แชร์

ตอนที่ 12 ยากจะลืมเลือน

ผู้เขียน: ฟู่จินเฟย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-18 11:21:32

นับเป็นคราที่สองในรอบวันที่หานกงกงต้องระเห็จตนเองออกจากห้องทรงอักษรขององค์ชายรอง กงกงวัยกลางคนที่อ้วนท้วมเล็กน้อยยืนลอบเช็ดเหงื่อจากใบหน้าเรียกเสียงซุบซิบจากเหล่านางกำนัลที่เดินผ่านจนเสียสนุกปาก

“นางพวกนี้ อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่ากำลังด่าอะไรข้า พวกเจ้า หน็อย คอยดูเถอะไม่มีงานการทำรึไงกันห๊ะ” หานกงกงบัดนี้โมโหพวกนางกำนัลที่นินทาเข้าหูให้ได้ยินแต่ไม่ชัดเจนนักจึงต้องเท้าสะเอวเสียงดุพวกนางกำนัลที่ผ่านไปมา

“อ้าวหานกงกง” เหยียนเฟิงที่เดินลาดตะเวนกลับมาเห็นหานกงกงยืนเช็ดเหงื่อตนเองอยู่จึงแกล้งแซวขึ้น

“เฮอะ” หานกงกงส่งเสียงคล้ายแง่งอนออกมาเพียงเท่านั้นก็กลับมามีท่าทีนิ่งสงบก้มหน้ารอรับใช้เฉกเช่นยามปกติ

“หยิ่งซะด้วย ฮ่า ๆ” เหยียนเฟิงเมื่อเห็นว่าหานกงกงมิได้สนใจตนแล้วจึงกอดอาบเดินเข้าไปหาองค์ชายรองเพื่อรายงานสิ่งที่ได้รู้มาให้ทรงทราบ

“องค์ชายรอง” เหยียนเฟิงทำความเคารพ

“ลุกขึ้นเถอะ เป็นเช่นไรบ้าง”

“กระหม่อมได้ยินมาว่าเสนาบดีหลินตัดสินใจให้คุณหนูใหญ่ไปพักกับญาติฝั่งฮูหยินรองที่ชนบทเพื่อทบทวนตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

จ้าวหยางเมื่อฟังคำรายงานก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ว่าลงโทษเฆี่ยนตีแล้วหรอกรึ เหตุใดต้องให้นางออกจากจวนด้วยเล่า แม้เช่นนั้นก็ยังคงว่างท่าราวกับมิใส่ใจเท่าใดนัก

“เสนาบดีหลินนี่ก็นับว่าใจแข็งพอสมควรนะพ่ะย่ะค่ะ ทั้งเฆี่ยนตีซ้ำยังให้ลูกสาวระเห็จออกจากจวนใหญ่อีก” เหยียนเฟิงรายงานแต่ตากลับลอบมององค์ชายรองที่ยังคงมีท่าทีนิ่งเงียบคล้ายไม่สนใจ

“แล้วเช่นไร”

“ท่านอ๋องมิทรงช่วยนางรึพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วมีเหตุอันใดที่ข้าต้องช่วยนาง”

“ก็ท่านอ๋อง...” เหยียนเฟิงถึงกลับพูดไม่ออก คราแรกนึกว่าหากมารายงานแล้วท่านอ๋องเองคงมิใจดำจนเกินจะไม่คิดช่วยนาง นี่กะไรกันรึตัวข้านั้นคิดผิดรึไร สรุปองค์ชายรองพึงใจในนางรึไม่ รึแท้จริงแล้วคิดแต่งคุณหนูรองแทนผู้เป็นพี่จริง ๆ เช่นนั้นรึ

“ช่างเถอะไปเตรียมม้าให้ข้าดีกว่า”

“ท่านอ๋องจะเสด็จไปที่ใดพะย่ะค่ะ”

“ค่ายทหาร”

เหยียนเฟิงรับคำสั่งก็เดินลิ่วออกไปตระเตรียมม้า ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหาก หยางจวิ้นอ๋องเสด็จไปค่ายทหารนั้นก็ต้องใช้เวลาอยู่ที่ค่ายไม่ต่ำกว่าเกือบสัปดาห์ จึงถือโอกาสบอกกล่าวหานกงกงให้ตระเตรียมของใช้ส่วนพระองค์ไปด้วย

ณ จวนตระกูลหลิน

ชิงเยว่วันนี้รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษนางเดินชมดอกโบตั๋นที่แข่งกันแบ่งบานในสวนข้างเรือนใหญ่เดินเพลินจนเข้าเขตเรือนเยว่หลันของผู้เป็นพี่สาว ใบหน้างดงามอ่อนหวานคลี่ยิ้มแฝงแววร้ายกาจเดินตรงเข้าไปยังตัวเรือนพร้อมกับสาวใช้คนสนิทสองคนในใจหมายจะได้เห็นสภาพน่าสมเพชของซูเหยาเป็นยิ่งนัก

“หลบไป”

“คุณหนูรอง” เยว่ถานที่ชิงเยว่มองเหยียดก็ทำความเคารพเงียบ ๆ เดินเข้าไปรายงานผู้เป็นนายของตนเมื่อที่เรือนมีแขกมาเยือน

“ลมอะไรเล่าหอบน้องรองมาเหยียบเรือนของข้าได้” ซูเหยายื่นมือให้      เยว่ถานประคองขึ้นนั่งด้วยมาดนางพญา ใบหน้าเชิดขึ้นมองเมินราวมิได้มีใจต้อนรับนางนัก

“ลมอะไรเล่าพี่ใหญ่ ข้าเพียงอยากมาเห็นสภาพ อุ๊ยมาดูอาการพี่หญิงว่าเป็นเช่นไรบ้าง ก็เท่านั้น” ชิงเยว่หน้าตึงกับคำกล่าวต้อนรับของซูเหยา ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วคลี่ยิ้มเยาะเอ่ยถ้อยคำถากถางนาง

“เจ้าไม่ต้องห่วงข้ายังไม่ตายหรอกนะ ยังอยู่รับมือพวกเจ้าสองแม่ลูกได้สบายเชียวล่ะ” ซูเหยานางกลัวเสียที่ไหนในเมื่อร้ายมานางก็ร้ายกลับก็เท่านั้น

“ฮ่า ๆ ช่างน่าขันเสียจริงนี่พี่ใหญ่ยังไม่รู้อีกรึว่าท่านพ่อหนะจะให้ท่านไปทบทวนตัวเองกับญาติฝั่งแม่ข้าที่ชนบทหนะ ฮ่า ๆ”

“เจ้าว่าอะไรนะ!” ซูเหยาตกใจเหตุใดเรื่องนี้นางถึงไม่รู้ ท่านพ่อเห็นทีครานี้คงลงโทษกันเกินไปกระมังโบยนางแล้วยังไม่พออีกรึ นางเป็นลูกสาวเขานะเหตุใดถึงได้ใจดำเฉกเช่นนี้ ไม่ได้เรื่องนี้นางต้องไปไถ่ถามให้รู้ความไม่ว่าเช่นไรนางก็ไม่ยอมไปแน่ ใกล้งานวันเกิดพระชายาเช่นนี้ไม่แน่ว่าครั้งนี้คงจะใช้งานนี้เลือกว่าที่พระชายาให้องค์ชายรองเป็นแน่ แต่ข้ามิอาจร้อนรนให้ชิงเยว่นางได้ใจ เช่นนั้น      ซูเหยาจึงมีท่าทีปกติมิได้ตกใจรึโวยวายดั่งเช่นชิงเยว่อยากเห็น ซึ่งท่าทางของนางดูเหมือนจะขัดใจน้องรองเช่นนางเป็นยิ่งนักเห็นได้ชัดจากใบหน้าที่เริ่มงอง้ำแววตามีแววขัดใจ

“ทำไมพี่ใหญ่ไม่ยินยอมรึ ไม่ยินยอมแล้วเช่นไรในเมื่อท่านพ่อตัดสินใจไปแล้ว รึว่าท่านรองานวันเกิดพระชายาเช่นนั้นรึ หึ! ยังหวังว่าท่านพ่อจะให้ท่านเข้าวังอีกรึ ก่อเรื่องบัดสีในตระกูลถึงเพียงนี้ยังจะกล้าเสนอหน้าไปอีกรึ พี่ใหญ่!” ชิงเยว่ตั้งใจกล่าวให้ผู้เป็นพี่เจ็บใจเล่น ทำนางจะไม่รู้ว่าซูเหยานั้นปรารถนาสิ่งใด หึ! อย่าได้หวังว่านางจะสามารถโดดเด่นกว่านางไปได้ องค์ชายรองต้องเป็นของนางเท่านั้น

“เจ้าไม่คิดรึบางทีบุรุษที่ข้านอนกกคืนนั้น อาจจะเป็นองค์ชายรองก็ได้”     ซูเหยายกยิ้มมุมปากคล้ายเย้ยหยันส่งให้ชิงเยว่ เมื่อเห็นนางมีสีหน้าซีดเผือดเนื้อตัวสั่นเทา นี่มิใช่ว่าโกรธนางจนเนื้อเต้นเสียแล้วนะ หึ!

“นี่เจ้า! หึท่านอ๋องมิตาต่ำรึกล้าทำเรื่องเช่นนี้หรอก” ชิงเยว่บัดนี้ชี้หน้า       ซูเหยาด้วยมือที่สั่นระริกจากการถูกยั่วโมโห นางโกรธจนปากคอสั่น และนางไม่อยากจะคิดว่าองค์ชายรองจะทำเช่นนางว่า

“หึ! ไม่แน่นักหรอกเจ้าอย่าได้มั่นใจไปเลย เกิดข้าได้แต่งเข้าตำหนักหยางจวิ้นอ๋องขึ้นมาเจ้านั่นแหละที่...น่าสงสารที่หวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ ”

“กรี้ด...หลินซูเหยาไม่มีทางเสียหรอก เจ้า ๆ ข้าอุตส่าห์มีใจมาเยี่ยมเยือนเจ้ากับพูดจากับข้าเช่นนี้คอยดูเถอะข้าจะฟ้องท่านพ่อ ไป! เสี่ยวหลานกลับเรือน ฮึฝากไว้ก่อนเถอะ” ชิงเยว่กรีดร้องกระทืบเท้าอย่างขัดใจ ก่อนจะสะบัดตัวเดินตึงตังออกจากเรือนไปด้วยอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

“คุณหนู”

“ช่างนางเถอะ” ซูเหยาพูดจบก็ให้เยว่ถานประคองให้นอนคว่ำเฉกเช่นเดิม ดวงตาปิดลงอย่างเหนื่อยหน่ายทั้งในใจหวาดหวั่นจากถ้อยคำของผู้เป็นน้องสาว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 44 ครรลอง ของสองเรา

    หลังจากดูถูกหยางจวิ้นอ๋องครานั้นซูเหยาก็ไม่คิดจะทำอีกเลย เขาพละกำลังล้นเหลือราวม้าศึกมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยจนซูเหยาประจักษ์แจ้งแก่ใจนัก หลังจากวันนั้นนางก็ร่างกายอ่อนแรงนี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วกระมังที่นางมักเวียนศีรษะอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังต้องเทียวไปมาระหว่างจวนตระกูลหลินกับตำหนักป่าไผ่ทำให้หลายวันมานี้นางถึงกับทนไม่ไหวเวียนศีรษะจนสำรอกออกมาเสียกลางทาง ทั้งร่างกายมิมีแรงไหนจะทั้งรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาอีกเล่าแต่อาการเหล่านี้นั้นช่างน่าประหลาดยิ่งซูเหยาค้นพบว่าอาการนางจะทุเลาลงถึงขั้นหายไปเมื่อได้สูดดมกลิ่นกายของหยางจวิ้นอ๋อง ซึ่งน่าประหลาดนักทำให้หลัง ๆ มานี้จากที่เขาติดนางกลายเป็นนางที่ติดเขาแทนไปเสียแล้ว“ท่านอ๋อง”“ซูเหยาลุกขึ้นก่อนเถิดท่านหมอมาแล้ว” ซูเหยาฝืนอาการเวียนศีรษะหน้ามืดนางพยายามมองดูจ้าวหยางแต่กลับพบว่าบัดนี้มิได้มีเพียงหมอหลวง กลับมีญาติฝั่งนางมาครบอีกแม้กระทั่งพระชายาและท่านปู่ของเขาก็ยังมาด้วย นางเห็นเช่นนั้นก็พยายามลุกขึ้นเพื่อถวายความเคารพ แต่ก็ถูกผู้ใหญ่ทัดทานเอาไว้เสียก่อนเมื่อเห็นใบหน้านางซีดเผือดมิสู้ดีนัก“ซูเหยาเจ้าไม่ต้องลุก ๆ นอนลง ๆ เดี๋ยวให้หมอหลวงตรวจให

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 43 คลี่คลาย

    [จวนตระกูลหลิน]ซูเหยาบัดนี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเมื่อบิดาเอาแต่จ้องตนแต่มิยอมพูดจา นางจึงได้แต่ก้มหน้าแล้วจับชายอาภรณ์พลิกไปพลิกมาแทนเมื่อเริ่มรู้ถึงสถานการณ์กดดัน และเป็นนางที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องยอมเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาก่อน ส่วนท่านย่านั้นมิได้ถูกเชิญออกมากลัวว่าได้ยินเรื่องราวของนางแล้วเดี๋ยวเป็นการซ้ำเติมอาการเข้าไปใหญ่“ท่านพ่อ...”“เจ้ารู้ความผิดตัวเองรึไม่!” หลินเจียงเอ่ยด้วยใบหน้าเข้มน้ำเสียงราบเรียบจนซูเหยานึกขยาดเสียวสันหลังวาบดวงตาเริ่มแดงก่ำเจือด้วยหยาดน้ำวาววับ“ทะท่านพ่อลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขะข้าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย ละลูก”“นางมิผิด หากจะผิดล้วนเป็นข้าที่ผิด” จ้าวหยางที่นึกเป็นห่วงนางหลังพูดคุยกับมารดาเสร็จก็รีบควบม้าวิ่งทะยานตรงมาหานางที่จวนในทันที“ทะท่านอ๋อง” เสนาบดีเจียงลุกขึ้นทำความเคารพตามปกติแต่บรรยากาศโดยรอบนั้นกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกอึมครึม“ท่านหลินเป็นข้าทั้งนั้นที่ผิดเจ้าอย่าได้โทษนาง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนถูกล่อลวงจากข้าทั้งนั้น”“ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพ่อ มิใช่เช่นนั้นเป็นข้าเองที่ชอบท่านอ๋องมาก” ซูเหยาที่นึกกลัวผู้เป็นพ่อที่มีท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างที่ไม

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 42 โฉมหน้าที่แท้จริิง

    การที่องค์ชายรองประคองมารดาเดินมาชมบุปผาในอีกด้านนั้นก็พอดีกับเหล่าขุนนางที่ว่าราชการจบ ไท่จื่อเฟยจึงได้ถือโอกาสเชิญพวกเขามาดื่มชา ชมบุปผางามเพื่อผ่อนคลายจากงานราชกิจ โดยทุกอย่างนั้นล้วนถูกจ้าวหยางและมารดาจัดแจงความเป็นไปไว้เสียหมดสิ้น“ท่านแม่ ๆ ท่านแม่ว่าป่านนี้พี่สาวของข้านางจะเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ หึ!”.”ก็คงนอนตายอยู่ใต้หน้าผาลึกแล้วกระมัง ฮ่า ๆ ช่างเถอะคนมันไม่มีวาสนาก็เหมือนแม่นางนั้นแหละ ชะตาอาภัพผู้ใดจะคิดกันเล่านังเด็กซูเหยานั้นออกจะเก่งกาจจะมาตายง่ายดายถึงเพียงนี้ หึ ๆ”“แต่ท่านแม่หากท่านพ่อรู้เล่าเจ้าคะ ท่านพ่อต้องถามหานางแน่ ๆ” ชิงเยว่เมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาก็กลับเกิดหวาดกลัวขึ้นในใจ“พ่อเจ้าหนะรึโง่สิ้นดีหนะสิ ขนาดฮูหยินใหญ่นางตายเพียงข้าโกหกเพียงนิด บีบน้ำตาเสียหน่อยเขาก็คิดเสียแล้วว่าการตายของนางเป็นอุบัติเหตุ” ซูฉีที่นางมั่นใจเพียงนี้นั้นก็เพราะตระกูลนางกว้างขวางซ้ำร่ำรวยทำสิ่งใดจึงมิต้องได้เปลืองแรงมากนัก สองแม่ลูกพูดคุยกันเพลิดเพลินโดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้คนที่อยู่นอกห้องนั้นได้ยินถ้อยคำพวกนางเสียหมดสิ้น“ซูฉี! หลินชิงเยว่! ” เสนาบดีหลินเดินออกมาอย่างเลื่อนลอยแต่ใ

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 41 กระชากหน้ากาก

    “ท่านแม่ ๆ มีเทียบเชิญเข้าเฝ้าพระชายาเช่นนั้นรึเจ้าคะ” ชิงเยว่รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาผู้เป็นมารดาที่เรือน หลายวันมานี้นางมิต้องสำรวมสิ่งใด ท่านย่าป่วย ท่านพ่ออยู่ว่าช่วยราชกิจฝ่าบาทในวัง อีกทั้งนังพี่สาวตัวดีหายสาบสูญ ดูเถิดคนในเรือนนางยังคิดว่านายหญิงพวกมันอยู่ที่ตำหนักป่าไผ่ หึ! เป็นซากศพเฝ้าหน้าผาลึกต่างหากเล่า ช่วยมิได้ใครใช้ให้เจ้ากล้ามาแย่งชิงความชอบขององค์ชายรองกับข้า“ใช่ ๆ เจ้าหนะหัดสำรวมเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นเกิดผู้ใดทะเล่อทะล่าเข้ามาเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดต่อละก็ไม่ดีแน่” ซูฉียิ้มปริ่มนึกปลาบปลื้มในใจที่เทียบเชิญเขียนชื่อชิงเยว่กับนางเพียงสองคน ไม่มีชื่อนังเด็กซูเหยา ใช่สิ! จะมีได้เช่นไรในเมื่อนางส่งมันไปหาแม่มันด้วยมือตนเอง หึ!“แม่นมอวิ๋นเร็วเข้าไปเตรียมรถม้าให้เร็ว ข้าจะพาลูกข้าไปซื้อหาอาภรณ์ใหม่เสียหน่อยเข้าวังครานี้จะน้อยหน้าสตรีอื่นได้เช่นไร”“เจ้าค่ะฮูหยิน”“ท่านแม่ดีที่สุด วันพรุ่งลูกต้องโดดเด่นกว่าใครในงานชมบุปผาให้ได้” ชิงเยว่ยิ้มอีกทั้งกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน[ตำหนักเทียนจื่อ]“ท่านอ๋องพระองค์อยู่นิ่ง ๆ เถิดเลิกกลั่นแกล้งข้าเพียงครู่ ข้าขอดูเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนั้น

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 40 พยานรัก

    “แค่ก ๆ” เสียงไอแห้ง ๆ ติดกันเรียกความสนใจให้จ้าวหยางที่อ่านฎีกาต้องรีบวางมือและเข้ามาโอบประชิดร่างบางเข้าแนบอก พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ลูบตามตัวนางไปมาอย่างต้องการปลอบประโลม“ซูเหยาเป็นเช่นไร ยังเจ็บส่วนใดอยู่รึไม่ ข้าขอโทษ ๆ ข้าไม่น่าเอาแต่ใจนัดเจ้าออกมาวันนี้เลยจริง ๆ ข้าขอโทษ หากว่าข้าไปช่วยไว้ไม่ทันป่านนี้ ๆ เกรงว่าข้าคงจะเสียเจ้าไปแล้ว” จ้าวหยางพูดทั้งหมดความที่มีอยู่ในใจเสียหมดสิ้นจนทำให้ซูเหยาที่ถูกกดศีรษะให้แนบชิดฝังแน่นกับอกแกร่งต้องลอบยิ้มกับแผ่นอกกว้างทั้งน้ำตา พร้อมกับมือบางที่ค่อย ๆ ยกขึ้นทำทีคล้ายจะกอดตอบ นางชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจโอบกอดร่างหนาไว้เฉกเช่นกัน“ซูเหยา” จ้าวหยางที่รับรู้ว่านางกอดตอบตนมาเช่นนั้นก็เผยยิ้มดีใจ ทั้งสองตกอยู่ในห้วงภวังค์ของกันและกันมีเพียงเสียงลมหายใจระหว่างกันให้ได้ยิน ซ้ำไร้การเอื้อยเอ่ยบทสนทนาใด ๆ ออกมาใช้เพียงใจและกายสื่อความรู้สึกถึงกันและกัน“องค์ชาย...อะเอ่อคือกระหม่อม คือกระหม่อมว่าควรออกไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเฟิงที่บังเอิญเข้ามาถูกจังหวะก็รีบหันตัวกลับแทบจะในทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักจนจ้าวหยางเอ่ยออกคำสั่งให้รายงานได้จึงได้

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 39 ลอบทำร้าย

    หลังจากวันนั้นซูเหยาก็รู้สึกหายใจโล่งนักที่หยางจวิ้นอ๋องมิได้มาตามตื้อก่อกวนนาง แต่นั้นเพียงกลางวันกลางคืนเล่าท่านอ๋องกลับทำตัวเป็นโจร บุปผาลอบเข้าออกเรือนนางราวเรือนตน ทั้งที่นางจ้างคนมาเฝ้าเรือนนางมากขึ้นแต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรค ทั้งนางข่มขู่ก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว นางใช้สารพัดวิธีแต่ก็มิอาจขัดขวางเขาได้ และเหตุผลที่ให้แก่นางคือ ทำลูกและวันนี้เป็นอีกวันที่นางถูกเขาเชิญให้ไปตำหนักป่าไผ่เหตุผลแกมข่มขู่คือให้หมอหลวงตรวจชีพจรว่านางนั้นท้องแล้วรึไม่ และเป็นนางเองที่เริ่มคิดแล้วว่าสรุปเป็นผู้ใดกันแน่ที่อยากมีลูกเขานั้นดูจริงจังกว่านางมากนัก ซ้ำยังน่าไม่อายกลับกางตำรากามสูตรบ้าบอนั่นให้นางดูถึงท่วงท่าทำรักที่ว่าท่าใดได้บุตรชายท่าใดได้บุตรสาวอีกทั้งให้นางเลือก องค์ชายรองผู้นี้เดิมทีสุขุมเยือกเย็นมาบัดนี้นางกลับค้นพบอีกตัวตนหนึ่งของเขาเข้าเสียอย่างนั้น“คนหน้าไม่อายชิ!” ซูเหยาที่เดินทางมาเพียงลำพังโดยเข้าใจว่าขึ้นรถม้าที่นางขึ้นนั่งนั้นเป็นของตำหนักป่าไผ่ส่งมารับ จึงได้แต่บ่นต่อว่าหยางจวิ้นอ๋องกับลมกับฟ้าโดยหารู้ไม่ว่ารถม้าที่ตนนั่งมานั้นหาใช่ของตำหนักป่าไผ่ไม่“ท่านแม่จะได้ผลแน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status