วันต่อมา
เช้าวันต่อมา วันนี้ปุยนุ่นกลับมาทำงานตามปกติ และยังคงทำตัวปกติกับพัสกร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังระวังตัวขึ้นมากกว่าเดิมอีก ไม่อยู่กับชายหนุ่มกันเพียงตามลำพังสองต่อสอง แต่เป็นพัสกรเองที่พยายามเข้าหาปุยนุ่น เอาข้ออ้างความเป็นพี่น้องมาอ้างอีกเช่นเคย เมื่อหญิงสาวไม่ยอมรับความเป็นแฟน แถมยังให้เก็บเรื่องราวที่ผ่านมาไว้เป็นความลับ ไม่ให้ชายหนุ่มบอกใครอีก ทำให้พัสกรค้องหนักใจ และมานั่งปรับทุกอยู่ที่ห้องทำงานของปุยเมฆ
“พี่พัด พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่พี่เข้ามาที่ห้องผม พี่ถอนหายใจเป็นสิบๆรอบแล้วน่ะ” ปุยเมฆถามขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าตั้งแต่กลับมา พัสกรเอาแต่ขลกอยู่ในห้องทำงานของตน
“พี่สาวนาย นี่อารมณ์ไหนกันแน่ แต่ละวัน พี่ล่ะเอาใจไม่ถูกจริงๆ” พัสกรพูดขึ้น เมื่ออยู่ในห้องกันเพียงสองคน
“เฮ้อะ...รู้ฤทธิ์ปุยนุ่นแล้วสิท่า” ปุยเมฆเค้นหัวเราะออกมาทันที เมื่อพัสกรพูดจบ
“เหมือนพี่นาย กำลังหลบหน้าพี่เลยหว่ะเมฆ” พัสกรเอ่ยขึ้นมาอีก
“ไม่เหมือนหรอกพี่พัด ใช่เลย อาการแบบนี้ ว่าแต่พี่ไปทำอะไรไว้ล่ะ นุ่นถึงเป็นแบบนี้” ปุยเมฆถามมาทันที เพราะรู้จักนิสัยของปุยนุ่น พี่สาวเพียงคนเดียว ที่อายุห่างกันแค่ปีเดียวดี
“ถ้าพี่บอกอะไรนายไป นายจะโกรธพี่ไหม” พัสกรถามขึ้น พร้อมกับจ้องมองไปที่ปุยเมฆ
“...” ปุยเมฆไม่ตอบออกมา แต่เป็นยักไหล่ให้แทน
“พี่กับพี่สาวนาย มีความลึกซึ้งกันมากกว่านั้น ” พัสกรพูดออกมา
“นี่พี่ ไปทำอะไรนุ่นมา” ปุยเมฆเริ่มเลือดขึ้นหน้ามาทันที เมื่อพัสกรเริ่มเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
“นายใจเย็นๆ ก่อน พี่อยากแสดงความรับผิดชอบน่ะ แต่พี่สาวนายไม่ต้องการ แถมยังบอกให้พี่ลืมมันไปอีกต่างหาก จบแบบง่ายๆแบบนี้เลยหรือว่ะ”
“พี่ชอบปุยนุ่นเหรอ” ปุยเมฆถามขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าของพัสกร
“ชอบเหรอ...พี่ไม่รู้ พี่รู้แค่ว่าพี่อยากอยู่ใกล้ๆ กับพี่สาวนายตลอด ไม่อยากให้นุ่นอยู่ห่างจากพี่เลย”
“แล้วพี่พูดอะไรกับนุ่นไปบ้างล่ะ...”
“พี่ขอนุ่นเป็นแฟน แต่พี่สาวนายไม่ตกลง บอกว่าให้พี่จีบเธอดูก่อน ถึงจะตกลงเป็นแฟน”
“งั้นพี่ก็จีบสิ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
“มันยากตรงที่พี่จีบใครไม่เป็นนี่แหล่ะ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน แถมตอนนี้เข้าใกล้ก็ไม่ได้อีก” พัสกร พูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจไปด้วย
“อันนี้พี่ก็ต้องเรียนรู้เอง ผมช่วยอะไรพี่ไม่ได้หรอก...”
“แล้วพี่ต้องทำยังไงว่ะ เป็นแบบนี้ ทำงานกันไม่ค่อยสะดวกเลย”
“พี่ก็กลับไปดูแลไอ้โน่เหมือนเดิมสิ ส่วนนุ่นก็ให้ทำงานอยู่ที่นี่แหล่ะ เพราะยังไงก็เป็นพนักงานประจำอยู่แล้ว”
“ได้ยังไงกัน ปุยนุ่นอยู่ในความดูแลของพี่น่ะ” พัสกรลุกขึ้นทันที เมื่อปุยเมฆพูดประโยคนี้ออกมา
“ผมดูแลเองก็ได้นี้พี่ เพราะตอนนี้งานผมก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมาก บางทีอยู่ห่างกันบ้างก็ดีทั้งพี่และนุ่นน่ะ เผื่อคนบางคนจะได้รู้ใจตัวเองไง” ปุยเมฆเอ่ยบอก พร้อมกับใช้ความคิดไปด้วย
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ตอนนี้ตำแหน่งผมใหญ่กว่าพี่น่ะ อย่าลืมสิ” ปุยเมฆพูดกวนๆออกมาทันที
“เออ ไปก็ได้ว่ะ ไอ้น้องเขยเลว ได้ทีเหยียบกูเชียวน่ะ” พัสกรพ่นคำหยาบออกมาทันที
“ไม่พูดคำหยาบสิครับ คุณพี่เมีย เดี๋ยวต้นข้าวมาได้ยิน ผมช่วยอะไรพี่ไม่ได้น่ะ” ปุยเมฆพูดไม่ทันขาดคำ ต้นข้าวก็เปิดประตูเข้ามาภายในห้องพอดี
“พี่มาทำอะไรที่นี่ค่ะ ห้องทำงานพี่อยู่ฝั่งโน้นไม่ใช่เหรอ” ต้นข้าวถามพัสกรขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าพี่ชายอยู่ในห้องทำงานของสามีเธอ
“เอ่อ...พี่มีธุระน่ะ" พัสกรได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ตะบอกน้องสาวยังไง
"ธุระ!" ต้นข้าวเลิกคิ้วมองพี่ชาย
"เรื่องของผู้ชายน่ะ พี่ไปก่อนน่ะ เคลียร์กันเอาเองแล้วกัน” พัสกรไม่รู้จักพูดยังไง จึงรีบหาทางเอาตัวรอด และโยนคำพูดกำกวมมาทางปุยเมฆทันที
“อ้าว...ไงโยนขี้มาให้ผมล่ะ” ปุยเมฆหน้าหงอยลงทันที
“มีเรื่องอะไรกันค่ะ” ต้นข้าวเดินเข้ามาใกล้ๆกับปุยเมฆแล้วจ้องหน้าถามขึ้นทันที เมื่อพัสกรเดินจากไปแล้ว
“เอ่อ...ไม่มีไรหรอกครับ อ้วนไปนั่งก่อนน่ะ ยืนมากไม่ค่อยดี” เสียงนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับช่วยประคองหญิงสาวร่างอวบอิ่มไปนั่ง
“พี่เมฆ ตกลงจะบอกไหมค่ะ ว่าพวกพี่มีความลับอะไรกัน” ต้นข้าวถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับจ้องหน้าของชายหนุ่มเพื่อรอคำตอบ
“ไม่มีอะไรจริงๆครับ เป็นเรื่องของพี่พัดเขาน่ะ” ปุยเมฆเอ่ยตอบอย่างจริงจัง
“แน่น่ะค่ะ”
“ครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้าเลยจริงๆ เค้ากล้าสาบานได้เลยครับ” ปุยเมฆเอ่ยตอบ พร้อมกับยกมือขึ้นสามนิ้วทันที
“ข้าวเชื่อพี่ก็ได้ค่ะ”
“ครับ...เค้าก็มีแค่อ้วน กับลูกแค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ ไม่คิดมากน่ะ” ปุยเมฆเอ่ยเสียงอ่อนโยนกับหญิงสาว แล้วลูบไปที่หน้าท้องนูนของเธอ
“ต่อไป ข้าวหุ่นไม่สวย เหมือนนางแบบพวกนั้น พี่จะยังรักข้าวไหมค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นมาความน้อยใจเริ่มก่อตัวอีกครั้ง
“อ้วนครับ เค้าไม่ได้รักอ้วนที่สวยไม่สวยเลย เค้ารักอ้วน ที่อ้วนเป็นแบบนี้ต่างหากล่ะ เป็นต้นข้าวที่เค้ารักนี้ไงครับ คิดมากอีกแล้วน่ะ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับลูบศรีษะเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
“แล้วข้าวเป็นแบบไหนค่ะ ในสายตาของพี่” ต้นข้าวถามขึ้นอีกครั้ง
“ร้อนแรง แถมเด็ดมาก! ฟอด...” ร่างสูงก้มลงไปกระซิบบอกที่ข้างหูของหญิงสาว แล้วแอบหอมแก้มเธอทันที ที่เอ่ยจบ
“พี่เมฆ” ต้นข้าวตาลุกวาวขึ้นทันที แล้วจับที่แก้มของตัวเองข้างที่ถูกปุยเมฆหอมไป
“ครับ...คึกๆๆ”
“แกล้งข้าวอีกแล้วน่ะค่ะ” หญิงสาวตวาดสายตาจ้องมองนิ่ง
ร่างสูงจ้องหน้าของหญิงสาวกลับ แล้วก้มลงมอบจูบอันแสนหวานให้แก่หญิงสาวตรงหน้าทันทีอย่างอ่อนโยน
แกร๊ก
“เฮ้ย...ขอโทษทีว่ะ” ชีโน่ที่เป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามาอย่างหุ่นหั่น เพราะความเคยชิน แต่ไม่คิดว่าจะเจอภาพสามี-ภรรยาข้าวใหม่ปลามันพลอดรักกันอยู่ในห้องทำงานแบบนี้ อยากจะเดินกลับออกไปคืน แต่ก็ไม่ทันเข้าเสียแล้ว
“มือก็เอามา แต่ไม่รู้จักเคาะ” ปุยเมฆต่อว่าอย่างอารมณ์เสีย
บทส่งท้าย(ตอบจบ)สามเดือนต่อมาวันนี้ครบกำหนดที่เจ้าแฝดจะได้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว ชีโร่พาภรรยาสุดสวยมานอนรอทำการผ่าคลอด เพราะหญิงสาวมีความเสี่ยงในหลายๆอย่าง หมอจึงลงความเห็นให้ใช้วิธีคลอดแบบผ่าเอา“ตื่นเต้นไหมครับ” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับไม่ยอมอยู่ห่าง และละมือออกจากมือของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย เมื่อทั้งคู่อยู่ในห้องที่อลินนอนรออยู่บนเตียงแล้ว“...” อลินได้แต่พยักหน้ารับ โดยไม่ได้ตอบอะไร“ไม่ต้องกลัวน่ะ เค้าจะอยู่กับลิน และรอดูลูกออกมาพร้อมๆกันกับลินครับ” เสียงนุ่มเอ่ยปลอบพร้อมกับลูบศรีษะเธอเบาๆ แล้วก้มลงจุ๊บหน้าผากมนเพื่อเป็นการให้กำลังใจกันใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าเด็กแฝดก็ได้ออกมาทั้งสองอย่างปลอดภัย น้ำตาแห่งความยินดีของทั้งคู่ไหลออกมาพร้อมกันทันที เมื่อได้ยินแค่เสียงร้อง อุแว้ ดังขึ้นมา ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างปลื้มปริ่ม พร้อมกับยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาปัดคราบน้ำตาที่หางตาของหญิงสาวให้ด้วยความอ่อนโยนอย่างเบาๆ“ลูกเราออกมาแล้วครับ...ขอบคุณน่ะครับ ที่อดทนยอมเจ็บเพื่อลูก เค้ารักลินมากน่ะครับที่รัก จุ๊บ” เสียงนุ่มเอ่ยขอบคุณ แล้วก้มลงจุ๊บหน้าผากมนของหญิงสาวอีกครั้งภาพเหตุการณ์ในห้องคลอดเหล่า
จัดการเองNCสัปดาห์ต่อมาวันนี้ถึงวันที่ปุยนุ่นจะต้องมาถ่ายแบบโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ทางปุยเมฆได้จัดการเตรียมเอาไว้ให้แล้ว“หาคนอื่นแทนไม่ได้เหรอ...นุ่นท้องอยู่น่ะ” พัสกรเอ่ยถามปุยเมฆขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนั่งอยู่ที่สตูดิโอกันเพียงสองคน เพราะรอปุยนุ่นได้แต่งตัวก่อน“ไม่ได้แล้วครับพี่...และอีกอย่าง เมียพี่พึ่งจะท้องได้แค่สองเดือนเอง ท้องยังไม่โตเลย หุ่นกำลังดีครับ”“เมฆ...นั้นพี่สาวนายน่ะ นายไม่คิดจะห่วงบ้างเลยหรือไง”“เรื่องห่วงก็ส่วนเรื่องห่วงครับ...เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงานครับ พี่ช่วยแยกแยะหน่อยนะครับ”ร่างบางเดินออกจากห้อแต่ตัว ด้วยเสื้อคลุมไว้ เพราะด้านในมีเพียงกางเกงจีสตริง และชั้นในปิดแค่เพียงจุกอวบเท่านั้น“เปิดเสื้อให้พี่ดูหน่อยครับ...” พัสกรพูดขึ้น พร้อมกับจับหญิงสาวหันหน้ามาทางเขา แล้วเปิดเสื้อดูสำรวจก่อนที่จะถ่ายจริง“พี่พัด” ปุยนุ่นเอ่ยเรียกคนตรงหน้าที่ตอนนี้ มอมาที่เธอตาค้างมันวาวอยู่ แถมไม่พูดอะไรออกมา พร้อมกับกลืนน้ำลายฝืดลงคออีก“ไอ้เมฆ...สั่งทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากห้องนี้ให้หมด รวมถึงนายด้วย แล้วสั่งปิดกล้องวงจรที่ห้องนี้ทุกตัวทิ้ง ส่วนตากล้องพี่ถ่ายเอง” พัสกรหันมาสั่งท
สำเร็จ สายของวันสองร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันกลมเกลียว ที่ยังหลับสนิทอยู่บนที่นอนกว้าง ร่างสูงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน เพราะเสียงกดออดที่หน้าห้องดังขึ้นมา ร่างสูงขยับลุกขึ้นมาแต่งตัว แล้วเดินออกไปข้างนอกโดยไม่ลืมที่จะเก็บของนอกห้องไว้เป็นที่ เป็นทางเสียก่อน จึงค่อยเดินไปเปิดประตูให้แก่คนที่มากดออกอ๊อด อ๊อด อ๊อด“พี่ก็นึกว่าใครที่ไหนมากดออดอยู่หน้าห้องพี่” เสียงเข้มพูดขึ้นมาทันที ที่เปิดประตูออก“แหม่...ถ้าพี่ไม่ปิดมือถือ ผมก็คงไม่ต้องถ่อมาหาพี่ถึงที่นี่หรอกครับ พอๆกันเลยทั้งผัวทั้งเมีย” ปุยเมฆพูดขึ้น เพราะว่าไม่สามารถติดต่อพัสกรได้ จึงได้มาหาที่คอนโดแทน เพราะรู้ว่าชายหนุ่มพาพี่สาวมาค้างที่นี่อยู่แล้ว“มีเรื่องอะไร หรือเปล่า” พัสกรเอ่ยถามด้วยสีหน้ามีึนงง“เรื่องที่บริษัทมีปัญหานิดหน่อยครับ โฆษณาที่เราถ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อน ทางนั้นจะขอส่วนแบ่งเรื่องค่าตัวพรีเซนเตอร์ครับ ผมตัดสินใจเองไม่ได้เลยต้องมาปรึกษาพี่ ว่าจะเอายังไงต่อ ส่วนตัวผมคิดว่าผมหาคนมาแทนได้ครับ แต่อยากมาถามความเห็นพี่ก่อน” ปุยเมฆเอ่ยบอกไป ถึงเขาจะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจในทุกเรื่องของบริษัท แต่ชายหนุ่มก็ยังให้เกียรติพัสกรอยู่ดี
วันไข่ตกNCคอนโดหรูของพัสกรพัสกรพาหญิงสาวกลับมาที่คอนโดของเขา แทนที่จะไปที่บ้านของหญิงสาว เพราะว่าวันนี้ปุยเมฆและต้นข้าวเอาปุยฝ้ายไปฝากไว้ให้อยู่ที่บ้านกับพ่อแม่อีก และทั้งคู่ก็หน้าจะกลับไปค้างที่บ้านหลังนั้นด้วยเลย พัสกรจึงตัดสินใจพาปุยนุ่นมาที่คอนโดเขาแทน เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนอื่น และไม่ให้ใครมารบกวนพวกเขาด้วย“ทำไมเราไม่กลับ ไปที่บ้านกันล่ะค่ะ พี่พัด” ปุยนุ่นเอ่ยถามไปด้วยใบหน้างงๆ เพราะร้อยวันพันปี พัสกรไม่เคยพาเธอมาค้างที่นี่เลย เพราะส่วนใหญ่จะค้างที่บ้านกันมากกว่า“จะกลับไปรบกวนคนที่บ้านทำไมกันครับ...ที่บ้านคนเยอะจะตาย คืนนี้เป็นเวลาของเราน่ะ โทรบอกคนที่บ้านด้วยครับ แล้วก็ปิดเครื่องห้ามใครรบกวน” เสียงนุ่มของพัสกรเอ่ยสั่งร่างบางขึ้นมาทันที พร้อมกับสวมกอดหญิงสาวท จากทางด้านหลังเอาไว้ปุยนุ่นทำตามที่พัสกรบอกอย่างว่าง่าย และปิดทุกอย่างตามที่ชายหนุ่มบอก แล้วก็วางทุกอย่างลงที่โชฟาตัวยาวข้างตัวที่เธอยืนอยู่ร่างสูงพุ่งเข้าไปชิงจูบอย่างดุดันทันที เมื่อหญิงสาววางทุกอย่างลง และทำตามที่เขาบอก โดยไม่อาจทนรออีกต่อไปได้ และจัดการถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกจนหมดอย่างไม่รีรอ ตามด้วยเสื้อผ้าของ
ประธานบริษัทฯคนใหม่หนึ่งเดือนต่อมาวันนี้เป็นวันที่ธนาจะทำการเปิดตัวประธานคนใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทของเขาเป็นบริษัทที่ผลิตเกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งส่งออกไปยังประเทศต่างๆ และตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งธนาเองก็เคยมีเพื่อนฝูงมากมาย และหุ้นส่วนกันกับโรงพยาบาลต่างๆ และเคยมีธุรกิจสีเทามาก่อนตอนสมัยที่ยังหนุ่มๆ หรือที่เรียกง่ายๆก็คือ เคยเป็นมาเฟียเก่ามาก่อนนั้นเอง“ขอบคุณทุกท่านมากน่ะครับที่วันนี้ ให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดี เปิดตัวประธานคนใหม่ของผม” ธนาพูดขึ้นมา เมื่ออยู่บนเวที“วันนี้เป็นวันที่ผมในนามประธานบริษัท ขอเปิดตัวประธานคนใหม่ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของผมเองครับ ชีโน่ ชิษณุพงศ์ ปัญญาพิวัฒน์” ธนาเอ่ยแนะนำตัว พร้อมพรีเซนต์ตัวลูกชายไปพร้อมๆกัน“พร้อมน่ะครับ...ไปครับ” เสียงนุ่มเอ่ยกับอลินหญิงสาวข้างกาย ที่วันนี้พามาเปิดตัวพร้อมกันด้วยเลยเสียงปรบมือดังขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน เมื่อทั้งคู่เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกัน และที่ต้องทำให้ทุกคนตกใจนั้นก็คือ อลินพนักสาวของบริษัท ที่พึ่งจะเจ้ามาทำงานได้ไม่นาน และตอนนี้หญิงสาวกำลังตั้งท้องอยู่ แต่ไม่มีใครทราบว่าเธอคือใคร บวกกับเดียน่าที่ไม่ยอมปริปาก
เยี่ยมหลานสาวหนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่งานพัสกรและปุยนุ่นในวันนั้น ผ่านมาเพียงแค่สองสัปดาห์ งานวิวาห์ของชีโน่ และอลิน ก็ถูกจัดขึ้นมาอย่างเร่งด่วน และความเรียบง่าย มีแค่เพียงคนสนิท และญาติพี่น้อง ซึ่งจัดแค่พอเป็นพิธี ไม่ได้มีการเชิญนักข่าวมาทำสื่อแต่อย่างใด ตามความต้องการของบ่าว-สาว เพราะชีโน่ตั้งใจไว้แล้ว ว่าจะจัดงานสองครั้ง เพื่อเป็นการให้เกียรติภรรยา และแม่ของลูกอลินที่ตอนนี้ท้องเริ่มโตแล้ว เพราะท้องลูกแฝด วันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนแล้ว ที่ต้นข้าวได้ให้กำเนิดลูกสาว ซึ่งตรงกับวันหมั้นของพัสกรและปุยนุ่นพอดี แล้ววันนั้นทั้งปุยนุ่นและอลิน จึงนัดกันมาผูกขวัญหลานที่บ้านของนพคุณณ บ้านอัศวโสภณ“มากันแล้วเหรอ” ปุยเมฆเอ่ยถามเมื่อคนทั้งสี่ เดินเข้ามาพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขก และสัมภาระของรับขวัญหลานต่างๆ เต็มไม้ เต็มมือไปหมด“นี่...พากันซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ ผมบอกแล้วไงครับ ว่าไม่ต้องซื้ออะไรมา” ปุยเมฆพูดขึ้นมาอีกครั้ง ที่เห็นของเต็มไปหมด ที่ทั้งสี่มอบให้“นุ่นก็อยากซื้อมาฝากหลานนี้เมฆ” ปุยนุ่นพูดขึ้นมา เพราะเธออยากมีเป็นของตัวเอง แต่จนป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่ตั้งท้องสักที“ทุกคนตามสบายเลยน่ะครับ