอประกาศเรื่องในวันนั้นออกมา อีกทั้งยังมีความกดดันจากชาวบ้านเมื่อได้รู้เรื่องในวันนั้นทั้งหมด
“หล่อนมั่นใจได้อย่างไรว่าเหวินหมิงจะรับหล่อนเป็นเมีย ตั้งแต่เขาหอบลูกทั้งสองคนเข้ามาอยู่หมู่บ้านนี้ หญิงสาวไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้วที่ชอบและอยากเข้ามาเป็นแม่ของสองแฝด แต่ว่าฉันไม่เห็นเหวินหมิงเขาจะยอมรับหรือชายตาแลมองผู้หญิงคนไหนเลยสักคนเดียว หล่อนอย่ามั่นใจนักเลย” นางจงซื่อตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าหญิงสาวคนนี้
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นางจงซื่อเท่านั้นที่คิดอย่างนี้ แต่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้และได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ของนางจงซื่อ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย เนื่องจากตลอดสิบปีเกือบสิบเอ็ดปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยเห็นตงเหวินหมิงจะสานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใดเลย อีกทั้งแม่หนูตงฟางลี่นั้นก็หวงพ่อยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก แล้วแบบนี้จะให้เชื่อในน้ำคำของซูหว่านได้อย่างไรกัน
นอกมิติกำลังทุ่มเถียงกันอย่างออกรส ในมิติก็มีสถานการณ์ไม่ต่างกัน เนื่องจากอยู่ด้านในนี้สามารถได้ยินคำสนทนาของด้านนอกทั้งหมด หยางเหมยจินจึงสบตาชายหนุ่มผู้มีพระคุณของตนเอง พร้อมกับคิดหาทางออกเพื่อช่วยเขาอย่างไรดี จึงเอ่ยถามถึงเรื่องราวทั้งหมด
“คุณเหวินหมิงฉันขอถามได้หรือไม่ว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร ดูแล้วคุณไม่น่าจะเป็นอย่างที่หญิงสาวคนนั้นกล่าวมา หากไม่เป็นการละลาบละล้วง คุณพอจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังได้หรือเปล่า เผื่อว่าเราทั้งสองจะช่วยกันหาทางออก อีกอย่างฉันยังต้องอาศัยอยู่บ้านสกุลตงอีกนานแสนนานเลยล่ะ”
ตงเหวินหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ได้พยักหน้าทันที เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องราวที่ใหญ่โตหรือว่าเป็นเรื่องที่ต้องปิดบัง และที่สำคัญหญิงสาวคนนั้นก็พูดจาเกินกว่าความเป็นจริงมาก
จากนั้นชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นหญิงสาวฟัง เมื่อฟังแล้วเธอทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น
“แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นผู้หญิงคนนั้นคิดไปเอง แต่ถ้าหากเธอเล่าให้ชาวบ้านฟัง ฉันเชื่อว่าชาวบ้านย่อมต้องเข้าข้างผู้หญิงคนนั้น ไม่มีทางเข้าข้างคุณแน่”
หยางเหมยจินพูดขึ้นตามความคิดของเธอและความน่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้านเกิดของเธอ แต่ก็คงไม่ต่างกัน เธอเชื่อว่าหากเกิดเรื่องไม่งามเช่นนี้ ชาวบ้านและคนส่วนใหญ่คงต้องเข้าข้างผู้หญิงเป็นธรรมดา
ตงเหวินหมิงคิดตามและเขาก็เห็นด้วย แต่เรื่องนี้เขาไม่ทุกข์ไม่ร้อน เพราะเขาไม่ได้กระทำจึงพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ปล่อยไปเถอะ อีกสักพักชาวบ้านก็เลิกพูดถึงเอง เดี๋ยวคุณพาผมออกไป แล้วคุณหลบก็เข้าไปอยู่ในห้องก่อนนะ ผมจะออกจัดการเรื่องนี้เอง”
“คุณจะจัดการอย่างไรหรือคะ ฉันไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้หรอกนะ แต่อย่าลืมว่าคุณมีลูกสาว หากเกิดข่าวลือเรื่องงามหน้าเช่นนี้ลี่ลี่จะทำอย่างไร คุณอาจจะไม่คิดอะไรแต่เด็กอย่างลี่ลี่ล่ะ จะไม่คิดถึงเรื่องนี้สักหน่อยหรือ” หญิงสาวพูดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเธอเป็นผู้หญิงต้องเข้าใจผู้หญิงด้วยกัน อีกอย่างตงฟางลี่ก็หวงพ่อมากทีเดียว
เมื่อคิดตามคำพูดของหยางเหมยจิน ตงเหวินหมิงเริ่มคิดถึงผลเสียของเรื่องนี้ขึ้นมา
ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ
ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่
ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา
ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด
บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่
บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช